WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 
การสตาร์ทรถสำคัญไฉน แล้วถ้าทำไม่ถูกวิธีจะเป็นอย่างไร

เมื่อคราวก่อนเราได้พูดถึง
การดูแลรักษารถขั้นพื้นฐานกันไปแล้ว
คราวนี้ก่อนทุกท่านจะขับรถก็ต้องมาสตาร์ทรถกันก่อน
แล้วสตาร์ทรถต้องมีวิธีด้วยเหรอ เป็นคำถามที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาครับ
เพราะว่าเป็นความปลอดภัยขั้นแรกก่อนที่ท่านจะนำรถแล่นสู่ท้องถนนเลยทีเดียว
แล้วเราจะต้องดูอะไรบ้าง ก่อนอื่นเลยท่านจะต้องแน่ใจด้วยว่า
เกียร์จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ว่าง และเบรกมือจะต้องถูกดึงขึ้นด้วย
เกิดท่านหลงเกียร์แล้วสตาร์ท (สำหรับเกียร์ธรรมดา)
รถของท่านจะวิ่งไปชนคันหน้าที่จอดอยู่ หรือไม่ก็ชนผนังบ้านได้
ถ้ายังไม่แน่ใจสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่
ควรเหยียบคลัตช์ไว้ด้วยเพื่อป้องกันรถออกตัว และจะปลอดภัยมากขึ้นด้วย

ก่อนจะสตาร์รถท่านเคยสังเกตหรือไม่ว่าจะมี
ตัวอักษรสี่ตัวอยู่รอบๆสวิตช์กุญแจ ซึ่งมีอยู่
4 ตำแหน่ง
คือ
Lock (Lock), A.C.C.(เอซีซี), On (ออน), และ Start (สตาร์ท) ส่วนแต่ละตำแหน่งมีหน้าที่หรือสำคัญอย่างไร
ผมจะพูดถึงตำแหน่งของมันนะครับ จะเริ่มกันที่ตำแหน่งแรก คือ

ตำแหน่งล็อค (Lock) เป็นตำแหน่งที่เสียบ
รูกุญแจไปในตอนแรก ในต่ำแหน่งนี้
พวงมาลัยจะถูกล็อคและจะหมุนไปซ้ายขวาไม่ได้
ก็ให้บิดกุญแจหมุนไปยังตำแหน่งที่
2 คือ เอ.ซี.ซี.
สำหรับรถใหม่นั้น กุญแจจะหมุนไปตำแหน่งที่สอง
แล้วลองขยับพวงมาลัยรถหมุนไปมาเบาๆ จะทำให้ลูกกุญแจหมุนปลดล็อคได้ง่ายขึ้น




สำหรับตำแหน่ง เอ.ซี.ซี.
นั้นเป็นตำแหน่งที่สวิตช์กุญแจปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาหล่อเลี้ยงวงจรอำนวยความ
สะดวกบางวงจร เช่น วิทยุ-เทป พัดลม ไฟหรี่ เป็นต้น
ถ้าท่านสังเกตเวลาเราถอดกุญแจรถแล้วจะรู้สึกว่ากุญแจร้อน
เวลาดับเครื่องสวิตช์ก็จะบิดมาอยู่ที่ตำแหน่งนี้เช่นกัน ตำแหน่งที่ 3
เป็นตำแหน่ง ออน
(ON) ในตำแหน่งนี้
เมื่อเราปิดสวิตช์ไปในตำแหน่งที่ 2
ที่ตำแหน่งนี้สวิตช์จะปล่อยกระแสไฟฟ้าพร้อมที่จะหล่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าต่างๆ
ยกเว้นระบบสตาร์ทอย่างเดียว และตำแหน่งนี้แหละครับ
ขณะที่เครื่องยนต์ติดเครื่องหรือวิ่งอยู่
ลูกกุญแจจะอยู่ในตำแหน่งนี้ตลอดเวลา




สำหรับตำแหน่งสุดท้าย
คือตำแหน่งที่เราจะพูดคุยกันในตอนนี้แหละครับ
สำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรกในหน้าฝนและหน้าหนาวนั้น
จะทำให้เครื่องติดยาก ดีไม่ดีไฟหมดหม้อแบตเตอรี่
เห็นจะต้องรบกวนสมาชิกของบ้านช่วยเข็น
ด้วยเหตุนี้การสตาร์ทในตอนเช้าอากาศหนาวๆนั้น
การจะดึงโช้กสำหรับรถที่ใช้มือ และถ้าโช้กมือเสียก็แก้ไข
โดยก่อนจะสตาร์ทให้เหยียบคันเร่งแรงๆ 2 ถึง 4 ครั้ง
แต่สำหรับรถยนต์ที่ใช้โช้กอัตโนมัติ ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากในการสตาร์ท
ให้สตาร์ทได้เลย




