~.♪เรื่องมันส์ ๆ ของวัสนันท์ และครอบครัว ♪ ~
Group Blog
 
All Blogs
 

♪♫ Santorini Park- Chaam ☀☂

ช่วงปิดเทอมไปเที่ยวชะอำมาค่ะ กำลังเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 5-5-55 พอดีเลย เราไปช่วงกลางวันเพราะหลีกเลี่ยงคนจำนวนมากที่จะมาชมคอนเสิร์ตตอนเย็นนะค่ะ ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหม่ที่มีเครื่องเล่นไว้ดึงนักท่องเที่ยวแวะก่อนกลับกรุงเทพ เสียบัตรเข้าชมค่ะแต่นำไปเป็นส่วนลดซื้อของที่ระลึกได้ ตกแต่งสถานที่สวยงามคนชอบมาถ่ายรูป และจะมีเครื่องเล่นให้คนที่ชอบสนุกด้วย ร้านค้าหลายร้าน แต่เท่าที่เดินเล่นยังเปิดไม่ครบทุกร้านเลยนะคะ ภาพบางส่วนค่ะ

。* ♥♥ ˚ ˚✰˚ ˛★* 。 ღ˛° 。* °♥ ˚ • ★ *˚ .ღ 。



ทางเข้าด้านหน้า ซื้อบัตรผ่านประตูค่ะ
Santorini Park Chaam


จุดไฮไลท์ค่ะ คือชิงช้าสวรรค์ใหญ่อันนี้ที่มองเห็นวิวชะอำ
Ferris wheel


ม้าหมุน
Roundabout


เก้าอี้ สุดเสียว... ไส้
Exciting Seat


นั่งชิงช้า ชิลล์ ๆ ดีก่า
Exciting Seat


น้ำพุหมึกพ่นน้ำ ใครร้อนเข้าไปเลยอิอิ
Squid Fountain / Splash


กำแพงปลา ในห้องน้ำ เหมือนมันทะลุกำแพงออกมา
Fish wall / Toilet

。* ♥♥ ˚ ˚✰˚ ˛★* 。 ღ˛° 。* °♥ ˚ • ★ *˚ .ღ 。




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 31 ตุลาคม 2555 13:38:41 น.
Counter : 1466 Pageviews.  

คอน นิ จิวะ <( っ '๐')づ ทัวร์ ญี่ปุ่น Disney Land

โปรแกรมวันที่5 โตเกียวดิสนีย์แลนด์ Disney Land แต่วันนี้ขอให้ชื่อว่า Disney Rain นะจ๊ะ
วันนี้โปรแกรมทัวร์ไม่มีคือ ให้เที่ยวกันเองว่างัย ส่วนมากก็จะช้อปปิ้งตามอัธยาศัย เราซื้อทัวร์เพิ่มไปดิสนีย์แลนด์กับทัวร์ เราตั้งใจไปถึงฝนตกก็ตาม คณะที่ไปสนใจช้อปปิ้งเยอะกว่า คงมีแต่เราที่ไป สุดท้ายลงตัวที่มาส่งเราที่ดิสนีย์แลนด์ให้ลงเที่ยวเอง และไกด์และคณะไปช้อปปิ้งกัน และโทรนัดหมายเวลากลับอีกที วันนี้ออกเดินทางสายหน่อย เนื่องจากเปลี่ยนรถและฝนตกด้วย พยากรณ์อากาศฝนตกทั้งวัน

ถึงโตเกียวดิสนีย์แลนด์ 10 โมงกว่า ฝนตกและลมแรงมากอากาศก็หนาว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเป็นคนญี่ปุ่น ส่วนต่างชาติหรือทัวร์น้อย คนญี่ปุ่นจะพาลูกเล็กๆ เข็นรถเข็นกันมา มีผ้าคลุมฝนน่ารัก ลายการ์ตูนดิสนีย์เลยอ่ะ ตัวเล็กๆเค้ายังสู้ แล้วเราจะถอยได้งัยมาตั้งไกล ที่จริงเราไปเที่ยวสวนสนุกต่างประเทศทีไรจะเจอฝนทุกทีเลย หลังสุดก็ Universal สิงคโปร์ แต่ที่ญี่ปุ่นหนักกว่าเพราะมีลม และความหนาวด้วย ถึงเราจะเตรียมตัวกันมาดีทั้งร่มและชุดกันฝนเด็ก แต่พอเจอของจริงก็ต้องเตรียมเพิ่มก่อนจะลุยจริงเข้าไปซื้อเสื้อคลุมฝนผู้ใหญ่มาอีกคนละชุด เพราะลมพัดเข้าขากางเกงเปียก Disney Rain สภาพตลอดการอยู่ในนี้ทั้งวันของเราคือ อยู่ในเสื้อกันฝนและมือถือร่มไว้นอกอาคาร มือและเท้าจะเย็นและเปียก ในอาคารโซนร้านค้ามีตัวการ์ตูนต่างๆมาทักทายต้อนรับและถ่ายรูปกับเด็กๆ เราผ่านไปเล่นเครื่องเล่นเลย “โตเกียว ดิสนีย์แลนด์” ดินแดนหรรษาของคนทุกเพศทุกวัย ที่มีผู้เข้าชมมากกว่า 17 ล้านคนต่อปี สนุกสนานกับเครื่องเล่นต่างๆ ที่แบ่งออกเป็นโซน ๆ หลายโซน แต่เราคงเล่นได้บางส่วนที่อยู่ในร่มส่วนใหญ่



จุดแรก โซน Tomorrowland อย่าคิดว่าอากาศแบบนี้คนจะน้อยนะ แถวก็ยังยาวอยู่ ที่นี่ไม่มี VIP หรือ Universal แต่จะใช้เครดิต Fast Pass ซึ่งเป็นการจองเวลาเล่น เครื่องแรกจัดไปสนุกสุดเหวี่ยงกับรถไฟตะลุยอวกาศใน Space Moutain ถามว่าดิฉันขึ้นป่ะ แค่ยืนเฉยๆ ยังจะล้มเลยขอเก็บสังขารไว้หน่อยละกันค่ะ ขอไปยืนดูขบวนแห่ของบรรดาตัวการ์ตูนที่ออกมาเดินขบวนโชว์เต้นกัน แวะซื้อป๊อปคอร์น รถเข็นขายป๊อปคอร์นมีกระปุ๊กใส่แขวนคอน่ารักๆ ที่นี่จะมี 13 ร้าน 13แบบไม่ซ้ำกันกระจายทั่วบริเวณ ดิฉันได้มิกกี้-อีสเตอร์ ช่วงเทศกาลอีสเตอร์มิกกี้เลยเป็นไข่เลยอ่ะ ราคา2000Y รวมป๊อปคอร์น ถ้าเติม 500Y

