*** ๑๒ สูตรสวยจากธรรมชาติ ๑***

สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังค่ะ หลายๆ คนคงมีความสุขกับวันหยุดพักผ่อน และเริ่มต้นวางแผนชีวิตสำหรับปีใหม่นี้กันแล้ว ขอให้มีความสุขและสมหวังในเป้าหมายชีวิตที่แต่ละคนวางเอาไว้กันนะคะ


ส่วนตัวแม่ยี่หวาไม่ได้ไปไหน เพราะมีภารกิจที่ต้องส่งคุณอาวัย  ๙๑ ไปยังที่ๆ ท่านชอบ และอยากจะไป เนื่องจากคุณอาคนนี้ไม่มีลูก ภาระจึงตกเป็นของแม่ยี่หวาและบรรดาพี่น้อง ในช่วงเวลาที่ควรจะมีความสุข จึงกลายเป็นเวลาที่ไม่ว่าบ้านไหนๆ ก็คงไม่อยากให้เกิด




วันนี้แม่ยี่หวากลับมาแล้วค่ะ เล่าเรื่องชีวิตให้กันฟังนิดหน่อย แล้วมาเริ่มกันด้วยเรื่องของความสวยความงามกันดีกว่า เพราะเมื่อเวลายิ่งล่วงผ่านเร็วเท่าไหร่ วัยสวยวัยงามของเราก็จะยิ่งเหลือน้อยลง


วันนี้แม่ยี่หวาเลยเอา ๑๒ สูตรสวย มาเขียนให้อ่านกัน เผื่อใครที่กำลังอยากเพิ่มความสวยให้ตัวเองจะได้ไปลองทำกันดู ๑๒ สูตรสวยนี้มีความยาวกันพอสมควรที่เดียว ซึ่งแม่ยี่หวาคงต้องแบ่งเป็นตอนๆ นะคะ มาว่ากันเลยค่ะ



กว่า ๑,๐๐๐ ปีมาแล้วที่เราพบว่าผู้หญิงมีการใช้สมุนไพร พืช ผัก ผลไม้ ไข่แดง น้ำผึ้ง และนมมาดูแลผิวพรรณ จนถึงปัจจุบันได้มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า หลายๆ อย่างที่คนรุ่นเก่าใช้นั้นได้ผลจริง จนถึงบรรดาสารธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณอีกหลายๆ ชนิดซึ่งล้วนแล้วแต่อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ สำหรับดูแลผิวพรรณได้ โดยเฉพาะคนไทยซึ่งมีภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรในการดูแลผิวพรรณมาอย่างยาวนาน อีกทั้งบ้านเรายังอุดมไปด้วยพืชผักและผลไม้ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามฤดูกาล ตามภูมิภาคมากมาย





สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวหน้า


ใบหน้าเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้คนจดจำ ผิวหน้าที่ชุ่มชื้น เรียบเนียน มีความยืดหยุ่น (หรือที่เรียกกันว่า หน้าเด้ง) ไม่มีจุดด่างดำ เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่บางครั้งด้วยสภาพของวัยที่สูงขึ้น การมีโรคประจำตัวบางอย่าง สภาพของวิถีชีวิต เช่น นอนดึก สูบบุหรี่ ดื่มสุรา เครียด เป็นต้น จึงทำให้คนเราไม่สามารถมีผิวเรียบเนียนอย่างใจได้ การใช้สมุนไพรร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จะส่งผลทำให้มีผิวพรรณที่ดีได้ยาวนาน



การใช้สมุนไพรสำหรับผิวหน้ามีหลักการง่ายๆ ดังนี้


-ต้องอยู่บนฐานของความสะอาด


-สมุนไพรต้องสดใหม่มีคุณภาพดี มีการย่อยขนาดจนละเอียด ไม่มีการระคายเคืองต่อผิวหนัง


-เป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัย จำง่ายๆก็คืออะไรที่กินได้ (เช่นผัก ผลไม้)สามารถใช้เป็นเครื่องสำอางได้


-ต้องเชื่อมั่นธรรมชาติของผิวหนังที่มีกลไกดูแลตัวเองอยู่แล้ว ต้องรักษากลไกนั้นไว้นานๆ




ข้อควรรู้เกี่ยวกับผิวหนัง


ผิวหนังทำหน้าที่ห่อหุ้มอวัยวะภายใน มีกลไกในการป้องกันผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น ป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเลต ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ควบคุมอุณหภูมิ ควบคุมการซึมผ่านของสารต่างๆผ่านโครงสร้างของผิวหนัง รูขุมขน ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ


ผิวพรรณที่ดีควรมีความชุ่มชื้น เต่งตึงไม่แห้งผาก ผิวพรรณที่แห้งผากจะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย เป็นฝ้า เป็นโรคทางผิวหนังได้ง่าย ซึ่งผิวพรรณจะเต่งตึงได้จาก ๓ องค์ประกอบได้แก่ น้ำซึ่งเป็นองค์ประกอบของเซลล์ถึงร้อยละ๙๕ สารชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ซึ่งผิวหนังสร้างขึ้นมาเอง และน้ำมัน ซึ่งผิวหนังจะมีกลไกการสูญเสีย จึงมีการสร้างไขมันธรรมชาติเพื่อปกป้องไม่ให้น้ำระเหยไปจากผิวหนัง การล้างหน้าด้วยน้ำร้อน การล้างหน้าบ่อยเกินความจำเป็น การล้างหน้าด้วยสบู่ที่มีความสามารถในการทำความสะอาดสูงๆ ล้วนทำให้ไขมันและสารที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติสูญเสียไป


ผิวพรรณที่ดีสะท้อนสุขภาพภายใน ความแข็งแรงและกลไกของผิวหนังขึ้นกับเลือด และน้ำเหลืองที่มาหล่อเลี้ยง ดังนั้น ความเครียด อาหาร การออกกำลังกาย พฤติกรรมสุขภาพ ล้วนแล้วแต่มีผลต่อความงามของผิวพรรณ รวมถึงกรรมพันธุ์ก็มีส่วนสำคัญต่อการเป็นคนผิวมัน ผิวแห้งเช่นกัน







ว่านหางจระเข้   (Aloe barbadensis Mill.)



ป้องกันผิวแห้ง ทำให้เรียบลื่น เพิ่มความชุ่มชื้น ต้านการอักเสบ ป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเลต

ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องสำอางมายาวนานนับพันปี มีบันทึกทั้งในกรีก โรมัน ซาอุดิอาระเบีย จีนอินเดีย หรือที่เล่ากันว่า เจลว่านหางจระเข้เป็นเคล็ดลับความงามหนึ่งของพระนางคลีโอพัตรา





ใบว่านหางจระเข้ มีน้ำเมือกและวุ้นที่มีสารสมานผิว ช่วยลอกผิวที่หยาบกร้าน แห้ง และสร้างผิวหนังใหม่ ที่นุ่มนวลขึ้นมาแทน สารตัวนี้เป็นสารช่วยย่อย เรียกว่า คาร์บอกซีเพปทิเดส (carboxypeptidase) และสารเมือก (mucilage) สารช่วยย่อยตัวนี้จะมีฤทธิ์ลดการเจ็บปวด การอักเสบการบวมของแผล ส่วนสาร อะล็อกทิน-เอ (aloctin A) เป็นไกลโคโปรตีน จะไปช่วยทำให้เนื้อเยื่อที่ตายแล้วถูกทำลายไป และจะเพิ่มปริมาณของเซลล์ที่เกิดใหม่ให้มากขึ้น จึงทำให้แผลหายเร็ว



วุ้นจากว่านหางจระเข้ยังช่วยรักษาความชุ่มชื่นของผิวหนังชั้นนอกได้จากสารเมือกและสารโพลีแซคคาไรด์ (polysaccharide)




การเตรียมว่านหางจระเข้


ควรใช้ว่านหางจระเข้ที่มีอายุ ๑ ปีขึ้นไป เลือกใบล่างสุด ปอกเปลือกออกใช้ส่วนที่เป็นน้ำใสๆล้างน้ำยางสีเหลืองออกให้หมด วิธีล้างยางออกให้หมดต้องนำใบหางจระเข้ที่เพิ่งตัดออกมาโดยยังไม่ต้องปอกเปลือกนำทั้งใบไปแช่น้ำจนน้ำยางสีเหลืองไหลออกมาจนหมด จึงนำไปล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง แล้วจึงค่อยๆ ปอกเปลือก โดยฝานลึกๆ เอาแต่วุ้นข้างใน แล้วนำวุ้นมาล้างอีกครั้ง



การใช้ว่านหางจระเข้


+++ ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาบริเวณที่เป็นสิว จะทำให้สิวยุบตัว และไม่เป็นแผลเป็น


+++ใช้เจลจากใบสดๆ ตัดขนาดพอดีกับเปลือกตา วางทับบนเปลือกตา รักษาผิวบริเวณดวงตาที่บวมช้ำ


+++ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ล้วนๆ ทาบนใบหน้าทิ้งไว้ให้แห้งเพื่อบำรุงผิว(สำหรับคนผิวหน้าแห้งอาจจะผสมกับครีมทาหน้าทั่วไปก็ได้) ซึ่งจะช่วยแก้ไขรอยหมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ลบรอยเหี่ยวย่น ใช้เป็นประจำจะลดรอยแผลเป็นจากสิว รักษาฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้า


+++ใช้ทาบนใบหน้าในลักษณะของโทนเนอร์เพื่อป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเลต หรือเป็นรองพื้นสำหรับคนผิวมันซึ่งแต่งหน้าลำบาก ใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาให้ทั่วใบหน้า แล้วแต่งหน้าตามปกติทำให้เครื่องสำอางบนใบหน้าไม่ลบเลือนง่าย


+++ใช้พอกหน้าเพื่อแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง โดยใช้ว่านหางจระเข้ ๓ ส่วน น้ำผึ้ง ๑ ส่วนน้ำมะนาว ๑ ส่วน ผสมให้เข้ากัน พอกหน้าทิ้งไว้ ๒๐ นาที จึงล้างออก จะช่วยสมานรูขุมขนและทำให้ผิวหน้านุ่มเนียนขึ้น


+++ใช้เป็นครีมล้างหน้า ครีมพอกหน้า เช่น ใช้วุ่นว่านหางจระเข้ ผสมน้ำนม ทาทิ้งไว้ ๑๐-๑๕ นาที แล้วล้างออก ช่วยบำรุงผิว ลดการเกิดสิว



หรือใช้วุ้นหางจระเข้ร่วมกับสมุนไพรตัวอื่นเช่น...


