๑๒๔หลายคนอ่านร้อยแก้วอุปสรรคและเป้าหมายแล้ว
๑๒๕รู้สึกว่าสะใจที่เราเป็นผู้ถูกกระทำ
๑๒๖แต่จริงจริงแล้วยังมีคนอื่นอื่นอีกเช่นญาติที่ใกล้ชิดกับเรา
๑๒๗ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับอุปสรรคการกระทำดังเช่นที่พรรณนามา
๑๒๘และไม่มีใครสามารถอดทนต่ออุปสรรคที่เหล่าศัตรูหยิบยื่นมาให้ได้ดีเท่าเรา
๑๒๙เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าผู้คนในละแวกบ้านดูคล้ายผีดิบที่มีท่าทีเป็นศัตรูมากกว่าเป็นมิตร
๑๓๐เพราะเขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสาร
๑๓๑และเข้าใจผิดคิดว่าตนฉลาดด้วยการไปเข้าข้างศัตรูแล้วหันมาเล่นงานเราแทน
๑๓๒แต่นั้นก็เป็นสิทธิ์ของเขา เรายอมรับว่าเราโดดเดี่ยวและอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มีแนวคิดเป็นศัตรู
๑๓๓เราจะพิสูจน์ให้พวกโง่โง่เหล่านี้ได้รู้ซึ้งถึงคำว่า"อดทน"
๑๓๔เยี่ยงพระโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้ต่อการตรัสรู้ว่า เขาทำกันอย่างไร
๑๓๕เราจำเป็นต้องใช้อุเบกขาการวางเฉยต่อญาติผู้ใหญ่บางท่านที่ถูกกระทำให้ไร้สมรรถภาพ
๑๓๖กลายเป็นเด็กทารกที่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลตลอดเวลา
๑๓๗เนื่องจากโดนยาสั่งและคุณไสยจึงทำให้ร่างกายและจิตใจผิดธรรมชาติอย่างร้ายแรงจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
๑๓๘จากคนที่แข็งแรงกลายเป็นอ่อนแอในระยะไม่กี่เดือนได้อย่างไร
๑๓๙เราทำได้แค่คิดว่าเป็นเวรกรรมของท่านเหล่านั้นเองที่สถานการณ์บังคับให้มารับผลของกรรมเช่นนี้
๑๔๐จึงไม่ใช่ความผิดของเราแน่นอน
๑๔๑แม้ว่าพวกโง่โง่พยายามสร้างสถานการณ์ยัดเยียดให้เราดูประหนึ่งเป็นคนเย็นชา
๑๔๒แต่เรากลับมองว่าเราเป็นคนที่เข้มแข็งที่พวกโง่โง่ไม่สามารถเลียนแบบได้
๑๔๓ฉะนั้นจิตใจของเราจึงแข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดอย่างสง่าผ่าเผยบนโลกใบนี้ได้อย่างสมภาคภูมิ
๑๔๔เรายอมรับว่าอ่อนไหวบ้างและพะว้าพะวงยามที่คิดถึงเธอคนนั้น
๑๔๕เหตุเพราะเราหมกมุ่นในโพธิญาณอย่างจริงจังกระมัง
๑๔๖หากเรามุ่งหลุดพ้นในชาตินี้เยี่ยงพระอรหันต์องค์หนึ่ง
๑๔๗คงไม่ต้องพะว้าพะวงถึงใครเลยสักคน
๑๔๘แต่เราเฝ้าอธิษฐานในใจให้เจอเธอคนนั้น
๑๔๙เธอที่มีทัศนคติเดียวกันกับเราพร้อมที่จะสนับสนุนเราในทุกวิถีทาง
๑๕๐ให้เราสำเร็จโพธิญาณด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าเรา
๑๕๑เพราะสิ่งที่เราคาดหวังจำเป็นต้องมีผู้สนับสนุนซึ่งหาได้ไม่ง่ายนัก
๑๕๒เนื่องด้วยเรากับเธอคนนั้นต้องผูกพันกันไม่เฉพาะแต่ชาตินี้
