โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 
กรดแลคติก...มวยปล้ำและโยคะ ไปเกี่ยวกันได้ไงฟะ

นมัสเตค่ะ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปสอนแทนที่ Yoga Elements Studio มาจ้า ดีใจมากๆที่ได้รับความไว้วางใจให้ไปสอนในสตูดิโอโยคะที่มีชื่อเสียงเช่นนั้น แต่หลังจากดีใจได้สองชั้วโมงกว่าก็มีอันต้องระเห็ดตัวเองไปนอนโรงพยาบาลเล่นอยู่สองวัน เนื่องจากพอสอนเสร็จก็ไปทานอาหารกลางวัน แล้วเกิดอาการท้องเสียขึ้นมา ด้วยความตกใจจึงรีบขับรถไปโรงพยาบาลหลังจากเข้าห้องน้ำไปสามรอบแล้ว (ยังอุตส่าห์มีแรงขับไปอีกนะ)เกือบเป็นลมแน่ะ


พยาบาลก็น่ารักเหลือหลาย รีบส่งเราไปห้องฉุกเฉินในขณะที่หมวยกำลังลังเลว่า เอ๊ะ!!นี่เราควรรอดูอาการก่อนรึเปล่าวะ แต่ก็มวนๆท้องอยู่นะ เอ...แล้วถ้าตอนนั่งรอหมออยู่แล้วมันหายขึ้นมา ขายหน้าหมอนะเนี่ย กลายเป็นกระต่ายตื่นตูมไปซะงั้นรึ

แต่ด้วยถูกส่งไปห้องฉุกเฉินแล้วโดยไม่ได้ฉุกคิดอะไรเลยเพราะว่ามันฉุกละหุก หมอก็ส่งหมวยมาให้พยาบาลเสียบน้ำเกลือซะ เพราะเห็นว่ามีอาการไฮเดรต(แบบว่า...ขาดน้ำนิดหน่อย แหงะ) เลยต้องตรวจซะให้หายสงสัย มีการส่องกล้องที่กระเพาะ และหาเชื้อที่ผลิตกรดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งกระเพาะด้วย (เห็นหมอว่างั้นนะ)

ในระหว่างที่อยู่รอดูอาการก็ต้องอดอาหารด้วย เพื่อให้กระเพาะว่างซะก่อน ก็ได้นอนดูช่องสารคดีดิสคัพเวอรี่ ปกติไม่ค่อยได้ดูนะ เพราะที่บ้านไม่ได้ติด

การนอนอยู่ในโรงพยาบาลจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากๆเพราะว่าทำอะไรไม่ได้ ถูกผูกติดกะน้ำเกลือ และทำให้เราเหมือนจะเป็นง่อยซะงั้น ก็มีสารคดีที่น่าสนใจตอนหนึ่งที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว(จริงๆมันก็ดูไปหลายทีอยู่เพราะสารคดีมันเวียนหลายรอบ)

เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักต่อสู้มือเปล่า ที่เราจะเห็นเขาแข่งในเวทีหกเหลี่ยม แล้วทั้งคู่ก็จะใช้ทักษะการต่อสู้ที่ตัวเองมีเข้าต่อสู้กัน หนึ่งในนั้นคือทักษะทางมวยปล้ำ

เมื่อสมัยเด็กๆหมวยชอบดูมาก ที่จะมีนักมวยปล้ำหญิงตัวใหญ่ๆชื่อ ดั้มพ์ มัสซึโมโตะ แล้วก็มี เดวิล มาซึมิ และก็นักมวยปล้ำหญิงสวยๆหุ่นสะโอดสะอง แต่ชนะดั้มพ์ซะทุกที ไม่รู้มันเอาอะไรมาสู้ ดั้มพ์ตัวใหญ่กว่าตั้งเยอะ

จนพอเติบใหญ่มาก็เริ่มคิดไปว่า พวกนี้คงเล่นละครแน่ เพราะโดนล็อกไม่ทันไรก็ยอมแพ้ซะแล้ว ต้องเตี๊ยมกันมาก่อนแน่ๆ (เอ๊า!!คิดไปได้เน๊าะ)

