Group Blog
 
All Blogs
 
ภูริทัตชาดก - ศีลบารมี



เมื่อพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร เมืองสาวัตถี วันหนึ่งอุบาสกทั้งหลายอธิษฐานอุโบสถศีลแล้วพากันไปเฝ้าพระบรมศาสดายังโรงธรรมสภา มีพุทธดำรัสถึงบุพจริยาที่ทรงสมาทานอุโบสถศีลในกาลเมื่อเสวยพระชาติเป็นนาคภูริทัต ความโดยสังเขปว่า

ในอดีตกาลพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ ณ กรุงพาราณสี ทรงระแวงว่าพระราชบุตรจะชิงเอาราชสมบัติ จึงตรัสสั่งให้ไปอยู่เสียนอกพระนครจนกว่าพระองค์จะสิ้นอายุขัย พระราชบุตรก็ถวายบังคมลาไปถือเพศบรรพชิตอยู่ที่บรรณศาลาริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ต่อมามีนางนาคมาณวิกาผู้หนึ่ง สามีตายแต่ยังสาว จากนาคพิภพมาคอยปรนนิบัติพระราชบุตรจนได้นางเป็นชายา ก็ประสูติโอรสทรงนามว่าสาครทัต กับธิดาอีกองค์หนึ่งทรงนามว่าสมุททชา เมื่อพระเจ้าพรหมทัตสิ้นพระชนม์แล้ว เหล่าอำมาตย์จึงออกไปทูลเชิญพระราชบุตรกลับมาครองราชสมบัติ ฝ่ายชายาที่เป็นนางนาคมาณวิกาไม่ประสงค์ที่จะเข้าไปอยู่ในพระนครด้วยเพราะเกรงว่าวิสัยนาคเมื่อเกิดโทสะแล้วย่อมเป็นภัยต่อมนุษย์ จึงขอกลับไปยังนาคพิภพ

กาลต่อมานางสมุททชาได้เป็นมเหสีของท้าวธตรฐ ราชาแห่งนาคในกรุงบาดาลและมีโอรส ๔ องค์คือ สุทัสนะ ทัตตะ สุโภคะ และกาณาริฏฐะ ท้าวธตรฐทรงจัดการให้โอรสทั้งสี่ ครองนาคพิภพเป็นส่วนๆ ในบรรดาโอรสทั้งหมด ทัตตะเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดที่สุด จึงได้นามว่า “ภูริทัตตะ” หรือ “ภูริทัต”

พระโพธิสัตว์ภูริทัตปรารถนาจะได้อุบัติในเทวโลก จึงปฏิบัติอุโบสถศีลอย่างเคร่งครัดและได้ขึ้นมาสมาทานบนแดนมนุษย์ที่จอมปลวกริมฝั่งแม่น้ำยมุนา เนรมิตร่างเป็นนาคราช มีกายสีขาวขนาดเท่างอนไถ เมื่อที่ภูริทัตขึ้นมายังแดนมนุษย์นั้น ยามรุ่งอรุณของทุกวันนางนาคทั้งหลายจะพากันมาปรนนิบัติแล้วเชิญพระภูริทัตกลับไปยังนาคพิภพเสมอมา

เช้าวันหนึ่ง ขณะที่นางนาคทั้งหลายกำลังปรนนิบัติพระโพธิสัตว์อยู่ มีพราหมณ์เนสาทกับบุตรชื่อโสมทัตออกล่าสัตว์มาถึงฝั่งแม่น้ำยมุนา พบพระโพธิสัตว์ซึ่งเนรมิตร่างเป็นมนุษย์อยู่ก็เข้าไต่ถาม ภูริทัตตั้งมั่นในอุโบสถศีลจึงเล่าความจริงให้ทราบทุกประการแล้วดำริว่า พราหมณ์เนสาทผู้นี้ต่อไปจะเป็นอันตรายแก่การสมาทานศีลของพระองค์ จึงชวนพราหมรณ์กับบุตรให้ลงไปยังนาคพิภพ เลี้ยงดูอย่างสุขสำราญด้วยสมบัติทิพย์ เมื่อทั้งสองจะเดินทางกลับก็ให้ทรัพย์สินติดตัวมา และรับสั่งว่าหากเมื่อใดมีความเดือดร้อนก็ให้ไปเฝ้าจะช่วยเหลืออีก



