มนุษย์จนๆกับอาหารโปรโมชั่น
ในช่วงเวลาข้าวยากหมากแพง ร้านอาหารทั้งร้านใหญ่เล็ก อาหารไทยหรือเทศ จะฟาสต์ฟู้ดหรือนานฟู้ดก็เอาใจกลุ่มลูกค้าด้วยการหลอกล่อขึ้นค่าอาหารแบบเนียนๆ ข้าวแกงแถวบ้านขึ้นจากถุงละยี่สิบเป็นสามสิบ เนียนตรงไหน ก็ตรงที่เจ๊แกไม่ได้บอก ยื่นเงินให้ไปไม่ได้นับเงินทอน กลับมาบ้านเลยรู้สึกจนแบบเนียนๆ (และงงๆ) บางร้านเทคนิคขั้นสูงใช้วิธีไม่ขึ้นราคา บอกลูกค้าว่าสงสารขึ้นไม่ลง แต่ไปเนียนเหมือนกัน เนียนลดปริมาณและคุณภาพแทนซะอย่างงั้น เนื้อตุ๋นเคยใช้น่องลายก็กลับกลายเป็นเศษเนื้อ ไก่ย่างขายไม่หมดเก็บไว้ขายพรุ่งนี้ ผู้บริโภคตาดำๆก็ก้มหน้าเคี้ยวข้าวพลางกัดฟันกรอดๆดื่มน้ำตากันไป (แน่นอน คนอีกชนชั้นที่กำลังบริหารบ้านเมืองไม่ได้รู้สึกอะไรไปกับเราด้วย เพราะกำลังเคี้ยวฟัวกราส์เคล้าไวน์ขวดหลักหมื่น)
ล่าสุดเพิ่งหายหวัด มันเขี้ยวอยากกินสเต๊ก อยากบดฟันกรามลงแรงๆบนเนื้อวัวสุกขนาดมีเดียม ข้างนอกตึงข้างในนุ่ม น้ำเนื้อไหลแซกกระแทกลิ้นช่างสุขี แต่กระเป๋าสตางค์ยามใกล้สิ้นเดือนไม่ค่อยจะอำนวยให้จัดหนักเกินสองร้อย เพราะฉะนั้น จัดเลย สเต๊กราคาย่อมเยาที่เราคุ้นเคย (ณจุดนี้ไม่ขอเอ่ยชื่อร้านดีกว่าเดี๋ยวเค้าจะหาว่าดิสเครดิต) ตั้งอยู่บนห้างไม่ต้องนั่งตากแดด โอ๊ะโอ มีโปรโมชั่น เมนูเนื้อโคขุนของโปรดลดราคาลงมายี่สิบบาท อ่าฮะจัดมาเรยอย่าช้า จำได้ว่าสลัดข้างเนื้อเค้าราดน้ำสลัดสูตรส้มมาให้ ไอ้เรามันชอบสลัดครีมกากๆธรรมดาๆ ขอเปลี่ยนได้ไหม น้องพนักงานทำหน้างงๆ เดินกลับมาถามว่า "พี่จะไม่ราดซอสเห็ดเหรอคะ" -*- อธิบายอีกทีน้องตอบว่า "แต่มันราดน้ำสลัดครีมอยู่แล้วนะคะ" แน่นอน เนื้อมาเสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดส้มที่กูเกลียด -*- นอกเรื่องแว่บออกไปเรื่องสลัดได้อย่างไรไม่มีใครทราบ กลับมาที่โปรโมชั่น ใครจะเชื่อว่าราคายี่สิบบาทที่ลดลงมาจากราคาปกตินั้น ได้พรากอะไรไปจากสเต๊กจานนี้บ้าง? หนึ่ง ปริมาณสลัดที่น้อยลงครึ่งหนึ่ง สอง คุณภาพผักที่แอบฟกช้ำ ขอบใบดูคล้ำเหมือนไปเอาสลัดโต๊ะข้างๆที่กินเหลือๆมาล้างให้กินใหม่ สาม เฟร้นช์ฟรายซ์ปริมาณเท่าเดิม แต่เกรียมกว่าเดิมสามร้อยห้าสิบเท่า สี่ แม่งไม่กรอบอีกตะหาก น่าจะมาพร้อมสลัดที่เหลือจากโต๊ะที่แล้ว ห้า (สำคัญ) เนื้อไม่ใช่เนื้อโคขุน!!! หรือหากเป็นโคขุนจริงก็คงเป็นโคขุนชั้นกาก ตั้งแต่ตระเวณกินเนื้อมาไม่เคยเจอโคขุนเหนียวขนาดนี้และไร้มันแทรกโดยสิ้นเชิง ยี่สิบบาท นอกจากเครื่องเคียงแล้ว ทางร้านได้พรากความซื่อสัตย์ไปอีกด้วย