๑๕๓แต่รวมถึงอีกหลายร้อยชาติข้างหน้าด้วยความอดทน
๑๕๔ซึ่งเป้าหมายเดียวกันจะผูกพันเรากับเธอคนนั้นไว้
๑๕๕ทดสอบสมรรถภาพทางจิต ผ่าน
๑๕๖พวกศัตรูคงคิดว่าเราแข็งแกร่งแต่เฉพาะจิตใจกระนั้นหรือ
๑๕๗เปล่าเลย สิ่งที่เราจะเล่าต่อไปนี้จะยืนยันได้ว่าสิ่งที่ร่างกายของคนปกติที่แข็งแรงสมบูรณ์ทั่วไป
๑๕๘สามารถทำได้ ถ้ามีความเข้มแข็งและความอดทนเพียงพอ
๑๕๙วิธีการทดสอบก็ไม่ยากมันคือการเดินเท้าเดินเท้าและก็เดินเท้า
๑๖๐เราอาศัยช่วงที่มีการเปิดรับสมัครสอบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม
๑๖๑โดยถือว่าวันสมัครสอบเป็นวันทดสอบสมรรถภาพร่างกายด้วย
๑๖๒และใช้สถานการณ์จริงที่เต็มไปด้วยรถและฝุ่นมลพิษกลางกรุงเทพฯ
๑๖๓วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 ตอนค่ำออกจากบ้านไปสถานีรถไฟ
๑๖๔ด้วยชุดพื้นเมืองคือนุ่งผ้าโสร่ง, มัดหัวด้วยผ้าขาวม้า, ใส่เสื้อกีฬาพร้อมสะพายเป้หนึ่งใบ
๑๖๕ใครมองอย่างไรก็ช่างเพราะเราคืออนุรักษ์นิยมผสมยุคใหม่
๑๖๖นอนไปกับรถไฟขบวนที่70 จุดหมายปลายทางคือสถานีสามเสน
๑๖๗ระหว่างเดินทางนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มเพราะเสียเวลากับการนอนไม่หลับและปวดปัสสาวะอยู่บ่อยบ่อย
๑๖๘อุปสรรคยังรบกวนและทำงานเป็นปกติของมัน
๑๖๙ถึงสถานีสามเสน ตอนเช้ามืด วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557
๑๗๐จุดเริ่มต้นเดินเท้าจากสถานีสามเสนไปโรงพยาบาลวิชัยยุทธกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง
๑๗๑จึ่งเดินทางต่อไปกรมโรงงานอุตสาหกรรมแล้วนั่งรอการสมัครสอบจนสมัครเสร็จสิ้น
๑๗๒แล้วเดินเท้าต่อไปตามถนนพระมงกุฏเกล้าเข้าถนนพิษณุโลก
๑๗๓แล้วเดินเท้าวนรอบทำเนียบรัฐบาลหนึ่งรอบโดยวนรอบม๊อบ คปท
๑๗๔จึ่งถ่ายรูปที่หน้ารั้วทำเนียบเพราะเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้า
๑๗๕จากนั้นเดินเท้าไปถ่ายรูปที่เจดีย์วัดโสมนัสพร้อมกับทำบุญ
๑๗๖ชิมก๊วยเตี๋ยวหน้าวัดโสมนัสหนึ่งถ้วยพร้อมชาให้หายเหนื่อย
๑๗๗แล้วเดินเท้าต่อไปถ่ายรูปที่หน้าพระบรมรูปทรงม้าพร้อมชำระค่าดูแลรักษาความสะอาด
๑๗๘แล้วเดินเท้าไปถ่ายรูปที่ริมรั้วพระที่นั่งอนันตสมาคมฝั่งตะวันออกเพราะเจ้าหน้าที่ห้ามใช้ขาตั้งกล้อง
๑๗๙แล้วเดินเท้าต่อไปที่หน้าสวนอีเดน(สวนสัตว์แห่งแรกของประเทศ) ซื้อชารสน้ำผึ้งหนึ่งขวด
๑๘๐แล้วเดินเท้าต่อไปที่พิพิธภัณฑ์ช้างต้น ไปถอดความอักษรขอมที่เป็นคาถากำกับช้างในพิพิธภัณฑ์
๑๘๑เจ้าหน้าที่ให้ความสะดวกดี แต่ไม่มีความรู้ด้านอักษรขอมและมักเดินมาถามว่าจดไปทำไม
๑๘๒เราหนหวยมากกับศัตรูที่อยู่ในร่างเจ้าหน้าที่จึงยุติการถอดอักษรขอม
