อาหารที่ทำให้คุณดูสวย
อาหารที่ทำให้ดูสวย
ใครที่อยากสวยด้วยการทานอาหาร วันนี้เรามีอาหารมาให้เลือกทานเพื่อความสวยมาบอก


กล้วย ช่วยบำรุงเส้นผม
ผมร่วง ผมบาง ต้องกินกล้วย เพราะอุดมด้วยวิตามินบีซึ่งช่วยบำรุงผมและป้องกันผมร่วงได้ดี ทั้งยังเป็นแหล่งรวมของโพแทสเซียม ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารและลดอาการท้องผูก

นม ช่วยบำรุงฟันและกระดูก
สารอาหารสำคัญในการสร้างกระดูกก็คือแคลเซียม ซึ่งพบได้มากในนม แถมยังเป็นแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าแหล่งอื่นๆ

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ช่วยบำรุงสายตา
ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่า แอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารเม็ดสีในเบอร์รี่ช่วยให้มองเห็นชัดในที่มืด หรือที่ที่มีแสงสลัวๆ ได้ชัดเจนขึ้น และช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเลนส์ตาและเส้นเลือดฝอยในลูกตา

อะโวคาโด ช่วยบำรุงใบหน้า
แม้เป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง แต่เป็นกรดไขมันโอเมก้า 9 ที่มีประโยชน์ ที่สำคัญวิตามินบีและอีในอะโวคาโดสามารถช่วยบำรุงผิว ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และปกป้องผิวจากรังสีต่างๆ ในแสงแดด

กะหล่ำปลี ช่วยบำรุงทรวงอก
งานวิจัยของสมาคมเพื่อการวิจัยมะเร็งของสหรัฐ พบว่า ผู้หญิงโปแลนด์ที่กินกะหล่ำปลีทั้งสดและดอง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมลดลงถึง 75%

พริกหยวก ช่วยบำรุงเล็บ
พริกหวานหลากสีสันล้วนอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและกระตุ้นการเผาผลาญให้กับร่างกาย นอกจากนี้น้ำฉ่ำๆ จากพริกหยวกยังช่วยให้สุขภาพเล็บแข็งแรง

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากสวย หุ่นดี ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์จะดีกว่า.


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




Create Date : 26 สิงหาคม 2553
Last Update : 26 สิงหาคม 2553 13:55:20 น.
Counter : 976 Pageviews.

