|
ยางรถยนต์บอกอะไรคุณบ้าง
ถ้าเปรียบเท้าเราคือล้อรถที่ไว้สำหรับเดินทาง ยางรถยนต์ก็เปรียบเสมือนรองเท้าที่ช่วยให้การเดินทางราบรื่นไม่สะดุดหรือ ลื่นไถลออกนอกเส้นทาง วันนี้จะมาพูดเรื่องของยางซึ่งเราจะต้องใช้มันไปตลอดระยะเวลา 365 วัน ย่อมที่จะทำให้ยางนั้นสึกหรอไปตามอายุการใช้งาน ซึ่งยางรถยนต์นั้นมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 2 ปีกว่า ถ้ารถยนต์ของท่านมีอายุการใช้งาน 2 ปี ก็ควรที่จะทำการเปลี่ยนยางของท่านได้แล้วครับ สำหรับในกรณีที่ยางรถยนต์ของท่านได้รับการปะมากกว่า 3 แผล ขอแนะนำให้ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่จะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ (ถ้าใช้ยางรถยนต์ที่มีรอยปะสตรีมมามากว่า 3 แผลแล้วนั้น อาจทำให้เกิดยางระเบิดในระหว่างการขับขี่ได้)
ก่อนที่ท่านจะไป เปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่นั้นควรที่จะทราบถึงโครงสร้างตัวอักษรของยางรถยนต์ กันเสียหน่อย ในหน้าที่หลักของยางรถยนต์ รองรับน้ำหนักเพื่อการบรรทุก ลดแรงกระแทกและสั่นสะเทือนจากพื้นผิวถนน พร้อมทั้งเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดพลังงานขับเคลื่อนไปสู่พื้นผิวถนน และยังช่วยให้ทิศทางรถยนต์เปลี่ยนทิศทางไปตามการบังคับควบคุมพวงมาลัย
จากอดีต ถึงปัจจุบัน ยางรถยนต์ได้มีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง จากยางรถยนต์แบบธรรมดาที่มีโครงสร้างแบบสลับไขว้ทแยงมุมหรือประสานกันจากขอบ ยางด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ทำให้ยางในอดีตนั้นให้ความนุ่มนวลในการขับขี่มาก แต่ก็เกิดการสึกหรอของหน้ายางมากเช่นกัน จากปัญหาที่เกิดขึ้นจึงทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างยางรถยนต์ขึ้นใหม่เป็นยาง เรเดียล เป็นเส้นตรงจากขอบยางด้านหนึ่งข้ามไปยังอีกด้านหนึ่ง หรือเส้นคอร์ดไปตามรัศมีหน้าคาดยางยึดโครงยาง วางตัดมุม 90 องศากับเส้นรอบวงยาง โดยมีเข็มรัดหน้ายางคาดยึดโครงยางไว้ในเส้นรอบยาง ทำให้ยางมีความแข็งแรงทนต่อการสึกหรอได้ดี ช่วยลดการใช้พลังงานในการขับขี่ (ประหยัดน้ำมัน) และให้การเบรกที่มั่นใจ ซึ่งยางเรเดียลได้เป็นที่นิยมใช้อย่างในปัจจุบันนี้
โครงสร้างของ ยางรถยนต์ แบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกันคือ 1. เนื้อยาง หรือหน้ายาง เป็นส่วนที่สัมผัสกับผิวถนน ทำหน้าที่ปกป้องกันไม่ให้โครงยางได้รับความเสียหาย เมื่อมีของมีคมบาดหรือทิ่มตำยาง และยังได้ช่วยในการยึดเกาะถนน รีดน้ำเมื่อเวลาขับขี่บนเส้นทางเปียกลื่น 2. โครงยาง เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยรักษาแรงดันลมยางในขณะล้อเลื่อนสัมผัสกับพื้นผิวถนน 3. เข็มขัดรัดหน้ายาง เป็นชิ้นส่วนที่ติดตั้งอยู่ระหว่างหน้ายางกับโครงยางทำหน้าที่เป็นฉนวน ป้องกันชั้น 2 พร้อมทั้งยังได้เสริมความแข็งแรงให้กับหน้ายางให้รองรับแรงกระแทกได้เพิ่ม มากขึ้น 4. ขอบยาง มีความสำคัญในการยึดส่วนปลายทั้ง 2 ข้างของโครงสร้างยาง เพื่อให้ขอบยางทั้ง 2 ข้างมีความแข็งแรง สามารถยึดเกาะสนิทแน่นกับกระทะล้อได้ดี ซึ่งวัสดุที่นิยมทำขอบยางนั้นจะเป็นยางพารา มีคุณสมบัติในความทนทานแต่แรงดึงสูง ไม่แตกร้าว
