All Blog
*** สูตรลดความอ้วนแบบจีน ***

ความจริงแม่ยี่หวาตั้งใจจะจบเรื่องลดความอ้วนแบบแพทย์แผนจีนอยู่แล้วเชียวค่ะ เพราะกลัวคุณคนอ่านจะเบื่อ แต่....ก่อนปิดตำรา หางตาแว๊บไปเห็นสูตรลดความอ้วนค่ะ ฮ่าๆ ดีใจจัง สาวจีนก็ไม่ต่างจากสาวบ้านเราเหมือนกัน ชอบมากเลย


สูตรบ้านเค้าเป็นสูตร 3 วันนะคะ



วันที่  1.

มื้อเช้า : ส้มโอผู๋โถว ครึ่งผล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น เนยถั่ว 2 ช้อน

มื้อเทียง : ปลาทูน่า ครึ่งกระป๋อง (ลวกด้วยน้ำร้อน) ขนมปังปิ้ง 1แผ่น

มื้อเย็น : เนื้อสัตว์ 85 กรัม ถั่วแขก 1 ถ้วย องุ่นแดง 1 ถ้วย แอปเปิ้ล 1 ผล ไอศครีมวนิลา 1ถ้วย

เครื่องดื่ม  : ดื่มชาหรือกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาล


วันที่  2.

มื้อเช้า : ไข่ต้ม 1ฟอง ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น กล้วยหอมครึ่งลูก

มื้อเที่ยง : Cottage Cheese 4OZ ขนมปังกรอบ (Cracker)3 แผ่น

มื้อเย็น : ไส้กรอก 2 อัน บร็อกโคลี่ 1 ถ้วย องุ่น 10 ลูก กล้วยหอมครึ่งลูก ไอศครีมวนิลาครึ่งถ้วย

เครื่องดื่ม  :  ดื่มชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล


วันที่  3.

มื้อเช้า : ขนมปังกรอบ(Cracker) 1 แผ่น Chedder Cheese 1แผ่น แอปเปิ้ล 1 ผล

มื้อเที่ยง : ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง

มื้อเย็น : ปลาทูน่า 1กระป๋อง (ลวกด้วยน้ำร้อน) องุ่นแดง 1ถ้วย ดอกกะหล่ำต้ม 1ถ้วย กล้วยหอมครึ่งผล แตงโม 1 ชิ้น ไอศครีมวนิลาครึ่งถ้วย

เครื่องดื่ม  : ดื่มชาและกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล


***ขนมปังปิ้งใช้เป็นขนมปังโฮลวีล ไข่ต้องต้มให้สุกแข็ง เนื้อสัตว์ 85 กรัม ต้มหรือย่างค่ะ

1 ถ้วยหนักประมาณ 227 กรัม ส้มโอผู๋โถว บ้านเราไม่มี ใช้ส้ม 1 ผล แทนได้ค่ะ

ส่วนกาแฟดำ หากดื่มตอนท้องว่างสำหรับบางคนอาจทีอาการหัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ และอาจ

เป็นผลเสียต่อกระเพาะได้ค่ะ***


สูตรอาหารของจีนใช้เวลาแค่ 3วัน แต่เค้าเน้นมาว่า ต้องออกกำลังกาย ด้วยนะคะ ส่วนแม่ยี่หวาคิดว่า หากคุณมีสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไหร่ อย่าทานเมนูนี้นานนะคะ ส่วนคนแข็งแรงปกติไม่มีผลเสียมากนัก แต่ก็ไม่ควรใช้เมนูนี้เกิน 7 วันค่ะ


*** ข้อควรระวัง ***

คนที่เป็นโรคเกาต์ โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ และผู้ที่มีแผลในกระเพาะที่เกิดจากการย่อย ไม่ควรลองเมนูนี้ค่ะ




Create Date : 11 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2555 20:40:00 น.
Counter : 2001 Pageviews.

