...Reading - listening - feelinG... สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ มิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข รูปภาพตลอดจนบทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต
 
 

*** --- แนะนำ FB รวบรวมคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน) --- ***

แนะนำ FB รวบรวมคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)



//www.facebook.com/profile.php?id=514334984#!/profile.php?id=514334984&v=wall

โดยผู้จัดทำได้คัดคำสอนของหลวงพ่อ มาเป็นธรรมะสั้นๆประจำวัน เพื่อหวังเตือนใจปุถุชนผู้ยังเป็นเพื่อนเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎนี้

หากผู้ใดมีจิตศรัทธาหลวงพ่อ หรือต้องการรับข้อธรรมะ ก็ขอเรียนเชิญค่ะ

_/_




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2553   
Last Update : 8 กันยายน 2553 13:59:30 น.   
Counter : 496 Pageviews.  


*** สุขเป็นก็เป็นสุข 1*** พระอจ.ชยสาโรภิกขุ

ตัดตอนมาจาก "สุขเป็นก็เป็นสุข" โดยชยสาโรภิกขุ




ไม่ทราบว่ามีใครเคยฉุกคิดบ้างไหมว่า โดยปกติเรามักจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับตนเองเท่าที่ควร
แรงผลักดันของกิเลสที่มีพลังมาก ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ความประมาทเลินเล่อ ล้วนแต่ฉุดลากเราไปในทางที่ผิดเป็นประจำ
โดยที่ตัวเรายังมักเข้าข้างตนเองว่าทำอะไรมีเหตุมีผลอยู่เสมอ
เราจึงชอบสร้างปัญหาให้ตนเอง ต้องว้าวุ่นขุ่นมัวอยู่บ่อยๆ
เหมือนกับรักตนเองไม่จริงจัง เป็นเพื่อนเทียมหรือถึงขั้นทรยศต่อตนเองไปก็มี

อาตมาเคยเห็นการ์ตูนรูปหนึ่ง เป็นภาพทหารเบาปัญญาอยู่ท่ามกลางสนามทุ่นระเบิด
เขาถือเครื่องตรวจสอบทุ่นระเบิด แต่กลับค่อยๆ เดินถอยหลัง
คนจำนวนไม่น้อยก็พยายามดับเหตุให้เกิดทุกข์ทำนองนั้นเหมือนกัน
เครื่องอุปกรณ์คือคำสอนของพระพุทธเจ้ามีพร้อมแต่ใช้ไม่ถูก

พันกว่าปีก่อนที่คำว่า “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” จะถูกใช้เรียกฝีปากนักการเมือง

โบราณาจารย์ท่านเคยใช้คำว่า “น้ำผึ้งอาบมีดโกน” โดยหมายถึงความสุขทางเนื้อหนัง
ใครหลงใหลความสุขประเภทนี้ท่านเปรียบเทียบเป็นผู้กำลังเลียน้ำผึ้งที่อาบมีดโกนอยู่
สมัยนี้คนลิ้นถูกบาดมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง แต่คนเข็ดหลาบหายาก อะเมซิ่งเหมือนกัน





มนุษย์เป็นสัตว์เจ้าปัญหาเพราะขาดเชาวน์ ด้อยปัญญาที่แท้จริง
เกลียดทุกข์รักสุข ทะเยอทะยานดิ้นรนแทบตาย เพื่อสิ่งที่ตนเองเชื่อว่าเป็นสุข
แต่ไม่เคยใคร่ครวญว่าความสุขคืออะไรกันแน่


สิ่งที่เราต้องการเดี๋ยวนี้ หรือทุกวันนี้ จะให้ความสุขแก่เราจริงอย่างที่คิดหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน จะมีผลกระทบต่อคนอื่น และต่ออนาคตของเราอย่างไรบ้าง

ความทุกข์ที่เราเกลียด และกลัวที่สุดนั้นเกิดจากเหตุปัจจัยอะไรบ้าง ทุกวันนี้เราแก้ถูกวิธีหรือไม่

มนุษย์อยากสุขแต่ไม่รู้จักสุข อยากหนีทุกข์แต่ไม่รู้จักทุกข์

สุ่มสี่สุ่มห้าเดินคลำไปคลำมาในความมืด เอาความหวัง ในความสุขข้างหน้าเป็นที่ปลอบใจ

บางคนอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเนรมิตให้ความมืดกลายเป็นความสว่าง
แต่พระพุทธศาสนาสอนว่า โยม มันสว่างอยู่แล้ว ไม่ต้องไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนหรอก ลืมตาก็จะเห็นเอง



