บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
All Blogs
 
จะสอนลูกอย่างไรให้โตเป็นคนที่ทำประโยชน์ให้สังคม เป็นผู้ให้ที่ดี

จะสอนลูกอย่างไรให้โตเป็นคนที่ทำประโยชน์ให้สังคม เป็นผู้ให้ที่ดี


โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)




การจะสอนลูกให้เป็นคนที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม กลายเป็นผู้ให้ที่ดีนั้น ผมคงต้องจะกระจายสิ่งที่คุณต้องการเสียก่อนว่า

คนที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม อาจจะเป็นผู้ให้ที่ดี หรือ ไม่ก็ได้ แต่คนที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมจะมีลักษณะ 4 ประการ โดยมีความจริงใจ และ การหวังสิ่งตอบแทนเป็นองค์ประกอบ สามารถแยกได้ดังนี้

1. ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่าง จริงใจ โดย ไม่หวังสิ่งตอบแทน


คนประเภทนี้ เป็นคนที่ต้องการมุ่งหวังเพื่อให้สังคมดีขึ้น ทำตัวเองให้ดีที่สุด ทำสังคมรอบข้างให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะปิดทองหลังพระ ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ก็จะทำให้สังคมดีขึ้นอย่างเต็มใจ เต็มความสามารถของตน ซึ่งถ้าจะให้กลายเป็นคนเช่นนี้ ต้องหล่อหลอมตั้งแต่ ครอบครัวที่อบอุ่น สังคมที่เขาอยู่เป็นสังคมที่ดี ถูกอบรมสั่งสอนให้เห็นความแตกต่างของบุคคล และเข้าใจถึงความรู้สึกของบุคคลในระดับต่างๆ ทั้งที่อยู่ในระดับเดียวกัน ระดับที่สูงกว่า และโดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต่ำกว่า เขาจะต้องถูกอบรมให้ไม่เห็นแก่ตัว คิดถึงประโยชน์ของส่วนรวมก่อนประโยชน์ส่วนตน พื้นฐานต้องเป็นคนจิตใจอ่อนโยน เข้าใจและสนใจสังคมและสิ่งรอบข้าง โดยที่เขาต้องมีความเพรียบพร้อมทั้งทางด้านสังคม เงินทอง และ ความเป็นอยู่ก่อน ไม่เช่นนั้น โอกาสที่เขาจะเป็นคนที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่างจริงใจและไม่หวังสิ่งตอบแทนนั้นคงยาก

2. ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่าง จริงใจ โดย หวังสิ่งตอบแทน


คนในกลุ่มนี้จะคล้ายกับกลุ่มแรก แต่ต่างกันตรงที่ การกระทำใดๆของเขา หวังสิ่งตอบแทนอันเนื่องจากสภาพของตนเองยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ทั้งในเรื่องฐานะ หน้าที่ การงาน ความเป็นอยู่ ทำให้เขาต้องหวังสิ่งตอบแทนบางอย่าง เพื่อตอบความต้องการส่วนตัวของเขา ไม่ว่า จะเป็นเงินทอง ชื่อเสียง หรือแม้นแต่ความภาคภูมิใจของตนเอง

3. ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่าง ไม่จริงใจ โดย หวังสิ่งตอบแทน


คนประเภทนี้ คิดถึงเอาแต่ตนเองก่อน โดยมองเห็นว่า การทำประโยชน์ให้กับสังคม ก็จะเป็นการทำประโยชน์ให้กันตนเองด้วย เช่น การเปิดสมาคมขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยของบประมาณประเทศเข้าไปดำเนินการ กิจการที่ออกมาก็เป็นประโยชน์บ้างบางส่วน แต่กิจกรรมจะมีค่อนข้างน้อย เงินที่ได้ก็เอาไปแบ่งเป็นเงินเดือนของตนและคนในกลุ่ม แต่มักจะอ้างว่า สิ่งที่ตนเองทำเพื่อสังคมซึ่งทำให้คนอื่นไม่สามารถที่จะกล่าวอ้างได้เลยว่า เขาไม่ได้ทำเพื่อสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อรัฐบาลงดการให้การสนับสนุน สิ่งต่างๆที่เขาเคยได้กลับไม่ได้ เขาก็อาจจะกลายมาเป็นคนทำเพื่อสังคมเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะได้มีเรื่องที่จะขอรับเงินสนับสนุนจากคนทั่วไปมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อปากเพื่อท้องของเขาเพิ่มมากขึ้น จากการทำงานแลกกับเงินบริจาค เป็นต้น

4. ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่าง ไม่จริงใจ โดย ไม่หวังสิ่งตอบแทน


บางคนทำประโยชน์ให้กับสังคม โดยที่ตนเองก็ไม่จริงใจกับการทำเช่นนั้น และไม่ได้หวัสิ่งตอบแทนจากเรื่องนั้น แต่ที่ทำไปเพราะชอบที่จะทำ ต้องการทำตามวัตถุประสงค์ของตน แต่บังเอิญไปเป็นประโยชน์ให้กับสังคมไป เช่น ชายผู้ซึ่งปลูกต้นไม้ข้างทาง อันเนื่องจากตนเองเป็นผู้ที่ต้องทนทุกข์กับบ้านที่อยู่กลางแดดร้อนในวัยเด็ก ทำให้ตนเองมีความต้องการที่จะลดความร้อนนั้น และเมื่อได้ปลูกต้นไม้ทำให้บ้านเขาร่มเย็น ก็รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้บ้านเขาได้ร่มเย็น เมื่อไปเห็นแดดร้อนในกลางถนน ก็เลยคิดว่า ถ้าถนนมันร่มเย็นเวลาเขาเดินทางกลับบ้านเขาก็จะไม่ร้อนด้วย เลยพยายามปลูกต้นไประหว่างทางของถนนของเขา จนกลายมาเป็นความเคยชิน เมื่อมีเวลาว่างก็จะมาปลูกต้นไม้ข้างถนนนี้อยู่ทุกครั้ง จนคนอื่นที่มาเห็นเกิดรู้สึกว่า สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นประโยชน์กับส่วนร่วม และได้การยกย่องนับถือ เป็นต้น




คนที่เป็นผุ้ให้ที่ดี อาจจะเป็น คนที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม หรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ คนที่จะเป็นผู้ให้ที่ดีนั้น จะมีลักษณะ 8 ประเภท โดยมีความแตกต่างกันทางด้าน ความพร้อมของตนเอง ความคิดที่จะให้ และ ความต้องการสิ่งตอบแทน โดยแบ่งได้ดังนี้คือ

1. เป็นผู้ให้ที่ดี เพราะ ตนเองมีความพร้อม มีความคิดที่จะให้ และ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ


คนที่มีลักษณะนี้ถือว่า เป็นคนที่สมบูรณ์แบบในการให้ เพราะมีจิตใจที่อ่อนโยนมีเมตตา ทั้งนี้

ความพร้อมของแต่ละคนไม่เท่าเทียมกัน ขึ้นกับความรู้สึกเพียงพอของเขาว่าเขาเพียงพอหรือยัง เช่น คนมีเงินเก็บ หนึ่งแสน เขารู้สึกว่าเขาเพียงพอต่อการใช้ชีวิตเพราะเขารู้สึกว่า เขาทำงานไป มีเงินเก็บเท่านี้ก็มีความปลอดภัยมากแล้ว กับบางคน มีเงินเก็บ สิบล้าน เขารู้สึกว่า เขายังมีเงินน้อยอยู่เนื่องจากเขายังไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการ ยังไม่มีบ้านริมทะเลขนาดใหญ่ ยังไม่มีเรือยอร์จ ยังไม่มีเครื่องบินส่วนตัว ทำให้เขารุ้สึกว่า เขายังไม่พร้อมที่จะให้อะไรกับใครเนื่องจากเขายังไม่ได้สิ่งทีตนเองต้องการ ดังนั้น ถ้าจะสอนลูกเป็นคนที่ให้ ต้องสอนให้เขามีความรู้สึกพอเพียง พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่เสียก่อน เพราะเมื่อเขารู้สึกว่า เขามีสิ่งที่เพียงพอแล้ว เขาก็จะรู้สึกว่าเขาพร้อมที่จะให้ได้ แต่ถ้าเขายังไม่รู้สึกว่าตนเองเพียงพอ เขาก็จะยังไม่มีความรู้สึกว่าพร้อมที่จะให้

ความคิดของแต่ละคนที่จะให้ หรือ รับแตกต่างกัน อันเนื่องจาก คนที่จะให้มักมีความเพียงพอในตัวเอง มีส่วนเหลือที่จะแบ่งปัน หรือ เกิดจากบุคคลที่จะรับนั้น สามารถทำให้จิตใจของเขามีความรู้สึกที่จะให้ได้มากน้อยเพียงใด 2 ลักษณะนี้ อาจจะมาพร้อมกัน หรือ มาต่างวาระกันก็ได้