๑๘๓และถอดอักษรขอมบนแผ่นวงกลมทองเหลืองด้านบนขวาได้นิดหน่อย ความว่า
๑๘๔เอตะทัคคัง ภะคะวะโต สาวิกานัง ภิกขูนัง
๑๘๕พหุสสะตานัง ภิมพพนัง สติมัทธานัง
๑๘๖ธิติมาพพนัง อุปัทธาถานัง ยทิทังอายัส
๑๘๗แล้วเดินเท้าย้อนออกมาผ่านวัดเบญจมบพิตร ผ่านม๊อบ คปท ที่ล้อมทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง
๑๘๘แล้วเดินเท้าไปถ่ายรูปที่เจดีย์พระอัฐิธาตุท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส ไปถึงเกือบบ่ายสองโมงแล้ว
๑๘๙เราศรัทธาท่านเจ้าคุณนรฯมาแต่สมัยเรียนมัธยมปลายประมาณปีพ.ศ.2538
๑๙๐ช่วงนั้นชอบอ่านประวัติพระกรรมฐานควบคู่กับหนังสือเรียน
๑๙๑ท่านเจ้าคุณนรฯเป็นพระอรหันต์กลางกรุงองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่อยู่ในกรุงเทพฯตลอดชีวิตที่เป็นสมณเพศ
๑๙๒ก่อนบวชท่านเจ้าคุณนรฯเป็นพระยาพานทองตอนอายุ 25 ปี
๑๙๓ท่านแตกฉานในภาษาทั้งอังกฤษและไทย
๑๙๔ท่านบวชพระถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้วไม่สึกเลยตลอดชีวิต
๑๙๕แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงชุบเลี้ยงให้เป็นที่ปฤกษาในพระองค์(ปรีวีเคาน์ซิล)
๑๙๖เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าถ้าท่านเจ้าคุณนรฯไม่สละทางโลก
๑๙๗พวกคณะราษฏร์โง่โง่ต้องไม่ได้เกิดอย่างแน่นอน
๑๙๘เพราะท่านเจ้าคุณเชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์การปกครอง
๑๙๙และแตกฉานในพิชัยสงคราม ทั้งมีพลังจิตที่กล้าแข็งมากมากตั้งแต่เป็นฆราวาส
๒๐๐ท่านชอบไปฝึกจิตในป่าช้า และผู้คนก็นิยมนับถือท่านมากทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง
๒๐๑ท่านนิพพานประมาณปี พ.ศ. 2518
๒๐๒ก่อนนิพพานกล่าวกันว่าท่านอธิษฐานจิตให้อัฐิธาตุของท่านสามารถป้องกันเตโชธาตุทุกชนิด
๒๐๓ไม่ให้ทำอันตรายสัตว์มีชีวิตทุกชนิดที่มาอาศัยอยู่แถวนั้นได้
๒๐๔หมายถึงป้องกันการระเบิดทุกชนิดและแน่นอนรวมถึงนิวเคลียร์ด้วย
๒๐๕เพราะฉะนั้นควรจะดูแลรักษาให้ดีเพราะถือเป็นจุดปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯถ้าหากมีการทิ้งระเบิด
๒๐๖จากนั้นเดินเท้าไปหัวลำโพงซื้อตั๋วกลับภูมิลำเนาด้วยรถนอนขบวนที่69 ๒๐๗ระหว่างรอเดินทางกลับได้เดินเท้าไปกินหมูกะทะกับน้องชายที่เพิ่งเลิกงานแถวถนนพระจอมเกล้า ร้านติดแอร์อยู่ใต้ทางด่วน
๒๐๘และได้สนทนา"เรื่องการใช้ชีวิต" แล้วเดินทางกลับ
๒๐๙อุปสรรคอย่างหนึ่งที่ต้องรับรู้ไว้คือ รองเท้าที่สวมเป็นรองเท้าหนังที่พอดีเท้ามากไม่หลวมเลย
๒๑๐ผลก็คือ เท้าบวมเป็นหนองเล็บช้ำเป็นทุกขเวทนาอย่างวิเศษจริงจริง
๒๑๑สมรรถภาพทางร่างกาย ผ่าน