(เหล่านางนาคมาณวิภาบริวารพากันหลบหนีไปเมื่อพราหมณ์อาลัมพายน์ร่ายมนตร์จับพระโพธิสัตว์)

อยู่มาพราหมณ์เนสาทได้รู้จักกับพราหมณ์อาลัมพายน์ซึ่งเป็นผู้รู้มนตร์จับนาค พราหมณ์อาลัมพายน์เก็บดวงแก้วสารพัดนึกที่พวกนาคลืมทิ้งไว้ริมหาดทราย แต่ไม่ทราบคุณวิเศษของดวงแก้วนั้น ถือติดมือมาด้วย พอดีพราหมณ์อาลัมพายน์ประสงค์จะได้นาคใหญ่ พราหมณ์เนสาทรู้คุณวิเศษของดวงแก้วนั้นก็มีความต้องการ จึงบอกพราหมณ์อาลัมพายน์ถึงสถานที่จำศีลของนาคภูริทัตเป็นการแลกเปลี่ยน โสมทัตผู้บุตรไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่อกตัญญุของบิดา จึงตำหนิและปลีกตัวไปบวชเป็นฤาษี พราหมณ์อาลัมพายน์เดินทางไปตามที่พราหมณ์เนสาทบอกจนได้พบพระโพธิสัตว์ ก็ร่ายมนตร์และกรอกยาล้างพิษนาค นำใส่ภาชนะบังคับให้แสดงฤทธิ์ต่างๆ ตามคำสั่ง พระโพธิสัตว์สู้ระงับความโกรธไม่ทำอันตรายด้วยเกรงว่าอุโบสถศีลจะด่างพร้อย



(พระเจ้าพาราณสีทอดพระเนตรการแสดงนาคของพราหมณ์อาลัมพายน์)

ฝ่ายทางนาคพิภพเมื่อพระโพธิสัตว์หายไปนานผิดสังเกตุก็พากันออกติดตาม สุทัสนะผู้เป็นพี่กับนางอัจจิมุขีกนิษฐาต่างมารดาของภูริทัตออกตามหาบนแดนมนุษย์ สุทัสนะเนรมิตรูปเป็นดาบส ส่วนนางอัจจิมุขีแปลงเป็นเขียดน้อยนอนอยู่ในมุ่นมวยชฎาของดาบส พบพระโพธิสัตว์ตกอยู่ใต้อำนาจของพราหมณ์อาลัมพายน์ ขณะที่กำลังนำนาคภูริทัตไปแสดงหน้าพระที่นั่งถวายพระเจ้าพาราณสีทอดพระเนตร ดาบสแปลงเข้าไปดูการแสดงของนาคด้วย ได้กล่าวสบประมาทว่า นาคของพราหมณ์อาลัมพายน์มีฤทธิ์ไม่เท่าเขียดน้อยของตน ทำให้พราหมณ์อาลัมพายน์โกรธและท้าประลองกันขึ้น พระเจ้าพาราณสีรับสั่งให้จัดสถานที่ประลองฤทธิ์ระหว่างนาคกับเขียดน้อยที่สนามหน้าพระลาน ดาบสแปลงให้เขียดน้อยพ่นพิษออกมาเพียง ๓ หยด พราหมณ์อาลัมพายน์ต้องไอพิษ ทำให้ผิวหนังลอกกลายเป็นโรคเรื้อน นาคภูริทัตก็ปรากฏร่างเป็นมนุษย์แล้วสุทัสนะก็กราบทูลพระเจ้าพาราณสีว่า ตนและภูริทัตเป็นโอรสของนางสมุททชาผู้เป็นกนิษฐาของพระเจ้าพาราณสีนั่นเอง ต่อมาภูริทัตก็พาพระมารดาขึ้นมาพบกับพระเจ้าพาราณสีที่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา จากนั้นพระโพธิสัตว์ก็ทรงบำเพ็ญอุโบสถศีลต่อไปในสำนักของพระเจ้าพาราณสีโดยไม่มีผู้ใดรบกวน

