Group Blog
 
All Blogs
 
สังข์ทอง

(ชาดกนอกนิบาต)



เรื่องสังข์ทอง ในปัญญาสชาดกเรียกว่า “สุวัณณสังขชาดก” กวีไทยนำเรื่องดังกล่าวมาประพันธ์เป็นกาพย์กลอนหลายสำนวน ที่สำคัญได้แก่ บทละครเรื่องสังข์ทอง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย บทละครเรื่องสังข์ทอง สำนวนครั้งกรุงเก่า และสังข์ทองกลอนสวด เป็นต้น คำประพันธ์แต่ละสำนวนมักมีรายละเอียดของเรื่องและชื่อบุคคลแตกต่างไปจากปัญญาสชาดกบ้าง ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะกวีผู้แต่งได้รับรู้เรื่องราวจากการบอกเล่าในลักษณะของนิทานพื้นบ้าน เรื่องย่อสุวัณณสังขชาดกในปัญญาสชาดกมีดังนี้

ท้าวพรหมทัตกษัตริย์แห่งเมืองพรหมนคร พระโพธิสัตว์มาอุบัติในครรภ์ของนางจันทา มหเสีฝ่ายขวา นางจำปาทอง มเหสีฝ่ายซ้ายมีใจริษยาจึงทูลยุยงให้ท้าวพรหมทัตขับไล่นางจันทาออกจากเมือง นางจันทาไปอาศัยอยู่กับตายายในป่า ครั้นครบกำหนดก็คลอดบุตรออกมาเป็นหอยสังข์ วันหนึ่งนางออกไปป่า พระโพธิสัตว์ซึ่งเร้นกายอยู่ก็ออกมาจากหอยสังข์ ช่วยกวาดบ้าน หุงข้าว เผาปลาไว้ท่าแม่ เมื่อนางจันทารู้ความจริงจึงทำลายหอยสังข์เสียและเลี้ยงดูพระสังข์ต่อมา ความล่วงรู้ไปถึงนางจำปาทอง จึงทูลยุยงให้ท้าวพรหมทัตจับนางจันทากับพระสังข์ใส่แพลอยน้ำไป

หลายวันต่อมา เกิดพายุใหญ่กระหน่ำจนแพแตก นางจันทาไปขึ้นบกได้ที่เมืองมัทราช ได้อาศัยอยู่กับธนัญชัยเศรษฐี ฝ่ายพระสังข์จมลงในท้องทะเล พระยานาคพบเข้าก็มีความเมตตา จึงเนรมิตสำเภาทองส่งพระสังข์ไปเป็นบุตรบุญธรรมของนางยักขิณีหม้ายตนหนึ่ง อยู่มาพระสังข์ทราบว่ามารดกเลี้ยงเป็นยักษ์ก็ลอบลงชุบตัวในบ่อเงินบ่อทอง แล้วลักเอาเกราะรูปทานพ พระขรรค์และเกือกทองเหาะหนีไป (บทละครพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ ว่า รูปเงาะ ไม้เท้าและเกือกแก้ว) นางยักขิณีตามไปอ้อนวอนขอให้พระสังข์กลับ แต่พระสังข์ไม่ยอม นางจึงสอนทิพมนตร์สำหรับเรียกเนื้อเรียกปลาให้ พระสังข์เรียนวิชาได้แล้วก็ลาจากไป ฝ่ายนางยักขิณีคร่ำครวญอาลัยรักจนขาดใจตาย

พระสังข์เดินทางไปจนถึงเมืองพาราณสี เจ้าเมืองมีธิดาเจ็ดคน คนสุดท้องชื่อนางคันธา (บทละครพระราชนิพนธ์ว่า นางรจนา) ธิดาผู้พี่ทั้งหกนั้นมีสามีแล้ว เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ลูกท้าวพระยาและชายหนุ่มทั้งหลายมาประชุมกันให้นางคันธาเลือกเป็นคู่ตามใจชอบ แต่นางไม่เลือกใคร เจ้าเมืองทราบว่ามีชายรูปร่างอัปลักษณ์ผู้หนึ่ง จึงแกล้วประชดให้ไปนำตัวเข้ามายังที่ธิดาเลือกคู่ด้วย นางคันธาเสี่ยงพวงมาลัยทิ้งไปในอากาศพวงมาลัยก็ลอยไปสวมข้อมือพระสังข์ในรูปชายอัปลักษณ์ เจ้าเมืองจึงขับไล่ให้ทั้งสองไปอยู่นอกเมือง



(หกเขยเฝ้าท้าวพรหมทัตหาอุบายกลั่นแกล้งพระสังข์)

