อย่าลังเล เพราะถ้าลังเล จะกระโดดได้ไม่ไกลและไม่แรงพอ
Group Blog
 
All Blogs
 

ศศิสรวล


อุเปนทรวิเชียร

พินิจโพยมงาม
ขณะยามสงัดใจ
นภาผิอาลัย
ณ พระผู้ผดุงธรรม

นครสิร้องไห้
และถวายชุลีนำ
ภิวาทพระบาทล้ำ
คุณะถ้วนประมวลมา

ระรินกระแสธาร
ลุประมาณพระไคลคลา
พสกเทวษา
ทวิทุกข์บ่สุขเนา

จะเจียนจะจากจร
ศศิธรสะท้อนเงา
ประลาตประชาเรา
รติมัวสลัวใจ

ลุถึงขณะหนึ่ง
ชนพึงมโนใส
ศศินทร์สรวลใน
นภพ่างฤดีชน




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2551    
Last Update : 6 ธันวาคม 2551 0:15:03 น.
Counter : 570 Pageviews.  

รักในฝัน


ในห้วงแห่งความฝัน
สิ่งนี้สิ่งนั้นดูทันสมัย
เหมาะเจาะพอดีนี่กระไร
เลือนลางอย่างไรล้วนชัดเจน

............................................
................................................

ในรอยยิ้มเล่นหยอกมวลดอกไม้
อวลกลิ่นไออบร่ำพร่ำคำหวาน
ในแววตาอาทรอ่อนวิญญาณ
อิ่มอาการลานใจหวนใฝ่ปอง

เจ้าดอกไม้ยามค่ำร่ำเพลงรัก
แจ้งประจักษ์จริงจังเราทั้งสอง
เกิดมาเพื่อคู่กันทุกครรลอง
มิต้องไตร่ตรองแล้วคำรัก

..................................
.........................................

"ตื่นเถิดสหาย
ชีพชนหล่นกระจายกระเจิงหนัก
สูญแก้วแววตาอาลัยนัก
เถิดพักก่อนเพ้อละเมอไกล"

กูไม่ได้ฝัน..
ความจริงทั้งนั้นเห็นกันไหม
รู้สึกลึกซึ้งถึงจิตใจ
ซาบทรวงลวงใจที่ไหนกัน

กูมีความรักสักน้อยหนึ่ง
พวกมึงกลับหยามความรักนั่น
เถอะเสี้ยนหัวใจไปวันวัน
กูจะรักกันยันวันตาย

"เออ.. รักไป
เกาะกุมความยิ่งใหญ่อย่าให้หาย
บัญชาใครต่อใครให้วอดวาย
สังเวยแด่เส้นสายขายวิญญาณ





 

Create Date : 18 ตุลาคม 2551    
Last Update : 18 ตุลาคม 2551 9:15:45 น.
Counter : 351 Pageviews.  

ร่ำมรดกโลก


ในอากาศอวลกลิ่นดินร่ำไห้
ยังหัวใจให้จำย้ำรอยแผล
กี่เรื่องเก่าเล่าใหม่ยังไม่แปร
ปั้นคำแท้จากความเท็จเผด็จการ

ประวัติศาสตร์บิดเบือนยังเคลื่อนไหว
คอยส่งเสียงสั่งใจให้ขับขาน
บรรเลงเพลงชาติไทยในวิญญาณ
สอดผสานกับกิเลสเหตุเสื่อมโทรม

นี่หรือคือผู้รัก"มรดกโลก"
ไยจึงก่อความโศกวิโยคโหม
ต่างอวดอ้างกรรมสิทธิ์คิดจู่โจม
และน้าวโน้มต่างฝ่ายไว้ใต้ตน

ร่ำเถิดเขาพระวิหาร...
ร่ำไห้แก่วิญญาณการสับสน
ร่ำแด่ผองอวิชชา"ปัญญาชน"
ร่ำเพื่อเหตุและผลล้นหลอกลวง

ร่ำไห้แก่เกียรติยศอันอดสู
ร่ำแก่การเชิดชูในทุกช่วง
ร่ำแด่คำยกย่องยิ่งทั้งปวง
ด้วยรู้ว่าล้วนกลวงและกุคำ

"โอ มรณามรดกโลก
สุโขทัย ให้วิโยคโศกกระหน่ำ
อีก ศรีสัชนาลัย ให้ทวนจำ
เขายกย่องย้ำย้ำเพื่อทำเงิน

ครานี้ตาข้า ...
เกียรติสง่าคุมเคียงเพียงผิวเผิน
ข้ากลายเป็นเครื่องมือสื่อเจริญ
เพียงคนยลอย่างเพลินแล้วเมินไป

อีกไม่นานข้าจักเป็นมรดกโลก
สิ้นความโศกกลับคืนผืนดินใหญ่
จักพ้นซึ่งกรรมสิทธิ์ฤทธิ์เดชใคร
ละมรดกโศกไว้ในนิรันดร์"




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 23:58:18 น.
Counter : 350 Pageviews.  