0 comment
*** ความเข้าใจผิดในการออกกำลังกาย ***

หลายวันมานี้แม่ยี่หวาเอาเรื่องลดความอ้วนแบบแพทย์แผนจีนมาเขียนให้อ่านกัน อันที่จริงแบบจีนหรือไทยก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพียงแต่แม่ยี่หวาทึ่งที่คนจีนเวลาเค้าอ้วนและต้องการลดความอ้วนหรือแค่ลดน้ำหนัก เค้ามักจะปรึกษาแพทย์ก่อน มีการตรวจร่างกายโดยละเอียด มีการวางแผน กำหนดเป้าหมาย แล้วจึงปฏิบัติ ตรงนี้แหละค่ะที่ต่างจากคนไทย ที่นึกอยากลดก็ลด เกิดเบื่อขึ้นมาเพราะลดได้ช้าก็เลิก ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่ยี่หวาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง


ตอนที่แม่ยี่หวาอ่านตำราแพทย์แผนจีนอยู่นี้ พี่สาวแม่ยี่หวาก็กำลังพยายามลดความอ้วนอยู่เหมือนกันค่ะ และเพราะพี่คนนี้นี่แหละค่ะ ที่ทำให้แม่ยี่หวาต้องมานั่งเขียนเรื่องดัชนีความอ้วนแบบจีน และรู้สึกว่าไม่เลวเลยนะคะ ถ้าจะเอามาใช้ เพราะตัวอย่างมาจากพี่สาวแม่ยี่หวาคนนี้แหละค่ะ

เรื่องของเรื่องคือ พี่สาวคนนี้เธอสูงแค่ 163 เซน สมัยก่อนสัดส่วนเธออยู่ที่ 34-22-36

ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 43 กิโล ซึ่งเรียกได้ว่ารูปร่างนางงามเลยค่ะ เพราะหุ่นทรงเธอเป็นนาฬิกาทราย แถมเป็นคนกระดูกเล็ก และเธอก็รักษาหุ่นทรงได้ดีมาตลอดจนเมื่อไม่นานมานี่ล่ะค่ะตอนใกล้ๆวัยทอง เธอก็ค่อยๆอวบขึ้นๆ จนแม่ยี่หวาบอกเธอว่าลดน้ำหนักได้แล้ว แต่เธอก็บอกว่า เธอไม่อ้วน ทั้งที่น้ำหนักเธอขึ้นมาอยู่ที่ 52-55 แล้ว เธอบอกว่าดัชนีมวลกายเธออยู่ที่ 20 จุดนิดๆ เท่านั้น แม่ยี่หวาก็เลยได้แต่ส่ายหัว ก็แม่ยี่หวาเห็นเธอแขวนห่วงยางไว้ที่เอวมาพักใหญ่แล้วนี่ค่ะ วันหนึ่งแม่ยี่หวาก็เลยต้องพูดกันแบบไม่เกรงใจ แล้วก็มานั่งอธิบายเรื่องของดัชนีมวลกายให้ฟัง เมื่อกลางเดือนที่แล้วเธอจึงเริ่มต้นลดน้ำหนัก ซึ่งมาถึงวันนี้ น้ำหนักเธอก็ลดลงมา 4 กิโลแล้วค่ะ แต่ เราก็ยังต้องถกเถียงกันเรื่องความเชื่อกับความเข้าใจผิดอยู่ดี เลยทำให้แม่ยี่หวามีเรื่องได้เขียนต่อ


ก็เรื่องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการลดความอ้วนนั้นแหละค่ะ มาดูกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง


ความเข้าใจผิดที่ 1.


เข้าใจว่าขอเพียงออกกำลังกายมากหน่อยก็สามารถลดความอ้วนได้ การออกกำลังกายแม้จะสามารถเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ แต่การลดความอ้วนโดยการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว บางครั้งก็เห็นผลไม่ชัดเจน ถ้าไม่ควบคุมอาหารไปด้วย อย่างเช่นตีเทนนิสวันละหลายชั่วโมง แต่ช่วงพักดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานเข้าไปมาก หรือทานเบเกอรี่ไป 2-3 ชิ้น การลดความอ้วนที่แสนยากเย็นก็จะไร้ประโยชน์ทันที ดังนั้นหากต้องการลดความอ้วนให้ได้ผลในระยะยาว จึงต้องควบคุมอาหารโดยรับประทานอาหารที่เหมาะสมด้วยนอกเหนือจากการออกกำลังกาย


ความเข้าใจผิดข้อที่ 2.