พระเจ้าพาราณสีกับเขยใหญ่ทั้งหก ต่างคิดจะกลั่นแกล้งหาหนทางกำจัดพระสังข์ จึงคิดอุบายให้เขยทั้งหกไปหาเนื้อ ใครหาไม่ได้ต้องรับโทษถึงตาย พระสังข์ก็ถอดรูปทานพออกเหาะไปคอยท่าหกเขยในป่าแล้วร่ายมนตร์เรียกฝูงเนื้อมารวมไว้ ฝ่ายหกเขยหาเนื้อทั้งวันก็ยังไม่ได้ จนไปพบพระสังข์ ก็เข้าใจว่าเป็นเทวดาจึงเข้าไปขอเนื้อ พระสังข์ขอให้ตัดจมูกแลกกับเนื้อตายไปคนละตัว แล้วตนก็คืนรูปทานพจูงเนื้อเป็นๆ ไปถวายเจ้าเมือง เจ้าเมืองไม่รู้จะทำประการใดก็นิ่งอยู่ จึงออกอุบายให้เขยทั้งเจ็ด ไปหาสุกรมาอีก (บทละครพระราชนิพนธ์ว่า ให้ไปหาปลา) พระสังข์ก็ทำดุจครั้งก่อน คราวนี้ให้หกเขยตัดนิ้วมือแลก เจ้าเมืองพาราณสีก็จนปัญญา ไม่ทราบว่าจะจัดการกับพระสังข์อย่างไร



(หกเขยทูลขอเนื้อจากพระสังข์)



(หกเขยทูลขอปลาจากพระสังข์)

พระอินทร์เห็นว่าพระสังข์ควรจะต้องเปิดเผยความจริง จึงลงมาตั้งปัญหาถามเจ้าเมืองพาราณสีโดยมีกติกาว่า เมื่อจะแก้ปัญหาต้องเหาะตีคลีไปด้วยในที่สุดพระสังข์ก็ต้องถอดรูปและตีคลีแก้ปัญหากับพระอินทร์ได้สำเร็จ เจ้าเมืองพาราณสีก็อภิเษกยกราชสมบัติให้พระสังข์ครอบครอง พระสังข์เที่ยวติดตามหามารดาจนพบ ท้าวพรหมทัตรู้ข่าวจึงทูลเชิญพระสังข์กับมารดากลับคืนยังบ้านเมือง

ที่มา ภาพและเรื่องสำเนาและคัดลอกจากหนังสือชาดกและพุทธประวัติจากตู้ลายรดน้ำ จัดพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙
โดย คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙
พิมพ์ที่ บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด

หมายเหตุ สำเนาภาพและบทความในเรื่อง ได้ถูกคัดลอกมาเผยแพร่ด้วยเจตนาจะมุ่งให้เห็นความประณีต วิจิตรบรรจง อันเกิดจากแรงศรัทธาในพระศาสนาของจิตรกรรุ่นบรรพชนผู้สร้าง ซึ่งสร้างตู้ลายพระธรรมรดน้ำเป็นพุทธบูชา เพื่อเก็บรักษาคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ผู้ประสงค์จะนำภาพหรือบทความไปใช้เชิงพาณิชย์ กรุณาตรวจสอบและขออนุญาตกับเจ้าของภาพและเรื่องด้วย



Create Date : 10 กรกฎาคม 2553
Last Update : 10 กรกฎาคม 2553 6:10:57 น. 2 comments
Counter : 4390 Pageviews.

 
very good! exlent Thailand


โดย: justin bieber IP: 113.53.173.99 วันที่: 30 ธันวาคม 2553 เวลา:23:14:12 น.  

 
อยากได้ข้อคิด อ่า
มีมั้ย คับ


โดย: ฟลุ๊ค IP: 180.183.61.80 วันที่: 3 มิถุนายน 2555 เวลา:14:46:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sirivajj
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




บทความในกลุ่ม ข้อคิด-ธรรมะ ได้ถูกเรียบเรียงขึ้น โดยบางบทความได้คัดลอกและสำเนาภาพมาถ่ายทอดจากหนังสือธรรมะต่างๆ หรือหนังสืออื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ด้วยเจตนาประสงค์จะให้ธรรมะอันเป็นสัจจะและมงคลของพระพุทธศาสนาได้รับการเผยแพร่และเข้าถึงพุทธศาสนิกชนหรือผู้ที่สนใจให้ได้มากที่สุด รวมทั้งให้บทความธรรมะได้ถูกรวบรวมไว้ในรูปแบบที่จะสะดวกแก่การสืบค้นและเข้าถึงในภายหลัง

ผู้ที่ประสงค์จะคัดลอกไปเพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์ กรุณาตรวจสอบกับต้นฉบับหรือเจ้าของลิขสิทธิ์ ด้วยครับ
Friends' blogs
[Add sirivajj's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.