แต่พอมาดูสารคดีชุดนี้ ทำให้ต้องเปลี่ยนความคิดเลยทีเดียว เขาจับเอานักสู้เหล่านี้มาทำการทดสอบ ติดอะไรต่อมิอะไรตามตัวเต็มไปหมดเพื่อหาข้อมูล

นักสู้เหล่านี้จะต้องผ่านการฝึก เพือ่ให้กล้ามเนื้อมีความคงทนและทนต่อแรงอัดแรงกระแทกได้มากกว่าคนปกติหลายเท่า และนอกจากนี้ยังต้องมีการศึกษาทางด้านสรีระศาสตร์และกายวิภาคด้วย จะต้องหัดสังเกตุรหัสต่างๆของร่างกายว่าเมื่อไหร่ที่คู่ต่อสู้ยอมแพ้ และเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ตัวเองควรยอมเสียคะแนนเพื่อปกป้องร่างก่ายของตัวเองไม่ให้บาดเจ็บ

ตัวอย่างเช่นการล็อกคอ นักสู้จะไม่ใช้แขนล็อกที่หลอดลม แต่จะใช้ท่อนแขนบนและล่างล็อคที่เส้นเลือดสองข้างที่คอแทน เมื่อกดจนเลือดไม่สามารถผ่านได้ คู่ต่อสู้ก็จะหมดแรงโดยปริยาย จนอาจถึงขั้นสลบไปเลยถ้านักสู้ไม่ปล่อยมือหรือสังเกตุสัญญาณไม่ออก

หรือการล็อกแขนล็อกขา เขาก็ต้องเรียนรู้ว่า ข้อแขนและขายือได้เท่าไหร่ และตรงไหนคือขีดสุดที่จะทำให้คู่ต่อสู้ยอมจำนนได้ เมื่อคู่ต่อสู่แก้ท่าไม่ได้และอาจเจ็บจนทนไม่ได้ ก็จะตบไปที่คนที่ล็อก เป็นสัญญาณอันรู้กันว่ายอมแล้ว นักต่อสู้คนนั้นก็ต้องรีบปล่อยออก นั่นทำให้เราเข้าใจผิดว่า ทำไมเขาเหมือนไม่เล่นจริงๆ ตบปุ๊บปล่อยปั๊ป งงเจ้าค่ะ จริงๆมันเป็นมารยาทในการต่อสู้ละกา


แต่ไอ้ที่น่าสนใจมันอยู่ตรงนี้ต่างหาก เขาเอานักสู้อีกคนมาทดสอบความคงทนและการใช้กล้ามเนื้อขณะที่ล็อคคู่ต่อสู้ และทดสอบกรดแลคติกในเลือดค่ะ

กรดแลคติกก็คือกรดที่เป็นของเสียที่เกิดขึ้นเมื่อเราใช้พลังงานมากเกิน และขับออกไปไม่ทัน ทำให้สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดสภาวะหมดแรงหรือเหนื่อยล้า

ตอนแรกเขาทดสอบกรดแลคติกได้ค่าอยู่ที่5 (หน่วยอะไรไม่รู้สิ)

ขณะที่ล็อกอยู่ในท่านั้น กล้ามเนื้อก็ส่งสัญญาณมาว่าขณะนี้ใช้กล้ามเนื้อส่วนไหนอยู่ ปรากฎว่า นักสู้สามารถที่จะเปลี่ยนการใช้กล้ามเนื้อจากส่วนหนึ่งไปยังอีกส่วนหนึ่งได้ ทั้งที่ล็อกอยู่ในท่าเดิมนะแหละ

และนอกจากนี้เมื่อทดสอบค่ากรดแลคติก มันยังลดลงมาอยู่ที่4.2อีกด้วย ซึ่งตามปกติถ้าเราออกแรงมากขึ้นกรดแลคติกก็ควรมากขึ้นตาม แต่ปรากฎว่าเขาสามารถออกแรงและผ่อนคลายกล้ามเนื้อในส่วนที่ต้องการได้ ทำให้กล้ามเนื้อไม่ออ่อนล้าและยังมีแรงสู้ต่อได้ยาวนานกว่าคนปกติหรือนักสู้มือใหม่ด้วย