คิดว่าการออกกำลังกายตอนท้องว่างเป็นผลเสียกับร่างกาย มีหลายๆคนมักกังวลว่า การออกกำลังกายขณะท้องว่าง อาจทำให้สูญเสียน้ำตาลที่สะสมในร่างกายมากไป ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ อาจเกิดอาการวิงเวียน ไม่มีแรง หัวใจเต้นแรง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย แต่นักวิจัยชาวจีน กลับระบุว่า การออกกำลังกายก่อนทานอาหาร 1-2 ชั่วโมง จะสามารถลดความอ้วนได้ดี เนื่องจากเวลาดังกล่าวไม่มีกรดไขมันใหม่เข้ามาในเซลล์ไขมัน จึงเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ง่าย (โดยเฉพาะไขมันหลังคลอด) จึงลดความอ้วนได้ผลดีกว่าการออกกำลังกายหลังอาหาร นอกจากนี้การออกกำลังกายในปริมาณที่เหมาะสมก็ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพด้วยค่ะ


ความเข้าใจผิดข้อที่ 3.


การวิ่งเหยาะๆทุกวัน วันละ 30 นาทีก็สามารถลดความอ้วนได้แล้ว แม้ว่าการวิ่งเหยาะ 30 นาทีจะสามารถเผาผลาญไขมันได้ แต่ลดไขมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผลจากการพิสูจน์ในภาคปฏิบัติพบว่า ต้องออกกำลังกายเกินกว่า 40 นาทีเท่านั้น ร่างกายจึงจะเผาผลาญไขมันพร้อมกับไกลโคเจน ตามระยะเวลาที่ออกกำลังกาย ซึ่งเปอร์เซ็นต์ของการเผาผลาญไขมันอาจสูงถึง 80% ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะออกกำลังกายอย่างไร หากน้อยกว่า 40 นาที ก็จะไม่ค่อยมีการเผาผลาญไขมันอย่างชัดเจนนัก


ความเข้าใจผิดข้อที่ 4.


หลายๆคนเข้าใจว่าการออกกำลังกาย สามารถเลือกได้ว่าจะลดทั้งตัวหรือลดเฉพาะส่วน เรามักเห็นหรือได้ยินโฆษณาบ่อยๆว่า ลดเอว หรือ ลดสะโพก แล้วการออกกำลังกายเฉพาะส่วน สามารถลดไขมันเฉพาะส่วนได้จริงไหม?

ประการแรก พลังงานโดยรวมที่ถูกเผาผลาญในการออกกำลังกายเฉพาะที่นั้นมีน้อย ทั้งยังเหนื่อยง่าย และทำได้ไม่นาน

ประการที่สอง ระบบประสาทและระบบคัดหลั่งเป็นตัวควบคุมในการนำไขมันไปใช้ ซึ่งเป็นการควบคุมทั้งตัว ไม่ใช่ว่าบริหารตรงไหนก็สามารถลดไขมันส่วนเกินตรงนั้นได้


ความเข้าใจผิดข้อที่ 5.


การออกกำลังกายที่รุนแรงและหักโหม จะลดความอ้วนได้มากกว่า การออกกำลังกายเบาๆ เป็นเวลานานและมีการใช้ออกซิเจนเท่านั้น จึงจะเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ ทั้งนี้เนื่องจากการออกกำลังกายเบาๆ กล้ามเนื้อต้องใช้ออกซิเจนในการเปลี่ยนกรดไขมันเป็นพลังงาน ดังนั้นจึงเผาผลาญไขมันได้เร็วกว่า หากออกกำลังกายอย่างหักโหม เปอร์เซ็นต์การเผาผลาญไขมันจะเป็น 15% เท่านั้น ดังนั้น การออกกำลังกายแบบสบายๆเป็นเวลานาน แต่ไม่หักโหม หรือการออกกำลังกายนานๆที่มีอัตราการเต้นของหัวใจเป็น 100-124 ครั้งต่อนาที จึงจะลดความอ้วนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุดค่ะ






Create Date : 09 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2555 20:28:25 น.
Counter : 2420 Pageviews.