การมีส่วนเหลือที่จะแบ่งปัน และต้องการที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่นโดยเสาะหาว่า มีเรื่องใดบ้างที่จะสามารถแบ่งปันสิ่งที่ตนมีได้แล้วกระทำลงไป คนประเภทนี้จัดว่าเป็นคนที่มีจิตใจดีงามอย่างมาก และหาได้น้อยคนนัก

การมีส่วนเหลือที่จะแบ่งปัน และ เมื่อพบคนที่ต้องการจริงๆเข้า โดยยังไม่ได้มีความคิดว่าจะแบ่งปัน แต่เกิดความรู้สึกเมื่อได้เห็นคนเช่นนั้นเข้า ก็ทำให้เกิดการให้ เกิดขึ้น คนลักษณะนี้ถือว่ามีจิตใจอ่อนโยน โดยมีพื้นฐานจิตใจที่ดีงาม

การมีส่วนเหลือทีจะแบ่งปัน และ เมื่อพบคนที่ต้องการจริงๆ แต่ก็ไม่รู้สึกที่จะแบ่งปัน อาจจเกิดจาก คนที่ต้องการจริงๆมีสภาพหรือคุณลักษณะที่ไม่สามารถทำให้เกิดความรู้สึกอยากที่จะให้ก็ได้ หรือ อาจจะเกิดจากความรู้สึกตระหนี่ขึ้นในใจขึ้นมา ทั้งนี้ คนกลุ่มนี้ยังต้องขัดเกลาจิตใจให้มีความอ่อนโยนอยู่มาก

การให้อย่างไม่ตอบแทน หรือ ต้องการสิ่งที่ตอบแทนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความเพียงพอของตนเองว่ามีเพียงพอหรือไม่ และ ก็มีพื้นฐานการถูกอบรม มาอย่างแตกต่าง ซึ่งได้กล่าวไปแล้วในส่วนของ ผู้ทำประโยชน์ให้กับสังคมอย่าง จริงใจ โดย ไม่หวังสิ่งตอบแทน

การจะอบรมลูกให้เป็นคนอย่างนี้ได้ คงต้องอบรมในแต่ละส่วนตั้งแต่การอบรมให้เขารู้จักพอเพียง พอประมาณ ไม่ฟุ้งเฟ้อกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ตลอดจนขัดเกลานิสัย พฤติกรรม ให้มีความอ่อนโยน เป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่นๆให้มากๆ

2. เป็นผู้ให้ที่ดี เพราะ ตนเองมีความพร้อม มีความคิดที่จะให้ และ ต้องการสิ่งตอบแทนบางอย่าง


บางคนมีทั้งความพร้อม มีความคิดที่จะให้ แต่ก็ต้องการบางอย่างตอบแทนเช่น บางคนชอบให้เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ชอบคุยในเชิง "ฉันมีบุญคุณกับเธอนะ..." หรือ บางคนก็ให้เพราะอยากได้หน้าได้ตา เช่น ทำบุญแล้วได้ออกโทรทัศน์ เป็นต้น

3. เป็นผู้ให้ที่ดี เพราะ ตนเองมีความพร้อม ไม่มีความคิดที่จะให้ และ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ


บางคนเป็นผู้ให้ เพราะ ถูกบอกบุญ เช่น มีตำแหน่งใหญ่โต เมื่อมีคนเห็นว่าเป็นคนมีตำแหน่ง มีเงินมีทอง ก็เลยเข้าไปขอให้ทำบุญนั่น ทำบุญนี่ ซึ่งบางทีก็ไม่สามารถขัดใจได้ ก็เลยต้องเป็นผู้ให้ไปโดยปริยาย

4. เป็นผู้ให้ที่ดี เพราะ ตนเองมีความพร้อม ไม่มีความคิดที่จะให้ และ ต้องการสิ่งตอบแทนบางอย่าง


บางคนเป็นผู้ให้ เพราะ ถูกบังคับ เช่น มีตำแหน่งไม่ใหญ่โตมากนัก เจ้านายเมื่อจะทำบุญ ก็เลยบอกให้ทำบุญนั่น ทำบุญนี่ ซึ่งก็ขัดไม่ได้เพราะกลัวว่า เจ้านายจะไม่พอใจ ก็เลยต้องเป็นผู้ให้ไปโดยปริยาย เพื่อให้เจ้านายพอใจ เป็นต้น

