ขอคัดลอกพระนิพนธ์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มาขยายความต่อไป เกี่ยวกับสายสกุลของพี่น้องเจ้าพระยายมราชที่อยู่เมืองสุพรรณเป็นหลัก

........

มหาอำมาตย์นายก เจ้าพระยายมราช (ปั้น ต้นสกุลสุขุม) เป็นชาวเมืองสุพรรณบุรี เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๑๕ กรกฎาคม ปีจอ พ.ศ.๒๔๐๕ สกุลเป็นคฤหบดีตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ตำบลบ้านน้ำตกริมแม่น้ำฟากตวันออกข้างใต้ตัวเมืองสุพรรณฯ ไม่ห่างนัก บิดาของท่านชื่อกลั่น มารดาชื่อผึ้ง มีพี่ร่วมบิดามารดา ๕ คนเรียงกันเป็นลำดับดังนี้


๑. พี่ชายชื่อฉาย ได้เป็นที่หลวงเทพสุภา กรมการเมืองสุพรรณบุรีคน ๑
๒. พี่หญิงชื่อนิล เป็นภรรยาหลวงแก้วสัสดี (ดี สุวรรณศร) กรมการเมืองสุพรรณบุรีคน ๑
๓. พี่ชายชื่อหมี ได้เป็นที่พระยาสมบัติภิรมย์ กรมการเมืองสงขลาคน ๑
๔. พี่ชายชื่อคล้ำ ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่หนึ่งในตำบลน้ำตกที่ตั้งเคหะสถานของสกุล คน ๑
๕. พี่หญิงชื่อหยา เป็นภรรยาหลวงจ่าเมือง (สังข์ พิชัย) กรมการเมืองสุพรรณบุรี คน ๑
๖. ตัวเจ้าพระยายมราชเป็นลูกสุดท้อง


เรื่องประวัติเจ้าพระยายมราชเมื่อยังเป็นเด็กปรากฎว่าเมื่ออายุได้ ๕ ขวบ บิดามารดาพาไปฝากเรียนหนังสือที่วัดประตูศาลในเมืองสุพรรณ ฯ แต่เรียนอยู่ไม่ถึงปี

..........

ประวัติการศึกษาขั้นต้นของท่านที่วัดประตูศาล ผมเพิ่งได้ทราบจากตรงนี้เองครับ
คำว่าวัดประตูศาล เห็นใช้ชื่อเรียกคราวสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้นเมืองสุพรรณ แต่หลักฐานส่วนใหญ่และในปัจจุบันเรียก วัดประตูสาร ครับ

เหนือวัดประตูสารเล็กน้อย จะมีบริเวณที่ชาวบ้านเรียก เพนียดคล้องช้าง แถวถนนขุนศรีวิชัย ซึ่งก็คล้องจองกันอีกเพราะขุนศรีวิชัยกับนางศรีประจัน แม่ของนางพิมพิลาไลยเป็นนายกองเลี้ยงช้างของพระพันวษา

จากเพนียดคล้องช้าง จะมีคลองธรรมชาติจากแม่น้ำท่าจีนที่ชาวบ้านพายเรือไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และต่อเนื่องไปจนถึงสระศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ที่ริมแม่น้ำท่าว้า ตำบลสระแก้ว ชาวบ้านเรียกคลองตลาด บางตอนเรียกคลองวัดผึ้ง ซึ่งยังเหลือแนวคลองบางส่วนอยู่จนถึงปัจจุบัน

นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่รัชกาลที่ ๕ เรียก วัดประตูศาลก็เป็นได้

บ้านเดิมของเจ้าพระยายมราชอยู่ตรงบ้านน้ำตก รัชกาลที่ ๕ พระราชทานนามว่า บ้านยะมะรัชโช ปัจจุบันยังคงสภาพอยู่ และอยู่ทางด้านเหนือของโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรี แต่มีถนนหมื่นหาญและสะพานอาชาสีหมอกคั่นกลาง