0 comment
*** ข้อผิดพลาดในการลดน้ำหนัก ***

แม่ยี่หวาเขียนเรื่องเกี่ยวกับความอ้วนมาเยอะตอนแล้ว ตอนนี้แม่ยี่หวาอยากจะเขียนเรื่องลดความอ้วนอย่างไรให้ปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ


ความจริงการลดความอ้วนไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ใช่เรื่องน่าอาย (ที่จะถามไถ่ผู้มีประสบการณ์)แต่แม่ยี่หวาก็ยังเห็นหลายๆคนที่ยังเชื่อและลดน้ำหนักกันอย่างผิดๆ หรืออายที่จะบอกใครๆว่ากำลังอยู่ในโปรแกรมลดน้ำหนัก อย่าอายเลยค่ะ เพราะแม่ยี่หวาเป็นคนหนึ่งที่ปลื้มมากถ้าเจอะเจอใครที่วิ่งมาขอคำปรึกษาเรื่องลดน้ำหนัก เพราะนั้นหมายความว่าคุณเริ่มรู้จักรักตัวเองแล้ว และหลังจากนี้ไปอีกไม่กี่เดือน คุณจะกลายเป็นผู้หญิงสุขภาพดีหน้าตาสดใสเปล่งปลั่ง และด้วยรูปร่างที่สวยขึ้น คุณยังจะกลายเป็นสาวมั่นอีกด้วย


เมื่อวันที่คุณมีความมุ่งมั่นที่จะลดความอ้วน สิ่งแรกที่แม่ยี่หวาอยากให้คุณพร้อมคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความเคยชินในการทานอาหารของตัวเองก่อน เพราะนั้นคือมาตรการสำคัญในการลดความอ้วน ซึ่งจำเป็นจะต้องจำกัดหรือควบคุมอาหารก่อน โดยทำให้พลังงานที่ร่างกายได้รับต่ำกว่าพลังงานที่ถูกเผาผลาญ เมื่อร่างกายได้รับพลังงานต่ำกว่าพลังงานที่ต้องเผาผลาญ ก็จะมีการนำไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายมาชดเชยส่วนที่ขาดหายไป เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินอย่างช้าๆ จึงสามารถลดความอ้วนได้


แต่มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ลดความอ้วนโดยการอดอาหารเพียงอย่างเดียว โดยไม่รู้เลยว่าการอดอาหารก็ต้องมีหลักการเหมือนกัน เพราะถ้าอดไม่ถูกหลัก ไม่เพียงลดความอ้วนไม่ได้ ยังเป็นผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย ผู้หญิงบางคนอดจนผอม สุขภาพไม่แข็งแรงน้ำหนักตัวน้อยไป ดูยังไงก็ไม่สวย แม่ยี่หวาจึงไม่เคยเห็นด้วยกับวิธีนี้ อยากจะให้คุณควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมากกว่าค่ะ เพราะนั่นหมายถึงคุณจะสวยและแข็งแรงสมกับความอดทนที่คุณทุ่มเทให้กับตัวเอง



มาดูความผิดพลาดในการลดความอ้วนกันดีกว่าค่ะ



ความผิดพลาดที่  1.

ไม่รับประทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าการไม่ทานมื้อเช้าเป็นการลดการรับพลังงาน จะสามารถลดความอ้วนได้ โดยไม่ทราบเลยว่าการไม่รับประทานมื้อเช้า กลับเป็นผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก และทำให้ไม่แข็งแรง


ข้อผิดพลาดที่  2.

รายการอาหารที่จำเจ การรับประทานอาหารที่จำเจเกือบทุกมื้อ เป็นการลดการรับสารอาหารต่างๆ เมื่อนานวันเข้า ร่างกายก็จะขาดสารอาหารที่จำเป็น ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายเช่นกัน


ข้อผิดพลาดที่  3.

รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแทนอาหารจากธรรมชาติ เช่นวิตามินต่างๆและละเลยอาหารมื้อหลัก


ข้อผิดพลาดที่  4.

ขาดแคลเซียม มัวแต่ต้องการหุ่นสวยเพรียวบาง จนละเลยการรับประทานแคลเซียม ในขณะที่การออกกำลังกายมีการใช้กล้ามเนื้อและข้อต่อกระดูกต่างๆหลายส่วน


ข้อผิดพลาดที่  5.

บางคนเข้าใจว่าเนื้อไก่ที่เรียกกันว่าโปรตีนสีขาวมีไขมันต่ำกว่าเนื้อวัว ความจริงคือเนื้อไก่ไม่ติดหนังเท่านั้นที่มีไขมันต่ำ ส่วนหนังไก่มีคลอเลสเตอรอลที่สูงมาก


ข้อผิดพลาดที่ 6.

เข้าใจว่าอาหารรสเปรี้ยวช่วยย่อยหรือช่วยลดความอ้วน ความจริงคือกรดอะมีโนนอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันแล้ว ยังทำให้เจริญอาหาร หรือมีความอยากอาหารมากขึ้นด้วย สุดท้ายเลยกลายเป็นรับประทานมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว


ข้อผิดพลาดที่  7.

รับประทานวันละมื้อสามารถลดความอ้วนได้ มีคนอ้วนหลายคนที่ลดความอ้วนโดยอดอาหารด้วยการทานเพียงวันละมื้อ และไม่ยอมรับรู้เลยว่าจะเป็นผลเสียกับร่างกายอย่างมาก เพราะนอกจากจะขาดสารอาหารและพลังงานแล้ว เมื่อกลับมาทานใหม่ก็จะมีการ โยโย้เอฟเฟ็คท์ ทันที


ข้อผิดพลาดข้อที่ 8.

คิดว่าความเหน็ดเหนื่อยทำให้ผอมได้ สาวบางคนใช้วิธีอยู่จนดึกดื่น บางคนทำงานมากขึ้น หรือออกกำลังกายอย่างหักโหม เพื่อจะได้ผอมลงอย่างรวดเร็ว วิธีการแบบนี้ไม่ได้ผลค่ะ เพราะการลดความอ้วนต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปตามขั้นตอน



เห็นมั้ยค่ะว่ามีความเชื่อที่ผิดพลาดตั้งหลายข้อที่จะทำร้ายเราได้ในภายหลัง แม่ยี่หวาหวังว่า เพื่อนๆและน้องๆที่ติดตามอ่านบล็อกของแม่ยี่หวาคงไม่มีใครทำอย่างที่แม่ยี่หวาเขียนมานะคะ หรือถ้ามี เลิกเถอะค่ะ เริ่มใหม่แบบสวยด้วยแข็งแรงด้วยดีกว่านะคะ




Create Date : 08 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 20:51:07 น.
Counter : 1239 Pageviews.

0 comment
*** มาลองวัดดัชนี (ความอ้วน) มวลกาย แบบจีนกันดีกว่า ***

มีใครเคยคิดแบบแม่ยี่หวากันบ้างไหมค่ะว่าดัชนีมวลกายที่เราใช้กันอยู่ ความจริงไม่น่าจะเหมาะสมกับคนไทยหรือคนเอเชีย ที่เราใช้ๆกันอยู่เราเอามาจากฝรั่ง แล้วเราลืมไปว่าสูตรของฝรั่งนั้นเค้าตั้งตามสรีระของคนบ้านเค้า แต่คนบ้านเราหรือคนเอเชียเรามีความสูงน้อยกว่าเค้าเยอะ และโครงสร้างทางสรีระของเราก็ต่างกับเค้ามากๆ นั่นคือเหตุผลที่ทำไมบางครั้งที่เราหาค่าดัชนีมวลกายออกมาแล้ว และดูตามค่าที่เค้าให้มา เราก็ไม่ได้อ้วนเลย แต่ความจริงแล้วเราอ้วน หรือไม่ก็จัดอยู่ในประเภทอวบระยะสุดท้าย


