ชุลมุนลุ้นรัก บทที่ 1 - วินุตตา
บทที่ 1 หนี!



ถ้ากานต์กมลจำไม่ผิด...ความซวยมาเยือนเธอเมื่อสามเดือนก่อน...


ในเย็นวันนั้น ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้วกดรีโมตโทรทัศน์ในมือเปลี่ยนช่องไปมาด้วยความเบื่อ สักพักแม่ที่มานั่งข้างเธอนานพอสมควรจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน แต่ถ้าเธอรู้เรื่องมาก่อนล่ะก็ว่าแม่จะพูดเรื่องอะไร กานต์กมลสาบานว่าวันนั้นเธอจะรีบหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย!

‘แต่งงาน!’ หญิงสาวผุดลุกขึ้นตะโกนดังลั่นในขณะที่คนเป็นแม่ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก ราวกับไม่รับรู้ว่าตนเองนั้นคือต้นเหตุที่ทำให้คนเป็นลูกถึงกับร้อนรนอยู่ไม่สุข

‘ใช่แล้วยัยกานต์ แล้วนี่แกจะยืนค้ำหัวแม่อีกนานไหม นั่งลงได้แล้ว’

‘ยัยกานต์’ กระแทกตัวลงนั่งตามที่มารดาบอกทันทีใบหน้าสวยของเธอบูดบึ้งลงอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้มันปีไหน พ.ศ.ไหนกันแล้ว เรื่องคลุมถุงชนบ้าๆนี่มันเกิดขึ้นกับเธอได้ยังไงกัน?!

‘ขอถามสักคำ...ทำไมหนูถึงต้องแต่งงาน?’

หญิงสาวเอ่ยถามออกมาตรงๆ ด้วยความมึนกับสิ่งที่มารดาบอก...โอ๊ย! แค่คิดเธอก็ปวดหัวจี๊ดแล้ว...

‘ก็เมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันกับน้ำไปดูดวงของพวกลูกๆกันมา แล้วแกรู้มั้ยยัยกานต์ว่าฉันขนลุกขนาดไหนตอนที่หมอดูเขาดูดวงแกกับตาเทวินทร์’ พูดมาถึงตรงนี้แม่เธอก็ยกมือลูบแขนตนเองเป็นเชิงบอกว่าท่านขนลุกแค่ไหนในตอนนั้น ‘หมอดูบอกว่าแกกับตาเทวินทร์ดวงเกื้อกูลอุปถัมภ์กัน...เป็นดวงเนื้อคู่ แล้วนี่! ที่สำคัญ...ตอนนี้หมอดูทายว่าแกจะมีเคราะห์...หากแต่งงานแล้วจะสามารถสะเดาะเคราะห์ได้’

‘เทวินทร์?...เนื้อคู่?...สะเดาะเคราะห์?’ หญิงสาวทวนคำมารดาด้วยความงุนงงไม่หาย

‘ใช่’

‘นี่แม่จะบ้าเหรอ?!’ กานต์กมลตะโกนดังลั่นออกมาเลยคราวนี้ ‘แม่จะให้หนูแต่งงานเพราะคำหมอดูนี่นะ บ้าไปแล้ว...บ้าไปแล้วแน่ๆ’

“ฉันไม่ได้บ้า...ก็ในเมื่อหมอดูก็บอกแล้วว่าดวงแกกับตาวินเป็นดวงเนื้อคู่กัน พวกแกก็แต่งงานกันเสียเลยสิ ดีซะอีกไม่ต้องจีบกันให้เสียเวลา แถมถูกใจผู้ใหญ่ทุกๆฝ่าย’ พูดมาถึงตรงนี้คุณเมษาก็ตาลอยฝันหวาน...ในที่สุดสิ่งที่หวังก็เป็นจริง เธอและวารีเพื่อนสนิทหรือมารดาของเทวินทร์ก็จะได้มาเป็นญาติกันเสียที

‘นี่แม่บ้าไปแล้วแน่ๆ แม่จะให้หนูแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักนี่นะ! เกิดอีตาเทวินทร์นี่พิการขาเป๋ ตาเหล่ น้ำลายยืดแม่จะทำยังไง’ หญิงสาวถอนหายใจเสียงดัง หากในใจนึกอาฆาตหมอดูที่แม่เธอไปหา เหอะ! ไอ้หมอดูนั่นมันโชคดีที่เธอไม่ได้เป็นคนพาแม่ไป ไม่อย่างนั้นเธอจะไปเอารองเท้ายัดปากหมอดูให้ดู!

