Mark Zuckerberg แถลงกับนักลงทุนว่า จะให้ความสำคัญอันดับ 1 กับ Facebook บนโทรศัพท์มือถือ โดยแจ้งกับนักลงทุนประมาณ 200 คน ในงาน Facebook’s IPO roadshow ที่ Palo Alto ถึงแผนงานในปี 2012 และอนาคต และย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนา Facebook บนมือถือเพื่อสร้างรายได้

แม้ว่า Facebook จะมีผู้ใช้งานบนมือถืออย่างมาก แต่แอพ Facebook บนมือถือยังด้อยกว่าต้นฉบับบนคอมพิวเตอร์อยู่มาก คือ ไม่มีโฆษณา (ดีสำหรับผู้ใช้ แต่ไม่ดีแน่สำหรับ Facebook เอง) และขาดฟังค์ชั่นสำคัญ เช่น แชร์รูป แชร์ลิงค์

เรื่องนี้กำลังเป็นประเด็นใหญ่ของแอพ social network โดยเฉพาะการแข่งขันบนตลาดแอพที่เริ่มต้นบนโทรศัพท์มือถือ อย่างแอพ location (เช่น Foursquare) และแชร์รูป (เช่น Instagram)

สิ่งที่ Facebook กำลังรับมือกับการพัฒนาแอพสำหรับมือถือ ไม่ใช่แค่การโฆษณาและการสู้กับ Social Network อื่นๆ บนมือถือ แต่เป็นที่ฟังค์ชั่นบน platform ของตัวเอง โดยมีผู้ใช้ Facebook เกือบ 60 ล้านคนต่อเดือน ลิงค์ออกไปใช้งาน mobile app อื่นๆ แทนที่จะมีการใช้งานอยู่ภายใน Facebook โดยวิธีแก้ไข คือต้องสนับสนุนให้ Developer ผู้ผลิตแอพต่างๆ ทำแอพที่มีการใช้งานร่วมกับ Facebook ได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตาม ข่าวจากหลายสำนัก เช่น Bloomberg และ Reuters แจ้งว่า นักลงทุนไม่สนใจเรื่องการเติบโตที่ช้าลง หรือปัญหาของแอพบนมือถือ พวกเขาต้องการซื้อหุ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เชื่อได้ว่า เป้าหมายการพัฒนา Facebook บนมือถือจะทำให้นักลงทุนยิ่งให้การตอบรับกับหุ้น Facebook มากขึ้น

เราเรียนรู้อะไรจากข่าวนี้

การพัฒนาแอพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือเป็นกระแสหลักที่มาแรงในปีนี้ ทั้งจากจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ และงบโฆษณาบนมือถือที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ Facebook เองก็มีผู้ใช้งานผ่านมือถือทั่วโลกกว่า 350 ล้านคน และมีข่าวว่าได้เตรียมที่จะเปิดแพลตฟอร์มโฆษณาบนมือถือมาพักใหญ่แล้ว

การพัฒนา Mobile app ของ Facebook นี้ ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว อยู่ที่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี เพราะถือเป็นข่าวดีต่อบริษัทและนักลงทุน เพราะทำให้ Facebook มีรายได้เพิ่มขึ้น และให้ผู้ใช้งาน Facebook ผ่านมือถือใช้งานได้ง่ายขึ้น

ที่มา: mashable

ภาพจาก trendplanner

1 ในสิ่งที่เรามักจะเห็นในโฆษณาตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า, บนสถานีนั่น หรือตามโรงภาพยนตร์ คือ เจ้ากรอบสีดำๆ หน้าตาประหลาดๆ ที่เรียกว่า QR Code ซึ่งทางทีมบรรณาธิการ thumbsup ได้นำเสนอในแนวคิดในการใช้งานไปหลายข่าวเหมือนกัน แต่สำหรับหลายๆ ประเทศซึ่งรวมถึงไทย จะพบอยู่บ่อยๆ นั่นคือการเอา QR Code มาใช้งานอย่างผิดพลาดกับหลายๆ งาน เลยทำให้ QR Code กลายเป็นสัญลักสูญเปล่า วันนี้เลยมีเคล็ดลับในการใช้ QR Code ให้เหมาะสมเพื่อมาช่วยในการทำการตลาดให้กับธุรกิตของคุณให้ดีขึ้นครับ