วันนี้แม่ยี่หวาเลยเอาการหาค่าดัชนีมวลกายของจีนมาให้ดูกันค่ะ อ้อ! ลืมบอกไปคนจีนเค้าเรียกว่า ดัชนีความอ้วน ค่ะ



ดัชนีความอ้วน เท่ากับ น้ำหนัก (กิโลกรัม) / ส่วนสูง(ซม.)*ส่วนสูง(ซม.) / 100*100




ผลที่ได้ออกมาจะเป็นดังนี้ค่ะ ถ้า.......


ดัชนีความอ้วนของคุณอยู่ที่ 17.5-19

ผอมเกินไป นี่เป็นคำพูดของแพทย์ค่ะ แต่สำหรับเราๆคงบอกว่า รูปร่างขนาดนี้ไม่จัดว่าผอมมาก แค่มีส่วนที่ต้องบริหารให้มีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น เพราะคงไม่อยากมีหุ่นเป็นแท่งดินสอกันแน่ๆ


ดัชนีความอ้วนของคุณอยู่ที่ 19.1-20.5

ไม่เลวนะ คุณสามารถใส่เสื้อผ้าที่ทันสมัยที่มีขายได้สบายๆ แต่ต้องควบคุมการทานอาหาร และออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นอาจกลายเป็นคน อวบ ได้ง่ายๆ


ดัชนีความอ้วนของคุณอยู่ที่ 20.6-22

ระวังคุณมีแนวโน้มที่จะอ้วนแล้ว ต้องเริ่มปฏิเสธอาหารที่ล่อตาล่อใจตั้งแต่ตอนนี้ ไม่งั้นคุณจะเจอปัญหาที่ผู้หญิงอ้วนเผชิญอยู่


ดัชนีความอ้วนของคุณอยู่ที่ 22.1

แย่แล้ว ลำบากใจเหลือเกินที่จะบอกคุณว่า ต้องลดความอ้วนแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องทำด้วย และไม่ใช่ปัญหาเรื่องความสวยความงามอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงปัญหาด้านสุขภาพด้วย เพราะคุณอ้วนขนาดนี้ย่อมเกิดโรคต่างๆง่ายมาก



เห็นมั้ยค่ะ ถ้าเราลองเปลี่ยนไปใช้ระดับดัชนีมวลกายของจีน แม่ยี่หวาคิดว่าไม่เลวเลยนะคะ เพราะจะทำให้เราระมัดระวังในการทานและควบคุมอาหาร รวมถึงการออกกำลังกายมากกว่าที่เป็นอยู่ แล้วสาวไทยเราจะกลายเป็นสาวหุ่นสวยแถมสุขภาพดีอีกต่างหากค่ะ






Create Date : 07 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2555 19:59:05 น.
Counter : 1349 Pageviews.

0 comment
*** แบบทดสอบความอ้วน ***

หลายวันนี้แม่ยี่หวาอ่านแต่ตำราแพทย์แผนจีน ได้เห็นตำรับยาลดความอ้วนหลายตำรับ เลยทำให้สงสัยว่ามีใครเคยลดความอ้วนแบบแพทย์แผนจีนกันบ้างมั้ยจำได้ว่าแม่ยี่หวาเคยถามพ่อบุญธรรมว่า ยาจีนลดความอ้วนได้มั้ย?


