ขับรถลงมาถึงลานกางเต้นท์ วนรถอยู่สองสามรอบ มองฟ้านิดนึง (หว๊าๆๆ คืนนี้ฝนตกหนักแหง่ๆ T^T ) ตกลงกันว่าจะไปหาโรงแรมด้านล่างอุทยานพักดีกว่าไม่อยากเสี่ยงเปียกปอน แต่ก่อนลงไปขอเดินชมหน่อนนะ เพราะเห็นมีร้านขายของที่ระลึก ต้นไม้ (อ๋อ!! ลืมบอกไปว่าระหว่างทางขึ้นอุทยานฯ มีร้านค้าแผงไม้เรียงราย มีการปลูกต้นดอกแตร ตลอดทางทาง สวยมากค่ะ ^^) แวะซื้อหม่ำกินกันหน่อย ลุงคนขายใจดีก็ถามว่าพักที่ไหน ก็เลยบอกแกไปว่าตั้งใจจะกางเต้นท์ แต่ดูท่าฝนจะตกหนักมากเลยกะจะลงไปหาที่พักทางล่างแทน ลุงแกก็ใจดีบอกว่าตรงโน้นมีเต้นท์ที่เจ้าหน้าที่กางไว้ให้ไปกางเต้นท์ใต้นั้นได้ มองหน้ากันอยู่สักพักก็ตัดสินใจไปเดินสำรวจ และก็เป็นอันตกลงว่างกางเต้นท์ :D
หลังจากกางเต้นท์เรียบร้อยก็ออกไปหาอะไรๆ กินกันก็ซักกะหน่อย ^^ แต่ฝนก็เริ่มโปรยปราย แบบเบาๆ แต่ลมโครตจะแรง 555 กลับมาก็อาบน้ำ (น้ำโครตจะเย็น 20 องศาเอง อากาศนะ แต่น้ำคงจะเย็นกว่า ^^) เข้านอนพรุ่งนี้จะรีบๆ ตื่นจร้า >0<
ตื่นมาตอนเช้า เพื่ออาบน้ำ (อาบอีกแล้ว จริงๆ ไม่ได้เป็นคนรักสะอาดอะไรหร๊อก ที่อาบเพื่อปรับอุณหภูมิในร่างกายเพื่อไม่ให้เป็นหวัดค่ะ เป็นความเชื่อส่วนตัวค่ะ ^^) พอเช้าคนก็มากันมากมายก่ายกอง (พอสมควร อิอิ) เราเดินผ่านเข้าอุทยานตามกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าแถวรอซื้อตั๋วขึ้นรถ (20/คน) แต่เราไม่ซื้อ ฮ่าๆๆ (ไม่ได้โกงนะ) เราเดินขึ้นอะค่ะ ^^ ตามสไตล์ ว่ามาเก็บบรรยากาศ ระหว่างทาง ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ดู แบบชิวๆ แล้วเราก็มาถึงอีกจนได้ (เมื่อวานเย็นมาแล้วทีนึง) เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะ ^^ แต่ก็ได้สุขภาพที่แข็งแรง ปอดที่ขยายขึ้น ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ ^0^
เช้าวันใหม่แล้วนะ
เดิน เดินๆ เราต้องเดิน
แมลงไรไม่รู้ค่ะ
เราเดินขึ้นไปบนผา............โดยเดินตัดทุ่งกระเจียว ไปทะลุบนผา...........สวยมากค่ะ (มาไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น T^T) ถ้าขึ้นรถมารถจะไปจอดที่ผา............นี่ก่อนค่ะ แล้วทุกคนจะค่อยๆ เดินลัดเลาะลงมาจนถึงทุ่งดอกกระเจียว และมารอรถเพื่อไปต่อยังสวนหินงามค่ะ แต่ทว่าเราเป็นพวกย้อนศร ^0^ ฮิฮิ
เดินมาจนถึง
ในใจแอบเสียว แต่หน้าต้องระรื่นไว้ค่ะ
ถ้วยฟีฟ่า แต่คิดว่าเป็นไอติม
ยังมีแรงกระโดดนะ
เอ๊ะ!!นี่มันคืออะไร กระเจี๊ยวยักษ์นี่หว่า ฮ่าๆๆๆ
ส่งความสุขให้ทุกๆ คนเลยค่ะ
เดินมาเหนื่อยๆ ก็หิวอีกแล้ว ขนมปังมะเช้าหมดไปกับการเดิน กระโดด วิ่ง ฮ่าๆๆๆ แต่น่ายินดีที่มีร้านขายไส้กรอก หอยจ่อ ก็ซัดกันตุ๋ยๆๆ ก่อนที่จะเดินลง แต่ทว่าเหนื่อยจริงๆ เลยวิ่งไปถามรถที่รับส่งว่าพี่ค่ะๆ พอดีพวกหนูไม่ได้ซื้อตั๋วรถแต่เดินขึ้นมาถ้าจะขอเกาะไปลงที่สวนหินงามคิดเท่าไหร่ค่ะ คนขับใจดีบอกว่าไม่รู้เท่าไหร่เดี๋ยวลงไปจ่ายเงินด้านล่างละกัน ได้ทีพวกเราก็กระโดดขึ้นรถ สบายแล้วเรา ฮ่าๆๆๆ ^^
พอลงมาถึงพื้นก็จ่ายค่ารถกันคนละ 10 บาท
จากนั้นก็แวะไปทำบุญไหว้พระที่พระธาตุเขายายหอมกันต่อ (ทางขึ้นเปลี่ยวเสียวมากค่ะ
)
บอกแล้วว่าพลังเหลือเยอะ ฮ่าๆๆๆ
:: อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม :: ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาพังเหยในเขต ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสระบุรี - ชัยบาดาล ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 205 เส้นทางชัยบาดาล - เทพสถิต - ชัยภูมิ ก่อนถึงอำเภอเทพสถิต จะมี ทางแยกซ้ายมือไปป่าหินงาม อีก 29 กิโลเมตร หากเดินทางเส้นทางจาก จ.นครราชสีมา ก็จะใช้เส้นทางนครราชสีมา - เพชรบูรณ์ โดยจะวิ่งผ่าน ต.หนองบัวโคก ผ่านบ.คำปิง เข้าสู่อำเภอเทพสถิต และเลี้ยวขวาบริเวณ สามแยกเพื่อจะไปในเส้นทาง เทพสถิต - ซับใหญ่ และหากท่านมาจากตัว เมืองชัยภูมิ ก็ต้องใช้เส้นทาง ระเหว - ซับใหญ่ - เทพสถิต เมื่อออกจากตัว กิ่งอ.ซับใหญ่จะถึงทางแยกขึ้นอุทยานฯ ก่อนที่จะถึง อ.เทพสถิต...
:: แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม :: << ป่าหินงาม >> "ป่าหินงาม" หรือ (ลานหินงาม) อยู่ทางทิศตะวันตกของที่ทำการอุทยานฯ ทั่วบริวเวณเรียงรายไปด้วยหินก้อนน้อย ใหญ่ รูปร่างแปลก ๆ มากมายในพื้นที่กว่า 10 ไร่ เป็นลานหินซึ่งเกิดจากการกัดเซาะดิน และเนื้อหินทรายมานานนับลานปี วาง เรียงรายสลับซับซ้อน อยู่เต็มลานบ้างก็มีรูปรา่างเหมือนกับถ้วยฟุตบอลโลก บ้างก็เหมือนกบเรด้า และรูปต่าง ๆ แล้วแต่จะ จินตนาการ แต่เมื่อดูแล้วชวนให้เกิดความเพลิดเพลินใจเป็นยิ่งนัก...
<< ทุ่งดอกกระเจียว >> "ทุ่งดอกกระเจียว" เกิดจากดอกกระเจียวป่า หลากหลายสายพันธุ์ ที่พร้อมใจกันขึ้นรายรอบบริเวณ ของอุทยานฯและจะมีอยู่บริเวณหนึ่งใช้พื้นที่หลายไร่ ที่จะมีดอกกระเจียวขึ้นอย่างหนาแน่นจนกลายเป็นทุ่ง ซึ่ง เวลามองดูก็จะเห็นเป็นสีชมพูปนขาว และมีสีเขียวของลำต้ันและก้านใบเป็นสีเขียวสด ประกอบกับสีเขียว ของหญ้าทีขึ้นมาแซม ทำให้ทุ่งกระเจียว เขียวขจี สวยงามเหมือนกับทุ่งในทรวงสวรรค์เลย โดยในช่วงฤดูฝน เริ่มต้นเดือนมิถุนายน ถึง ปลายเดือนกรกฎาคม ของทุก ๆ ปี ต้นกระเจียวจะออก ดอกสวยงามตระการตาไปทั่วผืนป่า จัดได้ว่าเป็น "นางเอกของอุทยานฯ" ก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะดอกกระเจียว จะไม่มีให้เห็นเลยนอกเสียจากในช่วงเวลาที่ว่านี่เท่านั้น...
<< จุดชมวิวสุดแผ่นดิน >> "สุดแผ่นดิน" อยู่ทางด้านทิศเหนือของที่ทำการอุทยานฯ เป็นแนวหน้าผาและชะง่อนหิน เป็นจุดสูงสุดบนเทือกเขา พังเหย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 846 เมตร เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินภาคกลาง (ฉานไทย) ซุกเข้าไปใต้แผ่นดิน อีสาน (อินโต - ไซน่า) ทำให้เกิดแผ่นดินที่ยกตัวสูงชัน เรียกว่า "สุดแผ่นดิน" คือเขตรอยต่อของ 3 ภาคอันได้แก่
1. แผ่นดินซีกทางอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ชัยภูมิ (ภาคอีสาน)
2. แผ่นดินซีกทางตะวันตกของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.ลพบุรี (ภาคกลาง)
3. แผ่นดินซีกทางเหนือของอุทยานฯ เป็นเขตของ จ.เพชรบูรณ์ (ภาคเหนือ)ซึ่งมีความสวยงาม อากาศเย็นสบาย และในตอนเช้า ๆ จะมีกลุ่มหมอกลอยผ่านหน้าเราไป เหมือนกับหยอกเย้ากับผู้มาเยือนเลย
ที่มา ://www.kukrajeaw.com/