จากนั้นไปดูหนัง 4 มิติ ไมเคิล แจ็คสัน เค้าสนุกหัวเราะกัน ทำไมดิฉันน้ำตาไหลไม่รู้ คิดถึงไมเคิล เค้าอัจฉริยะมากเหมือนเค้ามีชีวิตอยู่จริงมาอยู่ใกล้เราจริงๆ เศร้าอินไปป่ะ หลังจากนั้นไปทานอาหารกลางวัน ที่นั่งไม่มีหายาก พื้นที่ส่วนใหญ่ที่มีหลังคาคนจะแน่นค่ะ เห็นคนญี่ปุ่นนั่งพื้นพรมทางเดินกันแบบปิคนิค เราก็เอามั่งดิ ทางเดินกว้างค่ะ มาแบบลุยๆ หนุกๆ วันนี้เมนูอาหารทุกอย่างเป็นมิกกี้ มินนี่ ตกแต่งน่าทาน ไข่ต้มตรงไข่แดงเป็นรูปมิกกี้ด้วยทำได้งัยอ่ะ ของเค้าน่ารักอ่ะ อาหารถูกใจเด็กๆ ทานได้มากหน่อย ดิฉันก็ชอบกาแฟเค้าอร่อย มีที่คนกาแฟหัวมิกกี้น่ารักเก็บเป็นที่ระลึก



พออิ่มกันแล้วก็ไปสนุกต่อกับเครื่องเล่นชิ้นใหม่ล่าสุดของโตเกียว ดิสนีย์แลนด์ Buzz Light Year ประชันความแม่นกับเพื่อนด้วยปืนเลเซอร์สุดไฮเทค ต่อแถวย่อยอาหารประมาณ 15 นาที เด็กเล็กมากที่นั่งรถเข็นพอถึงเครื่องเล่นจะต้องจอดไว้เยอะอยู่ค่ะ ส่วนดิฉันขอเดินเก็บภาพของปราสาทในเทพนิยาย และแวะเติมป๊อปคอร์นให้เด็กๆ500Y (ทั้งวันเติมไป3ครั้งอ่ะค่ะ) จากนั้นเข้าชม บ้านของเหล่าการ์ตูนของดิสนีย์ Minnie House บ้านแสนน่ารักของมินนี่ เป็นแบบหนัง 4มิติ เป็นรวมมิตรการ์ตูนของดิสนีย์ จากนั้นไปเล่นเครื่องเล่นอีก 2 อย่าง ก่อนจะเข้าแถวไปปราสาทผีสิง Hunted Mansion น่ากลัวสุดๆ ทำดีมากตั้งแต่ทางเข้าจนถึงได้นั่งเก้าอี้ เลื่อนเข้าไปในปราสาทผี อันนี้เข้าค่ะแต่มึนๆอยู่ จากนั้นหามุมสวยถ่ายภาพ ใน Toon Town ที่ตู้จำหน่ายกาแฟเครื่องดื่ม จะทำน่ารักเป็นตู้รูปกาน้ำชาที่มีไอพุ่งออกมาจริง น่ารักจังเลย มีตู้หมุนเหรียญที่ระลึกด้วยเป็นเหรียญโลหะรูปการ์ตูนดิสนีย์แบบต่างๆกับบ้านของเหล่าการ์ตูน หยอดเหรียญหมุนตุ๊กตามิกกี้ และซื้อของที่ระลึก ก่อนจะได้เวลากลับกันแล้วตอน 6 โมงเย็น ทั้งเหนื่อยและล้าจากการลุยฝนทั้งวันเท้าเปียกแฉะมือก็เปื่อยด้วยล่ะ เพราะถือร่มและเปียกเย็นตลอดเลย

นั่งรถต่อไปประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อมาทานอาหารและช้อปปิ้งที่ ห้างอิออน นาริตะ เราไปที่ศูนย์อาหารของห้างแต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์การสั่งต่างกันร้านราเมนยังคงมีป้ายกดตามเมนูและมีตั๋วออกมา บางร้านไม่มีป้าย แต่ทุกร้านจะให้กล่องเหมือนเพจเจอร์เรามา นั่งรอถ้าอาหารเสร็จ จะมีเสียงเตือนให้ไปรับ ราเมนชุดแฮปปี้มิล มีของแถมเป็นของเล่นญี่ปุ่นให้เด็กด้วยน่ารักอ่ะ ที่นี่มีเวลาน้อยพอทานเสร็จรีบไปดูของตามร้านต่าง ๆ ดิฉันเข้าไปร้านขายของกิ๊ฟช้อปแปลกๆ ได้เคส iphoneเป็นกล้องถ่ายรูป และพวกกุญแจกล้องถ่ายรูป แค่ร้านเดียวก็หมดเวลาต้องกลับไปที่รถแล้วล่ะ เราเข้าที่พักโรงแรมที่ใกล้สนามบินนาริตะ APA Hotel เพราะพรุ่งนี้จะกลับแล้ว แต่เราเหมือนยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยอ่ะดิ ทำงัยพอลูกหลับก็ลงไปดูร้านสะดวกซื้อเผื่อมีของที่ต้องการช้อป แต่อากาศหนาวและไม่มีอะไรของที่ต้องการ กลับเข้านอน



โปรแกรมวันสุดท้าย เดินทางกลับ เมืองไทย
ตื่นตอนเช้าทานอาหารเช้าที่โรงแรม ทริปการเดินทางหมดแล้ว แต่อากาศวันนี้ดี๊ดี น่ากลับไปดิสนีย์วันนี้จังเลยเนอะ 555 งัยก็ต้องกลับแล้ว เราเข้าไปเช็คอินผ่านตม. และใช้เวลาซื้อของฝากใน Duty Free สนามบินนาริตะเป็นส่วนใหญ่ ร้าน Royce ช้อคโกแลตมีชื่อเสียงของที่นี่ คนฝากซื้อด้วยค่ะ ต่อแถวยาวเลยค่ะ โตเกียว บานาน่า ชาเขียวและบ๊วย มีราเมนแชมป์ด้วยจัดมา ขนมคิดตี้ คิดแคทชาเขียว ซากุระ ส้ม จัดเต็มทุกรส555 คิดถูกแล้ว บ้านเรามีคนนำเข้าขายนะ แต่แพงเท่าตัวเลยค่ะ ระหว่างเครื่องบินขึ้นแป๊บนึง กัปตันการบินไทย น่ารักมากบอกว่ากำลังจะบินผ่านภูเขาฟูจิ มองหน้าต่างออกไปวิวสวยมากๆ ดีใจจังเลยที่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่น แล้วจะมาอีกน้า  รอส่งฝา น้ำชาเขียวก่อน รอลุ้นอิอิ





 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2555 17:57:47 น.
Counter : 1339 Pageviews.  