5. เป็นผู้ให้ที่ดี เพราะ ตนเองไม่มีความพร้อม มีความคิดที่จะให้ และ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ


คนบางคนไม่มีเงิน ไม่มีทอง รู้ว่าตนเองไม่พร้อม แต่ก็อยากที่จะให้ และ ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน คนประเภทนี้มักเป็นคนจิตใจอ่อนโยน มีเมตตา คุณธรรม มีจิตใจที่เข้มแข็ง เป็นบุคคลที่น่ายกย่อง การให้ของเขาที่ดูเหมือนว่าจะเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขามีถือว่ายิ่งใหญ่มาก ดังนั้น ผู้ให้ในลักษณะนี้จึงเป็นผู้ที่สมควรให้ความยกย่องนับถือ เพราะตนเองมองเห็นว่า คนอื่นมีความด้อยกว่าตนจึงสละให้ หรือ คนอื่นมีความจำเป็นมากกว่าตนเอง จึงให้อย่างไม่ต้องยั้งคิด

6. เป็นผู้ให้ที่ดี เพราะ ตนเองไม่มีความพร้อม มีความคิดที่จะให้ และ ต้องการสิ่งตอบแทนบางอย่าง



7. เป็นผู้ให้ที่ดี เพราะ ตนเองไม่มีความพร้อม ไม่มีความคิดที่จะให้ และ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ



8. เป็นผู้ให้ที่ดี เพราะ ตนเองไม่มีความพร้อม ไม่มีความคิดที่จะให้ และ ต้องการสิ่งตอบแทนบางอย่าง






ทั้งนี้ การสั่งสอนลูกให้เป็นผู้ให้ที่ดีนั้น คงต้องแยกประเด็นออกว่า การสั่งสอนให้เขารู้จักเพียงพอ และ พอเพียง มีจิตใจอ่อนโยน เข้าใจบุคคลอื่น และ จะต้องสอนให้เขาให้อย่างไม่ต้องหวังผลตอบแทน สิ่งตอบแทนที่เข้ามาต่างก็เป็นสิ่งที่หลอกล่อให้คนหลงประเด็น เมื่อหลงประเด็นก็จะทำให้เขาไม่ได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดอย่างที่หวัง ทั้งนี้ การสอนไม่ให้ยึดติดกับคำชม หรือ สิ่งตอบแทนที่ยั่งยุ เป็นเรื่องที่ยากในการสอน แต่ถ้าสามารถทำได้ ก็จะได้บุคคลที่ดีเป็นเลิศทางด้านการให้ครับ



Create Date : 22 ธันวาคม 2552
Last Update : 25 ธันวาคม 2552 8:40:10 น. 7 comments
Counter : 2789 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ ได้ความรู้และข้อคิดดีๆ กลับไปเยอะ สงสัยต้องมาบ่อย ๆขอบคุณสิ่งดีๆ ค่า ...


โดย: tifun วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:12:05:03 น.  

 
สวัสดีค่ะอาจารย์

แต่ก็ต้องต้านกระแสปัจจุบันพอดูเหมือนกันนะคะ สำหรับเรื่องการให้ เพราะว่ายุคนี้เป็นยุคกระแสแข่งขัน แต่ถ้าทำได้ก็จะดีค่ะ


ปีใหม่ไปเที่ยวไหนหรือเปล่าคะ


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:17:16:34 น.  

 
เข้ามาขอความรู้ดีๆ จากอาจารย์ค่ะ



โดย: addsiripun วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:21:22:35 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ


โดย: CrackyDong วันที่: 25 ธันวาคม 2552 เวลา:1:25:51 น.  

 
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
ขอเสริมนิดนึง
ผมเชื่อว่า พ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีด้วยครับ


โดย: กลับมาแล้วเหรอ เก่งมาก ๆ เลย วันที่: 28 ธันวาคม 2552 เวลา:5:22:08 น.  

 


โดย: Kingkimson วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:54:55 น.  

 
บทความดีมากๆ ค่ะ ขออนุญาตนำไปอัดสำเนา เผยแพร่น่ะค่ะ แต่จะลงชื่ออาจารย์ด้วยค่ะ jura188@gmail.com สมาชิกจากเชียงรายค่ะ


โดย: จุฬาธร IP: 117.47.231.122 วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:20:01:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.