The first step



ถึงโอซาก้าแล้วค่าาาาาา > <

ออกเดินทางมาเมื่อคืนวันที่ ๑๙ ถึงคันไซแอร์พอร์ตตอนเจ็ดโมงเช้าเวลาท้องถิ่นค่ะ
(เวลาท้องถิ่นของญี่ปุ่นจะเร็วกว่าไทยสองชั่วโม)

อากาศตอนนี้ไม่ร้อน แต่ก็ไม่หนาว กำลังสบายๆ ประมาณยี่สิบห้าองศา เราออกจากสนามบินกันด้วยรถลิมูซีนบัสของแอร์พอร์ตไปลง Jr.Ibaraki ราคาตั๋ว ๒๐๐๐ เยน ใช้เวลาเดินทางราวชั่วโมงครึ่งค่ะ จากนั้นก็เดินไปที่ タクシーのりば เพื่อขึ้นแท็กซี่ต่อไปที่หอค่ะ ความจริงตอนแรกอยากขึ้นรถไฟล่ะ แต่ว่าของเยอะมาก แบกไม่ไหวอะฮับ Smiley

ลุงคนขับใจดีมาก แม้จะฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยออก แต่ก็พยายามฟังสำเนียงภาษาญี่ปุ่นเพี้ยนๆ+ภาษามือของเราที่มั่วสุดๆอย่างตั้งใจ แถมยังควักเอาแผนที่เมืองจากในลิ้นชักข้างหน้ารถและแว่นขยายมาเปิดหาที่ตั้งหอประกอบอีกต่างหาก Smiley

แต่ก็นะ.. ถ้าบริการไม่ดีเดี๊ยนอาจจะโวยเช่นกัน เพราะค่าขึ้นแท็กซี่ตอนแรกตั้ง ๖๔๐ เยนแน่ะ! ตกเป็นเงินไทยราวสองร้อยหกสิบบาท แถมยังชาร์ททีละ ๘๐ เยน(สามสิบบาท)อีกตะหาก!! เบ็ดเสร็จกว่าจะถึงหอค่าแท็กซี่หมดไปราวสองพันสามร้อยเยนค่ะ Smiley

หอของเราชื่อ Osaka Tsukumodai International House ค่ะ เป็นห้องเดี่ยวเล็กๆ แต่แชร์ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องครัวกับคนในชั้นเดียวกัน หอนี้มหาลัยจัดหามาให้ เราไม่มีสิทธิเปลี่ยน ยกเว้นจะย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่มหาลัยก็จะไม่รับผิดชอบช่วยเหลือจัดหาหอพักให้เราอีกต่อไปเหมือนกัน ซึ่งสำหรับเรา..ผู้ซึ่งไม่รู้จักใครเลย.. มีที่อยู่ก็พอแล้วล่ะSmiley

พอเข้ามาถึงหอก็มาเจอเมเนเจอร์ที่คอยช่วยยกกระเป๋า และแนะนำหอคร่าวๆให้ฟัง ชีแจกแผนที่หอให้เราด้วยนะ บอกว่าใช้กันหลง ฮ่าๆ ก็ดีล่ะ เพราะเราก็กลัวหลงจริงๆ..

หลังจากนั้นเมเนเจอร์ก็พาเรามาส่งที่ห้องที่ ห้องเราอยู่ชั้นสาม ฝั่งผู้หญิง โชคดีมากที่หอมีลิฟท์ เลยไม่ต้องลำบากลากกระเป๋าอันแสนหนักของตัวเองขึ้นบันได Smiley หอนี้ความจริงแม้ว่ามันจะฟังดูแย่ไปหน่อยว่าต้องแชร์ห้องน้ำห้องครัว แต่ความจริงไอ้ห้องพวกนี้มันมีทุกชั้นเลยค่ะ ชั้นละสองสามห้องด้วย ตั้งแต่ใช้มาสามวันยังไม่เคยต้องต่อแถวใช้อะ แต่ไม่รู้ว่าพอเปิดเทอมจะแย่งกันใช้รึเปล่านะ Smiley