0 comment
สูตรยาดี
แค่ช่วยส่งต่อก็ได้บุญแล้ว.....
>
> สรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไรไว้ในหนังสือชื่อ '
> ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ' เช่น
> 1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด
> น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จ ะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง
>
> 2. แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว
> 3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมัน
> ไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด
>
> 4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็น ประจำ
> สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี
>
> 5. โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง
>
> 6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า
> ( ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง )
> น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง
>
> 7. ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก
> และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป
>
> 8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี ( ไม้เมืองหนาว)
> กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้
>
> 9.. โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย
> ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้
>
> 10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด
> ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้
>
> 11. ความจำเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ
> ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี
>
> 12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง
> กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย
>
> 13. ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง
>
> 14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี
> โดยเฉพาะรำข้าวกะหล่ำปลี
> ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม
> ข้อสำคัญอย่ากินไก่มาก เพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต
>
> 15. มะเร็งปอด กิน ส้ม และ ผักใบเขียว มีวิตามินเอ
> อยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน
>
> 16 แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี
> ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้
>
> 17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก
> ช่วยให้อาการปั่นป่วน ในท้องเมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงานทุเลาลง
>
> 18. เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด แก้ได้เพราะไขมันดี ' โมโรอันแซตเทอเรต '
> ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้ทำลายไขมันเลว ' คลอเลสเตอรอล ' ได้
>
> 19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี
> ทำให้ระดับความดันเลือดลดลง
>
> 20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโรลี่ และถั่วลิสง
> ซึ่งมีอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้
>
> พืชผักที่กินเป็นอาหารประจำวันนั้นนอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังมีสรรพคุณช่วยสร้างความสมดุลภายในร่างกายช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆได้ถ้าได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง
> คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร
> โดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน
> ไทยขอให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติที่จ้องฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพย ากรธรรมชาติของ
> เราไปเป็นของตนทุกวิถีทาง ดังนั้นอนุชนรุ่นหลังจึงควรที่จะได้นำมาศึกษา ค้นคว้า
> และคิดค้นตามแนวทางที่บรรพบุรุษของเราท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้เพื่อนำมาใช้
> ให้เป็นประโยชน์ในด้านโภชนาการของคนไทยต่อไป.
>
> อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
> 1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ
> ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์
> หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด
> เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้
>
> 2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์
> หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง
>
> 3. มะเร็งรังไข่ อาการ
> ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์
> & nbsp; มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการ ปวดหลัง
>
> 4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลูคีเมีย)
> อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว
> หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหารปวดตามข้อต่าง
> ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง
>
> 5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ
> มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ
> เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
>
> 6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร
> น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด
>
> 7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
>
> 8. มะเร็งสมอง อา การ ปวดศีรษะนาน ๆ
> และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า
> และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ
> การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว
> ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
>
> 9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก
> < SPAN lang=TH>หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษาหรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน
>
>
> 10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที
> มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบากหรือมีการขยายตัวของต่อมใน
> ลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้
>
> 11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร
> อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวด เร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย
> รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ
>
> 12. มะเร็งทรวงอก
> อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้
> บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10
> คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอก โดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น
> เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์
> ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่
>
> 13. มะเร็งลำไส้ อาการ
> น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติมีเลือดออกปนมากับอุจจาระ
> **** ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใ
> ช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคือ
> อาการของริดสีดวงทวาร แต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้
>
> 14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
> อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้
> เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย
>
> 15. มะเร็งผิวหนัง
> อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง
> ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา
> (Melanoma) คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น
> กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ด
> ทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ
> ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล
> ตำรานี้ใช้แก้โรคมะเร็งผู้เป็นมะเร็งจะหายโดยไม่คาดคิด สำหรับมะเร็งจะหายภายใน 6 วัน วิธีรักษา - ไปที่ร้านย าจีน ซื้อหัวเตย 1 ตำลึง หัวขิง 1 ตำลึง ก้อนเกลือ 3 ก้อน
> นำมารวมกันแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 วัน ในน้ำ 1 ชาม จากนั้นให้ดื่มจนหมดชาม
> สรรพคุณในการรักษา - หลังจากดื่มยานี้แล้วควรดื่มน้ำตามมาก ๆ
> นำส่วนที่เหลือมารับประทาน
> ยานี้จะขับเอาของเสียออกทางอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ต้องตกใจ
> เป็นการขับของเสียออกหมดแล้วจะปกติ
>
> *** ตำรานี้ห้ามซื้อขาย หรือคิดเป็น เงินค่ารักษา
> และขออย่าได้เก็บไว้เป็นส่วนตัวโดยเด็ดขาด
> หากท่านผู้อื่นรับทราบด้วยใจศรัทธาและกุศลจิตของท่าน
> ท่านและครอบครัวจะประสบแต่ความสุข ความสมหวังทุกประการ




Create Date : 22 มกราคม 2552
Last Update : 22 มกราคม 2552 12:20:15 น.
Counter : 290 Pageviews.

1 comment
วิธีล้างหน้า
วิธีล้างหน้าที่สาวๆ ควรหัดให้ชินเป็นนิสัยจ้า~!
การล้างหน้าที่จริงคือขั้นตอนทีสำคัญมากๆ ที่จะช่วยทำให้ผิวดีได้ค่อนข้างถาวร "ถ้า" ล้างหน้าอย่างถูก
ต้อง


เริ่มล้างหน้าก็ต้องเตรียมอุปกรณ์กันก่อน
ไม่ใช่ว่าแค่น้ำเปล่า หรือโฟมล้างหน้าเท่านั้นจะทำให้หน้าสะอาดได้นะคะ
ถ้าใครแต่งหน้า หรือแค่มีครีมกันแดดปะอยู่บนหน้าแล้วล่ะก็ ควรล้างหน้าด้วยขั้นตอนต่อไปนี้