คอน นิ จิวะ <( っ '๐')づ เรื่องเล่า ทัวร์ ญี่ปุ่น ตอน4

โปรแกรมวันที่4 ภูเขาไฟฟูจิ – โยโกฮาม่า – พิพิธภัณฑ์ราเม็ง - นั่งชินคันเซ็น – วัดอาซากุสะ – ชินจุกุ

วันนี้ตื่นขึ้นตอนเช้าเปิดผ้าม่านหน้าต่างวันนี้อากาศดีมาก มีแสงแดด แต่โอ้ว์ ว้าว ภูเขาไฟฟูจิค่ะ อยู่ตรงหน้าต่าง ใหญ่เต็มจอ สวยมากกกก หยิกแก้มตัวเองหนึ่งที คิดว่าฝันไปค่ะ อุ๊ยเจ็บไม่ฝัน โรงแรมที่เราพักตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาฟูจิมาก นึกได้รีบหยิบกล้องถ่ายรูป เรียกคนมาดูปลุกลูกมาถ่ายรูป



จากนั้นเตรียมตัวเดินทางไปภูเขาไฟฟูจิที่เห็นนี่แหละ ทานอาหารเช้าโรงแรมเสร็จออกเดินทางสู่ “ภูเขาไฟฟูจิ” สัญลักษณ์ของแดนอาทิตย์อุทัย และยังเป็นภูเขาไฟที่มีลักษณะงดงามที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยมีความสูงประมาณ 3,776 เมตร ซึ่งมีหิมะปกคลุมบนยอดเขาตลอดทั้งปี



รถวนขึ้นภูเขาสูงมาถึงจุดพักชมวิวถ่ายรูป ภูเขาฟูจิ ริมทะเลสาบสวยมาก พอมาถึงจุดนี้ของการเดินทางสำหรับดิฉันถือว่าครบแล้วไฮไลท์ที่ตั้งใจมา ครั้งนี้ได้เห็นสวนซากุระ และเห็นภูเขาไฟฟูจิ ก็คุ้มแล้วค่ะ แต่เรายังจะขึ้นไปบนเขาฟูจิอีก และการเดินทางในทริปนี้ยังมีต่ออีกค่ะ ถ่ายรูป15นาทีเราก็จัดไปทุกท่า กระโดดลอยตัวจนเหนื่อย ทำให้ในคณะเล่นกระโดดตามบ้าง สนุกกันไปจากนั้นเดินทางขึ้นเขาต่อ


ภูเขาไฟฟูจิ คนญี่ปุ่นเรียก ฟูจิ ซัง (ซัง แปลว่าภูเขา) สถานีที่ 5 บนระดับความสูงที่ 2,500 เมตร ระหว่างทางคุณยามาดะ (โชเฟอร์ญี่ปุ่น) บอกว่าข้างหน้ามีป้ายจราจรรูปตัวโน้ตดนตรี หมายถึง จุดฟังเสียง ฟูจิ ซัง ระยะทางประมาณ25เมตร พอถึงจุดนี้ให้ทุกคนหยุดฟัง....เสียง ของ ภู เขา ฟู จิ ร้อง เพลง เป็นเมโลดี้ค่ะ ที่ได้ยินจะคล้าย ๆ กับนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ค่ะ แปลกจังเลย ธรรมชาติสร้างสรรค์ สักพักก็ผ่านจุดนั้น (เสียงจากธรรมชาติสายลมที่ผ่านในช่องเขาค่ะ) ระหว่างทาง2ข้างยิ่งใกล้สถานีที่ 5 เริ่มหิมะปกคลุมหนาขึ้นแล้วค่ะ เห็นแล้วน่ากลัวมาก แต่คราวนี้ต่อมลมพิษของดิฉันไม่ยักกะทำงาน โชคดีค่ะ
มาถึงแล้ววว ฟูจิ ซัง สถานีที่ 5 ทันทีที่ลงรถเด็ก ๆ ก็วิ่งไปหาหิมะและขว้างปาเล่นกันอย่างสนุกสนาน ครอบครัวเราใช้เวลาทั้งหมดที่นี่กับหิมะค่ะ ยังมีศาลเจ้า และสินค้าพื้น ขนมอร่อยขายด้วย ถึงอากาศหนาว แต่ก็สดชื่นค่ะ


ระหว่างที่ดิฉันนอนเล่นบนหิมะขาว ๆ คิดว่าตัวเองฝันไปรึป่าวเนี่ย เราทำได้แล้วหรือ ฟังดูอาจจะเว่อร์ๆ แต่นี่คือการพิชิตหิมะครั้งแรกในชีวิตเราเลยอ่ะ มาจับหิมะขาว ๆ เหมือนน้ำแข็งใส ในขณะที่สังขารยังOK อยู่ (คือก่อนหน้านี้ประสบการณ์ครั้งนิวซีแลนด์หนาวมาก แค่เห็นหิมะไกลๆ ทำให้ดิฉันป่วยตลอดการเดินทางทริปนั้น ก็เลยกลัวหิมะมากค่ะ) แต่ครั้งนี้ต่างกันทั้งการเตรียมการดี ศึกษาข้อมูลพร้อมจึงไม่เป็นอย่างที่กลัวเลยค่ะ แข็งแรงสดชื่น ไม่มีแม้แต่อาการเมารถขึ้นภูเขาสักนิดโชคดีจริงจริ้ง อยากตะโกน.. ว่า ฉัน รั ก หิ ม ะ จังเลย ยยยย



หลังจากเล่นหิมะสักพักก็ได้เวลาต้องไปต่อที่อื่น เด็กๆ ถุงมือเปียก หน้าเลอะโคลนจากหิมะที่เปื้อนดินละลาย กระเด็นติด ตอนรถลงเขาหูอื้อนิดหน่อย แต่มองเห็นขวดน้ำมันปิดเองก็เข้าใจว่ามีความกดอากาศแน่ ลูกชายคนเล็กแอบเก็บหิมะจำนวนหนึ่งใส่ถุงกลับบ้านด้วย มารู้ตอนมันละลายในรถแล้วเค้าก็หิ้วมาให้แม่ทิ้ง เด็กหนอ...