วุ้นว่านหางจระเข้ ๖ ส่วน

บัวบก ๒ ส่วน

รำข้าวสาลี ๒ ส่วน

นม ๐.๕ ส่วน

น้ำผึ้ง ๐.๕ ส่วน


ซึ่งแล้วแต่สภาพผิว  ถ้าผิวแห้งก็ใส่นมมาก ผิวมันก็ลดปริมาณนมแล้วเพิ่มปริมาณน้ำผึ้ง นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมกัน พอกหน้าทิ้งไว้สัก ๑๐- ๑๕ นาที นวดคลึงเบาๆ ผิวหน้าจะสดใส ลบรอยแผลเป็นและจุดด่างดำ ควรพอกอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละประมาณ ๑ ครั้ง



ส่วนสูตรสวยที่เหลือ แม่ยี่หวาจะมาลงต่อเรื่อยๆ จนครบทั้ง ๑๒ สูตรนะคะ ถ้ารักกันจริง คงต้องติดตามตอนต่อไปแล้วล่ะค่ะ Smiley



ขอบคุณรูปภาพจาก เว็บไซต์กูเกิ้ลดอตคอมค่ะ







Create Date : 07 มกราคม 2556
Last Update : 8 มกราคม 2556 20:26:39 น.
Counter : 1239 Pageviews.

0 comment
*** มีสารเคมีอะไรบ้างในเครื่องสำอาง ตอนที่ 2 ***

วันนี้เรามาดูกันต่อถึงสารพิษที่มีในเครื่องสำอางกันค่ะ



Coal Tar

สีที่ได้จากโคล ทาร์ คือน้ำมันดิน ที่กลั่นได้จากถ่านหิน สีที่ได้จาก โคล ทาร์ นี้ ได้มาจากถ่านหินชนิดบิทูมินัส ซึ่งเต็มไปด้วยสารประกอบที่เป็นพิษอย่าง Benzene, Xylene, Naphthelene และ Phenol สารเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ และเมื่อถูกแสงจะอันตรายมากยิ่งขึ้น สีที่ได้จากโคล ทาร์นี้ บางชนิดถูกระงับการใช้ไปแล้ว แต่บางชนิด ยังคงมีการอนุญาตให้ใช้กันอยู่ เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาถึงพิษอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงควรพิจารณาก่อนซื้อ วิธีสังเกตง่ายๆคือ สีที่ขึ้นต้นด้วยรหัส FD&C และ D&C จะเป็นสีที่ได้จากโคลทาร์นั้นเอง




Formaldehyde

ฟอร์มาลดีไฮด์ พบได้ในยาทาเล็บ สบู่และแชมพู ฟอร์มาลดีไฮด์มีคุณสมบัติเป็นสารกันบูด ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรค และเชื้อราต่างๆ ที่สำคัญคือมีราคาถูก จึงนิยมใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อันที่จริงแล้วฟอร์มาลดีไฮด์สามารถเกิดขึ้นเองได้ในร่างกายมนุษย์ แม้จะมีปริมาณน้อยแต่ก็ไม่ปลอดภัย เพราะร่างกายจะสร้างสารพิษขึ้น เพื่อตอบสนองกับฟอร์มาลดีไฮด์ จากการศึกษาในห้องทดลอง พบว่าสารตัวนี้สามารถก่อให้เกิดมะเร็งปอดและทำลายดีเอ็นเอได้




Lead

ตะกั่ว แม้จะรู้กันดีว่าเป็นสารพิษ แต่ตะกั่วก็ยังพบได้ทั่วไปในยาย้อมผมต่างๆ และหลายยี่ห้อก็ใส่ตะกั่วในปริมาณที่มากว่าสีที่ใช้ทาบ้านถึง 10 เท่า ตะกั่วเป็นสารทำลายฮอร์โมนและก่อมะเร็ง เนื่องจากสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และไปสะสมในกระดูก เพื่อที่จะถูกปลดปล่อยออกมาทำลายร่างกายได้ต่อไปอีก เป็นเวลาหลายปีหลังจากรับสารเข้าไปแล้ว




Nitrosamines

ไนโตรซามีนส์ มักพบในแชมพู เป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นได้เอง ในกระบวนการของการรวมตัวระหว่างกรดดินประสิวและสารประกอบไนโตรเจน ขณะนำเอาวัตถุดิบมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ ตามรายงายของ FDAการใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของสารดังกล่าว จะทำให้ร่างกายสะสมดินประสิวในปริมาณที่สูงกว่าการบริโภคอาหาร ที่มีดินประสิวเป็นส่วนประกอบโดยตรงเสียอีก ไนโตรซามีนส์อาจจะมาในชื่อของสารประกอบอื่นๆเช่น Diethanolamine (DEA),Triethanolamine (TEA), Monoethanolamine (MEA), Sodium Laureth Sulfate (SLS) เป็นต้น



