โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 
Somethings about Body Type and Yoga 2 โยคะกับรูปร่าง ตอนที่2

นมัสเตรอบดึกค่ะ

ก่อนจะเข้าเรื่องก็นอกเรื่องซะหน่อยละกัน

วันนี้ตอนบ่ายได้มีโอกาสเข้าเมือง (พูดเหมือนอยู่บ้านนอก ก็มักจะโดนเพื่อนแซวทุกที เพราะขับไปอีก20กิโลก็ข้ามจังหวัดแล้วนี่) โดยทางเรือ (แสนแสบแสนรันทดของเรา)

ก็มีเรื่องน่าระทึกใจเกิดขึ้น คือฝนมันตกตอนบ่ายเราก็สังเกตุเห็นเหมือนกันว่าน้ำมันขึ้นด้วย สูงงงงงงมาก อีกแค่1ฟุตครึ่ง น้ำก็ท่วมท่าแล้วววววว แถมตอนนั่งไป (ฝนหยุดตกแล้วนะ) ตามปกติก็จะมีพวกที่รกร้างข้างทางอยู่ บางที่ต้นไม้ก็สูงมาก ทีนี้ฝนตกมาหลายวัน พื้นมันคงจะอ่อนตัวลง วันนี้ต้นไม้ต้นหนึ่ง สูงประมาณ15-20เมตร ก็โค่นลงมาผ่ายาวไปถึงกลางคลองแสนแสบเลยทีเดียว เรียกว่างัดรากหลุดออกมาทั้งยวงเลย เสียดาย ถ่ายรูปไม่ทัน ฮึ่มมม

โอเค เข้าเรื่องกันสักที

จากการอ้างอิงในตอนที่1 (ใครยังไม่อ่านก็ไปอ่านซะ อิอิ ขายบล็อกตัวเองซะงั้น)

ปัจจัยเรื่องน้ำหนัก รูปร่าง ถ้าจะลดเนี่ย หมอและนักโภชนาการส่วนใหญ่จะบอกว่า 80เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่อาหาร 20เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่การออกกำลังกาย แต่จากการสังเกตุของหมวยเองนะคะ 60-อาหาร 20-การออกกำลังกาย และให้อีก20เป็นจิตใจและการผ่อนคลาย

อันนี้ไม่ได้เอามาจากไหน แต่มาจากทัศนะของหมวยเองค่ะ ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไรค่ะ ลองๆอ่านดู แล้วถ้าเห็นอย่างไรก็บอกกล่าวกันมาได้

ถามว่าเอามาจากไหน ก็ขอย้อนรำลึก(ภาษาแก่อีกแล้ว ) ตอนอยู่ที่วิทยาลัยที่อินเดียนะคะ ว่า1 เดือนที่อยู่ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง

ตี5 ตื่นนอน ไปทานน้ำสมุนไพรหรือ นมร้อนผสมน้ำขิง(ส่วนใหญ่เป็นนมควาย ซึ่งวัวที่นั่นเขาจะไว้ใช้งาน ส่วนควายก็ใช้บ้างบางที แต่ควายจะถูกเลี้ยงดูดีกว่า เท่าที่สังเกตุ ควายอ้วนทุกตัว แต่วัวจะผอมโซ และนมควายย่อยง่ายกว่า)
ตี5.45 ไปนั่งสมาธิ ครึ่งชั่วโมง
6โมงครึ่ง-8โมง15 ฝึกโยคะอาสนะ และปราณยาม
แล้วก็อาหารเช้า
9โมง-11โมง เรียนภาคทฤษฎี
11โมง-11โมงครึ่ง โยคะนิทรา ( สอนเทคนิดการผ่อนคลายนะคะ ไม่ใช่สอนการนอนหลับ บางคนไม่ทราบก็งง ถามเรื่อยเลยว่าเรื่องนอนนี่ต้องสอนกันด้วยเหรอ แล้ววันหลังจะเอามาเล่าให้ฟังละกัน)
11โมงครึ่ง-12โมงครึ่ง เรียนต่อ
อาหารกลางวัน และเวลาพักผ่อนส่วนตัว ถึงบ่าย3โมง (ส่วนใหญ่ก็จะเอาเวลาไปอาบน้ำ สระผม ซักผ้า เดินเล่น อ่านหนังสือเตรียมสอบข้อเขียน เพราะตอนที่ไปอากาศตอนเช้ากับตอนเย็นมันเย็นมาก เลยต้องไปอาบกลางวันแทน ซึ่งอากาศก็ดันร้อนโคตร)
3โมง ทานน้ำสมุนไพร
3โมง15 ถึง4โมง เรียนหนังสืออีกรอบ
4โมง-6โมงเย็น ฝึกอาสนะและปราณยาม อีกรอบ
1ทุ่ม ทานอาหาร
2ทุ่ม-3ทุ่ม เรียนภาษาสันสกฤต หรือร้องเพลง เต้นรำ ฟังนิทาน หรือประชุมตอบข้อสงสัย
4ทุ่มเข้านอน (บางทีก็จะมีสวดมันตราและนั่งสมาธิก่อนนอน)