เมื่อจบเรื่องภูริทัตแล้ว พระบรมศาสดาตรัสประชุมชาดกว่า “มารดาบิดาของพระภูริทัตในครั้งนั้นได้มาเป็นศากยมหาราชตระกูล พราหมณ์เนสาทมาเป็นเทวทัต โสมทัตมาเป็นพระอานนท์ นางอัจจิมุขีมาเป็นนางอุบลวัณณา สุทัสนะมาเป็นพระสารีบุตร สุโภคะมาเป็นพระโมคคัลลานะ กาณาริฏฐะมาเป็นสุนักขัตตลิจฉวี ภูริทัตเป็นเราผู้รู้รอบด้วยตนเอง”

ที่มา ภาพและเรื่องสำเนาและคัดลอกจากหนังสือชาดกและพุทธประวัติจากตู้ลายรดน้ำ จัดพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙
โดย คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙
พิมพ์ที่ บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด

หมายเหตุ สำเนาภาพและบทความในเรื่อง ได้ถูกคัดลอกมาเผยแพร่ด้วยเจตนาจะมุ่งให้เห็นความประณีต วิจิตรบรรจง อันเกิดจากแรงศรัทธาในพระศาสนาของจิตรกรรุ่นบรรพชนผู้สร้าง ซึ่งสร้างตู้ลายพระธรรมรดน้ำเป็นพุทธบูชา เพื่อเก็บรักษาคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ผู้ประสงค์จะนำภาพหรือบทความไปใช้เชิงพาณิชย์ กรุณาตรวจสอบและขออนุญาตกับเจ้าของภาพและเรื่องด้วย



Create Date : 06 มิถุนายน 2553
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 6:07:22 น. 4 comments
Counter : 5964 Pageviews.

 


สวัสดีคะ แวะมาทักทายในวันหยุด
มีความสุขมากๆ นะคะ..



โดย: หน่อยอิง วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:12:19:42 น.  

 







โดย: Moon OF JulY วันที่: 6 มิถุนายน 2553 เวลา:13:00:01 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ


โดย: sonata IP: 101.51.113.17 วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:10:24:19 น.  

 
อยากทราบว่าใครเป็นผู้แต่งเรื่องนี้ค่ะ


โดย: yen IP: 203.114.112.220 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2557 เวลา:13:49:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sirivajj
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




บทความในกลุ่ม ข้อคิด-ธรรมะ ได้ถูกเรียบเรียงขึ้น โดยบางบทความได้คัดลอกและสำเนาภาพมาถ่ายทอดจากหนังสือธรรมะต่างๆ หรือหนังสืออื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ด้วยเจตนาประสงค์จะให้ธรรมะอันเป็นสัจจะและมงคลของพระพุทธศาสนาได้รับการเผยแพร่และเข้าถึงพุทธศาสนิกชนหรือผู้ที่สนใจให้ได้มากที่สุด รวมทั้งให้บทความธรรมะได้ถูกรวบรวมไว้ในรูปแบบที่จะสะดวกแก่การสืบค้นและเข้าถึงในภายหลัง

ผู้ที่ประสงค์จะคัดลอกไปเพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์ กรุณาตรวจสอบกับต้นฉบับหรือเจ้าของลิขสิทธิ์ ด้วยครับ
Friends' blogs
[Add sirivajj's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.