ขั้นตอนแรก คือการลบพวกเมกอัพถาวรออกไปก่อน
ด้วยการนำสำลีแผ่นชนิดรีดขอบชุบน้ำยากให้ชุ่มแล้วแปะไว้ที่บริเวณดวงตาและปาก 3-5 นาที

Q : ทำไม! makeup remover หรือบางชื่อคือ eye & lip remover ถึงมีความสำคัญ?
A : ก็เพราะว่า ส่วนผสมของเครื่องสำอางบางตัว ไม่สามารถทำความสะอาดได้เพียงแค่ส่วนผสมของ
น้ำมันน่ะสิ....การใช้ makeup remover ทำให้ขนตาไม่ร่วง ไม่หัก แล้วก็ช่วยถนอมผิวบริเวณรอบ
ดวงตาไม่ให้ถูกเช็ดถูอย่างแรง จากการพยายามเยื้อมาสคาร่าออกจากขนตา.......ส่วนการใช้
makeup remover แปะที่ริมฝีปากในกรณีที่ทาลิปสีเข้มๆ ก็เพื่อ ช่วยให้เม็ดสีพิกเม้นท์ไม่ตกค้างที่บริเวณ
ปากซึ่งจะมีผลทำให้ริมฝีปากคล้ำนั่นเองจ้า


ขั้นตอนที่ 2 จะเป็นการทำความสะอาดเครื่องสำอางประเภทครีม แป้ง และสิ่งตกค้างที่อาจ! อุดตันรู
ขุมขนซึ่งเป็นบ่อเกิดของสิว ขั้นตอนนี้จะใช้ makeoff ประเภท cleasing balm / cleasing oil
/ cleasing milk แล้วแต่สภาพผิวและความชอบ นวดวนประมาณ 5-15 นาที ให้ไขมันจาก
cleasing แตกตัวไปดึงให้สิ่งสกปรกลอยขึ้นมาจากผิว ถ้าเป็น cleansing oil บางยี่ห้อ จะใช้น้ำ
หยดลงไปให้ oil กลายเป็นสีน้ำนมแล้วนวด จะช่วยให้พวก makeup ออกง่ายขึ้นค่ะ ซึ่งการนวดในขั้น
ตอนนี้อย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดสิวในกรณีสิวเสี้ยนบึ้มได้อีกด้วยจ้า....... ขั้นตอนที่ 2 นี้ต้องล้าง
ออกด้วยน้ำสะอาดเยอะๆ ค่ะ




Create Date : 22 มกราคม 2552
Last Update : 22 มกราคม 2552 12:00:05 น.
Counter : 897 Pageviews.

