WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 

น่านห่วงไข้เลือดออกพันธุ์ใหม่

//btgsf1.fsanook.com/weblog/entry/188/943885/denggy.jpg

หวั่นระบาดมากกว่าทุกปี
แจ้งเตือนทุกพื้นที่เฝ้าระวังเนื่องจากมีสัญญาณระบาดใหญ่


นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ รพ.น่าน
เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกใน จ.น่าน
ในปีนี้มีแนวโน้มการระบาดสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีผู้ป่วยแล้ว
70 ราย
ที่น่าเป็นห่วงคือการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยที่รับเชื้อมาจากต่างจังหวัด
โดยเฉพาะผู้ที่ไปทำงานที่อื่นหรือทหารจากชายแดนใต้ หากเป็นเชื้อใหม่
จะทำให้ผู้ได้รับเชื้อมีอาการป่วยที่รุนแรง เนื่องจากยังไม่มีภูมิ
ต้านทาน
หากทิ้งไว้อาจจะช็อกถึงเสียชีวิตได้


ผู้ป่วยที่รับเชื้อมาจากต่างถิ่นนอกพื้นที่ ควรรีบไปให้แพทย์รักษา
เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เชื้อชนิดใหม่ระบาดออกไป
ส่วนผู้ป่วยรายล่าสุดที่เป็นทหารถูกส่งต่อไปรักษาที่กรุงเทพมหานคร
ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเชื้อไปตรวจพิสูจน์
ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นสายพันธุ์ไหน
แต่ขณะนี้ได้แจ้งเตือนไปยังทุกพื้นที่ให้เฝ้าระวัง
เพราะมีสัญญาณจะมีการระบาดใหญ่ หากเป็นเชื้อใหม่จากต่างถิ่นก็จะอันตรายมาก.









 

Create Date : 23 มิถุนายน 2553    
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 11:26:13 น.
Counter : 353 Pageviews.  

แพทย์ผิวหนังเผยการสักเจาะฝังหมุดสุดขั้วอาจ เข้าข่ายโรคจิตหลงผิด

//btgsf1.fsanook.com/weblog/entry/188/944027/571.jpg

แพทย์ผิวหนังเตือนระวังสงสัยแมลงไชชอน
การสักเจาะฝังหมุดอย่างสุดขั้ว อาจเข้าข่ายโรคจิตหลงผิด
ระบุผู้ป่วยกลุ่มนี้มักไปพบแพทย์ผิวหนังมากกว่าพบจิตแพทย์
และมั่นใจว่าตัวเองหลงผิดคิดว่าผิวหนังผิดปกติจริง
ปฏิเสธการรักษาทางจิตเวช


นพ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนัง เปิดเผยว่า
ปัจจุบันพบกลุ่มอาการหลงผิด (delusional disorder)
ซึ่งเป็นกลุ่มอาการทางจิตเวชชนิดหนึ่ง
ผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถใช้ชีวิตปกติกับคนอื่นๆ ได้ พูดจารู้เรื่อง
ทำอะไรได้ทุกอย่างเหมือนคนทั่วไป
เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้คิดว่าตัวเองเจ็บป่วย ส่วนใหญ่จึงไม่เข้ารับการรักษา
ในทางด้านโรคผิวหนังก็พบโรคจิตหลงผิดของผิวหนังได้
เช่นกัน ซึ่งผู้ป่วยโรคจิตหลงผิดของผิวหนังจะมาพบแพทย์ผิว
หนัง
มากกว่าที่จะพบ จิตแพทย์
เพราะผู้ป่วยเชื่อว่าตนเองมีอาการทางผิวหนัง


โรคจิตหลงผิดของผิวหนัง ได้แก่
โรคจิตหลงผิดว่ามีปรสิตที่ผิวหนัง (delusions of parasitosis)
ผู้ป่วยจะเล่าว่ารู้สึกว่ามีพยาธิ หรือแมลงไต่, ไชชอน, กัดผิวหนัง
หรือบินออกจากผิวหนัง โดยมักเล่าประวัติอย่างละเอียด
รวมทั้งย้ำคิดย้ำทำที่จะแกะตัวพยาธิออก หรือใช้ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหิด
พบบ่อยว่าผิวหนังจะเป็นแผลจากการที่ผู้ป่วยทำเอง
ผู้ป่วยอาจนำของสะสมที่เป็นผ้าพันแผล, เส้นผม,
เศษผิวหนังที่สะสมในกล่องเล็กๆ มาให้แพทย์ดูด้วย ผิวหนังจะมีรอยแกะเกา,
ตุ่มนูน หรือแผล