นอกจากการรับทราบถึง ส่วนประกอบของยางรถยนต์กันแล้ว สิ่งที่ควรรู้ต่อมานั้นคือ ตัวอักษรที่เขียนไว้บนแก้มยาง เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง ถ้าก้มลงไปดูที่แก้มยาง จะมีอักษรต่างๆที่โชว์อยู่รอบๆยาง แก้มยางอักษรที่แสดงอยู่นั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงขนาดหน้ายาง แก้มยาง ขอบกระทะล้อ สมรรถนะขีดจำกัด และวันที่ผลิตยาง
การดูขนาดของแก้มยงรถ ยนต์ให้สังเกตดูที่ตัวเลขที่เรียงติดกัน ในลักษณะแบบนี้ 235/40/R18 ตัวเลข 235 นั้นแสดงถึงความกว้างของหน้ายางที่สัมผัสกับพื้นผิวของถนนมีหน่วยเป็น มิลลิเมตร ตัวเลขที่สองคือ 40 เป็นอัตราส่วนของแก้มยางที่มีความสูงเป็น เปอร์เซ็นต์ของหน้ายาง ซึ่งแก้มยางของยางรถยนต์เส้นนี้มีแก้มยางเป็น 40% ของหน้ายาง อักษรต่อมานั้นคือ R อักษร R นั้นหมายถึงโครงยาง ยางแบบเรเดียล โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางกระทะล้ออยู่ที่ 18 นิ้ว
มาต่อกันที่การอ่าน ค่าวันที่ผลิต ยางเส้นนี้ นอกจากการดูขนาดของรถยนต์ให้ตรงกับสเปกของรถยนต์ตรงกับขนาดของล้อแม็กแล้ว นั้น อีกสิ่งที่ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์นั้นพึงให้ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ วันที่ผลิตยางรถยนต์ วันที่ผลิตรถยนต์จะแสดงอยู่บนแก้มยาง ด้วยตัวเลขเพียง 4 ตัว เช่น 4407 ตัวเลข 44 คู่หน้านั้นแสดงสัปดาห์ที่ผลิตยางรถยนต์ ส่วนตัวเลขคู่หลังนั้นแสดงถึงปีที่ผลิตยาง ซึ่งอย่างรถยนต์เส้นนี้ผลิตสัปดาห์ที่ 44 ของปี 2007 และนอกจากการดูขนาดและวันที่ผลิตแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ท่านผู้ขับขี่ควรตรวจเช็คนั้นคือ Rotation ยางรถยนต์ Rotation เป็นยางรถยนต์สมรรถนะสูงเน้นการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ดอกยางได้รับการออกแบบเป็นพิเศษให้เกาะถนนดีเยี่ยม ให้ความนุ่มนวล และเงียบ การใส่รถยนต์ที่มีสมรรถนสูงอย่างนี้ ควรดูที่ลูกศร ที่โชว์อยู่ด้านข้างแก้มยาง เพื่อการใช้งานที่เต็มประสิทธิภาพ สุดท้ายนี้ขอฝากข้อคิดก่อนใช้รถใช้ถนนทุกครั้ง ก่อนออกเดินทางควรตรวจเช็คลมยางทั้ง 4 ล้อรวมถึงยางอะไหล่ด้านหลังด้วย เพื่อความปลอดภัยในการใช้ถนนร่วมกันครับ
Create Date : 27 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 21:48:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 166 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|