W H I T E A M U L E T
Group Blog
 
All blogs
 

++++++++ 1st Foundation REVIEW ++++++++

รีวิวอันนี้กะจะทำมานานแล้วล่ะค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ปั่นงานหน้ามืดมากๆแทบไม่ได้กินได้นอนเลย เจียดเวลามาทำไม่ได้จริงๆ
ตอนนี้เพิ่งส่งไปเสร็จ ขอเวลาพักผ่อนสักหน่อยก่อนเริ่มปั่นทำเล่มจบโท เลยได้จังหวะมารีวิวรองพื้นที่ลองใช้มาดีกว่า

** สภาพผิว **

สภาพผิวเป็นคนผิวแห้งมากๆเลยนะคะ ผิวค่อนข้างขาว(โดยเฉพาะหลังมาเรียนที่ญี่ปุ่นนี่)อันเดอร์โทนชมพู
หน้าไม่ค่อยมีปัญหาสิวเท่าไหร่ มีก็เล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่ผิวช่วงกรามจะสีเข้มกว่าผิวหน้าหน่อย
ปัญหาหนักๆบนใบหน้านอกจากผิวที่แห้งจัดๆก็คือ ช่วงรอบดวงตาค่ะ
ผิวใต้ตาแห้งมากๆ แถมมีริ้วรอยลึก ในขณะที่เปลือกตากลับมันมากๆแถมสองชั้นหลบในข้างนึง
ผิวรอบดวงตา คล้ำกว่าผิวหน้าอย่างเห็นได้ชัด แพนด้าตัวโตเต็มวัยสุดๆค่ะ

สภาพผิวหน้าเราดูเผินๆจากระยะห่างปกติ ก็มองกันว่าหน้าใสดี แต่หารู้ไม่ถ้ามองใกล้เข้ามาอีกหน่อย
จะเห็นว่าหน้าเป็นขุยๆบางจุด และดูแห้งขาดความชุ่มชื้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งที่โบกครีมบำรุงเยอะแล้ว
หน้าหนาวยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่ะ หน้าแห้งเหี่ยวมากแทบไม่อยากฉีกปากยิ้มเลยทีเดียว

** My favourite look **

ลุคที่เราชอบจะเป็นลุคใสๆ(หรืออย่างน้อยก็คิดไปเองว่าใส)นะคะ
การคุมมันไม่ใช่ประเด็นที่เราสนใจเพราะเราผิวแห้ง และตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ไทย
ระดับการปกปิดสนใจบ้าง เพราะช่วยปิดแพนด้าได้บ้าง แต่ถ้าปกปิดดีซะจนดูหนาไปก็ไม่โปรดเหมือนกัน
ผิวแห้งก็จริงแต่ชอบลุคหน้าเนียนๆมากกว่าลุคหน้ามัน(หรือลุคdewy) เพราะตบท้ายเราจะปัด finishing powder อยู่แล้ว

** ประสบการณ์การใช้รองพื้น **

เพิ่งเริ่มแต่งหน้าหลังจบปริญญาตรีนะคะ จนบัดนี้ก็สักสามปีได้แล้วมั้ง
ช่วงแรกๆจะใช้แต่เบสกับคอนซีลเลอร์เท่านั้นค่ะ เพราะคิดเหมือนกับหลายๆคนว่าใช้รองพื้นแล้วจะทำให้ดูแต่งหน้าหนา
แถมก่อนนั้นลองรองพื้นมากี่อัน(ที่เคาเตอร์)ก็ไม่ถูกใจ แทนที่จะดูหน้าขาวใสเด้งเหมือนใช้เบส
กลับดูหน้าเข้มๆ น้ำตาลๆ ส้มๆยังไงบอกไม่ถูก ไม่ชอบเอามากๆ

แต่ใช้เบสอย่างเดียวก็มีข้อเสียอยู่ดี เพราะเวลาตาคล้ำมากๆพอเผลอลงคอนซีลเลอร์เยอะไป
ก็ทำให้ดูหนาๆรอบๆตาอย่างเดียวไม่เนียนไปกับผิวส่วนอื่น

เพิ่งมาเมื่อปลายปีก่อนนี่เอง ที่เริ่มสนใจใช้รองพื้นบ้างและเจอตัวที่ถูกใจจนได้
จากนั้นก็เลยได้ลองมาเรื่อยๆ ประกอบกับว่าอยู่ญี่ปุ่นสนใจตัวไหนก็เดินดุ่มๆไปเคาเตอร์ขอแซมเปิ้ลมาลองได้
ก็เลยได้รองพื้นหลายอันมาลองฟรีๆ บางอันก็ชอบบางอันก็ไม่ชอบ ก็ประหยัดไปได้เยอะ
(ดังนั้นอย่าแปลกใจนะคะ ถ้ารูปที่เห็นจะเป็นซองๆหมดเลย บางยี่ห้อแซมเปิ้ลซองใหญ่ใช้ได้หลายหน้าค่ะ)
ปัจจุบันแซมเปิ้ลที่มียังใช้ไม่หมดเลยค่ะ มีอีกหลายตัวรอคิวลองใช้อยู่
ตอนนี้ก็จะขอรีวิวเฉพาะอันที่ใช้ผ่านมาสักระยะจนพอจะมั่นใจผลได้บ้างแล้วนะคะ

** คะแนนความชอบ(ส่วนตัว) **

คะแนนเราให้เป็น 0 - 5 นะคะ
0-2 : ไม่ชอบ ไม่คิดจะซื้อใช้อีกแน่นอน
3 : ปานกลาง ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีจนถึงขนาดประทับใจ จนอยากใช้ต่อ
4 : ค่อนไปทางชอบ และให้ผลที่ดีใช้ได้ คงจะซื้อต่อถ้าตอนนั้นไม่มีตัวอื่นๆที่ชอบมากกว่า
มากกว่า 4: ชอบมาก(อย่างน้อยก็ ณ ตอนนี้ที่เขียนรีวิว) น่าจะซื้อต่อแน่ถ้าในอนาคตไม่มีตัวดีกว่าเข้ามา


ปล. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ผิวแต่ละคนถูกกับของไม่เหมือนกัน
ในที่นี้เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตัวของเราเท่านั้นค่ะ ไม่ได้มีข้อมูลวิชาการอ้างอิงใดๆทั้งสิ้น (เพราะเป็นคนไม่ชอบวิชาเคมีเท่าไหร่ ชอบทางฟิสิกส์กับคอมพิวเตอร์มากกว่า)



1. ETTUSAIS OIL FREE AQUA LIQUID FOUNDATION



ตัวนี้ไม่เชิงเป็นรีวิวเท่าไหร่ เพราะนานจนจำไม่ได้แล้วว่าตอนใช้เป็นยังไง
แต่ขอใส่เป็นเกียรติประวัติซักหน่อยในฐานะเครื่องสำอางชิ้นแรกๆของเราเลย

เราเริ่มแต่งหน้าหลังรับปริญญาค่ะ เห็นรูปตัวเองตอนแต่งหน้ารับปริญญาแล้ว
ก็คิดได้ว่า เออ แฮะ อย่างเราแต่งหน้าแล้วก็พอจะดูดีขึ้นได้เหมือนกันนี่
ก็ตั้งแต่ตอนนั้นที่เข้ามาห้องข้อมูลที่นี่ตั้งแต่ยังเป็นห้องย่อยในสวนลุม สั่งสมวิชามาเรื่อยจนบัดนี้ค่ะ