นพ. ประวิตร กล่าวว่า นอกจากโรคจิตหลงผิดว่ามีปรสิตที่ผิว
หนัง
แล้ว ยังมีโรคหลงผิดทางผิวหนังอื่นๆ
อีกคือโรคฝังใจว่ามีเส้นใยไฟเบอร์ผุดออกมาจากผิวหนัง
(Morgellons disease) ผู้ป่วยเชื่อฝังใจว่ามีเส้นใยไฟเบอร์ หรือวัสดุอื่นๆ
ฝัง หรือผุดออกมาจากผิวหนัง ผู้ป่วยโทษว่าต้นเหตุเป็นวัสดุ
ไม่ได้เป็นพยาธิเหมือนในกรณีแรก โรคฉันไม่สวยไม่หล่อ หรือ body dysmorphic
disorders (BDD) ที่พบบ่อยขึ้นทั่วโลกในขณะนี้
ผู้ป่วยกังวลว่ามีความผิดปกติของผิวหนัง
หรือมีความผิดปกติ หรืออวัยวะไม่ได้สัดส่วน
การทำผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งบ่อยครั้งเกินไป การไปพบแพทย์ผิวหนังรักษาหน้า
รวมทั้งการสัก การเจาะ การฝังหมุด การผ่าลิ้นสองแฉก
และการตกแต่งร่างกายถาวรแบบสุดขั้วที่เรียกว่า extreme body modification
ในบางรายที่มีลักษณะหมกหมุ่นครุ่นคิด น่าจะเข้าข่ายเป็นโรคจิตหลงผิดชนิดนี้
ส่วนโรคจิตหลงผิดว่ามีกลิ่นตัว (delusions of bromhidrosis)
ผู้ป่วยจะวิตกกังวลว่ากลิ่นตัว, กลิ่นปาก หรือกลิ่นจากช่องคลอด


"ผู้ป่วยมักไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองมีความหลงผิด
เพราะมั่นใจว่ามีความผิดปกติของผิวหนังจริง
จึงพบบ่อยว่าผู้ป่วยปฏิเสธการรับการตรวจรักษาทางจิตเวช
พบว่าการใช้ยาที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาบ้า (amphetamines)
ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีตัวอะไรมาไต่, กัด หรือต่อย
แต่ผู้ป่วยไม่มั่นใจว่าเกิดจากปรสิต เรียกเป็นศัพท์แพทย์ว่า formication
ส่วนผู้ที่ติดโคเคนจะมีภาพหลอน (visual hallucinations)
และมีความรู้สึกว่ามีแมลงคลานอยู่ในผิวหนังเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า cocaine
bugs หรือ coke bugs" นพ.ประวิตร กล่าว.-


 







 

Create Date : 23 มิถุนายน 2553    
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 11:22:08 น.
Counter : 375 Pageviews.  

สธ.เตือนระวังโรคพิษสุนัขบ้า

//btgsf1.fsanook.com/weblog/entry/188/944204/dogb.jpg

กระทรวงสาธารณสุขเตือนประชาชนระวังโรคพิษสุนัขบ้า จากสถิติในรอบ
5 เดือนปีนี้ มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าแล้วกว่า 10 คน


กระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์โรคพิษ
สุนัขบ้า
ในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น ตั้งแต่เดือนมกราคม -
พฤษภาคม 2553 มีผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคนี้แล้ว 13 คน ใน 7 จังหวัด

ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 6 คน , กาญจนบุรี 2 คน
ส่วนที่เหลือเกิดในจังหวัดสระบุรี , สมุทรปราการ , สุพรรณบุรี , ตาก
และชลบุรี จังหวัดละ 1 คน โดย 12 คนถูกสุนัขกัดเกินครึ่งเป็นสุนัขมีเจ้าของ
อีก 1 คนถูกแมวจรจัดกัด โรคนี้เกิดได้ทุกฤดูกาล ไม่เฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น
ส่วนพื้นที่เสี่ยงพิเศษมี 2 จังหวัดคือ กรุงเทพมหานคร และกาญจนบุรี