จากนั้นเราเดินทางต่อที่เมืองโยโกฮาม่า ..ตามรอย “ทีวีแชมป์เปี้ยน” (T.V. Champiam) รายการยอดฮิตติดอันดับของญี่ปุ่นที่ “พิพิธภัณฑ์ราเม็ง” ศูนย์รวมร้านราเม็งที่ขึ้นชื่อจากทั่วทุกมุมของญี่ปุ่น ซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปด้านในตกแต่งแบบญี่ปุ่นโบราณ มีร้านขายและบรรยาศแนวสมัยปี60-70 มีหลายร้านจะมีแบ่งโซนและแผนที่บอก แต่ละร้านขนาดเล็กไม่น่าเกิน 10ที่นั่ง (ประเมินด้วยจำนวนเก้าอี้) การสั่งราเมนจะมีตู้หยอดเหรียญหน้าร้านมีตู้ไฟแจ้งรูปอาหารราคากำกับไว้เมื่อหยอดเหรียญ กดสั่งอาหารตามรูป จะมีตั๋วยื่นออกมาให้ส่งกับพนักงาน แล้วก็นั่งรอได้เลยเก๋ไก๋ดีนะ ในไทยเริ่มเห็นมีร้านอาหารบางร้านทำกันบ้างแล้วนะ เราสั่งราเมนซุปกระดูกหมูดั้งเดิมไปในราคาชามละ 800Y ระหว่างนั่งรอเห็นกล่องบดงาหน้าตาเหมือนของเล่นพอหมุนก็จะบดงาออกมาให้ใส่ในชามได้เลยน่ารักจัง ส่วนรสชาดราเมนก็อร่อยแบบต้นตำรับราเมนของแท้ญี่ปุ่นจริงๆ เลยค่ะ ดิฉันไม่ปรุงเติมแต่งาขาวบดนิดหน่อย (เอ่อ..ร้านไรอย่าถาม อ่านไม่ออกอ่ะ) ในนั้นจะมีร้านทำซุปกระดูกหมูอร่อย 3 ร้าน พอทานอิ่มก็เดินชมบ้านเมืองญี่ปุ่นสมัยโบราณ ดูๆไปบางภาพดูคุ้นตามากเหมือนกับภาพที่เคยดูจากหนังญี่ปุ่นสมัยโอชิน 555นานไปป่ะ ไม่น่าเชื่อว่าพัฒนารวดเร็วจนมาเป็น “มหานครโตเกียว” เมืองหลวงญี่ปุ่น ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน และเทคโนโลยีล้ำยุคมากมาย เมืองในฝันของใครๆ หลายคน



ใช้เวลาพอสมควร ออกเดินทางสู่ สถานีรถไฟ โยโกฮาม่า เปลี่ยนแนวไปนั่ง รถไฟชินคันเซนกันบ้างค่ะ รถไฟชินคันเซนหรือ รถไฟหัวกระสุน ที่วิ่งด้วยความเร็ว 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเป็นที่ 2 รองจากรถไฟ TGV หลังจากรอไกด์ของเราที่หายไปติดต่อซื้อตั๋วซัก 20นาที ก็ได้เวลาขึ้นรถไฟชินคันเซนกันล่ะ คนที่นี่เวลาขึ้นลงบันไดเลื่อนจะชิดช้าย โดยเว้นด้านขวาให้คนที่รีบกว่าเดินผ่านไป เพราะฉะนั้นคนมาเยอะแค่ไหนก็ต้องชิดซ้ายให้หมดค่ะ ภายในที่นั่งบนรถไฟหรูพอ ๆ ก็เครื่องบินเลยก็ว่าได้ มีห้องน้ำด้วย บนรถไฟนำอาหารเครื่องดื่ม หรือโน้ตบุ๊คมาใช้ได้เต็มที่ตามสบายเลย เรานั่งไปประมาณ 3 สถานีหรือสักพัก 20นาที และออกสถานี กรุงโตเกียว เดินทางสู่ วัดอาซะกุซ่าคันนอน วัดเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว ...

ข้อมูลที่วัดอาซะกุซ่าคันนอน วัดเก่าแก่ที่สุดในโตเกียว นมัสการขอพรจาก “องค์เจ้าแม่กวนอิม” ที่เป็นทองสัมฤทธิ์ มีขนาดเล็กเพียง 5.5 เซนติเมตร “โคมไฟขนาดยักษ์” ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูง 4.5 เมตร เราเข้าไปไหว้พระทำบุญ ขอพรกันเรียบร้อยก็ได้เวลา เดินชมร้านเครื่องรางของขลังอันศักดิ์สิทธิ์ของวัดแห่งนี้ บอกตามตรงเลือกไม่เป็นเลยได้แต่ของที่ชอบคือกระดิ่งหน้าคน ญ/ชอย่างละอัน เดินต่อไปพื้นที่ใกล้เคียงกันเป็น “ถนนนาคามิเซะ” มีของฝากของที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมือง “Made In Japan” แท้ๆ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้คุณภาพดีมากมาย อาทิ ร่ม, หมวก, รองเท้า, กระเป๋า, เสื้อผ้า เป็นต้น หรือจะเลือกชิม “ขนมอร่อย” สไตล์ญี่ปุ่นเยอะมากแต่ก็มีได้ขนมของซาริโอมา 2กล่องเป็นคิตตี้ กับโดเรม่อน ภายในวัดมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก และบางมุมมองเห็น Tokyo Sky Tree สัญลักษณ์ใหม่ทันสมัยของญี่ปุ่นด้วย มีต้นซากุระเยอะมากพอโดนลมพัดปลิวสวยมากค่ะ เด็กๆไล่จับกลีบซากุระกัน ดิฉันก็ตะครุบกลีบซากุระมาหน่อยนึงใส่ถุงเป็นที่ระลึก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ตอนเปิดถุง อยู่สักพักวัดก็จะปิดแล้ว เราออกเดินทางต่อไปถนน ชินจูกุ



นั่งรถต่อสักพัก นานอยู่ค่ะรถติดและฝนกำลังจะตกด้วย ย่านช้อปปิ้งกันต่อกับย่านแห่งความเจริญอันดับหนึ่งของกรุงโตเกียว ที่รวมห้างสรรพสินค้า และร้านขายของเป็นพันๆ ร้าน ซึ่งจะมีผู้คนนับหมื่นเดินกันขวักไขว่ ถือเป็นจุดนัดพบยอดนิยมอีกด้วย “ชินจูกุ” หมายถึง “ที่พำนักใหม่” ในสมัยเอโดะ โตกุกาว่า อิเอยะสึ ได้มีคำสั่งให้สำรวจย่านนี้ตามคำขอของพวกพ่อค้าและตั้งเมืองหน้าด่านขึ้นบนถนนโคชุไคโด ไม่นานก็กลายเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น มีทั้งโรงน้ำชา ร้านค้า โรงเตี๊ยมและหอคณิกาอีกกว่า 50 แห่ง เรามาถึงหนึ่งทุ่มกว่าเลย

ที่ชินจูกุ มาถึงพร้อมกับฝนตก สิ่งแรกที่ช้อปคือ ร่ม อ่ะดิ คนญี่ปุ่นที่เพิ่งเลิกงานออกมาเจอฝนก็จะเข้าไปซื้อร่มเดินเหมือนกัน สังเกตุได้จากร่มจะเป็นสีขาวใสเหมือนกันหมด มื้อเย็นวันนี้เราต้องหาร้านอาหารที่นี่ทานกันเอง จึงไม่พ้นอะไรที่เด็ก ๆ รู้จักและยอมเข้า นั่นคือ KFC ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วก็เหลืออีก ครึ่งชั่วโมง เยอะไปมั้ยเวลาช้อป แค่เดินข้ามถนน หาร้านจะเข้าก็หมดเวลาแล้วอ่ะ แต่ก็พยายามสุดฤทธิ์ และแล้วก็เกิดเรื่องจนได้ (อ่านต่อ เรื่องเม้าท์ญี่ปุ่นนะ) จากนั้นก็กลับเข้าที่พักอย่างเหนื่อยล้าเพราะกว่าจะถึงก็ดึกมาก ง่วงแล้วอ่ะ โอ๊ะยะ ซึมิ ยาไซ ราตรีสวัสดิ์นะจ๊ะ




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2555 11:24:49 น.
Counter : 1800 Pageviews.  