‘แกก็พูดเกินไป ตายวินออกจะหล่อเหลา’

‘ก็แหงล่ะสิแม่ เหลาแล้วนี่ถึงได้หล่อน่ะ!’

‘เอ๊ะ! ยัยกานต์’ คุณเมษาร้องออกมาอย่างขัดใจ ‘ไม่รู้แหละ...ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องแต่ง ทำเพื่อแม่สักครั้งไม่ได้เลยรึไง ตอนนี้เรามีกันแค่สองแม่ลูก...แกอยากให้แม่อกแตกตายรึไง!’

‘แม่...’ กานต์กมลจำได้ว่าหญิงสาวไม่อาจเถียงมารดาได้เลยแม้จะประท้วงด้วยวิธีสารพัดหากแม่ก็ไม่ยอมรับฟังอะไรเลย สุดท้ายเธอจำต้องทำตามสิ่งที่มารดาต้องการ แต่งงานสะเดาะเคราะห์เนี่ยนะ! แม่เธอเอาส่วนไหนคิดกัน...โธ่...เธอล่ะอยากจะบ้าตาย แต่เพราะรู้ว่าต่อให้บ้าตายไปจริงๆ แม่เธอคงต้องบุกนรกแล้วชิงวิญญาณเธอให้ขึ้นมาแต่งงานให้ได้แน่ๆ กานต์กมลจึงได้แต่ก้มหน้ารับความซวยที่มาเยือนเธอ

แน่นอนว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาก่อนถึงเวลางานแต่งงานนั้น หญิงสาวและว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ ต่างไม่เคยเจอหน้ากันเลยสักครั้ง สำหรับตัวเธอนั้นหลบได้เป็นหลบ...เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง จนมารดาของเธอถึงกับตบอกผางแล้วต่อว่าเธอจะเป็นจะตายแต่กานต์กมลไม่สนใจ จวบจนเวลาของวันงานกระชั้นชิดเข้ามา...และในที่สุดก็ถึงวันงาน... กานต์กมลกลุ้มใจมาก เธอไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่เธอไม่เคยรัก...ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า...สงสัยผู้ชายคนนั้นต้องสติไม่สมประกอบแน่ๆถึงได้ยอมให้ผู้ใหญ่ทำอะไรแบบนี้โดยไม่คัดค้าน

จนสุดท้าย...ในขณะที่นั่งอยู่คนเดียวรอบรรดาช่างที่จะเข้ามาแต่งตัวให้กับเธอ...หญิงสาวตัดสินใจหนีไปตายเอาดาบหน้า ให้งานแต่งในวันนี้ล่มดีกว่าให้ชีวิตทั้งชีวิตของเธอล่ม! หญิงสาวตัดสินใจเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้มารดา แล้วหลังจากนี้ค่อยกลับมาง้อท่านทีหลังแล้วกัน ส่วนทางนี้คงต้องหวังพึ่งกัตติกา ญาติสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันให้ดูแลแม่ของเธอไปพลางๆก่อน ในขณะที่เธอกำลังหนีตาย



++++++++++++


“โอ๊ย!” ความคิดของกานต์กมลสะดุดลง หญิงสาวเซถลาไปข้างหน้าตามแรงกระแทกที่พูดได้เต็มปากว่าแรงมาก และเมื่อตั้งตัวได้เธอก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่เดินชนเธอทันที และสิ่งที่เธอเห็นก็มีเพียงแผ่นหลังกว้างที่อยู่ในเสื้อแจ็กเก็ตยีนเท่านั้น ผู้ชายที่เดินชนเธอไม่มีความคิดที่จะหันมาขอโทษเธอเลยด้วยซ้ำ กานต์กมลเม้มริมฝีปากบางของตนเอง ก่อนจะคลายออกแล้วบ่นกับตนเองและแน่นอนว่าต้องการให้คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าได้ยินด้วย

“คนอะไร ช่างไร้มารยาท ไร้สามัญสำนึก ชนคนอื่นแล้วไม่รู้จักขอโทษ...ยังงี้แหละน้าคนเราสมัยนี้...แค่คำขอโทษง่ายๆก็พูดไม่ได้” หญิงสาวลอยหน้าพูด(บ่น)หมายจิกกัดคนไร้มารยาทในความรู้สึกของเธอเต็มที่ แม่สาวห้าวกระชับกระเป๋าเป้ของตนเองแล้วเดินมาหยุดข้างๆผู้ชายที่เดินชนเธอ