1 comment
เครื่องดืมยามเช้าที่เหมาะสมกับคุณ
ในตอนเช้า ๆ หลาย ๆ คนคงต้องการที่จะหาอะไรดื่มก่อนไปเรียนหรือไปทำงาน เพื่อจะให้ร่างกายมีพลังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เราเลยหาเครื่องดื่มที่เหมาะกับเช้าวันใหม่มาแนะนำกันค่ะ..
น้ำมะนาว
ลองหาน้ำมะนาวมาดื่มตอนเช้า เพราะในน้ำมะนาวจะมีกรดซิตริก มีวิตามินซีที่นอกจากจะช่วยขับเสมหะ แก้อาการเจ็บคอแล้วยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น แถมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเปลือกที่โดนคั้นยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ดีอีกด้วย
น้ำขิง
สำหรับคนที่มีอาการเมาค้าง คลื่นไส้ อยากอาเจียน ก็ขอแนะนำน้ำขิงร้อน ๆ สักแก้ว เพราะในขิงมีสารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า จินเจอรอล (Gigerol) ที่เป็นสารเคมีประเภทน้ำมันหอมระเหยที่ให้รสและกลิ่นพิเศษไม่เหมือนใคร จัดอยู่ในกลุ่มแอลกอฮอล์ที่ไม่ทำให้เรารู้สึกมึนเมา แถมยังแก้อาการเมาได้ดี การทำน้ำขิงให้อร่อยนั้น ควรบุบหัวขิงที่ไม่แก่จัดจนเกินไป ต้มด้วยน้ำร้อนพอเดือด อย่าต้มนานเกินไป เพราะขิงจะเสียรสและกลิ่นไปได้
น้ำผักหรือน้ำผลไม้
เป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินเอ โฟลิคแอซิด และแร่ธาตุ เช่น โซเดียม โปแตสเซียม สังกะสี นอกจากนั้นในน้ำผักและน้ำผลไม้ยังมีส่วนผสมของน้ำตาลโดยธรรมชาติ ซึ่งสามารถให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยให้เราหายเหนื่อย หายเพลีย ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น
น้ำหวาน
คนที่นอนดึกส่วนใหญ่ยามเช้าของคุณจะมีอาการปวดหัว มึนศีรษะ เกิดอาการเครียดทางประสาท ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรรับประทานอาหารเช้าที่มีแป้งและน้ำตาลซึ่งจะสามารถช่วยได้ โดยเฉพาะน้ำตาลนั้นจะถูกดูดซึมได้ดีและง่าย ดังนั้นน้ำหวานจะทำให้จิตใจสงบ คลายอาการเครียดและมึนงงได้อย่างดี
นมถั่วเหลือง
ปัจจุบันนมถั่วเหลืองหาซื้อได้ง่าย และเหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพ เพราะนมถั่วเหลืองเป็นเครื่งดื่มที่ให้โปรตีนที่มีคุณสมบัติเหมือนโปรตีนจากเนื้อสัตว์
กาแฟ
กาแฟเป็นเครื่องดื่มยามเช้าของคนทำงาน เพราะกาแฟช่วยกระตุ้นความสดชื่นและความกระปี้กระเปร่าก่อนลงมือทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ ลดอาการหอบในผู้ที่เป็นโรคหอบหืด และเป็นผลดีต่อนักกีฬาในการเพิ่มความทนทานและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน



Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2551 10:45:04 น.
Counter : 1354 Pageviews.

3 comment

runya_smile
Location :
ราชบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



Whitejass417'blog ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซด์นะค่ะ
ความอ่อนแรงกับชีวิต ใช่ว่าจะทำให้ชีวิตของเราจะเดินต่อไปไม่ได้ เรามีทั้งพ่อและแม่ พี่และน้อง ญาติผู้ใหญ่มากมาย อีกทั้งเพื่อน ๆ ที่ยังคอยเป็นกำลังให้เราก้าวเดินต่อไปอย่างเข็มแข็ง ถึงแม้วันนี้เราจะต้องร้องไห้ เสียน้ำตากับเรื่องราวอันแสนเจ็บปวด ทุกข์และทรมานซักเพียงใดก็ตาม เราจะร้องไห้อีกซักกี่ครั้งกี่หน ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น อย่าขังใจเราไว้กับทุกข์เพียงลำพัง เอาเวลาที่สูญเปล่า ไปทำอะไรที่มีประโยชน์ ต่อมวลมนุษย์ น่าจะดีกว่า

จงรักแสงแดดที่ช่วยคลายความเหน็บหนาว
จงรักสายฝนที่ช่วยชำระล้างจิตใจที่แสนจะอ่อนแอ
จงรักแสงสว่างที่เป็นเพื่อนคอยส่องแสงบนทางเดิน
จงรักความมืดมิด
ที่ช่วยทำให้เราได้มองเห็นดวงดาวพร้อมกัน

"ปัญหาทำให้เราเข้มแข็งและมีประสบการณ์
สถานการณ์ ทำให้เรารู้จักแก้ไขปัญหา
เวลา ทำให้เราหยั่งรู้ความเป็นคน
ความคิด ทำให้เราเป็นเลิศทางปัญญา
การตัดสินใจ ทำให้เรารู้ว่าผิดหรือถูก
ความผูกพัน ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดเวลาเลิกกัน
ความจริงใจ ทำให้เราเกิดความรักอันแสนบริสุทธิ์
ความรัก ทำให้เรารู้จักการให้แบบไม่หวังผลตอบ
แทนใดๆ
ความสงสาร ทำให้เราตกเป็นเหยื่อของการ
หลอกลวง
ความเห็นแก่ตัว ทำให้เรารู้จักคนเพิ่มมากขึ้น

เพื่อนที่กำลังชมบล็อก ทักทายกันได้ตลอดนะค่ะ คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
MY VIP Friend