คอน นิ จิวะ <( っ '๐')づ เรื่องเล่า ทัวร์ ญี่ปุ่น 3

โปรแกรมวันที่สามค่ะ วนอุทยานฮาโกเน่ – ล่องเรือโจรสลัด ทะเลสาบอาชิ – โอวาคุดานิ - อาบน้ำแร่ออนเซน
. ★ *˛ ˚♥♥* ✰。˚ ˚ღ。* ˛˚ ♥♥ 。✰˚* ˚ ★ღ ˚ 。✰ •* ˚ ♥♥" ✰

วันนี้ตื่นเช้าแพคกระเป๋าเริ่มเดินทางต่อ แต่แพคเร็วขึ้นแระ ทานอาหารเช้าของโรงแรม งงเมื่อเจอชายญี่ปุ่นใส่ชุดหมีช่าง ในลิฟต์ หลายคนคิดว่ามีอะไร ที่จริงคือคนที่พักในโรงแรม ชื่อToyota Route in Jinnaka Hotel บริกรที่สูงอายุต้อนรับ วันนี้บุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นอีกแล้ว ได้ที่นั่งแบบบาร์ติดหน้าต่างชมวิวข้างนอกสวย ๆ เมืองญี่ปุ่น แต่มีอาหารเด็กๆ เช่น เฟร้นฟาย นักเก็ตหอยเชลล์ชิ้นโต และเทมปุระปลา วันนี้มีชาให้ชิมหลายชนิดประมาณ10 ชนิดน่าชิมมากกกก หยิบซากุระ ชาเขียว คาโมมายย์ กุหลาบ แต่ยังไม่ได้ชง ชิมไม่ไหวจึงขอ4ซองไว้ชิมวันหลัง555 ยังเหลือเวลานิดหน่อย ขอใช้ห้องน้ำแบบ full option ดูดิ ปุ่มอะไรเยอะไปหมด ภาษาญี่ปุ่นด้วย ดูรูปเอาดูเค้าจะใส่ใจเรามากไปป่าว อากาศหนาวจึงค่อย ๆ หย่อน นน นน ก้นนั่งแตะลงฝาชักโครก กลัวเย็นอ่ะ แต่แปลกมากลับอุ่น..ทีแรกคิดว่า..มีใครเพิ่งลุกออกไปป่าวว่ะ นั่งซะอุ่นเลย แต่ที่จริงมันมีระบบอุ่นฝาชักโครกให้จ๊ะ (ใส่ใจจังเลยอ่ะ) ลองกดใช้ระบบฉีด ทแว้วว น้ำอุ่นด้วยอ่ะ เซาะกราวแท้เรา

วันนี้อากาศดีมาก เย็นสบาย มีแสงแดดแล้วจะได้ถ่ายรูปสวย ๆ มั่งอ่ะ คณะเราเดินทาง 8.00โดยใช้ทางด่วน วิ่งประมาณ 2 ชั่วโมงระหว่างทางจะเป็นชนบทของญี่ปุ่นมีการปลูกพืชการเกษตรในมุ้งขนาดใหญ่ค่ะ พอใกล้จุดพักจะเป็นพืชเศรษฐกิจไร่ชาเขียวที่สวยงามมาก ปลูกสลับขวางตัดกันไปมากทำให้เกิดลวดลายสวยงามบนเชิงเขา ที่นี่เค้าใส่ใจดูแลต้นชาอย่างดี มีพัดลมสูงติดตั้งจำนวนเยอะมากรอบไร่ชาเขียว ทำไมเหรอก็เพราะญี่ปุ่นช่วงหนาวจะมีเกร็ดหิมะปกคลุมยอดชาเขียวเสียหาย จึงต้องเปิดพัดลมไล่หิมะ ไอเดียเค้าทึ่ง อย่างนี้ต้องยอมจ่ายเงินซื้อชาเขียวแท้เค้าเลยอ่ะ พอถึงจุดพัก service area ที่เมือง ShizuOka ชิซูโอกะ ของดังเมืองนี้คือ ชาเขียว และปลาไหล ของดังมีชื่อก็ถูกวางขายและให้ชิม ดิฉันไม่พลาดตรงดิ่งมุมชาเขียว โอว์อะไรกันนี่ ทุกอย่างเป็นชาเขียวหมด เฉพาะชาเขียวเยอะมากจนไม่รู้จะซื้อแบบไหน อ่านก็ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นหมดเลย ถ้าถามว่าจะซื้อฝากใคร ตอนนี้ตาลายไปหมด ไม่กล้าเลือกความมั่นใจไปไหนไม่รู้เลยค่ะ ได้เวลาต้องขึ้นรถแล้วได้ชาเขียวมัทชะ มาถุงนึง เฮ้อ! ได้ซักที



เราเดินทางกันต่อประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาถึงอุทยานฮาโกเน่ เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งมีล่องเรือโจรสลัดบนทะเลสาบอาชิ มีกระเช้าขึ้นไปบนหุบเขานรกด้วย แต่คณะเรามาช้าไป ต้องรออีก 30 นาทีเพื่อลงเรือโจรสลัดเที่ยวต่อไป ระหว่างนั้นเราก็เก็บภาพวิว ได้เวลาลงเรือโจรสลัดกัน ตอนมาจอดลำใหญ่มาก แต่พอขึ้นไป รู้สึกลำไม่ใหญ่แฮะ ตกแต่งเหมือนเรือโจรในสวนสนุก ไม่มีการบรรยายอะไร บนเรือแบ่งเป็นโซนธรรมดา และวีไอพี เราอยู่ส่วนธรรมดาบนดาดฟ้าเรือ ระหว่างล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิ ความงดงามของทะเลสาบอาชิ 1 ใน 5 ทะเลสาบที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ อันเกิดจากการก่อตัวของลาวาจากภูเขาไฟฟูจิ ทำให้ปิดทางออกของน้ำในทะเลสาบ…นอกจากนี้ทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นตำนานของ วัดฮาโกเน่ ซึ่งปัจจุบันจมอยู่ภายใต้ท้องทะเลสาบ คงเหลือให้เห็นเพียงเสาประตูวัดเท่านั้น น่ากลัวอ่ะ บนเรือมีเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นมาถ่ายรูปให้เรา กับกัปตันคิดว่ามีน้ำใจสุดท้ายจ่ายไป 2000Y ก็โอนะ เค้าใส่กรอบรูปเรือโจรสลัดให้ด้วยอิอิ