ซึ่งก็ได้รับคำอธิบายที่ยาวเหยียด อันเริ่มต้นจากสภาพพร่องของหยินหรือหยาง หรือก็คือร่างกายอยู่ในสภาวะขาดสมดุลนั้นเอง เอาเป็นว่าสรุปรวมแล้ว แผนไทยหรือจีนก็ไม่ได้แตกต่างกันล้วนแล้วแต่ต้องจบลงที่การออกกำลังกายทั้งนั้น


วันนี้แม่ยี่หวาเลยเอาแบบทดสอบความอ้วนมาให้ดูกัน เผื่อจะได้วิเคราะห์กันได้ว่าคุณอ้วนแบบไหนค่ะ


1.คุณมักทำงานไปพร้อมกับการกินจุกจิกไปเรื่อยๆ เวลาซื้อของกินจะคำนึงถึงแต่รสชาติ โดยไม่สนใจว่ามีสารอาหารอะไรบ้าง เห็นของโปรดเป็นต้องรีบซื้อ ชอบอาหารที่มีน้ำมันเยอะๆรสชาติเข้มข้นและอาหารประเภทนมเนย ชอบรับประทานอาหารนอกบ้านกับเพื่อนฝูง

เวลารับประทานมักจะรับประทานจนหมดจาน ไม่เคยสนใจว่าตัวเองรับประทานไปมากน้อยแค่ไหน


2.ไม่ทานอาหารเช้าและทานอาหารไม่เป็นเวลารับประทานอาหารเร็วมาก เวลาอดอาหารก็อดแบบสุดโต่ง คืออดแบบเข้มงวดมาก หากรับประทานมากไปก็จะตำหนิตัวเองจนเกินเหตุ มักรับประทานหนักในมื้อเย็น และชอบหาข้ออ้างเพื่อทานเสมอๆ


2.1 ระบายอารมณ์ด้วยการดื่มกินไม่ยั้ง คือมักพล่านหาของกินเวลาที่หงุดหงิด หรือไม่สบายใจ หากได้ทานแล้วมักหยุดไม่ได้


2.2 ประเภทออมแรง ถ้ามีลิฟต์จะไม่ใช้บันไดเด็ดขาด หากนั่งรถไปได้จะไม่มีการเดินหรือปั่นจักรยาน ไม่เคยยอมเข้าร่วมกิจกรรมออกกำลังกายใดๆทั้งสิ้น และไม่สนใจแม้จะมีใครชวน ถ้าได้นอนจะไม่ยอมนั่ง ไม่ชอบทำงานที่ต้องออกแรง แม้จะเดินยังเดินช้ากว่าคนอื่น


3. อาจมีพ่อแม่ที่อ้วน เลยมีแววอ้วนตั้งแต่เล็ก ทานอาหารไม่ครบหมู่ตั้งแต่เด็ก โตแล้วก็ยังชอบทานเหมือนเดิม เริ่มอ้วนเมื่อเป็นวัยรุ่น มีญาติในครอบครัวอ้วน ร่าเริงเบิกบานและไม่ชอบออกกำลังกาย


4. คุณมีเหงื่อไหลน้อยมากแม้จะรู้สึกร้อน ร่างกายจัดอยู่ในประเภทเย็น มักเป็นโรคเกี่ยวกับความไม่สมดุลในการหลั่งฮอร์โมน หรือการขาดดุลยภาพของระบบประสาท ชอบรับประทานอาหารที่มีเกลือค่อนข้างมาก ชอบดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มกระป๋อง



บทวิเคราะห์


แบบที่ 1. คุณอ้วนเพราะรับประทานมากเกินไป

อ้วนประเภทนี้ต้องรับประทานอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป ต้องรู้ว่าไม่มีการลดความอ้วนวิธีใดที่ไม่ต้องควบคุมอาหาร แต่การงดอาหารต้องไม่ทำแบบสุดโต่ง ก่อนรับประทานอาหาร คุณอาจรับประทานผลไม้ 1 ผล หรือน้ำแก้วใหญ่สักแก้ว จะช่วยให้คุณทานน้อยลง วิธีที่ดีคือ อยากให้คุณคำนวณพลังงานที่มีอยู่ในอาหาร และทำความเข้าใจกับผลเสียของการสะสมพลังงาน


แบบที่ 2. คุณอ้วนเพราะทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ

คุณควรเปลี่ยนความเคยชินในการรับประทานอาหารเสียใหม่ เพราะการรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการมีความสำคัญต่อการลดความอ้วนมาก คุณจะได้ไม่เป็นทุกข์มากเกินไป และยังจะได้รับผลที่ดีเกินคาด ตั้งใจวางแผนการรับประทานอาหารของตัวเองใหม่ ค่อยๆเคี้ยว ค่อยๆกลืน รับประทานเนื้อสัตว์และไขมันให้น้อยลง รับประทานผักและธัญพืชมากขึ้น เพราะจะเป็นผลดีต่อตัวคุณเอง