ตอนนี้เธอกำลังรอรถแท็กซี่บริเวณป้ายรถเมล์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโบสถ์ที่ใช้จัดพิธีแต่งงานในวันนี้ของเธอ...คิดถึงงานแต่งบ้าบอนั่นแล้วเสียอารมณ์! เธอชะเง้อมองทางขวามือของตนเองไม่หยุดสลับกับมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้อีกไม่นานใครๆก็จะรู้แล้วว่าเธอหายตัวไป แล้วไอ้รถแท็กซี่บ้าก็ไม่ผ่านมาเสียที! แล้วเมื่อไหร่เธอจะได้ไปให้พ้นๆจากที่นี่กันล่ะ คิดแล้วยิ่งหงุดหงิด...ทีตอนไม่ต้องการล่ะมาเยอะ ทีต้องการกลับไม่ผ่านมาสักคัน ชะเง้อมองไปทางขวามืออีกครั้งแล้วเห็นร่างสูงๆของคนไร้มารยาทแล้วยิ่งหงุดหงิดยกกำลังสอง คนเรานี่ก็ช่างไร้มารยาทและสามัญสำนึกกันเสียจริงจริ๊ง! แดกดันไปขนาดนั้นแล้วยังไม่รู้จักสำนึก แล้วยังกล้าที่จะวางหน้าเฉยอีก


กานต์กมลคิดแล้วมองปราดไปทั่วร่างสูงของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเมื่อเห็นใบหน้านั้นชัดตาแล้วก็ต้องยอมรับกับใบหน้าคมของเจ้าตัวนั้นดูดีไม่น้อย เหอะ! หน้าตาก็ดีและดันไร้สามัญสำนึกคนอย่างกานต์กมลก็ไม่สนใจหรอกนะยะ แล้วเธอก็มาสะดุดกับกระเป๋าใบใหญ่ที่เจ้าตัวหอบหิ้วเหมือนกัน ก่อนจะตัดใจไม่สนใจคนที่ยืนข้างๆอีกต่อไป

และแล้วรถแท็กซี่ที่เธอรอคอยก็ผ่านมาเสียที และที่สำคัญยังว่างซะด้วย หญิงสาวโบกมือเรียกรถทันที แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะถือเป็นวันมหาซวยของเธอ เพราะผู้ชายไร้มารยาทที่ยืนข้างๆเธอก็โบกมือเรียกรถคันนี้เช่นกัน และทันทีที่รถจอดเทียบตรงหน้าคนทั้งสอง ชายหนุ่มก็ทำท่าก้าวตรงไปเปิดประตูรถทันที หญิงสาวกระชากแขนของเขาทันที แล้วชี้หน้าชายหนุ่มพลางพูดด้วยความโมโห

“นี่คุณ หัดมีมารยาทซะบ้าง ฉันมารอก่อนฉันก็ต้องมีสิทธิ์ก่อนสิ!”

เขาปรายตามองใบหน้าของหญิงสาวสลับกับมือที่ยังคงเหนี่ยวแขนของเขาอยู่ และกริยานั้นก็เป็นเหมือนชนวนชั้นดีที่เพิ่มแรงโทสะให้กับแม่สาวขี้โมโหอย่างกานต์กมลได้ หญิงสาวกระชากแขนชายหนุ่มให้พ้นไปจากกรอบประตูรถเต็มๆแรง ชายหนุ่มก้าวถอยหลังตามแรงกระชากเต็มแรงนั้นและแน่นอนว่าเขาไม่ยอมถอยออกมาเพียงคนเดียวแน่ๆ เพราะเมื่อเขาเสียหลักกำลังจะล้มชายหนุ่มก็คว้าเอาร่างโปร่งของคนกระชากติดมือตามมาด้วย