แล้วก็อยู่ทางเหนือเมืองสุพรรณ ไม่ใช่ทางใต้เมืองสุพรรณดั่งพระนิพนธ์ครับ

บ้านหลังนี้อยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนฝั่งตะวันออก (ปัจจุบันเรียกตำบลท่าพี่เลี้ยง) วัดประตูสารอยู่ริมฝั่งแม่น้ำทางตะวันตก (เดิมเป็นตำบลรั้วใหญ่ แต่ปัจจุบันเทศบาลขยายออกแล้วรวมมาเป็นตำบลท่าพี่เลี้ยงแทน ช่วงราวปี ๒๕๐๙-๑๕ จำไม่ได้แน่) แต่ย้อนเหนือขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ท่านเรียนหนังสือตั้งแต่อายุ ๕ ขวบที่วัด แสดงว่าอาจมาเป็นเด็กวัดนี้ก็ได้ (ดูแล้วยังเด็กเกินกว่าจะมาอยู่วัด) หรือต้องพายเรือข้ามแม่น้ำไปกลับ เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกับวัดนัก

และที่สำคัญ รอบวัดประตูสารเป็นดินแดนผู้ดีเก่าของเมืองสุพรรณด้วยครับ และมีตระกูลพี่น้องของสามีแม่นิล(สุขุม) สุวรรณศร ตั้งบ้านเรือนอยู่แถวนี้มาก แม่นิลเป็นพี่สาวใหญ่ของเจ้าพระยายมราช ผมไม่ทราบว่าท่านเกิดปี พ.ศ.ใด แต่เชื่อว่าอายุน่าจะมากกว่าเจ้าพระยายมราชน้องสุดท้องเป็นสิบปี

เหตุผลที่มาเรียนวัดประตูสาร เพราะอะไร ลองคิดกันดูคร่าวๆ

สมัยนั้นวัดประตูสารเป็นวัดของเจ้าคณะจังหวัด จึงน่าจะมีสำนักเรียนอะไรพิเศษมากกว่าที่อื่น

วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เพิ่งมาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีสมัยรัชกาลที่ ๖ แต่เมื่อสมัยราวปี ๒๔๑๐-๒๔๑๑ ปลายร.๔ หรือต้น ร.๕ ก็ยังคงฟื้นฟูไม่ดีนัก เพราะเริ่มมีการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ ๔ นี้เอง แล้ววัดก็อยู่ไกลจากตัวเมืองมากถึงเขต อรัญวาสี จริงๆ

การเดินทางไปวัดป่าเลไลยก์สมัยนั้นที่ง่ายที่สุดคือ พายเรือไปตามคลองป่าเลไลยก์ซึ่งกั้นกลางระหว่างด้านใต้วัดประตูสารกับด้านเหนือของวัดตะไกร(ร้าง) ปัจจุบันวัดตะไกรกลายเป็นโรงเรียนวัดประตูสารไปแล้วครับ

คลองดังกล่าว ผมเขียนแทรกไว้ใน คห.๒ ของกระทู้นี้
อนุสาวรีย์ทหารอาสาที่โรงเรียนวัดประตูสารเมืองสุพรรณ : อนุสรณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 1

หรือ คห.๑๐๗ ของกระทู้นี้ครับ
50 ปีทางรถไฟเมืองสุพรรณ : เส้นทางที่ถูกลืม

การเดินทางมาวัดป่าเลไลยก์สมัยนั้น จึงลำบากพอควร


วัดอื่นๆ ที่อยู่กลางเมือง เช่น วัดสุวรรณภูมิ ที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเปลี่ยนนามเดิมจาก วัดกลาง ในสมัยรัชกาลที่ ๖ คราวเสด็จตรวจราชการคณะสงฆ์คราวนั้น

และในคราวนั้นเอง ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงคณะสงฆ์ครั้งใหญ่ของเมืองสุพรรณตราบจนถึงปัจจุบันนี้

เจ้าคณะจังหวัดเปลี่ยนจากสำนักวัดประตูสาร มาเป็นวัดอื่นแทน และต่อมาก็วนเวียนอยู่ที่วัดสุวรรณภูมิ และวัดป่าเลไลยก์

ส่วนวัดประตูสาร ในสมัยหลังจากนั้นไม่มีเจ้าคณะจังหวัดครองวัดนี้อีกเลย

ที่กล่าวมานี้ พอจะบอกคร่าวๆ ได้ว่า สมัยนั้นวัดกลางหรือวัดสุวรรณภูมิไม่น่าจะพัฒนาเทียบเท่าวัดประตูสารได้เลย