รองพื้นตัวนี้ช่างแต่งหน้าใช้แต่งให้ตอนรับปริญญา ใช้แล้วไม่แพ้
แล้วเค้าแนะนำว่าใช้กลบแพนด้าได้ก็เลยไปซื้อมาตาม
แต่ช่วงนั้นยังมือใหม่อยู่ ไม่รู้สึกว่ารองพื้นนี้ช่วยตาคล้ำของเราได้เท่าที่ต้องการก็เลยไม่ค่อยได้ใช้ไป
หันมาหาคอนซีลเลอร์ต่างๆสารพัดแทน

คะแนนความชอบ(ส่วนตัว): N/A
ซื้อต่อไหม : เอ้อ คงไม่ล่ะค่ะ ปล่อยให้เป็นประวัติศาสตร์ไปก็พอแล้ว ไม่อยากไปขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ


2. LAMER TREATMENT FLUID FOUNDATION (LINEN)



ขวดนี้ได้จากการไปร่วม workshop ที่ไทยตอนเปิดตัวผลิตภัณฑ์พวกแป้งและรองพื้นของเค้าใหม่ๆเลย
สีนี้ก็ได้ MA ในงานเลือกให้กับมือเลยนะคะ แต่ไหงไม่ชอบเลยก็ไม่รู้

ส่วนตัวใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงของเค้าอยู่หลายตัว คุ้นเคยกับกลิ่นของ lamer อยู่แล้ว
แต่ไอ้กลิ่นของรองพื้นนี่กลับไม่ค่อยชอบ บอกไม่ถูกว่ากลิ่นเหมือนอะไร
หรือจะเป็นไอ้ที่เค้าเรียกว่า scent of nature กันก็ไม่รู้สิคะ

คุณสมบัติเค้าโฆษณาไว้ดี๊ดีว่าเป็นรองพื้นบำรุงผิว ดังนั้นเรื่องกลิ่นยังพอหยวนๆกันได้
แถมเป็นยี่ห้อที่ไว้ใจกันมานาน ก็ยังคิดว่ารองพื้นเค้าก็น่าจะไว้ใจได้เหมือนกันนะ
แต่ถึงสุดท้ายที่หยวนไม่ได้คือ ลุคที่ได้ออกมานี่สิคะ ทั้งขวดจิ๋วๆนี่ที่ได้มาลองเอง
ทั้งตอนหลังที่ไปลองใหม่ที่เคาเตอร์ให้เค้าทาให้เลย ยังไงก็ไม่ชอบอ่ะค่ะ
แทนที่จะดูเนียนใส กลับดูหมองๆ หน้าน้ำตาลๆมาเชียว แต่งด้วยเบสปกติยังดูดีกว่าตั้งเยอะ
พยายามทิ้งระยะห่าง ลองใหม่กี่ครั้งก็แล้วก็ยังไม่ชอบอยู่ดี สงสัยว่าสีจะไม่เข้ากับผิวก็เลยบ๊ายบายกันไปละกัน

ราคา: ยังไม่ทันได้ซื้อขวดจริงเลยไม่รู้ราคาค่ะ
คะแนนความชอบ(ส่วนตัว): 2/5
ซื้อต่อไหม : ถึงจะเป็นยี่ห้อที่ใช้ประจำ แต่ตัวนี้คงไม่คิดจะซื้อล่ะค่ะ ใช้แล้วหน้าหมองหยั่งกะโดนของแน่ะ สีไม่ถูกใจเลย


3. FREEPLUS NATURAL FIT LIQUID FOUNDATION SPF11 PA++ (OCHE B)



ยี่ห้อนี้เป็นไลน์ใหม่ของ Kanebo นะคะเป็นเครื่องสำอางที่เน้นการบำรุงผิวไปในตัว และผสมกันแดดด้วย
(ได้ยินคอนเซปนี้ทีแรก นึกถึงคำโฆษณาของรองพื้น lamer ขึ้นมาเลย)
ขวดนี้ซื้อมาเมื่อสักกลางๆปีก่อน (ปี 2550) ได้ เดินเล่นๆอยู่ใน Matsumoto Kiyoshi
แล้วโดน BA กล่อมมา นึกยังไงไม่รู้เหมือนกันก็เลยซื้อมาทั้งที่ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยชอบใช้รองพื้น(แทบไม่ใช้เลยมากกว่า)

ผลการใช้ก็ธรรมดานะคะ ไม่ได้เด้งเป็นพิเศษ ไม่ได้ดูหนาเว่อร์หรือปกปิดอะไรเป็นพิเศษ
แต่ก็ยังดีว่าไม่ทำให้หน้าเข้มหรือหมองเหมือน lamer อันบน
แพ็กเกจใช้ได้ค่ะ เทรองพื้นง่ายไม่หกเลอะเทอะ เนื้อรองพื้นหนืดกว่า lamer ตัวบน นิ่มๆหยุ่นๆเหมือนครีมนิดๆ
แต่ก็ยังเกลี่ยได้ง่ายมาก(เราใช้มือเกลี่ยค่ะ) แม้แต่มือใหม่เกลี่ยรองพื้นอย่างเรา
แล้วด้วยคำโปรยที่ว่าส่วนผสมดีกับผิวอะไรก็ว่าไป เบื่อๆก็หยิบมาใช้บ้าง
อย่างน้อยพอทาทั่วๆเลยไปใต้ตาก็ช่วยกลบแพนด้าได้บ้าง ลงคอนซีลเลอร์น้อยลง(แต่ก็ยังต้องลง)
จะได้ไม่เห็นรอยต่อหนามากระหว่างส่วนรอบตา กับช่วงแก้ม

ราคา: 30mL ราคาเต็ม 3500yen ยังไม่รวมภาษี 5% (ไม่นับช่วงลดราคาหรือพ๊อยต์ต่างๆที่ได้จากการซื้อนะคะ)
คะแนนความชอบ(ส่วนตัว): 3/5
ซื้อต่อไหม : คิดว่าคงไม่ซื้อต่อล่ะค่ะ ถ้าจะหาตัวที่ใช้ได้บ่อยๆโดยไม่กระเทือนกระเป๋าตังค์มาก เดี๋ยวไปเลือก shu อันล่างๆดีกว่า


4. LUNASOL WATER CREAM FOUNDATION SPF18 PA++ (OC 10)



ตัวนี้คงไม่ต้องพูดถึงกันมากนะคะ เพราะก่อนนี้ฮิตกันน่าดูที่ห้องแป้งนี้
สำหรับเรารองพื้นตัวนี้เป็นตัวที่ทำให้เราเข้าสู่ วงจรการสรรหารองพื้นเต็มตัวเลยล่ะค่ะ
ก่อนตัวนี้ก็ยังเฉยๆกับรองพื้นอยู่ แต่อ่านคนรีวิวบ่อยๆเข้าทุกวันๆ เกิดอาการอยากได้อยากลองบ้าง
ประกอบกับมีนิสัยไม่ดีว่าเวลาเครียดๆจากงาน ชอบไปหาเรื่องเสียตังค์ให้หายเครียด วันนึงได้จังหวะก็ไปลองเคาเตอร์เสร็จแล้วก็สอยมาเลย

ตอนช่วงที่ซื้อเป็นช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมา ซึ่งหนาวมากๆๆๆๆๆๆๆ คนญี่ปุ่นเองยังบ่นกันเป็นแถวว่าปีนี้หนาวจริงๆ
ช่วงแรกๆที่ใช้ ก็บอกเลยว่ากรี๊ดกร๊าดมากนะคะ เพราะรู้สึกว่าหน้าขาวใสเหมือนอย่างตอนใช้เบส ไม่อมส้ม อมน้ำตาล และดูผ่องไม่หนา
ปริมาณที่ใช้ก็นิดเดียว เกลี่ยง่าย แถมเอามาเลเยอร์ที่ใต้ตา ก็พอช่วยกลบแพนด้าได้ระดับนึง
ลดปริมาณคอนซีลเลอร์ที่กองๆใต้ตาไปบ้าง (แต่ก็ยังลงคอนอยู่อีกบางๆค่ะ เพราะตาดำมากมาย)