SodiumLauryl Sulfate หรือ Sodium Laureth Sulfate

โซเดียมลอริดซัลเฟตพบได้มาที่สุดในแชมพู (ร้อยละ 90 ของแชมพูทั้งหมดในตลาดใช้สารตัวนี้)โฟมล้างหน้า และยาสีฟันสาเหตุที่โซเดียมลอริดซัลเฟตเป็นที่นิยมอย่างสูงก็เพราะมีคุณสมบัติในการสร้างฟองได้ดีที่สุด แต่ความร้ายกาจก็คือจะตรงเข้าไปทำลายระบบป้องกันชั้นผิว ทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรวดเร็วและรุนแรงและทำให้เซลล์ผิวเปลี่ยนไป นอกจากนี้เมื่อไปประกอบกับสารเคมีชนิดอื่นแล้วยังเปลี่ยนรูปเป็น ไนโตรซามีนส์ ได้อีกด้วย ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เราจะพบผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมลอริดซัลเฟตผสมอยู่นับไม่ถ้วนจนแทบจะหลีกเลี่ยงได้แต่ทางออกก็ยังมีเพราะผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อเริ่มหันมาใช้ Sodium Cocoyl Isethionate ซึ่งเป็นสารชะล้างที่ได้จากกรดไขมันมะพร้าว ที่ได้รับการรับรองแล้วว่าปลอดภัย ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารชนิดนี้แทนดีกว่าค่ะ




Talc

ทัลก์ หรือ แป้งทัลคัมพบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่น แป้งอัดแข็ง บลัชออน อายแชโดว์และสเปรย์ระงับกลิ่นกาย ความเนียนของเนื้อแป้งทำให้เรารู้สึกนุ่มนวล เบาสบายแต่ทัลก์เป็นสารพิษที่มีหลักฐานว่าสามารถก่อมะเร็งในสัตว์ได้ และผลการวิจัยจากสถาบันFred Hutchinson Cancer Research ก็สนับสนุนว่าผู้หญิงที่ใช้แป้งฝุ่นกับส่วนบอบบางเป็นประจำจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมดลูกได้มากกว่าปกติถึง 3 เท่า




Retinoic Acid

กรดวิตามินเอ พบในผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหน้า ทำให้เกิดอาการแสบร้อน อักเสบ ผิวหน้าลอก เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์




Hydroquinone

ไฮโดรควิโนน พบในครีมลอกฝ้า ช่วยทำให้ใบหน้าขาวขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นจะทำให้ผิวกลายเป็นด่างขาวผิดปกติไปในที่สุด นอกจากนี้ยังพบอาการแพ้ ระคายเคือง ผดผื่นขึ้น ดำคล้ำจนกลายเป็นฝ้าถาวร




Mercury

ปรอท ทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองรุนแรง เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินปัสสาวะและไต พบในผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาว ลดสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ




สารที่ได้จากธรรมชาติ


สารจากธรรมชาติที่ได้รับการรับรองว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือก่อมะเร็งมีดังนี้



Agar

คือสารสกัดจากสาหร่ายหลายชนิดใช้ผสมทั้งในเครื่องสำอางและอาหารที่เป็นเจลาติน



Beeswax

หรือขี้ผึ้งธรรมชาติสามารถเก็บความชุ่มชื่นให้ผิวได้ดี พบได้ทั่วไปในลิปปาล์ม และลิปสติก



BentoniteClay หรือ Indian Healing Clay

เป็นโคลนที่ผสมอยู่ในมาสก์ต่างๆมีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้ดี



Cocoa Butter

หรือ เนยมะพร้าว ช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่มและปลอบประโลมผิวหลังจากถูกแสงแดดเผาได้อย่างมีประสิทธิภาพ




Lecithin

เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติพบได้ในไข่แดงและน้ำมันถั่วเหลือง มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม เพิ่มความยืดหยุ่นของผิวมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว



Witch Hazel หรือ Hamamemlis Virginiana

พบได้ในโลชั่นเช็ดผิว ชาวอินเดียแดง ใช้พืชชนิดนี้ ช่วยแก้อาการที่เกิดจากแมลงสัตว์กัดต่อย และผิวไหม้พุพองได้



Camellia Sinensis

คือช่อทางวิทยาศาสตร์ของชาเขียว ที่มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี



Wheat Germ

หรือจมูกข้าวสาลี อุดมไปด้วยวิตามินอี หรือ Tocopherol จากธรรมชาติ



Whey Protein

เวย์โปรตีนเป็นโปรตีนที่ได้จากหางของน้ำนม ช่วยทำให้ผิวนุ่ม



Vitis Vinifera

หรือสารสกัดจากเมล็ดและใบองุ่น เป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง



Snail Secretion Filter

สารคัดหลั่งจากหอยทาก มีคุณสมบัติในการลดรอยแตกของผิวที่เกิดจากการขยายตัวอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า  แตกลาย




สารสารพัดทั้งหมดคือสารที่มีอยู่ในเครื่องสำอางที่ผู้หญิงเราต้องใช้กันอยู่ทุกวัน แต่บางครั้งเราไม่มีโอกาสรู้เลยว่า สิ่งที่เราใช้กันอยู่มันทำจากอะไรบ้าง มีผลอย่างไรต่อเราวันนี้แม่ยี่หวาเอามาชำแหละให้ดูกันแล้ว เพื่อที่เวลาคุณๆจะซื้ออะไรสักชิ้นจะได้พิจารณาฉลากข้างขวดกันบ้าง ในความเป็นจริง เขียนกันไม่หมดหรอกค่ะ เพราะจะมีสารชนิดใหม่ออกมาอีกเรื่อยๆ แต่รู้กันไว้บ้างก็ดีกว่าไม่รู้อะไรเลยจริงมั้ยค่ะ  Smiley




Create Date : 11 ธันวาคม 2555
Last Update : 11 ธันวาคม 2555 21:17:55 น.
Counter : 3409 Pageviews.