วิธีการสตาร์ทกระทำได้ไม่ยาก
เพียงบิดลูกกุญแจไปยังตำแหน่งสตาร์ท หรือตำแหน่งขวาสุด
จะได้ยินเสียงไดร์สตาร์ทขับล้อช่วยแรงของเครื่องยนต์หมุนดัง แช้ดๆ
พร้อมกันนี้ให้ท่านใช้เท้าขวาเหยียบคันเร่งเบาๆ แล้วเครื่องยนต์จะติด
เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วให้ท่านปล่อยมือจากลูกกุญแจ
ลูกกุญแจจะบิดกลับมาอยู่ในตำแหน่ง
(ON) โดยอัตโนมัติ




เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว
อย่างเร่งเครื่องหรือเบิลเครื่องแรงๆเพราะในการติดเครื่องครั้งแรกนั้น
น้ำมันหล่อลื่นชิ้นส่วนทางตอนบนมีน้อยไม่เพียงพอ อันได้แก่ กระเดื่อง
กดลิ้น เพลากระเดื่องกดลิ้น สิ้นไอดีไอเสียหรือเพลาลูกเบี้ยว
สำหรับเครื่องยนต์แบบโอเวอร์เฮดแคมชาฟต์เป็นเครื่องยนต์ที่มีเพลาลูก
เบี้ยวอยู่บนฝาสูบ จะทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้สึกหรอ เพราะเมื่อจอดทิ้งไว้
น้ำมันจะไหลหยดลงก้นอ่าง น้ำมันเครื่องหมด
เมื่อเร่งเครื่องทันทีทันใดอย่างรวดเร็ว ขณะขาดน้ำมันหล่อลื่น
จะทำให้เหล็กเสียดสีกัน การสึกหรอจึงมีสูง อายุการใช้งานจึงสั้น
ฉะนั้นเมื่อติดเครื่องแล้ว ก็อย่าเร่งนะครับ
ปล่อยให้เครื่องยนต์ติดในตำแหน่งเดินเบาของมันไปเรื่อยๆ ประมาณ 3-5 นาที  และในการสตาร์ทอย่าสตาร์ทติดต่อกันนานเกิน 15 วินาที
จะทำให้ไดชาร์ตและแบตเตอรืเสื่อมสภาพเร็ว




ในกรณีเครื่องเย็นและจอดรถไว้ไม่ได้ใช้
มาหลายวัน ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ ให้เหยียบคันเร่งให้สุดแล้วปล่อยประมาณ
2-3 ครั้ง จะทำให้ส่วนผสมของไอดีหนาขึ้น แล้วจึงสตาร์ทเครื่องยนต์
แต่ไม่ต้องเหยียบคันเร่งแล้ว เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว ประมาณ 30 วินาที
ให้ย้ำคันเร่ง 1-2 ครั้ง เพื่อให้เครื่องยนต์กลับมาสู่รอบเดินเบาปรกติ
สังเกตได้จากแผงหน้าคอนโซลหน้ารถ ถ้าไฟอุณหภูมิดับ หรือ เข็มอุณหภูมิ
อยู่กึ่งกลาง แสดงว่าเครื่องสามารถออกรถได้




ถ้าเครื่องยนต์ยังอุ่นอยู่
ให้เหยียบคันเร่งเพียงครึ่งเดียวแล้วบิดกุญแจสตาร์ท
แต่ถ้าเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่แต่สตาร์ทรถไม่ติด อาจเป็นเพราะน้ำมันท่วม
ให้เหยียบคันเร่งสุดประมาณ 15-20 วินาที
ขณะที่เหยียบคันเร่งสุดบิดกุญแจสตาร์ทประมาณ 20-30 วินาทีติดต่อกัน
เพื่อกำจัดเชื้อเพลิงส่วนเกินที่เข้าไปในห้องเผาไหม้
แต่ถ้าเครื่องยนต์ยังไม่ติดอีก ให้รอสักครู่แล้วลองอีกที
แต่อย่าย้ำคันเร่งเพียงแต่เหยียบคันเร่งให้สุดค้างไว้ก็พอ




เทคนิคเล็กน้อยๆ
แบบนี้ก็สามารถช่วยให้คุณสามารถรักษาเครื่องยนต์และระบบภายในเครื่องยนต์ให้
อยุ่ในสภาพที่ดีได้ยืนยาว อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้น
ทำให้ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินไปเรียกช่างมาด้วยครับ
ไว้คราวหน้าจะมาพูดต่อในเรื่อง การเตรียมรถยนต์เข้าสู่ฤดูร้อนครับ




 





Create Date : 27 มิถุนายน 2553
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 21:41:34 น. 0 comments
Counter : 267 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.