แต่ มันมีแต่ค่ะ
ผ่านไปสักระยะ (ยังอยู่ในช่วงหน้าหนาวหฤโหดอยู่) เริ่มสังเกตว่า เวลาใช้รองพื้นนี้แล้ว texture ผิวหน้ามันดูแห้งๆยังไงพิกล
ก็คิดไปว่าคิดไปเองหรือเปล่าเนี่ย เพราะรองพื้นนี่ใครๆก็ใช้แล้วหน้ามัน ไหงเราใช้แล้วดูหน้าแห้งกว่าเดิมแฮะ
คือมันไม่ได้ทำให้หน้าลอกมากขึ้นหรืออะไรนะคะ แต่มันดูเหมือนหน้าแห้งๆผากๆกว่าปกติจริงๆ
ซึ่งก็ไม่ได้อุปทานไปเองด้วย ลองทาแล้วถามคุณแฟนดูว่าเห็นอะไรแตกต่างมั๊ย เค้าก็บอกว่าดูเหมือนหน้าแห้งๆขึ้นนะ T_T

อีกจุดที่เพิ่งสังเกตได้ทีหลัง คือเรื่องสีค่ะ อันนี้คงเป็นความผิดพลาดของเราเองที่ตอนซื้อลองสีโดยไม่คลีนหน้าจนหมดก่อน
แล้วตอนหน้าหนาว สภาพก็พันอะไรเต็มไปหมดช่วงคอนี่ปิดมิดเลยค่ะ เลยไม่ได้สังเกตเรื่องความแตกต่างกับสีคอมาก
ดูแค่ตอนลองกับหน้าระหว่าง OC10 กับ OC20 แล้วทาง OC10 ดูผ่องกว่า (และ BA ก็เชียร์ทางนี้มากกว่า)
หลังๆเริ่มเห็นได้เองค่ะว่าสีมันต่างกับสีคอพอประมาณ เวลาจะใช้ต้องทาเลยมาทั่วๆคอด้วย

ณ ตอนนี้อากาศไม่หนาวแล้วล่ะค่ะ แต่ไอ้ความรู้สึกว่าตัวนี้ทำให้หน้าดูแห้งก็ยังติดตราตรึงใจอยู่ ก็เลยไม่ค่อยใช้แล้ว
ลดระดับเอาตัวนี้ไปทาคอแทนแล้วค่ะ เพราะคอดำกว่าหน้า ส่วนหน้าก็ปล่อยเป็นหน้าที่ตัวอื่นๆที่ชอบมากกว่าไปแทน

ราคา: 30g ราคาเต็ม 5250yenรวมภาษี 5% แล้ว
คะแนนความชอบ(ส่วนตัว): 2/5
ซื้อต่อไหม : คงไม่ซื้อต่อล่ะค่ะ แปลกดีเหมือนกันรองพื้นหน้าหนาวสำหรับคนหน้าแห้งแท้ๆ แต่เรากลับไม่ถูกกับมัน


5. LUNASOL MODELING WATER LIQUID FOUNDATION SPF17 PA+ (OC 02)



ยังเข็ดจากตัวบนไม่หาย พอได้ยินว่ามีรุ่นใหม่ออก คราวนี้เลยยังไม่ซื้อค่ะ
เดินไปขอแซมเปิ้ลมาแทน (ส่วนใหญ่แซมเปิ้ลเลือกสีไม่ได้ค่ะ มักมีแค่สีเดียว)

ลองใช้แล้วบอกได้คำเดียวว่าสำหรับเรา เฉยสุดๆ ไม่รู้สึกอะไรเลย
แบบว่าใช้แล้วไม่มีความรู้สึกเลยว่า อยากลองใช้ต่ออีกหน่อยดูซิว่ามันจะดีจริงไหม อะไรทำนองนี้
ประมาณว่ามันไม่มีอะไรที่กระตุ้นให้เราอยากลองมันต่อเลยน่ะค่ะ จะเรื่องสี ความผ่องอะไรก็แล้วแต่
รู้สึกว่าทาเหมือนไม่ทา ไม่มีอะไรดีขึ้น แค่รู้สึกบนหน้าได้เวลาส่องกระจกว่าเนี่ยชั้นทารองพื้นอยู่ก็เท่านั้น

ตัวนี้อย่างที่บอกนะคะ ลองซองเดียวเลิก(อีกซองยังอยู่ในกรุอยู่เลย)
จำได้ไม่ละเอียดเท่าไหร่ อย่างเดียวที่รู้คือ ไม่ประทับใจใดๆค่ะ

ราคา: ได้แต่แซมเปิ้ลมาไม่รู้ราคาจริงค่า
คะแนนความชอบ(ส่วนตัว): 2/5
ซื้อต่อไหม : ไม่ซื้อขนาดจริงแน่นอนค่ะ


6. SHU UEMURA FACE ARCHITECT CREAM FOUNDATION (764)



หลังจากเริ่มเข้าสู่วงการสรรหารองพื้นเต็มตัวแล้ว ก็ต่อกันที่ตัวนี้ล่ะค่ะ
เห็นหลายๆคนก็บอกว่าตัวนี้ดีมาก ก็เลยเดินดุ่มๆไปขอแซมเปิ้ลมาเลยค่ะ เงินไม่ต้องกระเด็นเลยสักเยนก็ได้มาลองฟรีๆ
ซองใหญ่ซะด้วยสิคะ ใช้ได้หลายหน้ามากเลย

เนื้อรองพื้น เป็นครีมๆเลยล่ะค่ะ เหมือนจะเกลี่ยยากแต่เอาจริงก็ไม่ยากเท่าไหร่(เรานี่ มือใหม่เกลี่ยรองพื้นนะคะ)
แต่จุดที่เรา โอ้โห มากกับรองพื้นนี้คือ ความกริบของมันค่ะ แบบว่าปาดปุ๊บปิดผิวข้างใต้มิดเลย
สมชื่อ face architect จริงๆค่ะ เหมือนโบกปุนฉาบปิดผิวของเราเลย
ขนาดที่ว่าแพนด้าหนักๆของเรานี่ พอเอารองพื้นนี้โบกๆไปแทบไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์เลยค่ะ เนียนและปกปิดเทพมากๆ

แต่ก็นะคะ เรื่องความเนียนและปกปิดนี่ยกให้เลย แต่ปัญหาคือมันกริบเกินไปค่ะ
วันไหนใช้รองพื้นนี้ ส่องกระจกจะรู้สึกหน้าหลอกๆ เหมือนใส่หน้ากากอยู่ ไม่ใช่หน้าของเรายังไงบอกไม่ถูก
คือมันหนาและกริบเกินไปปิดผิวเราจนมิด ไม่เหลือความผ่องแบบผิวจริงเหลือเลยน่ะค่ะ (แต่ติดทนเช้ายันเย็น ไม่หมองลงเลยนะคะ)