“เฮ้ย!” เป็นอีกครั้งที่กานต์กมลต้องร้องออกมาด้วยความตกใจที่มือหนาของเขาคว้าเธอเป็นหลักยึด และต่อจากนั้นเธอก็รู้สึกทั้งจุกและเจ็บ จนเมื่อได้สติอีกทีหญิงสาวก็พบว่าตัวเองนั้นถูกโอบรัดด้วยวงแขนของชายหนุ่ม และที่สำคัญนั้น ริมฝีปากของชายหนุ่มยังกระแทกถูกริมฝีปากของเธอเต็มๆ! ดวงตาของทั้งคู่เบิกโตทันทีด้วยความตกใจ มือเรียวเล็กของกานต์กมลดันไหล่หนาของเขาให้ถอยห่าง แม้เวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้นจะผ่านไปไม่กี่นาทีแต่สำหรับกานต์กมลนั้นมันเหมือนกับยาวนานหลายชั่วโมง และที่สำคัญแม้ประจำเธอจะขึ้นชื่อว่าปากกล้าและไม่ค่อยเกรงกลัวอะไรแต่การที่ต้องมา ‘แสดงสด’ อะไรแบบนี้...เธอก็ไม่เคยนึกชอบมันสักที

และแล้ววันนี้กานต์กมลก็ได้ข้อสรุปสำหรับตัวเองแล้วว่า วันนี้คือวันที่เธอดวงซวยสุดขีด...เพราะนอกจากเธอจะโดนจับแต่งงานในวันนี้แล้ว...ตอนนี้เธอยังโดนไอ้บ้ามารยาททรามที่ไหนก็ไม่รู้มาขโมยจูบไปด้วย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดก็เถอะ! หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืนและในขณะที่ชายหนุ่มก็ทำเช่นเดียวกัน เธอพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโมโห ใบหน้าสวยแดงก่ำยามเมื่อมือข้างขวากำเป็นหมัดแน่นก่อนจะ...


ผัวะ!

...ซัดไปที่ใบหน้าของไอ้คนมารยาทแย่เต็มๆ แล้วชิ่งกระโดดขึ้นไปบนรถแท็กซี่ที่เปิดประตูอ้าค้างไว้ย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ชายหนุ่มที่โดนหมัดมองตามไปด้วยสายตาโมโหและกรุ่นโกรธ ยัยนั่นเป็นคนมาหาเรื่องเขาก่อนแท้ๆ...แล้วก็มาซัดเขาแบบนี้นี่นะ! อย่าให้เจออีกครั้งนะยัยบ้า...ฉันจะเอาคืนแบบทบต้นทบดอกเลย!


+++++++++++


กานต์กมลถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อบัดนี้ร่างของเธอได้สัมผัสกับเบาะนุ่มของเก้าอี้บนรถทัวร์ที่จะออกเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อย หญิงสาวเอนหลังพิงพนักเบาะแล้วหลับตาลง สักพักหญิงสาวรู้สึกได้ว่าที่นั่งข้างๆมีคนมาทรุดลงนั่งเป็นที่เรียบร้อย และนั่นก็เลยทำให้หญิงสาวลืมตาขึ้นมามองเพื่อที่จะดูว่าคนที่มานั่งข้างๆเธอหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ถ้าเธอรู้ล่วงหน้าแล้วล่ะก็คือจะไม่ลืมตาขึ้นมาเด็ดขาด! และสิ่งที่กานต์กมลทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเท่านั้น


“เฮ้ย!” “รู้สึกว่าเราจะเจอกันอีกแล้วนะ” ‘เขา’ ถามเธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มน้อยๆ แต่เป็นยิ้มที่ดู ‘ร้าย’ ในสายตาของกานต์กมลจนเธอแทบอยากจะเอานิ้วจิ้มตาคมๆคู่นั้นให้มันบอดไปเสียเลย จะได้ไม่ต้องมามองเธอแบบนั้น! “นี่นายจะตามจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหน?”


“จองล้างจองผลาญอย่างนั้นเหรอ? คนที่สมควรพูดอย่างนั้นควรจะเป็นผมมากกว่านะ” ผู้ชายที่นั่งข่างเธอพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเยาะ ตอนนี้มุมปากของเขามีรอยช้ำจนเห็นได้ชัด “นาย!” หญิงสาวขึ้นเสียงเรียกอีกฝ่ายด้วยความโมโห หากเขากลับไม่สนใจ ดูเหมือนชายหนุ่มจะสะใจด้วยซ้ำที่เห็นเธอมีทีท่าโมโหจนแทบจะอกแตกตายแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