สิ่งแรกที่ผู้ต้องการชีวิตที่ดีงามควรกระทำ คือฝึกให้หยุดจากการกระเสือกกระสนสักพักหนึ่ง ลืมหูลืมตาขึ้นพิจารณาความเป็นมนุษย์ของเรา ว่าเราเกิดมาทำไม อะไรคือสิ่งที่สูงสุดที่เราควรจะได้จากชีวิต

เราควรจะให้อะไรไว้กับโลกนี้ คำถามเหล่านี้สำคัญ แต่อย่าเชื่อคำตอบใครง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่างมงายตามพวกวัตถุนิยมจะเสียคน
จงหาคำตอบของตนเองด้วยสติ ปัญญา และความจริงใจ

ความรู้ความเข้าใจอันถูกต้องในเป้าหมายของชีวิตและวิธีการที่จะเข้าถึงเป้าหมายนั้น พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า สัมมาทิฐิ

ผู้ที่มุ่งจะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงในสิ่งที่ดีงามจะขาดสัมมาทิฐิไม่ได้ เพราะคนเราถ้าคิดผิดแล้ว การกระทำ และคำพูดทุกอย่างย่อมพลอยผิดไปด้วย จิตก็พาลพาไปหาผิดอยู่ร่ำไป

ในเบื้องต้น หนทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์เสวยสุขที่แท้จริงนั้น เริ่มด้วยทิฐิระดับความเชื่อถือ ค่านิยม แนวความคิดซึ่ง

หนึ่ง ไม่นำไปสู่การเบียดเบียนตนหรือผู้อื่น เช่น กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน ถือการรักษาศีลห้าเป็นมาตรฐานชีวิต

และสอง ลงรอยกับความจริงของธรรมชาติ เช่น เรามีกรรมเป็นของๆ ตน การละกิเลสนำสุขมาให้ การพ้นทุกข์ไม่พ้นสมัย


สำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ๆ ท่านจึงเน้นในการปรับทิฐิให้สอดคล้องกับความดีและความจริง

<มีต่อค่ะ>




 

Create Date : 24 เมษายน 2553   
Last Update : 24 เมษายน 2553 11:47:45 น.   
Counter : 519 Pageviews.  


*** พุทธโอวาท 3 เดือน...ก่อนปรินิพพาน(8) ***



ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงินทองหรือของที่บุคคลหวงแหนอย่างใดอย่างหนึ่ง
รวมทั้งทาส กรรมกร คนใช้และที่อยู่อาศัย
สิ่งอื่นๆ ทั้งหมดนี้บุคคลนำไปไม่ได้ ต้องทอดทิ้งไว้หมด


แต่สิ่งที่บุคคลทำด้วยกาย วาจา หรือด้วยใจ นั่นแหละที่จะเป็นของเขา
เป็นสิ่งที่เขาต้องนำไปเหมือนเงาตามตัว
เพราะฉะนั้นผู้ฉลาดพึงสั่งสมกัลยาณกรรม อันจะนำติดตัวไปสู่สัมปรายภพได้
บุญย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า






ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
จงดูกายอันนี้เถิด ฟันหัก ผมหงอก หนังเหี่ยวๆ ยานๆ
มีอาการทรุดโทรมให้เห็นอย่างเด่นชัดเหมือนเกวียนที่ชำรุดแล้วชำรุดอีก
ได้อาศัยแต่ไม้ไผ่มาซ่อมไว้ ผูกกระหน่ำคาบค้ำไว้
จะยืนนานไปได้สักเท่าไร การแตกสลายย่อมจะมาถึงเข้าสักวันหนึ่ง


ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงมีธรรมเป็นที่เกาะที่พึ่งเถิด
อย่าคิดยึดสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย
แม้ตถาคตก็เป็นแต่เพียงผู้บอกทางเท่านั้น






เราเคยพูดไว้ว่าอารมณ์อันวิจิตร สิ่งสวยงามในโลกนี้มิใช่กาม
แต่ความกำหนัดที่เกิดขึ้น เพราะการดำริต่างหากเล่าเป็นกามของคน

เมื่อกระชากความพอใจออกเสียได้แล้ว
สิ่งวิจิตรสวยงามก็อยู่อย่างเก้อๆ ทำพิษอะไรมิได้อีกต่อไป




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2553   
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2553 10:19:42 น.   
Counter : 547 Pageviews.  