ราคา: ขอแต่แซมเปิ้ลมาไม่รู้ราคาจริงค่า
คะแนนความชอบ(ส่วนตัว): 3/5
ซื้อต่อไหม : ก่อนนี้คิดอยู่ว่าอาจจะซื้อมาไว้ใช้บางวันที่โทรมมากๆ แต่ก็ยังลังเลเพราะมันหนาจริงและหน้าเราก็ไม่ได้ต้องการการปกปิดขตนาดนั้น
ตอนนี้มีทางเลือกที่ดีกว่าเป็นรุ่น fluidแล้ว รุ่นนี้คงไม่คิดซื้อแล้วล่ะค่ะ (แต่แซมเปิ้ลซองนี้ ยังเหลือใช้ได้อีก 1-2 หน้าแน่ะค่ะ)


7. SISLEY PHYTO TEINT ECLAT FLUID FOUNDATION OIL-FREE LONG LASTING (IVORY)



รองพื้นเทพตัวนี้ เคยดังระเบิดมาแล้วในห้องนี้ แถมตอนที่คุณเทนมาทำรีวิว ก็รีวิวได้เริ่ดมากจนเราตัวสั่นอยากวิ่งไปเสียตังค์กันเลยทีเดียว
แต่ก็ด้วยความที่บุญไม่ถึง กว่าจะได้ซองนี้มาลองก็เมื่อเร็วๆนี้เองล่ะค่ะ
ก่อนหน้านี้(ช่วงยังหนาวอยู่) ไปเคาเตอร์ BA ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน เลยว่าผิวแห้งอย่างเราไม่ควรใช้รุ่นนี้ และแนะนำรุ่นอื่น
แต่ ใจเรานี่มันสนใจแต่รุ่นนี้อ่ะค่ะ พอ BA ยืนกรานก็เลยต้องกำเงินกลับบ้านแทน

แต่เมื่อเร็วๆนี้อากาศไม่หนาวแล้ว (ร้อนหน่อยๆบางวันด้วย) ไปเคาเตอร์อีกที คราวนี้ BA เปลี่ยนเป็นบอกว่าใช้ได้สิคะ ไม่มีปํญหา
(จำไม่ได้ว่าคนเดิมกับคราวก่อนหรือเปล่า แต่ก็รู้ตัวนะคะ ว่าตอนหน้าหนาวผิวเราแห้งน่ากลัวมากจริงๆ แทบไม่อยากยิ้มเลยทีเดียว)
ก็เลยได้มาซองนึงค่ะ ซองใหญ่มาเลยเชียวใช้มา 4-5 หน้าได้แล้วมั้งคะ ตอนนี้รีดรองพื้นไม่ออกแล้ว (แบบว่างกค่ะ)

ความรู้สึกตอนเกลี่ยนะคะ ในบรรดาทั้งหมดที่ลองใช้มา ตัวนี้เป็นตัวแรกที่รู้สึกว่ามันเกลี่ยยากกว่าปกติค่ะ
แบบว่ามันฝืดๆหน่อยไม่ค่อยลื่นเหมือนตัวอื่นๆที่ได้ลองมา บวกกับเราเป็นคนผิวแห้งด้วย
ผลที่ได้ออกมาก็โอเคค่ะ สีพอดีกับผิว หน้าดูเนียนดีสมกับที่ร่ำลือกัน รองพื้นติดผิวดี ไม่หมองไม่คล้ำ
แต่เราเคยลองอย่างละครึ่งหน้าเทียบกับ shu ด้านล่าง ก็ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างค่ะ

จุดที่เราไม่ค่อยชอบตัวนี้ หนึ่งคือความรู้สึกตอนมันโดนผิวใหม่ๆค่ะ
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันมีส่วนผสมอะไรบ้าง แต่ตอนทาใหม่ๆมันรู้สึกเหมือนจะยิบๆบนหน้าหน่อย
เหมือนเวลาเอายาทาสิวหรืออะไรแรงๆ ทาบนหน้า ที่ตอนแรกจะรู้สึกเหมือนจะคันๆยิบๆนิดๆน่ะค่ะ
แต่ก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดว่าแสบ มีสิวหรือมีอาการแพ้อะไรตามมานะคะ เดาว่าเราจะไม่ค่อยถูกกับของ sisley มั้งเนี่ย
ก่อนนี้ไปขอ skincare มาลอง ทาอายครีมทีนี่แสบ จนน้ำตาไหลแสบตาไปหมดเลย

อีกเรื่องคือ เรื่องเนื้อมันดูฝืดๆหน่อยน่ะค่ะ ก็มันเป็น Oil-free นี่เนอะ เราผิวแห้งดันมาใช้
ไม่ถึงกับทำให้หน้าแห้งขึ้นก็จริง (แต่ตอนนี้ไม่ใช่หน้าหนาวด้วยเลยไม่ชัวร์เท่าไหร่)
แต่ก็ไม่ได้ดีมากจนเราประทับใจน่ะค่ะ เนียนดีแต่เราว่ายังไม่ผ่องเท่าไหร่สำหรับเรา
ส่วนตัวคิดว่าครือๆกันกับ shu ตัวด้านล่างนี้หล่ะค่ะ แต่ชอบเนื้อสัมผัสของ shu มากกว่า

ราคา: ขอแต่แซมเปิ้ลจำราคาจริงไม่ได้อ่ะค่ะ จำได้แต่ว่าราคาหมื่นเยนอัพค่ะ
คะแนนความชอบ(ส่วนตัว): 3.5/5
ซื้อต่อไหม : ตัวนี้ลองมาพร้อมๆกับ shu ตัวด้านล่าง คิดว่าสองตัวไม่ต่างกันมากแต่สรุปแล้วชอบทาง shu มากกว่าค่ะ


8. SHU UEMURA FACE ARCHITECT SMOOTHING FLUID FOUNDATION (764)



ตัวนี้ขอแซมเปิ้ลมาวันเดียวกันกับ sisley เลยค่ะ แบบว่าเดินออกจากเคาเตอร์นึง
ก็ไปขอต่ออีกเคาเตอร์นึงเลย แบบว่าอยู่มานานชักหน้าด้าน รู้ว่าขอได้เลยขอแบบไม่เกรงใจค่ะ
แต่วันนั้นมีซื้อ drawing pencil เพิ่มอีกแท่งด้วยเพราะว่าใช้แล้วชอบ ไม่ค่อยเลอะดี (แต่กุดเร็วไปหน่อย เปลืองจัง)

ได้มาสองซอง ซึ่งแซมเปิ้ลของชูนี่ซองใหญ่ดีนะคะ ซองเดียวก็ใช้ได้หลายหน้าแล้ว ตอนนี้ซองแรกยังไม่หมดเลยค่ะ (ใช้สลับๆกับตัวอื่นด้วย เพื่อเทียบผล)
ลองแล้วตัดสินใจได้ทันทีว่าไม่ซื้อรุ่นครีมแล้ว(ก่อนนี้ยังลังเลอยู่) ครีมเหลวกว่าเกลี่ยง่าย สีนี้พอดีกับหน้าเลยไม่ลอยไม่คล้ำ
ทาออกมาแล้วเนียนดี ไม่หนาโบกเหมือนหน้ากากเท่ารุ่นครีม ยังให้ความรู้สึกเหมือนผิวธรรมชาติของเราอยู่(แต่ดีกว่าผิวจริงนิดหน่อย :P)
แล้วก็ไม่รู้สึกคันๆหรือยิบๆอะไร เหมือนตอนทา sisley ด้วย (สำหรับเราคิดว่าให้ผลเหมือนๆกับ sisley เลยน่ะค่ะ)

สำหรับเรา ณ ตอนนี้ ก็ยกให้ตัวนี้เป็นตัวที่จะใช้สำหรับวันธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการความเด้งเป็นพิเศษค่ะ
ลองมาหลายหน้าแล้ว เริ่มให้ความไว้วางใจแล้วว่าตัวนี้ใช้ได้เลย ไม่หนาเว่อร์ ไม่ลอย ไม่หมอง และไม่แห้งค่ะ
(แต่ก็ไม่ใช่ว่าตัวนี้ไม่เด้งนะคะ แต่เรามีอีกตัวที่เด้งยิ่งกว่าตัวนี้อยู่ค่ะ)