0 comment
*** มีสารเคมีอะไรบ้างในเครื่องสำอาง ตอนที่ 1 ***

บล็อกที่แล้วแม่ยี่หวาเขียนเรื่องส่วนประกอบในเครื่องสำอางให้คุณๆ ได้อ่านกันแล้ว วันนี้แม่ยี่หวาจะมาต่อด้วยเรื่องที่ยังคงเกี่ยวกับเครื่องสำอางเหมือนเดิม แต่วันนี้แม่ยี่หวาจะลงลึกมากขึ้นด้วยเรื่องของสารเคมีในเครื่องสำอาง ซึ่งมีทั้งชนิดที่อันตรายและไม่อันตรายค่ะ เพื่อที่ว่า...รู้เอาไว้ ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย



มีใครเคยเป็นอย่างแม่ยี่หวาบ้างมั้ยที่แพ้โลชั่นชนิดที่เรียกว่าหยิบขวดไหนมาก็แพ้ขวดนั้น และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แม่ยี่หวาต้องหาวิธีอ่านเนื้อความที่พิมพ์ไว้ข้างขวดเครื่องสำอางทุกขวดที่แม่ยีหวาสนใจให้ได้ หรือไม่ก็พยายามเปลี่ยนจากการซื้อมาเป็นการทำเองมันเสียเลย



แต่เอาเป็นว่าแม่ยี่หวาบอกได้อย่างหนึ่งว่าบรรดาเครื่องสำอางทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชนิดใช้กับผม ผิว หรือใบหน้า ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถประกอบขึ้นได้หากขาดสารเคมี เพียงแต่ว่า ถ้าผลิตภัณฑ์พื้นฐาน หรือที่เราเรียกว่าเบส (base) นั้นๆ ผลิตด้วยสารเคมีที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย เป็นสารที่กำหนดให้ใช้ได้ในการผลิตเครื่องสำอาง เราก็จะปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าผู้ผลิตใช้สารบางตัวที่มีอันตราย หรือเป็นสารต้องห้ามในการผลิต นั้นก็หมายความว่า เรากำลังทำร้ายตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์เหล่านั้นทุกวันๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย




วันนี้แม่ยี่หวาเลยรวบรวมเอาสารแต่ละชนิดมาให้ได้อ่านกันค่ะ ซึ่งมีทั้งชนิดที่เป็นพิษร้ายแรง และชนิดที่ได้รับการรับรองจาก อย. บ้านเรา และ FDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา)



สารเคมีที่พบได้ทั่วไปในเครื่องสำอาง




Glycerin หรือ Glycerol

กลีเซอรีนเป็นสารที่ได้จากการใช้ด่างเติมลงไปในใขมัน ใช้ในอุตสาหกรรม การทำสบู่และเครื่องสำอาง มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และยังทำให้สบู่หรือครีมต่างๆมีความนุ่มน่าใช้ กลีเซอรีนพบได้ทั่วไปในลิปสติก มาสก์ สบู่ โลชั่น หรือแม้กระทั่งน้ำยาบ้วนปากและยาสีฟัน โดยทั่วไปแล้วกรีเซอรีน ได้รับการรับรองว่า ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง



Dimethicone

ไดเมธิโคนคือน้ำมันซิลิโคนชนิดหนึ่ง มีลักษณะเหนียวข้น สีขาว ใช้เป็นเบสของผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นครีมต่างๆ มีอันตรายในเชิงเป็นพิษต่ำมาก จึงเรียกได้ว่ามีความปลอดภัยพอสมควร



Silicone

ซิลิโคนมีคุณสมบัติกันน้ำและเกาะติดกับผิวได้ดี ทำให้ผิวเลื่อนและเนียนนุ่มทันทีที่ใช้ นอกจากนี้ยังคงทนในทุกสภาพอุณหภูมิ ซิลิโคนได้รับการรับรองว่าไม่มีพิษ และไม่ก่อให้เกิดการแพ้แต่อย่างใด หากใช้เฉพาะภายนอกร่างกายเท่านั้น



Cocamidopropyl Betaine

โคคามิโดโพรพิล บีเทน เป็นสารเคมีที่ได้จากน้ำมันมะพร้าว อยู่ในรูปของเกลือจากกรดไขมัน มักใช้ผสมในผลิตภัณฑ์ชะล้างต่างๆอย่างสบู่ แชมพู คอนดิชั่นเนอร์ หรือโฟมล้างหน้า เพราะมีคุณสมบัติในการลดแรงตึงผิวของน้ำ สร้างฟอง และทำให้ครีมมีความหนานุ่ม แต่สารชนิดนี้สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้เป็นผื่นแดงได้ หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป



Butylene Glycol

บิวไทลีน ไกลคอล เป็นสารที่ได้จากก๊าซบีเทน มีหน้าที่เก็บกักความชุ่มชื้น รักษากลิ่นและความเข้มข้น ของผลิตภัณฑ์ให้คงรูป พบได้ในโลชั่นต่างๆ สารจำพวกไกลคลอนี้ หากใช้เฉพาะภายนอกร่างกายจะไม่เป็นอันตราย แต่หากกินเข้าไปหรือถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก จะสามารถทำลายระบบประสาทให้ไตวาย และอาจถึงตายได้ จึงเป็นสารที่ FDA พยายามบรรจุใว้ในลิสต์ของสารเคมีที่ห้ามใช้