*** พุทธโอวาท 3 เดือน...ก่อนปรินิพพาน(7) ***




ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ความรักเป็นความร้าย ความรักเป็นสิ่งทารุณ
และเป็นเครื่องทำลายความสุขของปวงชน

ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก
แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ
ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาด้วยแล้ว
ยิ่งเป็นพิษแก่จิตใจทำให้ทุรนทุรายดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น
ความสุขที่เกิดจากความรักนั้น เหมือนความสบายของคนป่วยที่ได้กินของแสลง


เธอทั้งหลายอย่าพอใจในความรักเลย
เมื่อหัวใจยึดไว้ด้วยความรัก หัวใจนั้นจะสร้างความหวังขึ้นอย่างเจิดจ้า
แต่ทุกครั้งที่เราหวัง ความผิดหวังก็จะรอเราอยู่






ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! อย่าหวังอะไรให้มากนัก
จงมองดูชีวิตอย่างผู้ช่ำชอง อย่าวิตกกังวลอะไรล่วงหน้า

ชีวิตนี้เหมือนเกลียวคลื่นซึ่งก่อตัวขึ้นแล้วม้วนเข้าหาฝั่ง
และแตกกระจายเป็นฟองฝอย

จงยืนมองดูชีวิตเหมือนคนผู้ยืนอยู่บนฝั่งมองดูเกลียวในมหาสมุทรฉะนั้น





ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในเพศใดภาวะใด
การกระทำที่นึกขึ้นภายหลังแล้วต้องเสียใจนั้นควรเว้นเสีย


เพราะฉะนั้น แม้จะประสบความทุกข์ยากลำบากสักปานใด
ก็ต้องไม่ทิ้งธรรม

มนุษย์ที่ยังมีอาสวะอยู่ในใจนั้นย่อมจะมีวันพลั้งเผลอประพฤติผิดธรรมไปบ้าง
เพราะยังมีสติไม่สมบูรณ์
แต่เมื่อได้สติภายหลังแล้ว ก็ต้องตั้งใจประพฤติธรรมสั่งสมความดีกันใหม่




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2553   
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2553 9:21:50 น.   
Counter : 420 Pageviews.  


*** พุทธโอวาท 3 เดือน...ก่อนปรินิพพาน(6) ***

ภิกษุทั้งหลาย !
กรรมอันใดที่ทำไปแล้วต้องเดือดร้อนใจภายหลัง
ต้องมีหน้าชุ่มด้วยน้ำตา เสวยผลแห่งกรรมนั้น
ตถาคตกล่าวว่ากรรมนั้นไม่ดีควรเว้นเสีย






ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ชีวิตนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องที่น่าละอาย
ทรงตัวอยู่ด้วยเรื่องที่ยุ่งยากสับสน และจบลงด้วยเรื่องเศร้า

อนึ่งชีวิตนี้เริ่มต้นและจบลงด้วยเสียงคร่ำครวญ
เมื่อลืมตาขึ้นดูโลกเป็นครั้งแรก เราร้องไห้
และเมื่อจะหลับตาลาโลกเราก็ร้องไห้อีก
หรืออย่างน้อยก็เป็นสาเหตุให้คนอื่นหลั่งน้ำตา


เด็กร้องไห้พร้อมด้วยกำมือแน่น
เป็นสัญญลักษณ์ว่าเขาเกิดมาเพื่อจะหน่วงเหนี่ยวยึดถือ
แต่เมื่อจะหลับตาลาโลกนั้นทุกคนแบมือออก
เหมือนจะเตือนให้ผู้อยู่เบื้องหลังสำนึกและเป็นพยานว่า
เขามิได้เอาอะไรไปด้วยเลย






ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น
เป็นเรื่องทรมานยิ่ง
และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพราก ก็เป็นสิ่งสุดวิสัย
ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553   
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2553 10:26:39 น.   
Counter : 386 Pageviews.  


1  2  

wind_drizzle
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ลายปากกา
[Add wind_drizzle's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com