ราคา: ขอแต่แซมเปิ้ลมาไม่รู้ราคาจริงค่า
คะแนนความชอบ(ส่วนตัว): 4/5
ซื้อต่อไหม : ถ้าใช้แซมเปิ้ลหมดแล้ว(เหลืออีกซอง) อาจจะซื้อขวดจริงค่ะ ถ้าไม่มีตัวอื่นมาแรงแซงโค้งทีหลัง


9. CLE DE PEAU TEINT NATUREL CORRECTEUR SPF24 PA++ (O10)



ยี่ห้อนี้เริ่มเล็งๆมาตั้งแต่ตอนคุณฟลุคพูดถึงแรกๆแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไปลองจริงๆสักที
จนกระทั่งมาอ่านรีวิวของคุณเทน ที่ตั้งชื่อซะเก๋ไก๋ให้รองพื้นยี่ห้อนี้ว่า รองพื้นคุณนายแม่ (เข้าใจตั้งชื่อจริงๆค่ะ ^_^)
ฟังแล้วต่อมอยากลองกระจายมาก วิ่งไป Matsuzakaya ที่ใกล้สุดลอง(ฟรี)ทันที
ไปหนแรกไปลองรุ่นเก่ากระปุกสี่เหลี่ยม teint naturel satine นะคะ
แต่ลองเฉยๆไม่ได้ซื้ออะไรกลับมา
(มี Preview ขั้นตอนและผลลัพธ์การลองและการเห่อละเอียดๆ ในบล็อคเก่านะคะ)
แต่ได้แซมเปิ้ลรุ่น teint naturel correcteur สี O10 และ O20 มาอย่างละซองสองไม่รวมเบสอีกสี่ซอง

พอใช้แซมเปิ้ลจนหมดก็ตัดสินใจซื้อเลยค่ะ ซื้อรุ่นเดียวกับที่ได้แซมเปิ้ลมานี่ล่ะค่ะ เพราะไหนๆก็ได้ลองเองจนชัวร์แล้ว
ไอ้รุ่นกระปุกเหลี่ยมได้ลองหนเดียวก็จริงแต่ก็รู้สึกว่าชอบนะคะ แต่ไหนๆเคยมีแบบครีมของ lunasol แล้ว
หนนี้เลยเอารุ่นขวดดีกว่า ออกใหม่ด้วยมีผสมกันแดดอีกต่างหาก เหมาะกับคนขี้เกียจอย่างเรายิ่งนัก(ช่วงนี้แดดที่ญี่ปุ่นยังไม่แรงมากค่ะ)

เหตุผลที่ตัดสินใจซื้อ (แพงกว่ารองพื้นอื่นเท่าตัวเลยนะเนี่ย T_T) เคยเห่อละเอียดๆไว้ในบล็อคแล้วล่ะค่ะ แต่สรุปๆก็คือ
1. เกลี่ยง่าย ไม่หนา ไม่หลอก แถมกลิ่นห๊อมหอมค่ะ หอมแบบไฮโซเลยเชียว (ไม่ใช่ scent of nature แล้วค่ะ) แต่ถ้าใครไม่ชอบอาจเวียนหัวไปเลยก็ได้นะคะ
2. วันแรกที่ใช้แซมเปิ้ล ไปเจอคนไทยมาเที่ยวเค้าถามเลยว่า(ผิว)หน้าสวยจังใช้ครีมอะไรเหรอ ก็อดปลื้มไม่ได้มีคนไม่รู้จักกันมาชม
3. ตอนทาเสร็จใหม่ๆก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันช่วยอะไรได้เปล่าเนี่ย เพราะดูบางๆเหมือนไม่ได้ทาอะไร
แต่ขอบอกว่าระหว่างวันรู้สึกได้เลยค่ะว่า วุ้ยวันนี้ผิวหน้าเราดูดีกว่าปกตินะเนี่ย เหมือนกับว่าที่เห็นผิวผ่องๆเด้งๆน่ะเป็นผิวเราจริงๆไม่ใช่รองพื้นน่ะค่ะ
4. หลายหนที่เผลอหลับไปไม่ทันล้างออก(ซกมกมาก โปรดอย่าเอาอย่าง) เช้ามาแทนที่หน้าจะดูหมองโทรมเหมือนทุกที
แต่กลับดูอิ่มๆเด้งๆหน้าวาวๆบอกไม่ถูกค่ะ ประมาณว่ายังเด้งอยู่นั่นแหล่ะค่ะ(เหมือนกันทั้งรุ่นนี้ และรุ่นกระปุกสี่เหลี่ยมเลย)

ณ ตอนนี้ยกให้ตัวนี้เป็นรองพื้นที่ดีที่สุดของเรา ที่เราให้ความไว้ใจเต็มที่สำหรับวันที่ต้องการหน้าเด้งเป็นพิเศษค่ะ (ถ้ามันถูกกว่านี้ก็คงใช้ทุกวันล่ะค่ะ)
ทาง่าย ไม่แห้ง ไม่หนา ผ่องเด้งเหมือนผิวของเราเอง คงทนตลอดวัน (ทารองพื้นนี้แล้ว หน้าจะดูเด้งๆไฮโซกว่าปกติเหมือนที่คุณเทนบอกจริงๆล่ะค่ะ ^_^)

มี crop รูปถ่ายสีผิววันที่ใช้รองพื้นนี้มาให้ดูค่ะ รูปนี้ถ่ายแสงธรรมชาติ รับประกันว่าไม่มีretouch ใดๆ
แต่งหน้าด้วย Smashbox Photo Finish UVA/UVB SPF15 เบสใส -> Cle De Peau foundation ->
Loose powder Lamer tran (ใช้แปรงปัดแป้งนะคะ) -> ตบท้ายด้วย Guerlain Meteorites Mythic01 ค่ะ
ส่วนตัวรูปนี้มานั่งซูมส่องดูผิวตัวเองเลยค่ะ ว่าเออแฮะทารองพื้นแล้วดูเหมือนไม่ทาแต่ทำให้หน้าเด้งขึ้นได้นี่มันยังมีอยู่จริงนะเนี่ย



ราคา: 30mL 12600yen (รวมภาษี 5% แล้ว) พอฟัดพอเหวี่ยงกับ sisley เลยค่ะ แต่ถ้าสั่งซื้อตามพวก yahoo auction ก็จะถูกลงหน่อยค่ะส่งเกยถึงประตูบ้านเลยด้วย
คะแนนความชอบ(ส่วนตัว): 4.5/5 (ขอกั๊กคะแนนไว้หน่อย เผื่อในอนาคตมีตัวที่ชอบมากกว่า)
ซื้อต่อไหม : ณ ตอนนี้ยกให้ตัวนี้คือตัวดีที่สุดของเราค่ะ(แต่ถ้าใช้ทุกวันเป๋าคงแฟบ) ถ้าหมดแล้วและตอนนี้ไม่มีตัวเทพกว่าคงซื้อต่อแน่ค่ะ



สำหรับรีวิวคราวนี้ก็หมดเพียงเท่านี้นะคะ
ยังมีแซมเปิ้ล CLE DE PEAU teint naturel fluide (O10) กระปุกกลมด้านล่างนี้อีกที่ยังไม่ทันได้ลองใช้ค่ะ



รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ปกปิดสูงสุดนะคะ จริงๆก็ไม่ใช่จุดประสงค์ของเราเท่าไหร่ แต่ก็ไปขอแซมเปิ้ลมาลองค่ะ
มีโอกาสได้ลองทั้งทีก็อยากลองไว้เยอะๆ จะได้มีตัวเลือกหลายๆทาง และ ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลังเวลาไม่ถูกใจ

อีกตัวที่มีคือ L'oreal true match สีเข้มสุด แต่ตัวนี้เราใช้เฉดดิ้งเฉยๆเลยไม่ทำรีวิวค่ะ
(แต่ก็รู้สึกว่าเกลี่ยง่ายดีนะคะ แค่ไม่เคยลองใช้ทั่วหน้า เพราะอันนี้เข้มเกินค่ะ)




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2551    
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 11:57:52 น.
Counter : 1471 Pageviews.  

