สำหรับเสิร์ฟมื้อกลางวันเบา ๆ ........... 3 ที่

เวลาทำ ........................................ 12 นาที

ใช้ไฟฟ้า ............  148.33 วัตต์ (ไฟฟ้า 1 หน่วย ทำได้ 6.74 มื้อ )

สูตรพื้นฐาน ข้าวเหนียว 1 ส่วน ต่อ น้ำ 0.9 -1 ส่วน

1. ข้าวเหนียว 2 ถ้วย ซาวน้ำ 1-2 ครั้ง สะเด็ดน้ำ
2. ใส่ข้าวเหนียวลงในชามแก้ว หรือ ชามเซรามิค ขนาดกลางสำหรับไมโครเวฟ
3. เติมน้ำ 1 3/4-2 ถ้วย ลงในชาม ข้าวเหนียว
4. วางชามในเตาอบไมโครเวฟ ไม่ต้องปิดฝา
5. อบไฟ 800 วัตต์ 5 นาที ข้าวกับน้ำรวมตัวกัน
6. นำออกมาคนและคนพลิกข้าวด้านล่างขึ้นบน เกลี่ยข้าวให้เรียบร้อย
7. วางชามในเตาอบไมโครเวฟ ปิดฝาชาม
8. อบไฟ 800 วัตต์ 5 นาที ข้าวเหนียวสุกเกือบทั้งหมด มีเมล็ดสีขาวปนอยู่บ้าง
9. อบไฟ 450 วัตต์ 2 นาที ข้าวเหนียวสุกทั่วถึงทุกเมล็ด ปิดฝาพักไว้ 1-3 นาที

ข้าวเหนียวสุกด้วยไมโครเวฟ นุ่มอร่อย ไม่ต่างจากข้าวเหนียวที่ทำในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า และ ข้าวเหนียวนึ่งบนเตา ทั่วๆไป โดยทำมื้อต่อมื้อ แล้วนำออกมาทาน ในขณะที่ข้าวเหนียวยังอุ่น ๆ ร้อน ๆ  แต่...ถ้าวางไว้ในอุณภูมิห้องปกติไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส ข้าวเหนียวจะเย็นลงในเวลาไม่นานนัก เก็บในกล่องพลาสติกปิดฝาให้สนิท ทานได้จนถึงวันรุ่งขึ้น ไม่ต้องเข้าตู้เย็น ไม่ต้องอุ่น หรือ อุ่นร้อนที่ไฟ 450-600 วัตต์ 1-2 นาที อีกครั้ง

ข้อดีของ การทำ ข้าวเหนียว ในเตาไมโครเวฟ คือ ง่าย สะดวก และ สะอาด ด้วยการที่มี ข้าว น้ำ ช้อนส้อม 1 คู่ และ ชามใบเดียว กับ ฝาปิด  ไม่ใช้พื้นที่ ไม่ใช้เวลาและพลังงานมาก ไม่ใช้ภาชนะมาก จึงไม่ต้องล้างมาก และ รวม ๆ แล้ว ประหยัดกว่าการออกไปซื้อที่ปากซอย

ข้าวเหนียว ไมโครเวฟ นำมาทำ ข้าวเหนียวมูน ได้ เช่นเดียวกันกับข้าวเหนียวที่ทำด้วยวิธีดั้งเดิม โดยการเตรียม น้ำปรุงกะทิอุ่นๆ ตามสูตร มัน หวาน กลมกล่อม คลุกเคล้าทันที เมื่อข้าวเหนียวสุกจากเตาไมโครเวฟ แล้วคลุมผ้าพักไว้ 45 นาที ข้าวเหนียวกะทิอยู่ตัว และเย็นลง นำไปเสิร์ฟเป็นข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวมะม่วง ได้ ภายในไม่เกิน 1 ชั่วโมง 

ข้าวเหนียว ไมโครเวฟ นำมาทำ ข้าวหมาก โดยการนำข้าวเหนียวสุกเมล็ดสวยๆ ออกมาล้าง 1-2 ครั้งและนำขึ้นสะเด็ดน้ำ ผสม ลูกแป้งข้าวหมากบดละเอียด (ตามสูตรที่คนขายลูกแป้งบอกมา) ใส่ส่วนผสมในภาชนะเคลือบ หรือกล่องพลาสติกอย่างดี ทำหลุมตรงกลาง เพื่อดูน้ำข้าวเหมาก ในอีก 3 วันข้างหน้า

ปิดคลุมภาชนะไม่ให้มดและแมลงเข้าไปได้  ไม่ต้องปิดสนิท ทานข้าวหมากหวานหอมได้ ไม่เกิน 3-4 วัน   หลังจากนั้นเข้าตู้เย็น เก็บไว้ทานได้อีกหลายวัน

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.eubaan.blogspot.com