ก่อนจะพูดถึงเคล็ดลับ ขออธิบาย QR Code กันก่อนว่ามันคืออะไร QR Code คือ บาร์โคด (Barcode) 2 มิติ ซึ่งสามารถถอดรหัสออกมาให้อยู่ในรูปข้อความ, ตัวเลข หรือเป็นสัญลักษณ์เพื่อใช้เป็นทางลัดในการเข้าไปยังเว็บไซต์นั้นๆ ได้โดยไม่ต้องพิมพ์ข้อความใดๆ ซึ่งโดยปกติแล้วการเอามาใช้นั้นจะใช้กับการกับการเข้าเว็บไซต์ที่มีชื่อยาวๆ หรือยากต่อการจดจำ โดยเราเพียงมีแอพพลิเคชันที่สามารถอ่าน QR Code ได้ เช่น Scan for iOS หรือ QR Droid เปิดแล้วไปจ่อกับสัญลักษณ์ QR Code แอพนั้นก็จะทำการอ่านค่าและถอดรหัสเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป

QR Code เราสามารถสร้างได้เองโดยเข้าเว็บไซต์ QR Code Kaywa หรือ goqr ครับ

คราวนี้มาดูกันกับเคล็ดลับในการใช้ QR Code  8 ข้อกันเลยดีกว่า

1. ใช้ QR Code ในการบอกข้อมูลในการติดต่อกับบริษัทหรือตัวคุณบนนามบัตร
   เนื่องจากว่าพื้นที่ของนามบัตรนั้นมีขนาดไม่มากพอที่จะนำเสนอสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับบริษัทหรือตัวคุณเอง ดังนั้นการเอา QR Code มาไว้บนนามบัตรจะช่วยทำให้ผู้ที่สนใจอยากดูข้อมูลเพิ่มเติมบนเว็บไซต์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีข้อมูลแสดงอย่างละเอียด (แต่อย่าลืมไปอัพเดทข้อมูลบนเว็บไซต์ของคุณด้วยนะครับ)
2. หมั่นสร้างเนื้อหาที่มีอยู่คุณภาพอยู่เสมอ
   จากข้อแรก การที่จะให้ QR Code นั้น link กลับมาหายังเว็บไซต์ที่เรากำหนด บ่อยครั้งที่เราสแกนไปแล้วจะเจอว่า link ที่ได้จาก QR Code กลับไม่มีอะไรข้อมูลอะไรเลยที่จะดึงดูดความสนใจ ดังนั้นควรจะสร้าง QR Code ที่ link ไปยังหน้าที่อ้างอิงถึงที่ต้องการจริงๆ หรือเป็นโปรโมชั่นพิเศษเพื่อนำเสนอให้กับลูกค้าที่ใช้งานเพื่อสร้างให้ลูกค้าตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เขาได้จากการสแกน ซึ่งรวมทั้งการทำหน้าเว็บไซต์เพื่อให้สามารถใช้งานและอ่านบนสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก
3. รู้กลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้ใช้งาน
   การใช้ QR Code กับทุกคนทุกเพศทุกวัยเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่ในที่สุดแล้วเราก็ต้องเจาะกลุ่มที่เราต้องการให้หยิบโทรศัพท์มาสแกน QR Code ดังนั้นแล้วเราควรว่า ควรจะแปะ QR Code ไว้ยังสถานที่ไหนถึงจะใช้งานได้สะดวก
4. วาง QR Code ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด*ปัญหานี้ผู้แปลพบปัญหาในประเทศไทยด้วยตนเองบ่อยถึงบ่อยที่สุด
   เรามักจะเห็นการใช้งาน QR Code แฝงไปอยู่บนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งจะถูกออกแบบไว้เป็นขนาดเล็กและมักอยู่ท้ายประโยคเพื่อให้ดูเก๋ไก๋ แต่รู้หรือไม่ว่ามันไม่สามารถใช้งานได้จริงเนื่องจากข้อจำกัดของการใช้งานของกล้องบนสมาร์ทโฟนที่ไม่สามารถจะสแกนมันได้ ดังนั้นแล้วผู้ที่จะเอา QR Code มาใช้ควรจะวางสัญลักษณ์ของ QR Code ไว้ในที่ที่เห็นอย่างชัดเจนรวมไปถึงทำขนาดที่ใหญ่พอที่จะสามารถสแกนได้
5. ใช้ QR Code แทนการหมุนโทรศัพท์
   จากประโยชน์ของ QR ที่สามารถใช้แทนข้อความหรือตัวเลขได้ ดังนั้นแล้ว เราสามารถใช้ QR Code แทนการพิมพ์เบอร์ติดต่อ ซึ่งวิธีนี่สามารถลดการพิมพ์เบอร์ผิด รวมทั้งลูกค้าสามารถติดต่อไปยังเบอร์ Contact Center หรือเบอร์อื่นๆ ที่เราระบุได้โดยตรง
6. ทำให้ QR Code สามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนของทุกคน
   สิ่งที่อาจมองข้ามไปคือบาง QR Code ไม่สามารถที่ใช้ใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าๆ ได้ หรือไม่สามารถใช้กับโทรศัพท์ที่มีกล้องความละเอียดไม่มากพอที่จะใช้งาน ดังนั้นแล้วเราควรที่จะต้องลองสร้าง QR Code และใช้งานกับสมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่นให้ครอบคลุมมากที่สุดด้วย
7. ใช้ QR Code ในการนำเสนอส่วนลดต่างๆ
   ลูกค้าย่อมจะชอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษที่จะได้รับจากการใช้บริการ (ผู้แปลก็เช่นกัน) ดังนั้นสามารถดึงความสามารถด้วยการใช้ QR Code เป็นสื่อกลางในการนำเสนอส่วนลดในรูปแบบ e-coupon เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้
8. สร้าง QR Code ให้ดูน่าสนใจ
   QR Code ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นจะอยู่ในรูปแบบเพียงขาวกับดำ แต่ในทุกวันนี้ QR Code นั้นสามารถออกแบบออกมาในรูปแบบสี รวมทั้งออกแบบให้เป็นรูปโลโก้ตามที่เราต้องการแทรกไว้ใน QR Code เพื่อให้ดูน่าสนใจและดึงดูดการใช้งานมากยิ่งขึ้น