ตอนเด็กๆไม่รู้เคยร้องเพลงความซื่อสัตย์กันมั้ย "ความซื่อสัตย์เป็นสมบัติของผู้ดี หากว่าใครไม่มี ชาตินี้เอาดีไม่ได้ มีความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอดถมไป คดโกงแล้วใครจะรับไว้ให้ร่วมการงาน" ดิชั้นเชื่อว่าเพลงนี้ไม่ว่าจะเก่าแก่แค่ไหนก็ยังใช้ได้กับทุกสถานการณ์ของชาติบ้านเมืองอยู่นะ อาจจะยกเว้นกรณีเดียว กรณีที่มีเส้นใหญ่หรือแบ็คอัพดีจริง อันนี้อาจจะคดโกงและอยู่สบายได้ไม่ยาก แต่คนทำงานหาเงินตาดำๆ ถ้าไม่ซื่อสัตย์กับอาชีพเมื่อไหร่จะเจริญ ทำอาหารแต่สกปรก คนทำยังไม่กล้ากินเองเลย ก็เหมือนเอาขยะมาหลอกขาย เมื่อไหร่จะรุ่ง?
ถ้าคุณทำร้านอาหาร ตัวเลือกสู้เศรษฐกิจยามยากคงหนีไม่พ้นคุณจะ "ขึ้นราคา"หรือ"ลดคุณภาพ" ตั้งแต่หาเงินไว้ควักใช้จ่ายด้วยน้ำพักน้ำแรงตนเองมา จำได้ว่ามีน้อยครั้งมากที่จะบอยค็อตร้านอาหารที่ขึ้นราคา หากแต่บ่อยครั้งที่เลิกเพราะคุณภาพด้อย และนับครั้งไม่ถ้วนที่ร้านอาหารตัดสินใจทำอาหารห่วยแตกในราคาชั้นสูง หลายครั้งที่เราผูกใจรักใคร่เป็นขาประจำกับร้านอาหารรสเลิศ ยอมจ่ายแพงแค่ไหนก็ยอม (แต่ถ้าแพงมากก็อาจจะยอมนานๆครั้ง) เป็นเหตุผลว่าทำไมอาหารมื้อละหมื่นละแสนถึงขายได้ขายดีทั้งๆที่มันอาจจะแพงว่ารายได้คนทั้งเดือน
เศรษฐกิจแย่ เห็นใจพ่อค้าแม่ขาย ไข่ไก่ฟองละ 5 บาท ร้านข้าวแกงขายไข่ดาวฟองละ 7 บาท ลูกค้าบ่นแพง บ่นซ้ำๆซากๆหลายๆคน ใจมันพาลอยากจะเขวี้ยงทัพพีใส่กบาลคนบ่น เป็นไปได้ก็อยากให้เอาใจเค้าใส่ใจเรา ทำใจเย็นๆกันนิดนึง แพงก็ไปทำกินเอง ทุกวันนี้ดิชั้นก็หิ้วข้าวกล่องพอเพียงมาบริโภคที่สำนักงาน ไม่ต้องหงุดหงิดมากกับคุณภาพอาหารดร็อป คุณภาพจิตใจเราก็จะได้สุขสบาย
จะจนแค่ไหนก็อยากให้ใจสู้ ตั้งใจทำมาหากินมันก็จะผ่านไป
ขออย่างเดียว ไม่อยากกินอาหารเหลือจากโต๊ะอื่นน่ะ ขอได้มั้ย
ขอบคุณที่แวะเวียนมาอ่านค่ะ
|
Create Date : 26 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2554 9:19:25 น. |
|
4 comments
|
Counter : 428 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เฟอจิว IP: 10.1.0.233, 203.113.127.50 วันที่: 26 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:26:37 น. |
|
|
|
โดย: Little Aor IP: 146.23.250.105 วันที่: 26 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:43:55 น. |
|
|
|
| |
|
|