วัดอื่นที่อยู่ใกล้เคียง เช่น
วัดปราสาททอง ที่อยู่แทบจะติดบ้านยะมะรัชโช
วัดชายทุ่งที่อยู่ทางใต้ตัวเมือง
วัดชายนาที่อยู่เหนือเมือง ปัจจุบันเรียกว่าวัดไชนาวาสแทน
สามวัดแรกอยู่ฝั่งเดียวกับบ้านยะมะรัชโช
หรือจะเป็นวัดพระรูปที่อยู่ใต้วัดประตูสารหน่อยหนึ่งฝั่งเดียวกัน

ทั้งหมดนี้คงไม่มีอะไรเทียบกับวัดประตูสารได้เลย

ขอโทษด้วย พระนิพนธ์สมเด็จฯ ถูกต้องแล้ว บ้านยะมะรัชโชอยู่ทางใต้ของตัวจังหวัด ผมหลงทิศเอง เพราะวนไปวัดโน้นวัดนี้จนงง จะไปแก้ไขข้อความข้างบนก็ไม่ได้

แถวตรงนั้นเรียกว่า บ้านน้ำตก อยู่ฝั่งแม่น้ำทางตะวันออก สมัยรัชกาลที่ ๕ ก็มีเรียกว่า ตำบลน้ำตก หรือตำบลบ้านน้ำตกด้วยครับ ผมค้นอ่านจากการเก็บภาษีที่เรียกว่านาคู่โคนาฟางลอยของตำบลต่างๆ แห่งเมืองสุพรรณ แต่ปัจจุบันรวมอยู่ในเขตตำบลท่าพี่เลี้ยง ซึ่งเป็นตำบลในศูนย์กลางเมือง

ในอดีตก่อนที่จะกลายเป็นอำเภอเมือง นามอำเภอนี้ก็ชื่อว่า อำเภอท่าพี่เลี้ยง อยู่แล้วด้วยครับ

นามว่า บ้านน้ำตก ผมไม่แน่ใจว่าตรงนี้เป็นตลิ่งสูงชัน พอฝนตกน้ำท่วมก็จะมีน้ำไหลตกลงแม่น้ำ

หรือจะเป็นเพราะมีแนวโค้งของแม่น้ำแถวนี้ด้วย เพราะใต้โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชลงไปหน่อย แม่น้ำจะโค้งจนแทบหักข้อศอกไปทางตะวันออกเลย จึงเรียกน้ำตก?

หรือว่าเป็นเพราะมีแอ่งแก่งกลางแม่น้ำ เพราะสมัยก่อนไม่ได้มีการใช้เรือขุดลอกแม่น้ำลำคลองให้ลึกแบบปัจจุบัน ก็จะมีแก่งเกาะแบบนี้ได้ แล้วก็จะมีน้ำตกไหลลงอย่างกับไนแอการ่า หรือว่าตรงแถวบ้านเดิมเจ้าพระยายมราช จะเป็นไนแอการ่าแห่งเมืองสุพรรณ

คราวนี้มาพิจารณาดูชื่อพี่น้องท้องเดียวกับเจ้าพระยายมราชทั้ง ๖ คนบ้าง มีชื่อนามสกุลท่านหนึ่งที่ไม่คุ้นเลยว่าจะอยู่สุพรรณหรือไม่ คือลำดับที่ ๕

๕. พี่หญิงชื่อหยา เป็นภรรยาหลวงจ่าเมือง (สังข์ พิชัย) กรมการเมืองสุพรรณบุรี คน ๑

เคยอ่านพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงจากหลายฉบับ และจากหนังสืออื่นๆ ก็เห็นมีคัดลอกต่อกันมาแบบนี้หมด แต่พยายามหาว่านามสกุล พิชัย ในสุพรรณและเกี่ยวเนื่องกับเจ้าพระยายมราช มีจริงหรือเปล่า แต่ไม่ปรากฏว่ามีเลยสักครั้งเดียว

มีครั้งหนึ่ง ได้คุยกับญาติพี่น้องที่บ้านอยู่ตำบลโคกโคเฒ่า ตำบลดอนตาล ซึ่งอยู่ใกล้กันนั่นแหละ ได้ความว่า มีญาติพี่น้องเจ้าพระยายมราชตั้งบ้านเรือนแต่แรกเริ่มอยู่ใกล้วัดโคกโคเฒ่า แล้วก็กระจายออกไปยังที่อื่นๆ สืบไปสืบมาทราบความว่า ใช้นามสกุล สังขพิชัย หรือ สังข์พิชัย แล้วแต่บ้าน จึงคิดว่าน่าจะเป็นนามสกุลนี้มากกว่า