   ภาพจาก aminategroup

   
   ภาพจาก seedwalker

   ภาพจาก prepressure

ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับในการนำ QR Code มาใช้งาน ดังนั้นแล้วอย่าทิ้งให้ QR Code ไร้ความหมาย หยิบมันมาใช้งานกับธุรกิจของคุณอย่างเหมาะสมกันด้วยนะครับ

คนที่เล่น Facebook ทุกคนคงจะทราบกันดีนะครับ ว่าสถานะหรือโพสต์ของเพื่อนเราที่จะมาปรากฏที่หน้าแรก Timeline ของเราไม่ได้มาจากเพื่อนทุกคนของเรา แต่จะถูกคัดเลือกโดยการคำนวนจากสูตรความสัมพันธ์ด้วยกลไกอัตโนมัติของเฟสบุก เช่น ถ้าเพื่อนคนไหนมีความสัมพันธ์บน Facebook กับเรามาก เราก็มีโอกาสจะได้เห็นสถานะของเพื่อนคนนั้นมากเช่นกัน

ซึ่งมีสถิติออกมาว่าข้อความที่เราโพสต์ไปจะมีเพื่อนเพียง 12% เท่านั้นที่เห็นในหน้าแรก เพราะถ้าหากเพื่อนทุกคนเห็นข้อความของกันทุกคน แน่นอนครับคนที่มีเพื่อนระดับ 1 พันคนขึ้นไปหน้า Timeline คงไหลไปเร็ว จนอ่านไม่ทันแน่ๆ

ล่าสุดทางเว็บไซต์ TechCrunch ได้รายงานว่าทาง Facebook เริ่มมีการทดสอบระบบ “Highlight Post” หรือการจ่ายเงินให้กับทาง Facebook ครั้งละ 2 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 60 บาท เพื่อให้ข้อความที่เราโพสออกไปแสดงให้เพื่อนของเราทุกคนเห็น ก็เห็นจะมีประโยชน์กับคนที่ขายของหรือต้องการโปรโมทแบรนด์/เว็บไซต์ ของตนให้เพื่อนๆ ทั้งหมดได้รับรู้

แต่ก็ยังไม่มีการการันตีระครับว่าทาง Facebook จะนำระบบนี้มาใช้ในวงกว้าง เพราะเอาเข้าจริงแล้วระบบนี้อาจโดนต่อต้านจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ เนื่องจากหน้า Timeline ทุกคนอาจถูกรบกวนโดยข้อความโฆษณา

ที่มา – TechCrunch