แบบที่ 3. คุณอ้วนเพราะอารมณ์

คุณรับประทานอาหารเพื่อให้หลุดพ้นจากสภาวะที่ไม่สบอามรณ์ ยิ่งทำให้คุณอ้วนมากขึ้น เพราะเหมือนการปลอบประโลมใจตัวเอง ดังนั้นจึงควรเรียนรู้ที่จะแต่งแต้มสีสัน ให้กับความขุ่นมัวของตัวเอง โดยการคบหาสมาคบกับเพื่อนใหม่ ไปเที่ยวพักผ่อน คือการจัดการกับชีวิตตัวเองใหม่


แบบที่ 4. คุณอ้วนเพราะขาดการออกกำลังกาย

ปัจจัยหลัก 2ประการในการลดความอ้วนคือ การออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร การออกกำลังกายน้อยเกินไป ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ การวิ่ง กระโดดเชือก ปั้นจักรยาน บริหารร่างกาย ซึ่งการออกกำลังกายแต่ละอย่างไม่เพียงทำให้คุณรูปร่างดีขึ้น ได้สัดส่วน ยังทำให้คุณแข็งแรง กระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วย


แบบที่  5.คุณอ้วนเพราะพันธุกรรม

ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยอมรับว่าความอ้วนเป็นพันธุกรรม การลดความอ้วนประเภทนี้ต้องเพิ่มความอดทนและมุ่งมั่น และต้องออกกำลังกายควบคู่ไปกับการจำกัดอาหารอย่างเข้มงวดจึงจะได้ผล


แบบที่ 6.คุณอ้วนเพราะระบบเมตาโบลิซึมไม่เพียงพอ

ความอ้วนประเภทนี้ เกิดจากขบวนการเมตาโบลิซึมในร่างกายมีไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการสะสมของน้ำและไขมัน วิธีแก้ไขมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มการเผาผลาญไขมัน


ได้ผลคำตอบเป็นแบบไหนกันบ้างค่ะ คุณอาจได้คำตอบมากกว่า 1 ข้อก็ได้นะคะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อได้คำตอบแล้วก็เริ่มวางแผนลดความอ้วนตามที่วิเคราะห์ออกมาได้เลยค่ะ


อย่าลืมนะคะว่า เริ่มก่อนลดได้ก่อนค่ะ








Create Date : 05 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2555 20:48:14 น.
Counter : 2616 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

สาวเอยจะบอกให้
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



แม่ยี่หวาเป็น สว. คนหนึ่ง ที่เคยทุกข์ทรมานเนื่องจากสุขภาพที่ย่ำำแย่มาตลอดตั้งแต่เด็กจนถึงวัยสาว เสียเวลาและเงินทองมากมาย
แล้ววันหนึ่งแม่ยี่หวาก็ุลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง มาเป็นนักกีฬาค่ะ วิ่ง วิ่งและวิ่ง หลังจากนั้นชีวิตก็เปลี่ยน เลิกกินยา เลิกป่วย แต่กว่าจะเป็นอย่างนี้ก็ต้องใช้เวลานะคะ
นอกจากออกกำลังกายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคือ การใช้หลักโภชนาการ ในการดูแลสุขภาพควบคู่กันไปด้วยค่ะ
บล็อกที่เขียนส่วนหนึ่งเป็นการเล่าเรื่องชีวิตและประสบการณ์ของตัวเอง กับการใช้อาหารเป็นยา การใช้สมุนไพรในการดูแลตัวเองเบื้องต้น
หวังว่าจะมีคนเข้ามาอ่านและนำไปใช้บ้าง ไม่รังเกียจที่จะูถูกเรียกว่า พี่ ป้า หรือ ยาย ค่ะ
New Comments