ต่อมาได้พยายามค้นหาประวัติต่างๆ จากการซักสัมภาษณ์ผู้สูงอายุ ซึ่งสัมภาษณ์ไปสัมภาษณ์มาท่านก็ทยอยน้อยใจจากกันไปเรื่อยๆ ทีละคนสองคน รวมทั้งหาจากเอกสารของทางราชการ ซึ่งค้นมาด้วยความยากลำบากมากเช่นกัน เพราะเอกสารแทบทุกอย่างที่ได้มา มีคำว่า ปกปิด หรือ ลับเฉพาะ อยู่ในใจอยู่แล้วจากทุกแหล่งแห่งที่ ก็ต้องอาศัยกำลังภายในค้นคว้าจนได้มาอย่างต้องการ

และสุดท้าย ข้อมูลก็แตกต่างจากของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพบ้าง

ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีที่สมเด็จได้รวบรวมข้อมูลขั้นต้นไว้ให้พวกเราได้ต่อยอด โดยได้จากการสืบสอบถามเรื่องราวจากหลายแหล่ง เช่น
ข้าพเจ้าผู้แต่งเรื่องประวัตินี้เคยได้ยินกรมการเมืองสุพรรณชั้นผู้ใหญ่ในเครือญาติดูเหมือนจะเป็นหลวงยกรบัตรเล่าความหลังให้ฟัง (ในสมัยเมื่อเจ้าพระยายมราชยังเป็นพระยาสุขุมนัยวินิต)

ที่เล่าท้าวความมา เพื่อจะให้ทราบเป็นเบื้องหลังอย่างหนึ่งว่า ข้อมูลที่ผมได้ค้นคว้าหามา ได้มาอย่างไรบ้าง ไม่ใช่จากหนังสือตำรับตำราแต่เพียงอย่างเดียว แต่จากการสัมภาษณ์ด้วย ซึ่งข้อมูลบางอย่างก็ต้องใช้วิจารณญาณกันด้วย

สรุปจากข้อมูลสุดท้ายของผม

๕. พี่หญิงชื่อหยา เป็นภรรยา รองจ่าจ่าเมือง (สิน สังขพิชัย)

เป็น รองจ่าเมือง ไม่ใช่ หลวงจ่าเมือง
ชื่อ สิน นามสกุล สังขพิชัย หรือ สังข์พิชัย ไม่ใช่ชื่อ สังข์ นามสกุล พิชัย


และลูกหลานของ รองจ่าเมือง (สิน) กับแม่หยา สังขพิชัย บางส่วนที่ยังคงอยู่สุพรรณ ได้ประกอบอาชีพทำนา สมัยก่อนคนยากดีมีจนจะทำนากันทั้งนั้น บ้านของข้าราชการใหญ่ๆ ก็ยังมียุ้งฉางภายในรั้วบ้านกันด้วย

และนาของแม่หยาก็อยู่ใกล้เคียงกับนาผืนใหญ่หลายร้อยไร่ของพี่น้องเมียคุณชวดบางอ้อยช้างของผมด้วยครับ

วัดบางอ้อยช้าง แขวงเมืองนนท์ : ผลพลอยได้จากการตามหารากของบรรพบุรุษ

มีจุดหนึ่งที่ยังสงสัยอยู่ อาจเป็นเหตุผลที่เราเลยไม่รู้จักชื่อของรองจ่าเมือง (สิน สังขพิชัย) ที่ถูกต้องอีกด้วยก็ได้

ลิขิตพระมหาปั้นลาญาติสึก

ขอคำนับมายังพี่
พี่ ฉาย พี่ ดี (พี่เขย) พี่ นิล พี่ หมี พี่ คล้ำ พี่ หยา
ได้ทราบ

.....ลิขิต มา ณ วันอาทิตย์ เดือน ๗ แรม ๔ ค่ำ ปีมะแม เบ็ญจศก (พ.ศ. ๒๔๒๖)

จากตรงนี้ ทำให้สงสัยเพิ่มเติมอีกว่า สมัยเมื่อพระมหาปั้นลาสึกในปี พ.ศ.๒๔๒๖ พี่แท้ๆ และพี่เขยสะใภ้ที่ยังมีชีวิตอยู่ขณะนั้น มีรายชื่อดังข้างบน