“แต่ไม่ต้องห่วง ผมจะเอาคืนเรื่องที่คุณชกหน้าผมแน่ๆ!” เขาพูดในขณะที่ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ ทำเอากานต์กมลจำต้องถดหลังซุกตัวลงกับเบาะจนถึงขนาดที่ว่า ถ้าเบาะมันทะลุลงไปได้ เธอคงหล่นหงายหลังไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวกำหมัดแน่น ดวงตากลมโตวาววับด้วยอารมณ์โกรธแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะหากหาเรื่องเขาตอนนี้เธอเองนั่นแหละที่จะเสียเปรียบ รู้อย่างนี้เธอไม่น่าเลือกที่นั่งเป็นด้านหลังสุดของรถเลย ไอ้ที่คิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบๆ ก็เห็นจะไม่สงบเพราะมีเพื่อนร่วมทางอย่างอีตาบ้ามารยาทยอดแย่นี่แหละ!



ทางด้านชายหนุ่มนั้น เขาได้แต่เหลือบตามองหญิงสาวตัวเล็กที่ตอนนี้เอนกายพิงกระจกหน้าต่างรถหลับไปแล้ว สายตาของเขาอ่อนลงในขณะที่มองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความรู้สึกที่ลึกลงไปคือความขบขัน เทวินทร์ละความสนใจเพื่อนร่วมทางของเขาเพียงแค่นั้น ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะทำอย่างที่พูดขู่เธอหรอก แต่ที่พูดอย่างนั้นเพื่อตัดความรำคาญและเหตุการณ์ในอนาคตที่เธออาจจะก่อขึ้นในภายภาคหน้า เพราะเขากับเธอยังต้องติดแหง็กอยู่ด้วยกันอีกหลายชั่วโมง ด้วยคิดว่าเธอคงจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่น้อยดูได้จากเหตุการณ์ชิงรถแท็กซี่ที่ผ่านมาเมื่อครู่ทั้งที่ตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ และที่สำคัญเขาในตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะกับใครแล้วด้วย

เทวินทร์เพิ่งหนีจากงานแต่งงานกับเจ้าสาวงี่เง่าที่ยอมแต่งงานกับเขาเพียงเพราะคำสั่งของบรรดาแม่ๆที่แสนจะเจ้ากี้เจ้าการ ชายหนุ่มไม่คิดว่าเรื่องมันจะล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ เพราะนึกว่าการที่เขาไม่ยอมไปเจอหน้าเธอเลยสักครั้งจะทำให้แม่ของเขาและเธอรู้ตัวว่าเขาไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอเลยสักนิด หากใครจะคิดว่าการที่เขาเงียบมาตลอดจะทำให้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้ ใครมันจะโง่ยอมแต่งงานกับคนที่แม้แต่หน้าก็ยังไม่เคยเห็น!!

สุดท้ายเขาเลยตัดสินใจทิ้งงานทั้งหมดมา กอรปกับเมื่อคืนก่อนได้คุยกับตะวันเพื่อนสนิททำให้เขาตัดสินใจบ่ายหน้าขึ้นเหนือเพื่อไปหาเพื่อนสนิททั้งของเขาที่นั่น ถึงแม้ว่าแม่จะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่ท่านก็ลากคอเขากลับมาไม่ได้อยู่ดี...หรือถึงแม้จะลากเขากลับไปได้ งานแต่งงานบ้าๆนั่นก็จบลงแล้วอย่างแน่นอน!


ลาขาด...ยัยเจ้าสาวสมองฝ่อ!


เทวินทร์คิดในใจแล้วหลับตาพริ้มลง









+++++++++++++++++

จบตอนที่ 1 แล้วนะคะ
ขอโทษด้วยที่หายไปนาน
พอดีมีสอบค่ะ
นี่ก็ยังสอบไม่เสร็จเลย แหะๆ

ขอบคุณทุกๆคนที่แวะมานะคะ





Create Date : 06 ตุลาคม 2552
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 23:18:51 น.
Counter : 239 Pageviews.

1 comments
  
เจิมๆค่ะ
555555นี่แหละค่ะเค้าถึงว่า
คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน
ยังดั๊นมาเจอกันได้
สนุกค่ะ สนุกมากเลย แล้วจะติดตามตอนต่อไปนะ
ขอแอดเป็นเพื่อนนะคะ
โดย: น้ำเคียงดิน วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:12:34:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

การิ๋งกิ๋งกิ๋ง
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านหลังน้อยของธีรตี - พิรฏาค่ะ ^^
ผ่านไปผ่านมาแวะทักทายกันได้นะคะ



งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537
ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม
New Comments
Group Blog