สอยมาจนได้ cle de peau beaute teint naturel correcteur オークル10 SPF24 PA++ (For all seasons)

จากหนก่อนที่ไปลองมา (ที่นี่) ผ่านไปยังไม่ถึงเดือนนึงดีเลย
ก็ลองใช้แซมเปิ้ลรองพื้นทั้งสี่ซองหมดเกลี้ยง ชนิดที่ว่าเค้นกันถึงหยดสุดท้ายเลยทีเดียว
ถึง BA จะบอกว่าซองนึงใช้หนนึงพอดี แต่สำหรับเราซองนึงมันมากเกินไป
สรุปสี่ซองนี้ใช้ไปมากกว่าสี่หน้าแน่นอน

ผลการลองใช้รองพื้นตัวอย่าง ทาเอง เกลี่ยเอง
สลับกับใช้รองพื้นตัวอื่นๆที่มีอยู่แล้ว เพื่อเทียบผลไปด้วย
ส่วนตัวก็รู้สึกว่าชอบเลยนะคะ สรุปเป็นข้อๆว่าทำไมชอบก็คงประมาณนี้
1. กลิ่นมันหอมไฮโซมากเลย สำหรับเรา แต่ถ้าคนไม่ชอบกลิ่นแบบนี้ อาจรู้สึกเวียนหัวไปเลยก็ได้
2. วันแรกที่ลองทาไปนอกบ้าน บังเอิญไปเจอคนไทยมาเที่ยวช่วงสงกรานต์
เค้าถามเลยว่า (ผิว)หน้าสวยจัง ใช้ครีมอะไรเหรอ
มีคนชมทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ก็ต้องดีใจเป็นธรรมดานะ
ก็เลยตอบไปแบบไม่กั๊กว่าใช้รองพื้นยี่ห้อนี้ล่ะค่า ที่เห็นๆอยู่เนี่ย
3. ไม่รู้สึกว่าทาแล้วหน้าแห้งขึ้นหรือมันขึ้น
ตอนทาเสร็จใหม่ๆ ไม่ค่อยรู้สึกแตกต่าง เพราะเนื้อมันบางไปกับผิว
แต่ระหว่างวันรู้สึกเหมือนผิวหน้ามันดูดีกว่าปกตินะเนี่ย (หรือว่าอุปทาน?)
4. สุดท้ายด้วยความซกมกส่วนตัวเล็กน้อย หลายครั้งที่กลับมาเหนื่อยหมดแรง
ก็สลบไปถึงเช้าทั้งหน้าอย่างนั้นแหล่ะ แต่สังเกตมาหลายหนแล้ว
วันที่ใช้รองพื้นนี้ตื่นเช้ามา ถ้าหน้ามันขึ้น ปกติก็น่าจะดูโทรมๆไปเลย
แต่วันไหนใช้รองพื้นนี่ พอเช้ามาหน้ามันขึ้นแล้วมันกลับดูอิ่มๆบอกไม่ถูก
เหมือนพวกลุค dewy แบบที่ฮิตๆกันที่ไหน (ปกติหน้าแห้งมาก)
เคยลองปัดแป้งทับสักนิด ดูกระจกแล้วเนี่ย ถ้าเติมคอนซีลเลอร์
เขียนตา ทาปาก ปัดแก้ม เติมที่หายๆไปจากการนอนสักนิดเนี่ย
พร้อมจะออกไปลุยต่อได้อีกวันเลยนะเนี่ย ถ้าเราไม่หน้าแห้งมากจนเกินไป
(แต่กรณีนี้นี่ซกมกเกิน ยังไม่ได้ลองทำจริงสักที )

หนก่อนที่ไปลองก็ชอบลิปสติกด้วยนะ แต่คิดไปคิดมาเป็นคนไม่เล่นสีมาก
เน้นแค่หน้าเนียนๆเป็นหลักมากกว่า ก็เลยเอาแค่รองพื้นแล้วกัน
ประกอบกับจังหวะเหมาะ อยากระบายความเครียดจากการปั่นงาน
แถมด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ทำงานอย่างใจ ทั้งที่ราคาตั้งแพงแสนแพง
ปวดหัว+เหนื่อยกับมันมาเป็นอาทิตย์ๆแล้ว (เหนื่อยจากงานจับกังตอนย้ายแล็บด้วย)
ก็ได้จังหวะ ออกจากแล็บมาก่อน หลังจากแวะซื้อกับข้าวอาทิตย์นี้แล้ว
ก็แบกถุงเนื้อถุงผักนั่นแหล่ะ เดินเข้า Matsuzakaya เจ้าเดิม

หนนี้คนเดิมที่เคยลองให้ไม่อยู่ แต่ก็ไม่เป็นไรคนใหม่ก็ยังบริการดีเหมือนเดิม
(บอกตรงๆว่า สภาพวันนั้นโทรมมากๆ คืนก่อนนอนแค่สามชั่วโมงผีดิบสุดๆ
เสื้อผ้าเป็นเวอร์ชั่นกะไปนั่งทำงานที่แล็บเลย)
ไหนๆมาแล้ว ก็ขอให้เค้าคลีนหน้าลองให้อีกตามเคย
หนนี้ขอลองรองพื้นรุ่นน้ำ (ที่ได้แซมเปิ้ลไป) กับคอนซีลเลอร์ด้วยเลย
เค้าก็จัดการคลีนหน้า ลงบำรุงทุกอย่างของเค้าให้อย่างดี (ดีว่าไม่แพ้นะเนี่ย)
คอนซีลเลอร์แบบแท่งๆ ดูแล้วเนื้อคงจะแห้งไปหน่อยสำหรับตาแห้งๆเหี่ยวๆอย่างเรา
ก็เลยประหยัดตังค์ไปได้อีก

เอาเครื่องมาสแกนสีหน้าทางฝั่งซ้ายเหมือนเคย
ดูแล้วก็ได้เบอร์ 20 นะ แต่พอ BA ลองทาที่กรามแล้ว
เค้าบอกว่ามันดูดำไปนะเนี่ย เลยเอาเบอร์ 10 ลองอีกข้าง
ส่องกระจกเทียบกัน เบอร์ 20 ก็ดูดำกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยแรงเชียร์ของ BA สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นลองเบอร์ 10 ทั้งหน้าไป
ดูเทียบกับผิวที่คอ ก็ไม่ได้โดดกันจนน่าเกลียด

ลองเสร็จก็ไม่อะไรมาก วันนี้เตรียมมาซื้ออยู่แล้ว
ถ้าไม่ได้จ่ายเงินซื้ออะไรสนองกิเลสล่ะก็ ไม่หายเครียดแน่ๆ (นิสัยแย่จริงๆ )
ก็ตกลงเอารุ่นนี้แหล่ะมาเลย 12,600yen รวมภาษีเรียบร้อย
(ถ้าใช้แล้วติดใจ ขวดต่อไปคงไปซื้อเอาตามเน็ตล่ะค่ะ ถูกกว่าแล้วส่งมาเกยถึงบ้านเลยด้วย)
ได้แซมเปิ้ลมาเพียบเป็น cleansing กับครีมบำรุงหน้าแห้งทั้งหลาย

