|
พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์
เป็นพระพุทธรูปในอิริยาบถประทับนั่งบัลลังก์ หย่อนพระบาททั้งสองทอดลงมาเหยียบบนพื้น พระพาหา (แขน) ทั้งสองข้างวางบนพระเพลา (เข่า) หงายพระหัตถ์ขวาเป็นกิริยารับหม้อน้ำจากพญาช้างปาลิไลยกะ ซึ่งเป็นช้างอยู่ในป่าหลีกเลี่ยงขากโขลงมาคอยปรนนิบัติพระพุทธองค์ พระหัตถ์ซ้ายคว่ำลงแสดงกิริยาไม่รับรวงผึ้งจากลิง เนื่องจากรวงผึ้งมีแมลงผึ้งอยู่ ลิงต้องกลับไปเอาแมลงผึ้งและตัวอ่อนออกหมดก่อน แล้วจึงนำไปถวายใหม่ พระองค์จึงทรงรับประเคน
พระปางนี้มีเรื่องราวประวัติความเป็นมาว่า สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่เมืองโกสัมพี พระภิกษุชาวเมืองโกสัมพี 2 พวก คือ กลุ่มพระธรรมถึกที่เคร่งครัดในธรรมตามพระสูตร และกลุ่มพระวินัยผู้ยึดถือเอาพระวินัยเป็นหลักในกรประพฤติ เกิดการทะเลาเบาะแว้งกันในเรื่องอาบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้พระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามถึง 3 วาระก็ไม่มีพระภิกษุรูปไหนยอมเชื่อฟัง เพื่อจะกำราบ จึงเสด็จหลีกไปจำพรรษาในป่ารักขิตวัน ใกล้หมู่บ้านปาลิไลยกะ
และในป่านั้นเองมีพญาช้างสารเชือกหนึ่งซึ่งเป็นช้างฉลาดรู้ภาษามนุษย์ มีบริวารมาก บรรดาช้างพังต่างคอยเบียดเสียแย่งอาหาร เวลาจะดื่มน้ำก็ได้ดื่มแต่น้ำที่ขุ่น ๆ จึงเกิดความเบื่อหน่ายโขลงช้าง หลีกหนีไปอยู่ราวป่าและไปเจอพระพุทธองค์ ได้เข้าไปงอเข่าถวายบังคม และคอยปรนนิบัติรับใช้ทุกอย่าง ยากที่บุคคลสามัญจะทำได้
เมื่อเข้าไปถึงแล้วก็มองว่าไม่พบอะไร จึงกระทืบควงไม้สาละขนาดใหญ่ ถากให้เรียบ ใช้งวงจับหม้อน้ำตักน้ำฉันน้ำใช้ไปตั้งไว้ ถ้าพระองค์ประสงค์น้ำร้อน อีกทั้งหาผลไม้นานาชนิดก็นำมาถวายเป็นประจำ แม้คนธรรมดาสามัญมิอาจทำได้เสมอเหมือน
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งได้มีพญาวานรตัวหนึ่งเป็นกริยาอาการของพญาช้าง จึงอยากจะปรนนิบัติบ้าง เหลือบไปเห็นรวงผึ้งบนกึ่งไม้จึงหักมาถวาย แต่พระพุทธองค์ก็มิทรงรับประเคน พญาวานรก็แปลกใจพิจารณาดูรวงผึ้ง เห็นว่ารวงผึ้งมีแมลงผึ้งอยู่ จึงถอยออกมาเก็บออกหมดแล้วนำเข้าไปถวายใหม่
พระพุทธองค์ทรงรับประเคน พญาวานรก็ดีใจอย่างยิ่งกระโดดโลดเต้น โผนจับกิ่งไว้ต้นโน้นต้นนี้ด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจ บังเอิญถึงคราวเคราะห์เผลอไปคว้ากิ่งไม้ผุกิ่งหนึ่ง จึงพลัดตกลงมาถึงแก่ความตาย ด้วยผลานิสงส์แห่งการถวายรวงผึ้ง แด่พระพุทธองค์ ก็ได้ไปจุติเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อออกพรรษาปวารณาแล้ว พวกภิกษุชาวเมืองโกสัมพีต่างยอมรับผิด จึงเข้าไปหาพระอานนท์เถระ เพื่อให้พาเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อ ขอให้พระพุทธองค์ทรงยกโทษให้ ชาวบ้านชาวเมืองต่างก็มีความประสงค์ จะเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ด้วย
พระอานนท์เถระซึ่งเป็นพระอุปัฎฐากจึงเดินทางพร้อมกับภิกษุเข้าไปเฝ้า พระพุทธเจ้า เมื่อไปถึงช้างปาลิไลยกะเห็นเข้าก็วิ่งจะเข้าไปทำร้าย ด้วยความเข้าใจว่าเป็นศัตรู พอพระพุทธเจ้าตรัสห้าม และให้ทราบว่านั่นเป็นพระพุทธอุปัฎฐากจึงทิ้งท่อนไม้เข้าไปรับบาตร-จีวร แต่พระอานนท์มิได้ให้ประการใด หลังจากนั้นพระพุทธองค์ก็ทรงชี้โทษ แห่งความแตกสามัคคีแก่ภิกษุชาวเมืองโกสัมพี
จากนั้นก็เสด็จกลับเข้าสู่เมืองโกสัมพี ช้างปาลิไลยกะตามเสด็จไปถึงชายบ้าน พระพุทธองค์ตรัสกับพญาช้างว่า พระองค์จะไม่เสด็จกลับมาอีกแล้ว และมรรคผลนิพพานก็ไม่เกิดขึ้นแก่ช้างได้ ขอให้ช้างอยู่ในป่าต่อไป ถ้าเข้าเขตมนุษย์แล้วจะเป็นอันตรายได้
พญาช้างได้สดับพระดำรัสเช่นนั้นแล้ว ก็สอดงวงแสดงความเสียใจ จนพระพุทธองค์เสด็จลับตาก็กลั้นลมหายใจตาย ณ ที่นั้นเอง และได้ไปจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ด้วยเหตุนี้เอง พระพุทธจริยาตอนพญาช้างและพญาวานรปรนนิบัติ ได้กลายเป็นตำนานพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ต่อมาท่านโหราจารย์ได้กำหนดให้เป็นพระประจำวันสำหรับผู้เกิดวันพุธกลางคืน
Create Date : 16 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 16 ตุลาคม 2550 14:28:52 น. |
|
5 comments
|
Counter : 2533 Pageviews. |
|
|
|
โดย: nuna IP: 119.42.71.49 วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:18:45 น. |
|
|
|
โดย: greenny IP: 125.26.229.205 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:16:20:06 น. |
|
|
|
โดย: เด็กดีในสังคม IP: 125.27.42.110 วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:20:25:43 น. |
|
|
|
โดย: ตำนานที่ยังหายใจ IP: 1.2.135.79 วันที่: 29 พฤษภาคม 2555 เวลา:18:09:21 น. |
|
|
|
โดย: นัด IP: 171.7.177.48 วันที่: 5 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:53:37 น. |
|
|
|
| |
|