เป็นฉะนี้แลทุกวัน สัปดาห์หนึ่งหยุด1วัน ได้เข้าเมืองไปช็อปปิ้ง

1เดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก น้ำหนักหายไป2กิโล ทั้งที่ทานแบบไม่ยั้งทุกวันเพราะอาหารอร่อย ชอบบบบมาก แถมวันหยุด ยังแอบซื้อขนมหวานอินเดียกลับมากินแบบเป็นกอบเป็นกำ(เขาห้ามเอาอาหารอย่างอื่นเข้าไป ทุกคนเลยพร้อมใจกันแอบซื้อเข้าไปกินทุกเที่ยวที่เป็นวันหยุด) ซึ่งหวานนนนนนนมากๆๆๆๆ ตอนบินกลับ ยังซื้อกลับมา ปรากฏว่าที่บ้านไม่มีใครกินได้เลยซักคนเดียว เพราะลงความเห็นว่าหวานมากจริงๆ

เพื่อนต่างชาติบางคนน้ำหนักลงถึง5-8กิโล ทั้งที่เราก็เห็นเขากินแบบเราน่ะแหละ วนเติมกันคนละ2จานด้วยซ้ำ

ซึ่งพอพิจารณาดูก็จะเห็นลึกลงไปอีก

เริ่มจากอาหาร อาหารที่นั่นจะย่อยง่าย ไม่เป็นปัญหาต่อระบบทางเดินอาหาร เป็นมังสวิรัติ มีผักผลไม้ให้กินต่างหากถ้ารู้สึกไม่พอ
การทานอาหารนั้นควรจะเคี้ยวให้ละเอียด(ย่อยให้เล็กที่สุดจนเป็นน้ำ)ก่อนกลืน กล่าวคือ กินอาหารให้เหมือนน้ำ และกินน้ำให้เหมือนอาหาร คือให้อยู่ในปากสักครู่(ถ้าเคี้ยวน้ำก่อนให้อากาศและน้ำลายรวมกับน้ำได้ก็ดี) ก่อนจะกลืนลงไป
กินอาหารแค่ครึ่งหนึ่งของกระเพาะ อีก1/4 เป็นน้ำ และอีก1/4 เป็นอากาศ

บางคนก็บอกว่าฝึกหนักขนาดนี้ น้ำหนักก็ควรจะลดแหละ
หมวยก็ไม่เถียงนะคะ ถ้ามันเป็นการฝึกโยคะเหมือนตามฟิตเนส แต่นี่....หลังทุกท่าการฝึกจะต้องพัก เรียกว่า สุริยะนมัสการเสร็จก็ศพ สามเหลี่ยมเสร็จก็นั่งพัก คันไถเสร็จก็ศพ ธนูเสร็จก็จรเข้ จะแทรกพักทุกท่า บางทีฝึก2ชั่วโมงเหงื่อยังไม่ซึมเลย เพราะโยคะที่นี่ไม่ใช่การออกกำลังกาย แต่เป็นการผ่อนคลาย

แถมยังมีโยคะนิทราอีก

จึงทำให้พิจารณาได้ว่าการผ่อนคลายต่างหากที่สำคัญ

อย่าลืมว่ายีนส์ในร่างกายเรานั้นถ่ายทอดพันธุกรรมสมัยโบราณมาด้วย เมื่อสมองรับรู้ปุ๊ปว่าจะมีการอดอยาก ร่างกายจะปรับทุกอย่างให้ช้าลงโดยอัตโนมัติ เรียกว่ายังไม่ทันอดเลย สมองสั่งร่างกายปรับกลยุทธรับมือก่อนแล้ว การเผาผลาญและการดูดซึมจะช้าลง ทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟคก็เพราะอย่างนี้แหละ