โฉมหน้าความเสียหายทั้งหมดก็ตามรูปเลยค่ะ
เสียตังค์ไปแล้ว ต่อไปก็ต้องกลับมาปั่นงานเหมือนเดิมแล้ว
จงทันๆๆๆๆๆๆ เพี้ยง



ปล. หลังจากข้องใจมานานว่ายี่ห้อนี้นี่มันของประเทศอะไรกันแน่นะ
เห็นเขียนว่าผลิตในญี่ปุ่น แต่ไม่แน่ใจว่าหมายถึง
นำเข้าสูตรมาผลิต เหมือนพวก L'oreal หรือเปล่า
วันนี้ถามเคลียร์แล้ว สรุปว่าแบรนด์นี้เจ้าของคือ shiseido นั่นเอง
แต่มาตั้งชื่อหรูๆเป็นภาษาฝรั่งเศส ให้คนเข้าใจผิดกันเล่นๆ




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 10 พฤษภาคม 2551 16:25:11 น.
Counter : 3491 Pageviews.  

PREVIEW เทสรองพื้นที่ Cle De Peau @Matsuzakaya

เหตุจากเมื่อวานมีมีตติ้งแล็บแต่เช้า
ตื่นเช้า(แปดโมงเนี่ยเช้าเหรอเนี่ย )เกิน
ง่วงนอนมาก ตกเย็นมาไม่มีอารมณ์อ่านเปเปอร์ต่อ
เลยแว่บจากแล็บ ไปลองรองพื้นที่ Matsuzakaya ดีกว่า
อ่านรีวิวของคุณเทนใน pantip แล้วอยากไปลองมากๆ
หลังเคยผิดหวังจากเคาเตอร์ Sisley มาแล้วก่อนหน้านั้น
(ที่ผิดหวังคือ BA ยืนกรานว่าผิวแห้งไม่เหมาะกับรองพื้นเทพรุ่นนั้น
ไม่ลองบนหน้าให้ด้วยซ้ำ เลยได้กำเงินกลับบ้านมือเปล่า)

ว่าแล้วก็ไปเลยดีกว่า กางร่มเดินจากมหาลัยถึงห้าง (สัก 2-3 กิโลได้มั้งเนี่ย)
ฝนก็ตกพรำๆอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน จากพยากรณ์จะตกต่อเนื่องถึงวันเสาร์เลย
ช่วงขาเปียกแฉะไปหมด ดีว่าหัวฉีดสเปรย์ ケープ・スーパーハード กระป๋องฟ้าไว้
ผมเลยอยู่ทรงไม่หวั่นแม้วันอากาศชื้นมาก
ดีใช้ได้เลย ขอแนะนำสำหรับคนผมเบาเหมือนเรา
ที่เจออากาศชื้นทีไร ผมฟูเละดูไม่จืด

เอ้า กลับๆๆๆ กลับมาเข้าเรื่องกันก่อน
หลังจากเดินวนๆดูทุกเคาเตอร์สองรอบก็ตรงเข้าเคาเตอร์เป้าหมาย
เคาเตอร์ Cle De Peau อยู่ทางริมๆถัดๆจากเคาเตอร์ lunasol -> kose
ดูแล้วเหมือนเคาเตอร์ลูกเมียน้อยยังไงไม่รู้ เคาเตอร์จิ๊ดเดียวเอง
เทียบกับเคาเตอร์ที่อยู่ตรงส่วนกลางห้างแล้วดูเล็กไปถนัดเลย

มี BA ผู้หญิงสองคน คนนึงยังสาวอยู่ อีกคนค่อนข้างมีอายุแล้ว
ถึงหน้าตาเราดูไม่น่าใช่ target group ของแบรนด์นี้เท่าไหร่
แต่ BA คนที่ว่างอยู่ (คนที่มีอายุ) ก็วิ่งกุลีกุจอมาถามเราทันทีว่าสนใจตัวไหน
(สิ่งหนึ่งที่ชอบญี่ปุ่นก็ตรง service mind สุดยอดนี่ล่ะ)
ได้ทีเราก็แจ้งความจำนงทันทีสิ จะรออะไร เดี๋ยวฝนก็ยิ่งตกหนักกลับลำบากพอดี
บอกว่าสนใจอยากลองรองพื้น ที่ไม่ใช่แป้งผสมรองพื้น
แต่มันราคาแพง ขอคลีนหน้า แล้วลองก่อนได้มั๊ย แล้วจะตัดสินใจอีกที
(ง่ายๆคือ วันนี้เงินไม่กระเด็นจากกระเป๋าแน่ๆนั่นเอง)

BA ก็รับคำ はい、かしこまりました。どうぞ。 แล้วพามานั่ง
เอาที่วางร่มมาให้ เอาผ้ามาคลุมเสื้อให้กันเลอะเสื้ออย่างดี
ก่อนอื่นก็เลือกกันก่อนว่าอยากลองรุ่นไหน
ตามชาร์ทด้านล่างนี้ (แต่ที่เคาเตอร์เป็นชาร์จอีกแบบนึง)

ตามชาร์จมีสี่แกน ทางซ้ายคือ mat ขวาคือพวก dewy
บนคือปกปิดมาก และล่างคือปกปิดน้อย
สำหรับเราที่ผิวแห้งและผิวไม่ต้องปกปิดอะไรมาก (ยกเว้นแพนด้าใต้ตา)
BA แนะนำเป็นสามตัวขวา แต่เราไม่ชอบแบบแป้งๆเลยตัดแบบตลับออกไปได้เหลือแค่สองตัว

สรุปขอเลือกลองรุ่นเก่า (แบบกระปุกสี่เหลี่ยมอ้วนๆ ตามรูปด้านล่าง)

ก่อนจะเลือกสีต้องทำการคลีนหน้าซะก่อน
BA ยืนกรานนะคะ ว่าต้องคลีนก่อนถึงเลือกสีได้ ไม่งั้นสีอาจผิดได้

คลีนหน้าเสร็จก็วิเคราะห์สีกันเลย มีเครื่องสแกนสีและโปรแกรมพร้อม
เอาที่วัดสีผิวหน้า รูปร่างคล้ายๆที่ยิงบาร์โค้คที่ไทยมาแปะแถวๆแก้มใกล้ๆคางเพื่อวัดสีผิวที่หน้า
แล้วก็ค่อยไปแปะอีกทีที่คอเพื่อวัดสีผิวที่คอ
เค้าเน้นด้วยนะคะว่าต้องวัดที่หน้าด้านซ้าย
เพราะผิวด้านซ้ายจะโดนแดดและคล้ำกว่าผิวหน้าด้านขวา

เสร็จแล้วก็ขึ้นเป็น ภาพวงรีสองวงซ้อนกันที่จอ
เนื่องจากหน้าขาวกว่าคอ เลยอยู่ที่ประมาณสี O10 (オークル)
ส่วนคออยู่ที่ประมาณสี O20
สรุปแล้ว BA เลือกให้เป็นสี O20
เพราะส่วนที่วงรี intersect กันมันอยู่ทาง O20 มากกว่า
ปกติตัวเองชอบขาวมากกว่านะคะ แถมสีนี้ในกระปุกดูดำเชียว
แต่ BA ก็ยืนยันว่าสีนี้ดีกว่าไม่งั้นหน้าจะลอยไป ก็เอาน่ะ เชื่อเค้าละกัน