สั่งสุดท้าย




"แม่ครับเขาทำอะไร?"
"โอ๋ลูกอย่าสนใจให้ปวดหัว
อยู่เงียบเงียบง่ายง่ายสบายตัว
ไม่ต้องกลัวแม่อยู่ตรงนี้แล้ว"

"ครับแม่ ... แต่ผมแค่สงสัย.."
"จะรู้ไปทำไมให้ใจแป้ว
เถอะปิดตาปิดหูอย่ารู้แนว
เดินเรียงแถวชีวิตอย่าคิดมัน"

"... เราจะเดินไปไหน?"
"เดินเท้าสู่เปลวไฟในใฝ่ฝัน
เพื่อพบแสงสว่างสร่างจาบัลย์
ลูกต้องทนอดกลั้นอย่าขัดแย้ง"

"แม่ครับ .. เมือไหร่เราจะถึง
ณ จุดซึ่งพบสุขสิ้นทุกข์แฝง
ในแผ่นโลกไร้ลวงฤารุนแรง"
"เถอะลูกแกร่งเอาไว้..ให้ถึงเช้า"

"แม่ครับ ... แม่เป็นอะไร
ลมหายใจแม่จางอย่างเศร้าเศร้า"
"แด่้แผ่นดินถิ่นรักแด่ศักดิ์เรา
ลูกจะเข้าใจแม่เมื่อแก่ไป"

"เกินทนแล้วลูกแก้วแม่ขอลา
แม่ถูกกรีดเปลือกตาเลือดตาไหล
เพื่อเปิดออกรับภาพอาบอาลัย
และเปิดรับฟังใจใครทั้งมวล

แม่ขอหยุดหายใจไว้เท่านี้
ดวงชีวีจักมลายเป็นหลายส่วน
เถิดลูกจงกระทำสิ่งที่ควร
อย่าเรรวนดวงจิต จงปิดตา!!

จงเอาเงินทองมากองไว้
คลุมดวงใจของเจ้าเอาให้หนา
ก่อกำบังบอดใบ้ไร้ใจตา
ดำรงอยู่คู่ฟ้าธานีทุน"






 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 23:58:15 น.
Counter : 334 Pageviews.  

หินชายป่า



จังหวะการก้าวย่างกลางป่าฝน
ปะปนบ่นพร่ำคำหยาบเถื่อน
ลุกลี้เร่งรัดสะบัดเบือน
ใจเลือนไปลิบสิบก้าวแล้ว

เด็กสาวก้าวตามจังหวะนั้น
ป่วนปั่นหวั่นไหวหายใจแผ่ว
เหนื่อยเหลือเหงื่อไหลให้วาวแวว
ดุจแก้วกลางแดดที่แผดกรุง

เธอมีมุ่งหมายกระหายฝัน
จึงเดินด้นดั้นเพื่อวันพรุ่ง
แหงนมองท้องฟ้านภารุ้ง
เฟื่องฟุ้งแต่ฟ้าลืมค่าดิน

ยามนั้นเธอเดินแดนพิสุทธิ์
เท้าเธอก็สะดุดกับก้อนหิน
เธอจึงได้ก้มมาชมดิน
จึ่งน้ำตาเธอรินรดดินแดน

ภาพฝันพลันหายไปหลายส่วน
ปั่นป่วนครานี้สิเหลือแสน
หนึ่งชายไร้ชื่อคือตัวแทน
ผู้คนข้นแค้นได้ครบครัน

เธอจึงหยุดเดินหยุดเมินหน้า
แลเต็มสองตา ณ หินนั่น
บังเกิดจิตใจใสอนันต์
เมตตาเกินกั้นในกรอบใจ

และแล้วลังเลก็ลุกลาม
หวงห้ามดวงจิตนิมิตใส
เกิดขุ่นวุ่นวายซัดส่ายไป
เธอถาม "ทำไมใจจึงกลัว?"

และในขณะหนึ่งที่เธอแกร่ง
นัยน์ตาเผยแสดงแสงสลัว
แล้วเรืองรุ้งรองสิ้นหมองมัว
ลบล้างรอยกลัวที่เกาะกุม

เธอจึงค้นขนมปังแล้วนั่งลง
ยื่นตรงไปยังชายหนุ่ม
มือผอมผายรับราวแร้งรุม
ยิ้มคลุมใบหน้าทั้งคู่นั้น

เธอเดินจากไปในจังหวะ
ดูจะละม้ายคล้ายฝัน
เขาคว้าห่อขนมก้มลงพลัน
แกะมันกลืนหมดรสโอชา

เธอหันกลับมามองก้อนหิน
ขณะเธอโบยบินสู่ถิ่นป่า
เขายิ้มกับห่อขนมชมชื่นตา
เธอจึงไม่ปรารถนาอะไรแล้ว ...




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 20:21:43 น.
Counter : 257 Pageviews.  

1  2  3  4  

มดส้มจ่อย
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add มดส้มจ่อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.