ส่วนตัวห้องมีขนาดเล็กมาก พอดีสำหรับหนึ่งคนอยู่เป๊ะๆ คนคำนวณพื้นที่ห้องนี่เก่งมาากอะ เหอ ๆ เฟอร์นิเจอร์ที่เค้ามีมาให้คือ เตียง ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม โต๊ะ ชั้นวางหนังสือ ตู้เย็น(ราวๆสามคิวป์ได้มั้ง) ตู้เสื้อผ้า โมเด็ม ไฟฉาย โคมไฟ แล้วก็โทรศัพท์ที่โทรได้แค่ระหว่างห้องค่ะ


หลังจากจัดข้าวของเสร็จเราก็ไปเซอร์เวย์รอบๆหอค่ะ เดินไปทางทิศเหนือไปเรื่อยๆจนไปถึงโคโยซุปเปอร์ที่สถานียามาดะ เหนื่อยนิดหน่อยเพราะพื้นที่เป็นเนิน เราซื้อข้าวเย็นเป็นข้าวปั้น ซื้อน้ำ นม คอนเฟล็กมาตุนไว้ แล้วก็แบกทุกสิ่งอย่างนี้กลับหอ แต่ตอนขากลับเราเลี้ยวผิดแยกค่ะ Smiley ผ่านสวนสาธารณะแล้วแทนที่จะเลี้ยวแยกใหญ่แยกแรก เรากลับเลี่่ยวไปทางแยกเล็กที่ถึงก่อนแยกใหญ่ สำคัญผิดในสาระสำคัญสุดๆ ฮืออออ.. ซอยนั้นทั้งซอยเป็นบ้านคนหมดเลยค่ะ เราเดินไปถามทางโอป้าซังคนนึงทีเดินเล่นอยู่ แกอุตส่าห์คว้าแผนที่จากมือเราไปดูเองเลยนะ แถมเอาแว่นขยายส่องด้วยอะ ตั้งใจช่วยสุดๆ แต่สุดท้ายก็บอกว่า 分からない あたし。(ชั้นไม่รู้อะ..)  เฮ้ออออSmiley

แต่สุดท้ายเราก็เดินออกมาทางเดิม พอเดินไปเรื่อยๆผ่านสวนสาธารณะไปอีกหน่อยก็เจอแยก เลยกลับมาถึงหอจนได้ Smiley

แถวหอที่เราอยู่เป็นโซนเรสสิเด้นท์ค่ะ ไม่ใช่ในเมือง ดังนั้นห้างเหิ้งอะไรไม่มีร็อก มีแต่ซุปเปอร์ ร้านยูนิโคล่ กะร้อยเยนเล็กๆ ถ้าจะไปห้างใกล้ที่สุดต้องไปอิออนที่อยู่ห่างไปเกือบสองกิโล จนบัดนี้เรายังไม่ได้ลองไปเลยค่ะ ยุ่งตลอด ถ้าได้ไปจะมารีวิววันหลังนะคะ Smiley

หลังจากกลับถึงหอเราก็สลบSmiley ไม่ได้พักมาตั้งแต่ลงจากเครื่องบินมันก็ต้องเหนื่อยบ้างอะไรบ้างอะนะ เราหลับตั้งแต่บ่ายสามโมงจนถึงทุ่มครึ่งเลย แต่สุดท้ายก็ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ ที่พอรับสายปรากฎว่าเป็นพี่คนไทยที่มาอยู่ก่อนเราห้าเดือน พี่เค้าบอกให้เราลงไปเอาเครื่องครัวที่คนไทยคนอื่นกลับไปแล้วทิ้งไว้ไปใช้ค่ะ ดีใจจัง Smiley

เรื่องราวในวันแรกที่มาเหยียบแดนอาทิตย์อุทัยก็จบลงเพียงเท่านี้ค่ะ เรื่องราวในวันที่สองและสาม(วันนี้) เดี๋ยวจะมาเล่าในวันพรุ่งนี้นะคะ วันนี้เพลียละอะ ขอไปนอนก่อนล่ะ Smiley

ลากันด้วยเพลงเพลงนี้ละกันเนอะ









Create Date : 23 กันยายน 2555
Last Update : 23 กันยายน 2555 0:16:54 น.
Counter : 1174 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แมวกับพระจันทร์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]



New Comments