Propylene Glycol

โพรโพลีน ไกลคอล เป็นสารที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ทดแทนไกลคอลตัวก่อนๆที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย เช่น Butylene Glycol หรือ PolyetyleneGlycol เป็นต้น โพรโพลีน ไกลคอลจึงนับว่าเป็นสารที่ปลอดภัยกว่า และเป็นหนึ่งในส่วนผสมของเครื่องสำอางที่นิยมใช้กันมากที่สุด มีลักษณะเป็นของเหลว เหนียวข้น ใส ไม่มีสี และมีรสขมเล็กน้อย มีคุณสมบัติในการนำพาและเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีกว่าน้ำธรรมดา และยังซึมผ่านผิวได้ดีกว่ากลีเซอลีน ที่สำคัญราคายังถูกกว่ากลีเซอลีนมาก แต่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายกว่ากลีเซอลีน



Stearic Acid

กรดสเตียริกมักพบในผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ครีมรองพื้น ครีมโกนหนวด โลชั่น และสบู่ เป็นสารที่เกิดขึ้นเอง ตามธรรมชาติจากไขมันและน้ำมันจากสัตว์ มีสีขาว มีลักษณะคล้ายแว๊กซ์มีคุณสมบัติสร้างความนุ่มนวล ให้ความลื่นและประกายวาว จึงเป็นสารเคมีหลักที่พบได้บ่อยที่สุดในเกือบทุกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง แม้ว่ากรดสเตียริกนี้ จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้เล็กน้อยในคนที่ไวต่อสารเคมี แต่ก็ได้รับการรับรองจาก CIR ( Cosmetic Ingredient Review) ExpertPanel หรือสำนักงานควบคุมส่วนผสมในเครื่องสำอางของอเมริกา ว่าเป็นส่วนผสมที่ปลอดภัย



Phenoxyethanol

ฟีน็อกซีธานอล มีลักษณะเป็นน้ำมันเหลวที่ให้กลิ่นหอมจางๆ มีคุณสมบัติทำให้น้ำหอมคงตัว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และป้องกันการติดเชื้อได้ พบได้ทั่วไปในเครื่องสำอางที่มีน้ำหอมผสมอย่าง แฮร์สเปรย์ เกลือหอมอาบน้ำ โลชั่น แป้งแต่งหน้า เมคอัพรีมูฟเวอร์ และแชมพู สารเคมีชนิดนี้ หากนำมาใช้โดยไม่เจือจาง จะก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงโดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา โดยปกติจึงต้องนำมาเจือจางก่อน ในปริมาณร้อยละ 2.2 ซึ่งเป็นปริมาณที่ CIR Expert Panel รับรองให้ใช้ได้ จึงจะปลอดภัย



Parafinum Liquidum

หรือก็คือ Mineral Oil เป็นสารที่ได้จากกระบวนการผลิตน้ำมันปิโตรเลียม มีลักษณะโปร่งใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส แต่เมื่อถูกความร้อน จะมีกลิ่นคล้ายน้ำมันปิโตรเลียมเล็กน้อย ใช้เป็นสารทำความหล่อลื่นในเครื่องสำอาง พบได้ในออยล์ โลชั่น ครีมล้างหน้า มอยส์เจอไรซอร์ อายครีม และซันแทน เป็นต้น เมื่อใช้กับผิวแล้วจะค้างอยู่บนผิว ไม่ซึมลงไปบำรุงใต้ชั้นผิว เหมือนอย่างที่เคยคิดกัน แต่จะทำให้ผิวมีความมันวาว ดูมีสุขภาพดี และที่สำคัญไม่มีพิษและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้



Xantan Gum

เป็นสารเคมีที่ให้ความเหนียวได้มาจากการเพาะหมักคาร์โบไฮเดรตที่เรียกว่า Gumเนื่องจากมีลักษณะที่เหนียวเหมือนกาวจึงใช้เป็นตัวทำความข้นเหนียวและยังมีคุณสมบัติเป็น Emulsifier หรือตัวผสมให้น้ำเข้ากับน้ำมันได้ดี ยังไม่พบว่าสารเคมีชนิดนี้เป็นสารมีพิษ



Parabens

เป็นสารที่อาจจะมาในชื่อของ Butylparaben, Metylparaben หรือ Propylparaben ใช้เป็นสารกันบูดที่ได้รับความนิยมกันมากพบได้บ่อยเพราะมีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านจุลชีวะ คือฆ่าเชื้อได้ละลายน้ำได้ดีและคงรูปในทุกๆ ค่าของความเป็นกรด ด่าง ในเครื่องสำอางทั่วไปจะมีส่วนผสมของ Metylparaben ในปริมาณร้อยละ 0.2 และ Propylparaben อีกร้อยละ 0.1 ซึ่งถือเป็นปริมาณที่ปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือเป็นพิษแต่ก็ไม่มีการรับรองว่าหากใช้ในปริมาณมากกว่านี้จะไม่เกิดอาการแพ้



Polysorbate

มีหน้าที่ผสมน้ำให้น้ำเข้ากับน้ำมันหอมระเหยได้ดี Propylparaben ทุกชนิดได้รับการรับรองแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่หากนำไปใช้ร่วมกับสารปนเปื้อนอื่นๆ เช่น Dioxane (ของเหลวไร้สีที่ติดไฟได้)พบว่าสามารถก่อให้เกิดมะเร็งในสัตว์ได้