หลังจากนั้นเรานั่งรถต่อไป โอวาคุดานิ หุบเขานรก ซึ่งจากจุดล่องเรือเมื่อกี้ จะมีกระเช้าให้นั่งขึ้นไปถึงบนหุบเขานรกเลย แต่เราไปกันเยอะ และคิวกระเช้าก็ยาว เพื่อเซฟเวลาจึงไปทางรถทัวร์พร้อมกันนี่แหละ 15 นาทีถึง บนโอวาคุดานิ หุบเขานรก เนินเขาสูงที่มีความยาวและมีจุดปะทุความร้อน หลายจุดกระจายทั่วหุบเขา มีไอร้อนโพยพุ่งตลอดเวลา ที่นี่อากาศอุ่น ๆ และมีกลิ่นกำมะถัน เล่ากันว่าที่นี่เกิดขึ้นจากการปะทุขึ้นมาของภูเขาไฟฮาโกเน่เมื่อหลายพันปีก่อน ทำให้เกิดบ่อน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน น้ำและควันเหล่านี้จะมีส่วนผสมของกำมะถันอยู่ด้วยโดยความร้อนของน้ำที่ ผุดขึ้นมานั้นสามารถต้มไข่ให้สุกได้เลยทีเดียว และไข่ที่ต้มจากบ่อนี้เปลือกของไข่จะมีสีดำสนิท ซึ่งคนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า “กินไข่ดำหนึ่งฟองจะทำให้อายุยืนขึ้นเจ็ดปี” เนื่องจากเลยมื้อเที่ยงมาพอสมควร คณะเราจึงจัดเต็มคนละลูก 2 ลูกอิ่มกันไป รสชาดเหมือนกับไข่ต้มแต่เปลือกมีสีดำ อย่าถามว่าเหลือกลับมามั้ย หมดตั้งแต่รถยังไม่ออกเลย ดิฉันยังไม่ได้ชิมเลยอ่ะ ให้ลูกเค้าชอบก็ดีแล้วอ่ะ



ออกจากโอวาคุดานิ หุบเขานรก ลงมาประมาณ 30นาที เพื่อทานอาหารกลางวัน สไตล์ญี่ปุ่น เป็นเบนโต๊ะ ราเมน แต่ก็ทานได้น้อยลงแล้ว อิ่มไข่ต้ม แต่ดิฉันก็จัดเต็มราเมนชามโตก่อนล่ะอิอิ ข้างๆ มีร้านขายผลไม้และของมีชื่อของที่นี่ ที่ร้านมีผงโรยข้าวชนิดต่าง ๆ มีให้เลือกเยอะมาก ดิฉันทานไม่เป็น แต่ลูกชายขอรส ปลาไหลแบบไม่เผ็ด 1ขวด เวลาไปไกลบ้านดิฉันเป็นคนไม่ชอบซื้อของเพราะขี้เกียจหิ้วเยอะ เด็กๆ ได้สตอร์เบอรี่ลูกใหญ่สดๆ มาชิม ใหญ่มากพอๆ ไข่ไก่อ่ะ อร่อยเพราะหอมหวาน สดสะอาด กางมุ้งปลูกไม่มีแมลง (จากที่เรานั่งรถผ่านมาเห็นการเกษตรของเค้า)

ตามโปรแกรมวันนี้หมดแล้วต้องนั่งรถกลับที่พักเลย แต่ยังเหลือเวลา คุณยามาดะ (โชเฟอร์ญี่ปุ่น) และไกด์ ใจดี พาแวะสวนสาธารณะที่มีดอกไม้เยอะเก็บวิวสวยๆ ไหว้พระ 30นาที และก็เดินทางต่อไปไปที่พัก ระหว่างทางจะเห็น ที่พักเล็กๆ แบบรีสอร์ทเยอะ เนื่องจากจุดนี้เป็นจุดพักที่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ที่สุดถ้าพรุ่งนี้จะขึ้นเขา วันนี้ต้องพักที่นี่แหละจ้า

ถึงโรงแรมเราแล้ว NEW STAR YAMANAKAKO HOTEL อึ้งทึ่งเสียว ไม่ใช่ขาปูยักษ์ หรือแช่น้ำร้อนออนเซนแค่นั้น แต่เสียวกับกับการขับรถของโชเฟอร์สูงวัยของโรงแรมซิ่งรถพาเราขึ้นเนินเขาที่คดเคี้ยวเลี้ยวหักศอกประมาณ 3เลี้ยวก็ถึง (เวียนหัวมึนๆ) มีชายแก่สวมสูท มาดท่านประธาน วิ่งมาถึง รีบสวมถุงมือ มายืนที่รถเรา เค้าคือ คนยกกระเป๋า (อย่างที่บอกว่างานจิตอาสา จะเป็นของคนแก่ แล้วกระเป๋าแต่ละคนใหญ่ ลองนึกถึงตู้เย็น) เช็คอินเสร็จเก็บของเข้าห้องพัก โรงแรมที่นี่ไม่มีลิฟต์ เพราะฉะนั้น กระเป๋าใบเขื่องของพวกเรา จึงต้องแบกกันขึ้นบันไดไปเอง 55 ที่นี่ เค้าใส่ใจเด็กนะ จะหาชุดคลุมและรองเท้าขนาดของเด็กให้ด้วย ห้องพักเล็กกระทัดรัด แต่มีสัดส่วนห้องน้ำกับห้องนอก แต่ตอนแรกเข้าไปเหม็นกลิ่นบุหรี่มาก เปิดประตูทิ้งไว้สักพักก็หาย ไม่มียุง มีแต่ความหนาวที่พัดเข้ามาปะทะ ไกด์นัดเรามาทานอาหารเย็นตอน 6 โมง มื้อนี้แซ่บกับ ชาบู ชาบู ขาปูยักษ์ เติมไม่อั้น โอ้วจอร์จ เราเป็นคณะแรกที่มาประเดิมห้องอาหารเย็นวันนี้อิอิ...ทานเสร็จไปล้างมือฟอกสบู่ น้ำเย็นสุดๆ ประมาณน้ำแช่น้ำแข็ง แล้วถ้าใส่สบู่จะล้างนานมากมือชากันเลยล่ะ



