ด้านหลังตลับก็มีเขียนคุณสมบัติสั้นๆ พร้อมวิธีใช้เป็นภาษาไทย

เปิดออกมาก็เป็นกระจกกลมๆ

ซูมไปที่เนื้อแป้งก็จะมีสลักคำว่า Babalah ค่ะ

ซึ่งพัฟนิ่มมาก สไตล์พัฟของแป้งเกาหลีเลย

เนื้อแป้ง

แป้งBabalah ตอนนี้มี 2 เฉดสีให้เลือกนะคะ 01 ผิวขาว 02 ผิวผสม

แต่เราได้01 มาลอง ซึ่งจริงๆค่อนข้างไม่ตรงกับสีผิวเรา (สีผิวเราประมาณNC30 ค่ะ)

ไปดูเนื้อแป้งใกล้ๆก่อน

นื้อแป้งขาวนวลออกโทนเหลืองนะคะ เป็นเรื่องดีถึงแม้จะขาวไป แต่ก็ยังออกโทนเหลืองอยู่

ทดสอบบนใบหน้า

เราไม่ได้ลงรองพื้นหรืออะไรทั้งสิ้นกับใบหน้านะคะ นอกจากครีมบำรุงผิว เพื่อที่จะมาทดสอบประสิทธิภาพของแป้งแม่มดกัน

สำหรับวิธีการทาแป้งบาบาล่านั้น หลักๆก็มีอยู่ 3 แบบ

1. คือการใช้แปรง ก็จะได้ลุคที่เบาบางค่ะ
2. การใช้พัฟที่เค้าแถมมาให้ก็จะปกปิดขึ้นมาอีกระดับ
3. ถ้าใครอยากได้การปกปิดระดับ HD ก็ใช้พัฟชุบน้ำค่ะ

ของเราก็จะเป็นแบบสไตล์ที่ 3 นะคะแต่จะเปลี่ยนจากการชุบน้ำเป็นการใช้น้ำแร่ฉีดไปที่พัฟแทนค่ะ ก็ได้ลุคแน่นและปกปิดเช่นกัน

ฝั่งAfter คือฝั่งที่ลงแป้ง Babalah แล้ว ส่วน Before คือยังไม่ได้ลงนะคะ ก็เห็นความต่างของสีผิวได้ชัดเจนนะคะ ฝั่ง After รอยสิวหายหมดเลย คือมันเริ่ดตรงนี้แหละตรงที่มันเนียนและผ่องขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทาเสร็จหันไปหาน้อง คือไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย มันเนียนมากกก เทพจริงๆค่ะยอม

ถ้าเกิดใครอยากดูตอนเค้าทาชัดๆ เค้าก็มีรีวิวแบบยูทูปเหมือนกันนะคะ คลิกเข้าไปดูกันได้ที่ลิ้งค์นี้เลย VVVVV

สรุป

ข้อดี คือความเนียนระดับ HD จริงๆค่ะ กริบมากๆ แต่ไม่หนักหน้า สมกับที่หลายๆเน็ตไอดอล บล็อกเกอร์หลายๆท่านเค้าฮิตจริงๆ

ข้อเสีย สีง่ะ ฮือออ เราได้เบอร์ 01 มาลอง ขาวไปมากจริงๆ นี่ลงกระหน่ำบรอนเซอร์มาก ก็อยากให้เค้าทำสีมาเพิ่มนะคะ เพิ่มความหลากหลายให้ผู้ใช้กว่านี้หน่อยค่ะ แล้วก็แหล่งซื้อถ้ามีหลากหลายมากขึ้นก็จะเริ่ดเว่อค่ะ เพราะแค่ลงไปรูปเดียวในเฟสกระแสตอบรับดีจริงๆ แป้งอะไรเนียนเว่อ 5555

ราคาของแป้ง Babalah อยู่ที่ 690 บาท ขนาด 14 กรัมนะคะ

สำหรับแหล่งซื้อหรือข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ตัวแทนจำหน่ายเลยค่า