Sodium Chloride

Sodium Chloride หรือ เกลือทะเล เป็นส่วนผสมหลักของโทนเนอร์ น้ำยาบ้วนปาก เกลือหอมอาบน้ำ สบู่และอายครีม เกลือสามารถใช้รักษาบาดแผลไฟไหม้พุพองได้ดีดังนั้นหากใช้ในปริมาณที่เจือจางพอเหมาะจึงส่งผลดีต่อผิวแต่หากใช้ในปริมาณที่เข้มข้นเกินไปจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้



Sodium Hydroxide

มักใช้เป็นส่วนประกอบหลักของสบู่ แชมพูน้ำยายืดผม สารชนิดนี้เป็นด่างมีความเข้มข้นสูง จึงถูก FDA สั่งแบน ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านหลายยี่ห้อ เนื่องจากสามารถก่อให้เกิดการอักเสบที่ผิวหนังหรือหนังศีรษะได้และหากบริโภคเข้าไปจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ หน้ามืด นอกจากนี้การสูดดมเป็นเวลานานยังสามารถทำลายปอดได้อีกด้วย




เห็นมั้ยค่ะว่าในเครื่องสำอางแต่ละชนิดที่เราใช้กันอยู่มีอะไรน่ากลัวแฝงอยู่บ้าง เอาเป็นว่าบล็อคหน้าแม่ยี่หวาจะมาต่อด้วยสารพิษที่มีในเครื่องสำอางกันบ้างค่ะ




Create Date : 10 ธันวาคม 2555
Last Update : 10 ธันวาคม 2555 21:21:44 น.
Counter : 11960 Pageviews.

1 comment
*** มีอะไรในเครื่องสำอาง...ที่คุณควรรู้ ***

วันนี้แม่ยี่หวาเอาเรื่องเครื่องสำอางมาฝากค่ะ ถึงแม้ว่าแม่ยี่หวาจะเป็นคนที่แพ้เครื่องสำอาง และพยายามที่จะใช้เครื่องสำอางให้น้อยที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนใจเครื่องสำอางเสียเลย เพราะถ้าจะว่ากันไปแล้ว ยิ่งแพ้ก็ยิ่งต้องสนใจว่าเครื่องสำอางแต่ละชนิดประกอบด้วยอะไรบ้าง



วันนี้แม่ยี่หวาเลยเอาส่วนประกอบที่มีในเครื่องสำอางมาบอกกล่าวกัน เพื่อที่ว่า คราวหน้าเวลาที่คุณๆ จะซื้อเครื่องสำอาง เวลาอ่านส่วนประกอบจะได้เข้าใจ และรู้ว่าเหมาะสมกับสภาพผิวของคุณหรือตรงกับความต้องการของคุณรึเปล่า




SPF

เป็นสารป้องกันแสงแดด ส่วนใหญ่มักผสมในมอยส์เจอไรเซอร์ ครีมกันแดดเพื่อป้องกันแสงแดดที่มีทั้งรังสียูวีเอและยูวีบี SPFที่มีค่าสูงจะป้องกันแสงแดดได้นานขึ้น



Collagen และ Elastin

เป็นเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวเต่งตึง คล้ายกับสปริง ผลิตภัณฑ์ที่ผสม Collagen จะช่วยทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นและเต่งตึงขึ้น Elastinช่วยทำให้ผิวหนังแข็งแรง และมีความยืดหยุ่น



Anti-oxidant

เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ เช่น มลภาวะ สารพิษปนเปื้อน แหล่ง Anti-oxidant ได้แก่ วิตามินเอ ซี และอี



Hypo-allergenic

เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม และเติมสีน้อย เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แต่ไม่รับประกัน 100% ว่าจะไม่เกิดการแพ้



Humectant

เป็นส่วนผสมที่พบมากในมอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยรักษาผิวให้มีความชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้านของผิว เช่น น้ำผึ้ง



Benzoyl peroxide

เป็นส่วนผสมที่ใช้รักษาสิวกระหรือฝ้า เพราะมีสารที่ช่วยลอกเซลล์ผิวที่อุดตันรูขุมขนอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว



Exfoliation

เป็นสารที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งขาวใส และเนียนนุ่มขึ้น ส่วยใหญ่จะใช้เป็นส่วนผสมของสครับ



AHA

เป็นกรดผลไม้จากธรรมชาติ ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวขาวใสและเปล่งปลั่ง



Retinoic Acid

เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ช่วยรักษาสิวและลดริ้วรอยแห่งวัย แต่ทั้งนี้ควรมีปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากอาจทำให้ผิวหนังชั้นนอกของคุณบางลง




ที่นี้เวลาที่คุณจะซื้อหาเครื่องสำอางครั้งใหม่ คุณคงสบายใจได้บ้างว่า คุณหาซื้อได้ตามความต้องการและเหมาะกับสภาพผิวของคุณแล้วค่ะ   Smiley




Create Date : 09 ธันวาคม 2555
Last Update : 9 ธันวาคม 2555 20:07:15 น.
Counter : 1265 Pageviews.