ซึ่งพอมาเปรียบเทียบกับโยคะ ก็คงจะคล้ายๆอย่างนั้น ยกตัวอย่างเช่น ท่ากระดาน บางคนเมื่อทำท่านี้ ข้อศอกจะ over stretching ก็จะเอาข้อศอกด้านในหมุนออกไปด้านหน้า และแขนจะแอ่นมากๆ ต่อมาก็จะปวดข้อศอก เราจะต้องหมุนข้อศอกเล็กน้อย เอาข้อศอกด้านในเข้าหากัน หรืองอข้อศอกเล็กน้อย เป็นเสมือนการเปลี่ยนการใช้กล้ามเนื้อที่ศอก มาเป็นการใช้ต้นแขนและหัวไหล่ และน้ำหนักจะถ่ายไปที่มือแบบสบายๆ ทำให้เราสามารถอยู่ในท่ากระดานได้นาน แบบมั่นคง และสบาย สะโพกไม่หย่อนลง

ฉะนี้เป็นต้้น ..

ซึ่งการฝึกโยคะเราก็พยายามให้ร่างกายผ่อนคลาย และเอาของเสีย (รวมทั้งกรดแลคติกด้วย)ออกไปให้ได้มากๆเหมือนกัน

โอย.... เล่ามาตั้งนาน รู้เรื่องมั๊ยเนี่ยยยยยย ตกลงจะเปลี่ยนไปเล่นมวยปล้ำใช่ปะ อิอิ

ถ้ามีเวลาจะพยายามเข้ามาเพิ่มเติมละกันจ้า
ตอนนี้ต้องขอไปนอนก่อนน้าาาาา

Hari Om



Create Date : 10 กันยายน 2551
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2551 19:14:32 น. 5 comments
Counter : 985 Pageviews.

 
อืม... เข้าใจแล้วค่ะ


โดย: หมูน้อยแก้มแดงร้องจิ๊บๆ วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:4:00:08 น.  

 
พึ่งเริ่มเล่นโยคะไม่นานค่ะ

ชอบมากค่ะ

ตอนนี้ชอบเล่นโยคะร้อนค่ะ

อยากศึกษาเกี่ยวกับโยะคะด้วยค่ะ

ไว้คงจะได้แวะเวียนมาเยี่ยมอีกนะคะ

เอามาฝากค่ะ
//www.answers.com/topic/dehydrate

//www.answers.com/topic/dehydration



โดย: แม่อบ วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:9:23:44 น.  

 
เราก็ลองเล่นโยคะอยู่เหมือนกันค่ะ
รู้สึกดีมากเลย ดูหน้าตาสดใสขึ้น
สดชื่นขึ้น


โดย: สาวพิษณุโลก** วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:13:02:05 น.  

 
แล้วตกลงว่าครูหมวยไม่สบายหายดีหรือยังค๊ะ อ่านเรื่องมวยปล้ำ และ กรดแลคติคเพลินเลยค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงกลับมาพลังม้าเหมือนเดิมเร็วๆน๊ะค๊ะ


โดย: แอ๊ปเปิ้ล / โยคะตาก IP: 203.149.16.31 วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:7:38:34 น.  

 
ฮาๆๆๆ... เออ ลืมไปได้ไงหว่า

ตกลงว่ากระเพาะระคายเคืองจากการทานอาหารเผ็ดค่ะ แต่หมอส่องกล้องดูก็เห็นแผลที่กำลังหายอยู่หนึ่งแผล แถมยังโดนลูกสาวแซวว่า ท้องเสียไม่เท่าไหร่เอง

ตอนนี้กลับมาบ้าพลังแบบเงียบๆได้แล้วค่า


โดย: หมวยเกี๊ยะA2 วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:10:10:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.