ดังนั้น การผ่อนคลายจึงเป็นสิ่งสำคัญในการหลอกตัวเองให้ตายใจว่า ตอนนี้ทุกอย่างปกติ ไม่อด ไม่ลดใดๆทั้งสิ้น เมื่อผ่อนคลาย ร่างกายก็จะรู้สึกสบาย ระบบต่างๆก็จะเป็นปกติ เมื่อเป็นได้ดังนี้ เวลาที่เราทานน้อยลง ร่างกายก็จะไม่ต่อต้าน หรือปลุกยีนส์โบราณขึ้นมาสู้รบด้วย

บางคนก็มีปัญหาต่อมาอีกว่า ก็ผ่อนคลายนะ นั่งดูทีวี ดูหนัง ฟังเพลงนี่หน่า
แต่อย่าลืมว่า เวลาเหล่านั้น สมองคุณก็ยังทำงาน คิดอยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียน ไหนจะครอบครัว โอ๊ยยยยสารพัด ทำให้ไม่ได้ผ่อนคลายจริงๆ เวลาที่ผ่อนคลาย สมองจะไม่คิดเรื่องใดๆ เหมือนไม่มีตัวตน

โอ พระเจ้าจอร์จ มันเครียดมาก

นี่ยังไม่เข้ามาโยงเรื่องรูปร่างแต่ละแบบกับโยคะเลย สงสัยต้องยกไปเป็นไตรภาคแล้วหล่ะ เพราะพรุ่งนี้จะไปทำบุญแต่เช้า

ก็ตามกันต่อไปละกันนะคะ

ศุภราตรี (ราตรีสวัสดิ์ภาษาฮินดีค่ะ)

Hari Om


Create Date : 25 กรกฎาคม 2550
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2551 19:27:26 น. 5 comments
Counter : 721 Pageviews.

 
ถ้ามีเวลา อยากไปเรียนจริงๆจังๆเหมือนกันแหละ

ไปเรียนตอน พค ทิ้งใว้ ตอนนี้ ยังไม่ได้กลับไปต่อยอดเลย



โดย: " คุณชายช่างฝัน " วันที่: 25 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:20:42 น.  

 
หวัดดีค่ะ ชอบเล่นโยคะค่ะ แต่โน้มน้าวตัวเองให้ไปยากจัง จะแน่วแน่ได้อย่างมากสิบวัน จนเห็นผลว่าร่างกายดีขึ้น คือเข้าที่ ผอมลง แล้วก็ปล่อยไปอีกละ อยากเรียนอย่างจริงจัง เพราะอาจจะได้เอาไปใช้สอนก็น่าจะดี คนจะเป็นครูโยคะต้องทำไรบ้างคะ ที่ถามไปมาดูขัดแย้งกันคืออยากได้ Motivation แบบถึงพริกถึงขิงว่า อืม ได้อะไรแน่ๆ ช่วยโฆษณาชวนเชื่อได้ไหมคะ


โดย: Nok (nokjeffus ) วันที่: 25 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:47:01 น.  

 
เดี๋ยวจะตอบให้แยกต่างหากดีมั๊ยคะ


โดย: หมวยเกี๊ยะA2 วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:10:01 น.  

 
ขอแอบเป็นสมาชิกด้วยนะค้า..


โดย: Aey IP: 58.8.239.248 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:19:57 น.  

 
อย่าลืมว่ายีนส์ในร่างกายเรานั้นถ่ายทอดพันธุกรรมสมัยโบราณ มาด้วย เมื่อสมองรับรู้ปุ๊ปว่าจะมีการอดอยาก ร่างกายจะปรับทุกอย่างให้ช้าลงโดยอัตโนมัติ เรียกว่ายังไม่ทันอดเลย สมองสั่งร่างกายปรับกลยุทธรับมือก่อนแล้ว การเผาผลาญและการดูดซึมจะช้าลง ทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟคก็เพราะอย่างนี้แหละ

ชอบแนวคิดนี้จังค่ะ เคยคิดไว้เหมือนกันว่าเหมือนมันรู้เลยนะ ทีสบายๆ ล่ะทำไมมันลงจริงลงจัง แถมเส้นยืดกว่าปกติ อ่านที่คุณเขียนแล้วเห็นตามด้วยเลยค่ะ

ปล.ขออนุญาตแอดนะคะ ^^


โดย: Hobbit วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:22:26:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.