0 comment
ยาแต้มสิวในครัว

สิว สิว สิว ฮ่าๆ...อายจังแม่ยี่หวาเป็นสิวค่ะ คนแก่เป็นสิวไม่ขำเลยนะ เมื่อวานนี้แม่ยี่หวาต้องออกนอกบ้าน ไปจ่ายของกับลูกสาว แม่ผิวบางอากาศร้อนหน่อยเดียว กลับถึงบ้านล้างหน้าล้างตา มองเห็นหน้าตัวเองมีสิวบูดขึ้นมาตั้ง 3 เม็ด โธ่เอ๊ย..แก่ปูนนี้แล้วยังจะเป็นสิวอีก อย่ากระนั้นเลย แม่ยี่หวารีบอาบน้ำแล้วหายามาแต้มสิว ยาแต้มสิวของแม่ยี่หวาได้มาจากในครัวค่ะสำหรับแม่ยี่หวาแล้วไม่ต้องกลัวแพ้ยาแต้มสิว

มาดูกันค่ะว่าอะไรในครัวสามารถรักษาสิวได้บ้าง

1 ขมิ้นค่ะ ของแม่ยี่หวาเป็นขมิ้นผงนะคะเป็นยาสามัญประจำครัว

แค่ตักใส่ถ้วยตะไลผสมน้ำพอเหลว ใช้คัตตอลบัทคนให้เข้ากันก็ใช้แต้มสิวได้แล้ว สัก 2-3ชม.ก็จะเริ่มยุบ แต่ถ้าสิวเม็ดนั้น ถูกมือของคุณขยำขยี้มาแล้วก็จะแสบนิดๆค่ะ ก่อนนอนแต้มเพิ่มอีกหน่อย เช้าวันนี้ยุบหมดแล้ว วันนี้แม่ยี่หวาก็ต้องออกนอกบ้านอีกแล้ว ไว้คืนนี้ต้องทาซ้ำค่ะ อ้อ..อีกนิดค่ะเป็นกุ้งยิงก็ทาได้นะคะหายโลดค่ะ


2 หัวหอมค่ะ แค่ปอกเปลือกออกแล้วฝานส่วนหัวทิ้งไป ก็เอามาใช้ทาตรงที่สิวขึ้นได้แล้ว อาจแสบและมีกลิ่นบ้างแต่ไม่เหลืองอ๋อยแบบขมิ้นแต่เลิศตรงที่ใช้ทาบริเวณรอยฝ้าที่เพิ่งเป็น หรือจุดด่างดำจากสิวได้ค่ะ ทาทุกวัน สักอาทิตย์รอยก็จะจางลงได้ค่ะ

3 กระเทียมค่ะ นอกจากจะใช้ทารักษากลากเกลื้อนแล้วยังใช้ทาหัวสิวให้ยุบได้อีกด้วยค่ะ วิธีใช้ก็แบบเดียวกับหัวหอม แต่กลิ่นแอบแรงนิดนึงค่ะ

4 ผงมังคุด เอามาผสมน้ำแบบเดียวกับขมิ้น วิธีใช้ก็แบบเดียวกัน นอกจากนี้ยังใช้ทาแผลได้อีกด้วยค่ะผงมังคุดมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและแก้อักเสบเช่นเดียวกับขมิ้นค่ะ แต่แม่ยี่หวารับสีมันไม่ค่อยได้ เอาไว้ใช้ทาให้ลูกเวลาหกล้มหัวเข่าแตกก็ดีนะคะ

ส่วนอย่างอื่นก็มีค่ะเอาเป็นว่าถ้า 4 ชนิดข้างต้น ใช้ไม่สะดวกแม่ยี่หวามีอย่างอื่นให้ใช้ค่ะ

ทีทรีออยคาโมมายล์ ลาเวนเดอร์ ทั้งหมดต้องเป็นเอสเซนเชียลแท้ๆนะคะ ใช้ได้ค่ะ แต่มียี่หวาไม่อยากแนะนำสักเท่าไหร่ เพราะแอบแพงนะ

แล้วระเหิดระเหยง่ายเกิน อีกอย่าง ตัวลาเวนเดอร์ค่อนข้างจะแรงค่ะ ถ้าต้องใช้จริงๆ ควรเป็นทีทรีออยจะดีกว่าค่ะ

แต่สำหรับแม่ยี่หวาเอง แค่ขมิ้นก็เอาอยู่ยยยยย...




Create Date : 04 กันยายน 2555
Last Update : 4 กันยายน 2555 20:43:13 น.
Counter : 1995 Pageviews.

1 comment
1  2  3  

สาวเอยจะบอกให้
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



แม่ยี่หวาเป็น สว. คนหนึ่ง ที่เคยทุกข์ทรมานเนื่องจากสุขภาพที่ย่ำำแย่มาตลอดตั้งแต่เด็กจนถึงวัยสาว เสียเวลาและเงินทองมากมาย
แล้ววันหนึ่งแม่ยี่หวาก็ุลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง มาเป็นนักกีฬาค่ะ วิ่ง วิ่งและวิ่ง หลังจากนั้นชีวิตก็เปลี่ยน เลิกกินยา เลิกป่วย แต่กว่าจะเป็นอย่างนี้ก็ต้องใช้เวลานะคะ
นอกจากออกกำลังกายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคือ การใช้หลักโภชนาการ ในการดูแลสุขภาพควบคู่กันไปด้วยค่ะ
บล็อกที่เขียนส่วนหนึ่งเป็นการเล่าเรื่องชีวิตและประสบการณ์ของตัวเอง กับการใช้อาหารเป็นยา การใช้สมุนไพรในการดูแลตัวเองเบื้องต้น
หวังว่าจะมีคนเข้ามาอ่านและนำไปใช้บ้าง ไม่รังเกียจที่จะูถูกเรียกว่า พี่ ป้า หรือ ยาย ค่ะ
New Comments