ตอนเย็นเดินนอกห้องยังหนาว ถามว่า “การอาบน้ำแร่ธรรมชาติ”เพื่อสุขภาพ/ “โอนเซ็น” (Onsen) น้ำแร่ในสไตล์ญี่ปุ่นช่วยเรื่อง โรคภัยไข้เจ็บและผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดิฉันจะแช่มั้ย ที่จริงคือความฝันที่อยากมาเลยล่ะ แต่พรุ่งนี้ขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันด้วย กลัวป่วยเป็นภาระอีก อากาศหนาวมาก ต่อให้แช่น้ำร้อน ก็ต้องมีขึ้นมาเจออากาศหนาวอีกอยู่ดี กว่าจะเดินถึงห้องแข็งชาเหมือนมือแน่ ตัดสินใจเก็บแรงและสังขารไว้วันพรุ่งนี้ดีกว่า แต่ก็ซื้อผงน้ำแร่ออนเซน ของโรงแรม ไว้กลับมาแช่อ่างที่บ้านก็ได้อิอิ ทางโรงแรมมีขายโปสการ์ดและแสตมป์ น่ารัก ทั้งคิดตี้ โคนัน โดเรมอน ฯลฯ ทุกแบบขายเป็นชุดหมด ดิฉันโดนสามีจำกัดให้เลือก1แบบเท่านั้น จึงได้คิดตี้มา 1 ชุด แกะ1ดวงติดโปสการ์สส่งกลับบ้านเมืองไทย เดินสำรวจห้อง Onsen ซึ่งทางเดินแบบธรรมชาติไต่โขดหินลงไป ปิดเป็นห้องอาบน้ำมิดชิด ตอนกลับปีนจะไม่ไหวตะคริวก่อตัว เรากลับห้องชงโกโก้ดื่มให้อุ่นก่อนที่ลูกๆ ขอไปเล่นเกมส์ตู้หนีบตุ๊กตา ได้ตุ๊กตามา1ตัวแล้วก็เข้านอน ไม่ลืมเปิดฮีตเตอร์ด้วยล่ะ โอ ยา ซึ มิ ยา ไซ (ราตรีสวัสดิ์จ้า)

. ★ *˛ ˚♥♥* ✰。˚ ˚ღ。* ˛˚ ♥♥ 。✰˚* ˚ ★ღ ˚ 。✰ •* ˚ ♥♥" ✰




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2555 10:51:16 น.
Counter : 3627 Pageviews.  

คอน นิ จิ วะ <( っ '๐')づ เรื่อง เล่า ทัวร์ ญี่ ปุ่น (วันที่2 )

ขออภัยกับการล่าช้าในการจัดการรูปภาพมากมายที่ได้มาญี่ปุ่น ประมาณ 3พันกว่ารูปที่มาจากญี่ปุ่น (คุ้มจริง ๆ55) คัดบางส่วนอัดที่ร้าน ส่วนหนึ่งเป็นภาพศิลป์ ฯลฯ ตาลายอ่ะ ทยอยลงล่ะกันนะ ในกลุ่มต่าง ๆ ของ Vastoday/Bloggang นี้ค่ะขอบคุณที่ติดตามค่ะ ช่วงนี้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับลูกๆ และกิจกรรมปิดเทอม แต่พยายามจะอัพเสมอค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรแกรมวันที่สองนี้ค่ะ ปราสาทโอซาก้า - เมืองเกียวโต – วัดคิโยมิสึ – ปราสาทคินคาคุจิ – นาโกย่า
หลังจากถึงญี่ปุ่นเข้าพักที่ Daiwa Roynet Hotels อย่างหรูสุดในทริปนี้แล้วค่ะ ตอนเช้าเวลานัดของคณะเราคือโค้ด 6/7/8 คือตื่นนอน6โมง ทานอาหาร7โมงและออกเดินทาง8โมง ในห้องอาหารเช้าของโรงแรม จะเล็กสังเกตได้ว่าญี่ปุ่นเค้าจะใช้พื้นที่จำกัดได้อย่างลงตัวจริง ๆ โต๊ะอาหารเล็ก ๆ นี่โรงแรมใหญ่แล้วนะ แต่เพียงพอกับทุกคน ทุกคนจะมีถาดอาหารของตัวเองที่ใส่อาหารหลากหลายครบ และที่น่าทึ่งคือเค้ามีระเบียบวินัย หลังจากทานเสร็จก็ยกไปเก็บ คนต่อไปก็ได้มีที่ว่างนั่ง (ถึงจะเล็กพื้นที่จำกัด แต่เพียงพอค่ะ) เราก็ทานอาหารเช้าบุปเฟ่ต์ญี่ปุ่นแท้ ๆ เลย เพราะบางอย่างก็ไม่เค้าเจอที่เมืองไทย



วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีฝน พยากรณ์ญี่ปุ่นแม่นมากขอ บอก คณะเราเริ่มออกจากโรงแรมเร็วขึ้นเพื่อไปชมดอกซากุระเป็นที่แรก นั่งรถ15นาทีถึง เป็นสวนสาธารณะริมปราสาทโอซาก้า ไปถึงยังไม่มีฝนแต่อย่างใด เก็บภาพสวยงามของซากุระที่แข่งกันบานอวดโฉม ในวิวที่สวยงาม กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของซากุระทำให้อยากจิบชาเขียวขึ้นมาเลยอ่ะ (เกี่ยวมั้ยนิก็มันเริ่มหนาว ๆ อ่ะ) เก็บภาพสักพักคณะเราเริ่มเดินไปปราสาทโอซาก้าตอนนี้ ฝนก็พรำ ๆ เล็กน้อย เดินต่อไปประมาณ500เมตร ก็ถึงบริเวณปราสาท ที่นี่จะบอกว่าเหมือนฝันไปจริง ๆ ทั้งต้นไม้ที่สวยงามและปราสาทเก่าที่สง่างาม ทำให้เราคิดไปถึงคนญี่ปุ่นในอดีตที่เข้าใจสร้าง ปราสาทโอซาก้าสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกบนบริเวณที่เคยเป็นวัด Osaka Hongan-ji เมื่อปี ค.ศ.1583 โดย Toyotomi Hideyoshi (ค.ศ.1537-1598)สูง 55 เมตร (ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกสำคัญของประเทศญี่ปุ่น)

นั่งรถต่อไปยังเมืองเกียวโตประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างเดินทางดิฉันจะนำไดอารี่เล่มเล็กมานั่งบันทึกบนรถไปด้วย เพื่อเก็บรายละเอียดทุกจุดที่ประทับใจไว้อ่านวันหลัง แต่ก็มองบ้านเมืองเค้าไปด้วย จะสังเกตว่าที่นี่คนที่ทำงานอาสาแบบล้างห้องน้ำ กวาดถนน เก็บขยะยกกระเป๋า จะเป็นคนแก่ ๆ เข้าวัยเกษียรทั้งนั้น ทำให้เกิดคำถามในใจว่าพวกเค้าทำไมต้องทำทั้งที่เป็นวัยที่ควรจะพักผ่อนแล้ว คิดถึงพ่อแม่เราต้องมาทำอะไรอย่างนี้ หรือว่าถ้าเราแก่เท่าเค้าเราคงไม่ไหวเหมือนเค้า (อิอิ) แต่คนที่นี่คนแก่คือประชากรส่วนใหญ่ หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ รัฐบาลต้องใช้เงินจ่ายเพื่อดูแลคนแก่จำนวนเยอะมาก นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเค้าไม่อาจหยุดนิ่งได้ เพราะเค้าไม่ใช่ภาระน่าทึ่งจริง ๆ ชอบหัวใจเค้าอ่ะ