ด้าน นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
ว่า สาเหตุของโรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ร้อยละ 90
มาจากสุนัข หากสุนัขติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจะมีอาการภายใน 1-2 เดือน
บางตัวอาจนานถึง 6 เดือน โดยการเลี้ยงสุนัขไม่ให้เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
ทั่วไปกำหนดให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคเมื่ออายุ 3 เดือนขึ้นไป ฉีดปีละ 1 ครั้ง
ส่วนการนำลูกสุนัขที่อายุยังไม่ถึง 3 เดือนไปเลี้ยง
เพราะเชื่อว่าสุนัขจะสอนง่าย เป็นเรื่องที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
เพราะลูกสุนัขอาจติดเชื้อมาก่อน หากเป็นลูกสุนัขที่ไม่มีคนดูแล
และแม่สุนัขไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือไม่รู้ประวัติแม่สุนัข
คาดว่าลูกสุนัขจะไม่มีภูมิคุ้มกันโรค
แต่ถ้าลูกสุนัขที่แม่มีประวัติฉีดวัคซีน
จะมีภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้าประมาณ 11 สัปดาห์







 

Create Date : 23 มิถุนายน 2553    
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 11:19:49 น.
Counter : 338 Pageviews.  

พบแม่เฒ่าอายุยืนที่สุด 115ปี

//btgsf1.fsanook.com/weblog/entry/188/944300/2315092.jpg

ผู้สื่อข่าวประจำศูนย์ฯ หาดใหญ่ รายงานว่า พบหญิงชราอายุยืนยาว
ที่สุดใน จ.สงขลา 115 ปี และสุขภาพร่างกายยังแข็งแร็งดี

โดยหญิงชราคนนี้ คือ นางตีบ ดำแดง อายุ 115 ปี หรือ
ที่ชาวบ้านเรียกว่า "ทวดตีบ" ปัจจุบันพักอยู่บ้านเลขที่ 21 ซอย 2
แก้วสมิทธิ์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา โดยอาศัยอยู่กับ นางผ่องศรี
บูรณพันธ์ อายุ 75 ปี ลูกสาวอย่างอบอุ่น และเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร
ให้กับลูกหลานในตระกูลของทวดตีบ ที่ขณะนี้มีมากกว่า 100 คน


สำหรับสภาพร่างกายของทวดตีบ แม้หูตาจะฝ้าฟางไปตามอายุขัย
และเดินเหินไม่ค่อยสะดวก ต้องช่วยประคอง แต่สุขภาพโดยรวมยังแข็งแรง
ไม่เจ็บป่วยออดๆ แอดๆ และยังสามารถพูดจาสื่อสารรู้เรื่อง
และความจำยังดีอยู่ และสามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สำคัญๆ ของไทย เช่น สมัยพระเจ้าตาก
หรือ แม้แต่เหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่น ยกพลขึ้นบก ที่
จ.สงขลา


ทวดตีบ เผยว่า จำได้ว่าเกิดวันจันทร์ เดือนแปด ปีมะเส็ง
ส่วนวันที่เท่าไร่ หรือ ปี พ.ศ. อะไรนั้นจำไม่ได้
และหลักฐานได้หายไปหมดแล้ว เนื่องจากในอดีตไม่ได้มีการแจ้งเกิด
กับทางการที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน
ขณะที่เพื่อนที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน ได้ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว
แต่ปัจจุบันอายุไม่ต่ำกว่า 115 ปี เดิมทีเป็นชาวโพธิ์เลงาม ต.หน้าสตน
อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช


และ ทวดตีบ ได้บอกถึงเคล็ดลับที่ทำให้มีอายุยืน และสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ไม่เป็นโรคร้ายแรง ว่า ตั้งแต่เด็กๆ กินอาหารที่เป็นประโยชน์ จำพวกผัก,ปลา
แต่ที่ชอบที่สุด คือ กุ้งหวาน และ กล้วยน้ำว้า
ซึ่งปัจจุบันก็ยังกินอยู่ขาดไม่ได้ ที่สำคัญคือ
น่าจะเป็นเพราะบุญกุศลที่ได้ทำมา เนื่องจากสมัยอดีตชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ
โดยเฉพาะการสร้างวัด หากรู้ว่าจะมีการสร้างวัดที่ใด ไม่ว่าจะใน จ.สงขลา
หรือ จังหวัดใกล้เคียง เช่น พัทลุง สตูล หรือ ปัตตานี
ก็จะเดินทางไปร่วมทำบุญทุกที่ ที่สามารถไปได้


 







 

Create Date : 23 มิถุนายน 2553    
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 11:17:08 น.
Counter : 349 Pageviews.  