แล้วก็ลงมือทากันเลย หลังลงเบสในภาพด้านล่างให้
ก็เอาฟองน้ำมาเกลี่ยๆรองพื้น เสร็จสรรพก็ตบแป้งเซ็ตให้เรียบร้อย


ไหนๆแวะแล้ว ต้องลองให้คุ้ม ก็ต่อด้วยลองลิปสติกอีกหน่อย
บอกตรงๆว่าตอนแรกที่เห็นรีวิวในเว็บไม่ค่อยชอบรุปร่างมันเท่าไหร่เลย
แท่งดำๆนึกถึงลิปแท่งดำของ suqqu
ส่วนตัวไม่ค่อยชอบ ชอบรูปร่างแบบแท่งขาวมากกว่า
แต่อันนี้พอเห็นของจริงแล้ว มันสวยเข้าตาเรามากอ่ะค่ะ (หมายถึง ภายนอกนะคะ)
ก็เลยหยิบมาลองซะเลย เป็นคนชอบของสวยๆงามๆ หนิ
(เป็นนิสัยที่ไม่ควรเอาอย่างนะคะ ชอบของที่แพ็คเกจสวยเนี่ย )
เลือกชมพูสามแท่งมา สุดท้ายลองสองสี 105 ที่ริมฝีปากล่าง
และ 106 ที่ริมฝีปากบน
เราริมฝีปากแห้งนะคะ แต่พอเช็ดปากเสร็จ
ไม่ลงกลอสเค้าก็เอาสปาตูล่าปาดลิปมาทาให้เลย
บอกว่ารุ่นนี้มันเหมือนมีกลอสในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องทาอย่างอื่นก่อน
สองสีไม่ต่างกันมาก สีน่ารักทั้งคู่เลยค่ะ แบบว่าชมพู๊ชมพูเลย
มีสิทธิได้เสียตังค์นะเนี่ย packaging ก็ถูกใจ สีก็สวยไม่ยุ่งยากทากลอสด้วย


เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จการลองค่ะ บอกแล้วหนิว่าวันนี้ไม่ซื้อ
เหตุเพราะยังเข็ดจาก water cream foundation LUNASOL
รองพื้นนี้ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ สีนี่พอดีอย่างที่เราชอบเลยล่ะ
แต่พอใช้ไปสักระยะ เริ่มหายเห่อบ้าง
ก็สังเกตว่า ทารองพื้นนี้ทีไรจะดูหน้าแห้งแล้งยังไงชอบกล
ไม่ได้ทำให้หน้าเป็นขุยเพิ่มนะ แต่มันดู texture หน้าแห้งๆขาดน้ำยังไงไม่รู้
ขนาดคุณแฟนที่ไม่รู้เรื่องเครื่องสำอาง ยังทักเลยว่าดูเหมือนหน้าแห้งขึ้นนะ
ถ้าจะซื้อขวดใหม่ก็อยากให้แน่ใจตรงนี้ซะก่อน

ก่อนกลับก็ขอแซมเปิ้ลมาลองซะหน่อย
อยู่ญี่ปุ่นทั้งที ต้องขอมาลองให้หมด ไหนๆเค้าอุตส่าห์ให้แล้ว
ตอนลอง ลองรุ่นกระปุกสี่เหลี่ยมเบอร์ O20
เค้าเลยให้แซมเปิ้ลรุ่นน้ำขวดกลมๆสูงๆ ที่ออกใหม่มาลอง สองชุด
(ชุดนึงสี O10 อีกชุดสี O20 เพราะเห็นว่าสีของรุ่นนี้กับรุ่นกระปุก
ไม่เหมือนกันซะทีเดียว เลยให้มาลองทั้งสองสี)
ในชุดนึงเปิดมามีสี่ซอง สองซองบนเป็นรองพื้น
สองซองล่างเป็นเบส
โดยเค้าย้ำมาว่า หนึ่งซองให้ใช้หนึ่งครั้ง อย่าเปิดแล้วเก็บไว้ ให้ใช้ให้หมดทีเดียว

บอกตรงๆว่าตอนเค้าเปิดมานี่ตกใจเหมือนกัน
ทำไมแซมเปิ้ลเค้ามันดูอลังการงานสร้างดีจัง
มาแพ็คนึงสี่ซองเลย ตอนแรกนึกว่าจะได้มาสัก 1-2 ซอง
้ด้านล่างนี้คือโฉมหน้าของแซมเปิ้ลที่ได้มาค่ะ
รูปร่างเหมือนสมุดเป็นเล่มๆ มีวิธีการทาให้เรียบร้อย
รวมแล้ว 8ซอง เป็นเบส 4ซอง รองพื้นอีก4ซอง(2สี)



กลับมาบ้านแล้ว ก็คอยส่องกระจกอยู่เรื่อยๆ ว่ามันดูแห้งหรือเปล่า
แต่ก็ยังไม่ชัวร์อยู่ดี เพิ่งลองได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง แถมฝนตกอากาศหนาวๆเย็นๆอีก
ลิปสติกก็ดูเนียนไปกับปากดี (ทั้งที่ปากเราลอกๆอยู่ก่อนลองทา)
แต่ก่อนนอน เผอิญกินชูครีมไปสองก้อน
กินไปต้องคอยปาดครีมที่เลอะรอบปากไป เลอะเทอะมากลิปเลยหายหมด
สรุปวันนั้นก็เลยไม่ล้างหน้า นอนมันอย่างนั้นซะเลย (ซกมกจริงๆ )
ตื่นมาเช้าวันนี้ รวมแล้วเป็นเวลา 12 ชั่วโมงนับจากตอนลอง
ส่องๆกระจกดู ก็ยังดูโอเคอยู่ ไม่หมอง ไม่แห้ง ยังเด้งดีอยู่
นั่งเช็คเน็ตต่ออีก 2 ชั่วโมง เริ่มมันนิดหน่อย
หน้าเริ่มแห้งแล้ว อันนี้ช่วยไม่ได้จริงๆเพราะเราผิวแห้งมาก
แถมไม่ได้ทาครีมเมื่อคืน ข้างนอกก็ฝนตกตลอดอากาศเย็น
แต่คิดว่าโอเคดีทีเดียว ไม่วอก ไม่ดูแห้งผาก นอนมาทั้งคืนก็ไม่เป็นคราบเลย

สรุปว่า BA ก็บริการดีมากค่ะ
แนะนำเราอย่างดี เลือกสีให้พอดีหน้า(และคอ)เลย ไม่วอกไปไม่คล้ำไป
(แต่ดูในตลับนี่ ดูสีเข้มน่าดูเลย)
รองพื้นก็ดูเนียนดี ไม่ดูหนาเกินไป และไม่ดูแห้งด้วย
เอาไว้ขอลองแซมเปิ้ลที่ได้มาให้หมดก่อน
แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะซื้อดีไหม
บางทีมันต้องลองหลายๆครั้งก่อนเนอะคะ ถึงจะตัดสินใจได้
ลองครั้งแรกๆบางทีอาการเห่อมันบังตาจริงๆ อะไรก็ดีไปหมด
พอตาหายฝ้าฟางจากการเห่อ ก็มานั่งเสียดายตังค์ทีหลังทู้กที




 

Create Date : 18 เมษายน 2551    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2551 11:04:56 น.
Counter : 4424 Pageviews.  

1  2  

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ

เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ

ค้นหาทุกสิ่งอย่างในบล็อคนี้

New Comments
Friends' blogs
[Add White Amulet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.