เรามาถึงเมืองเกียวโต เข้าชม วัดคิโยมิสึ ฝนยังคงพรำลงมาตลอด แต่ไม่เป็นอุปสรรค เพราะตกเบา ๆ ไม่มีลม วัดแห่งนี้สร้างด้วยท่อนซุงขนาดมหึมาน้ำหนักถึง 139 ตัน ตั้งบนเนินเขาสูง ก่อสร้างแบบสลักไม้ไม่ใช่ตะปูสักตัว ในวัดจะมีตู้ที่มีไม้ขัดเป็นซี่ไว้สำหรับบริจาคเงิน หลังจากดูคนญี่ปุ่นทำงัยเราก็ทำตัวเนียน กำเหรียญทอยลงในตู้บริจาค ตบมือ2ครั้งและพนมมือไหว้พระอธิฐาน ต่อมาปักธูปที่แค่ปล่อยมือธูปก็ปักลงกระถางได้เองโดยไม่ต้องออกแรงกดจิ้มแต่อย่างไร

หลังจากไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลก็ไปดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ น้ำ 3 สาย ที่เชื่อกันว่า ถ้าดื่มแล้วจะเกิดความเป็นสิริมงคลในด้าน ความร่ำรวย, ความมีชื่อเสียง และ มีสุขภาพดี ลูก ๆไปดื่ม 2 รอบอิ่มอ่ะ (ต้องต่อแถวคนเริ่มเยอะ) ส่วนดิฉันก็ง่วนกับการถ่ายภาพบนภูเขาสูงมองลงมาจะเห็นวิวธรรมชาติที่สวยงามทั้งภูเขาต้นสนและซากุระที่มีฟอร์มสวยในตัว มีสาว ๆ ญี่ปุ่นใส่ชุดยูกะตะมาถ่ายรูปกัน เราก็ถ่ายเค้าด้วยอิอิ ต่อมาเดินชิมขนมที่มีชื่อของเกียวโต ช้อปปิ้งขนม บนถนนสายกาน้ำชา ขึ้นชื่อเรื่องสินค้าพื้นเมือง เครื่องปั้นดิน, ชุดเครื่องเซรามิค ชุดกิโมโน, ชุดยูกาตะ, พัด, ชา ดิฉันได้ขนมYatsuhashi ทำจากแป้งสดพับเป็น3เหลี่ยมใส่ถั่วแดง กับชาเขียวมาทานระหว่างทาง เราเดินทางต่อไปทานอาหารกลางวันเป็นอาหารจีน และรีบเดินทางต่อไป



ปราสาทคินคาคุจิ (Kinkaku) หรือปราสาททอง ของ โชกุนโยชิมิสึ /เรื่องอิคคิวซัง ปราสาทนี้ สร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1955 หลังจากที่ได้ ถูกไฟไหม้ ไปเมื่อปี ค.ศ . 1950 ตัวเรือนเป็นสีทองจาก ทองคำเปลว มีรูปหล่อ นกฟีนิกซ์อยู่บนยอดปราสาท โดยรอบปราสาทมีลำธารน้ำใสสะอาดทำให้เกิดภาพสะท้อนผิวน้ำแสน สวยราวภาพวาด เดินซักพักฝนที่ตกเริ่มเม็ดใหญ่และที่หนักคือเท้าที่ย่ำน้ำแฉะ ๆ เริ่มเปียกเย็นแล้วอ่ะ ดิฉันเริ่มไม่ไหวและพยายามจะเดินกลับทางเดิมแต่ยังไม่ถึงทางเข้าที่มา เจอคณะเดียวกันบอกว่ากลับไม่ได้เค้า No return ห้ามกลับ เราจึงต้องเดินต่อจนถึงทางออกอีกทาง เรียกว่าสวยทรหดอ่ะ ปราสาทนะภาพไม่ค่อยได้เก็บเท่าไร หนาวและเปียกเหมือนนางเอกใน MV เลยอ่ะ 55 เราออกมาหาตู้ กดกาแฟร้อน ๆ ดื่มกัน คลายหนาว ชอบอ่ะอยากมีซักตู้แถวบ้านจะมากดทุกวันเลยอิอิ เค้ามีครบรส เราจัดมา2รส เอสเพรสโซ่ ลาเต้ อร่อยด้วยตู้ชงให้

แล้วออกเดินทางต่อไป เมืองนาโกย่า (Nagoya) โดยรถทัวร์วิ่งบนทางด่วน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงแต่จริง ๆ เป็น 4 ชั่วโมงเพราะเรา แวะจุด Service Area ประมาณจุดพักบายพาสต์บ้านเรา แต่ของเค้าทำดีกว่ามาก เพราะห้องน้ำเยอะมาก สะอาดไฮเทคเป็นแบบกดปุ่มทุกห้อง มีสิ่งอำนวยความสะดวกกับแม่บ้านญี่ปุ่นที่ต้องอุ้มเด็กด้วย ตกแต่งสวยงาม มีร้านค้ามากจุดพวกนี้แหละคณะเราชอบมากเพราะเป็นแหล่งรวมของดังในเมืองนั้น ๆ หลังจากเดินทางยาวนานก็มาถึงร้านอาหารมื้อเย็น แต่ขอเรียกว่ามื้อค่ำ เพราะประมาณ 2ทุ่ม เป็นร้านหมูเกาหลีกะทะปุฟเฟ่ต์ เอาล่ะจัดเต็ม อร่อยสนุก แต่กลิ่นก็ฟุ้งอบอวลทั้งเปียกแฉะเท้าด้วย55 เข้าที่พัก3ทุ่มครึ่ง สงสารลูกง่วงนอนรีบเข้าห้องอาบน้ำนอนล่ะ Toyota Route in Jinnaka Hotel ห้องเล็กกว่าที่แรกไม่มี wifi พอจัดของเอาไดร์เป่าเสื้อกันหนาวที่ชื้น รองเท้าด้วย เอามาคู่เดียวด้วย เสร็จเลยรีบนอนเที่ยงคืนพอดีจ้า. อะริกาโต๊ะ โกไซมัส --ขอบคุณค่ะ




 

Create Date : 24 เมษายน 2555    
Last Update : 24 เมษายน 2555 10:45:03 น.
Counter : 897 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

วัสนันท์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




εїз ♪ น่ารักเรียบร้อยด้อยกิ๊ก ชอบนั่งคลิ๊กรักธรรมชาตินักหนา ไม่ต้องบอกว่าไลค์สามเวลา เพียงท่านคอมเม้นท์มาจักขอบคุณ ♫ ♬ ♪ ☆ Base on my's true story เรื่องจริงผู้เขียน ต้องการข้อมูลติดต่อได้ค่ะ ☆ ขอบคุณที่เข้าชมค่ะ /|\ εїз Thank you for visited ♫
Website counter
Google

Google SearchPantip

Friends' blogs
[Add วัสนันท์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.