เมื่อมีปัญหา ส้นเท้าแตก

//uppic.happymass.com/upload/326922439d841d22aff65495e11ff55c.jpg


เท้าและส้นเท้าเป็นอวัยวะที่
ถูกใช้งานทั้งวัน อีกทั้งผิวส่วนนี้ไม่ค่อยมีไขมันมาเคลือบ
จึงมักแห้งแตกเป็นร่องได้ และอาจเจ็บจนเดินไม่ถนัด ถ้ามีบาดแผล
เชื้อโรคก็เข้าสู่ร่างกายได้ ไม่อยากให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ต้องดูแลให้ดีค่ะ



สิ่งที่ควรทำ


*
เท้าแตกเกิดจากการใส่รองเท้าเปิดส้นนานๆ ด้วย เช่น รองเท้าแตะคีบ
รองเท้าฟองน้ำ รองเท้าสาน ดังนั้นหันมาใส่รองเท้าหุ้มส้น
โดยเลือกรองเท้าที่บุพื้นภายในที่นุ่ม
สวมใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าลำลองใส่ในบ้านบ้างค่ะ
* แช่เท้าในน้ำสบู่
10-15 ให้ผิวที่แห้ง แตก หยาบกร้านนิ่มลง
แล้วใช้หินขัดถูส้นเท้าสัปดาห์ละครั้ง
*
หลังอาบน้ำใช้ครีมนวดทาส้นเท้าให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวจนผิวชุ่มชื้น
*
รักษาส้นเท้าแตก ด้วยสูตรธรรมชาติมากมายหลายสูตร เช่น...

+
ทาด้วยน้ำมะนาวผสมดินสอพองหรือ ยางมะละกอ หรือถูด้วยสารส้มกับน้ำชุบสำลี
หรือทายางต้นรัก หรือถูด้วยเปลือกกล้วยหอมก็ได้
+ แช่เท้าในน้ำสบู่
แล้วใช้วาสลีน 1 ช้อนชาผสมน้ำมะนาว 1 ลูกถูส้นเท้า หรือบดสตรอเบอร์รี่
เติมน้ำมันมะกอกกับเกลือ นวดส้นเท้า หรือผ่าส้มเป็นแว่น 2 ผล น้ำมันพืช 1
ถ้วย เกลือทะเล 1 ถ้วย นำน้ำมันพืชผสมกับเกลือ จุ่มส้มลงไป
แล้วนำมาขัดส้นเท้า
+ ต้มนมเติมน้ำมะนาวกับกลีเซอรีน
พอเย็นใช้ทาส้นเท้าก่อนนอน ใส่ถุงเท้าฝ้ายทับเพื่อลดอาการแตก
จะบดกล้วยหอมสุกหรือหัวหอมใหญ่ให้ละเอียดก็ได้ แล้วทาส้นเท้าแตก ใช้ผ้าพัน
ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างน้ำออกค่ะ



สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

*
ไม่ปล่อยให้น้ำหนักตัวมากเกินไปจนอ้วน
เพราะจะทำให้ส้นเท้ารับน้ำหนักมากจนส้นเท้าแตก
* ไม่ปล่อยให้ผิวแห้ง 
เพราะมีแนวโน้มที่จะทำให้ส้นเท้าแตกได้ง่าย
*
หลีกเลี่ยงการสวมใส่รองเท้าส้นเปิด ถ้าต้องเดินบนพื้นเย็นๆ เป็นประจำ
*
หลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า โดยไม่สวมรองเท้าเป็นเวลานาน ๆ
เพราะจะทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าเริ่มขาดความยืดหยุ่น
ผิวจะเริ่มหนาแล้วแข็งขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดผิวหนังส่วนนี้แห้งและแตก
*
หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็นมาก ทำให้ผิวแห้งง่าย เช่น
ทำงานในห้องแอร์ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ทาครีมที่เท้าและส้นเท้าด้วย
*
หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เท้าสัมผัสน้ำบ่อยๆ หรือแช่น้ำนานๆ
*
หลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานานๆ บนพื้นเข็งๆ เช่น พื้นปูนซีเมนต์
โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักตัวมาก เพราะจะทำให้ส้นเท้าแตกง่ายด้วยค่ะ





 

Create Date : 20 เมษายน 2553    
Last Update : 20 เมษายน 2553 15:03:46 น.
Counter : 406 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.