เห็นระบุชื่อแต่พี่ดี สุวรรณศร เพียงท่านเดียว แต่พี่เขยสะใภ้คนอื่นไม่ได้บอกไว้เลย

อาจแปลความหมายได้หลายอย่าง เช่น
- เป็นพี่เขย(หรือสะใภ้) ที่สนิทชิดเชื้อกันมากที่สุด จึงละที่จะเอ่ยนามไม่ได้
- หรือไม่สนิทกับพี่เขยสะใภ้คนอื่นๆ เพราะอาจปลูกบ้านเรือนอยู่ไกลออกไป
- พี่เขยหรือสะใภ้อื่นเสียชีวิตไปหมดแล้ว ซึ่งน่าจะค้นคว้ากันต่อไป
- ที่ละไม่ได้เขียนพี่สะใภ้ เพราะพี่ชายท่านนั้น อาจมีสะใภ้หลายคนในคราวเดียวกัน
- หรือบางท่าน โดยเฉพาะท่านหลังๆ อาจจะยังไม่ได้แต่งงานมีเหย้ามีเรือน

คำสันนิษฐานข้างบนอาจเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้ หรืออาจเป็นจริงในบางท่าน หรือจริงในบางส่วน

แต่สำหรับพี่คล้ำ ซึ่งผมพอค้นคว้าหาประวัติเพิ่มเติมมาได้บ้างนั้น ท่านมีลูกคนหนึ่งเกิดปี พ.ศ.๒๔๓๑ คนอื่นที่เป็นพี่สืบปีเกิดไม่ได้ ดังนั้นภรรยาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ในปีลิขิตลาสึก (ถ้าแต่งแล้ว)

ส่วนพี่หยา มีบุตรธิดาหลายคน คนโตที่สืบอายุได้เกิดปี พ.ศ.๒๔๒๘ ไม่แน่ใจว่ามีโตกว่านั้นอีกหรือเปล่า แต่เกิดหลังลิขิตมหาปั้นลาสึก (๒๔๒๖) ตอนนั้นจะแต่งงานหรือยังก็ไม่รู้แน่ ส่วนคนเล็กที่สืบทราบเกิดปี พ.ศ.๒๔๔๗

๕. พี่หญิงชื่อหยา เป็นภรรยาหลวงจ่าเมือง (สังข์ พิชัย) กรมการเมืองสุพรรณบุรี คน ๑

คราวนี้ลองมาดูว่า รองจ่าเมือง (สิน สังขพิชัย) ที่เป็นกรมการเมืองนั้น มีตำแหน่งหน้าที่อะไร

ซึ่งเราไม่ได้เป็นญาติพี่น้องโดยตรง อ่านแล้วก็งงๆ ว่าท่านทำหน้าที่อะไรของท่านบ้าง เพราะเคยแต่คุ้นกับคำว่า ขุน หรือ หลวง

สมัยก่อนถ้าเป็นท่านขุน และบ้านอยู่กลางทุ่งกลางท่า มักจะเป็นกำนัน แต่ก็มีท่านขุนเฉพาะกิจเช่นกันที่ทำหน้าที่เก็บส่วยสาอากรส่งรัฐ พอหมดปีก็เลิกกันไป แล้วก็อาจมาตั้งกันปีถัดไปเป็นท่านขุนอีกชื่อหนึ่ง ถ้าเก็บส่วยภาษีกันคนละแบบกับปีก่อน

ได้สืบความถามเรื่องราวความเป็นมาของบุคคลหนึ่ง ท่านมีชื่อว่า หมื่นรองแพ่ง ก่อนหน้านี้ท่านเป็นอะไรบ้างไม่ทราบ แต่สุดท้ายท่านเป็นกำนัน ถามใครๆ สมัยหลังก็บอกว่าท่านเป็นกำนัน ไม่มีหน้าที่อื่นใดเลย

ลองมาเปรียบความกับ รองจ่าเมือง ไม่รู้ว่าจะเป็นกำนันไปด้วยได้หรือเปล่า

หรือรองจ่าเมือง อาจเป็นกำนันที่เป็นชั้นหัวหน้ากำนันก็ได้

แล้วสูงกว่ารองจ่าเมือง จะเป็นใคร เป็นจ่าเมือง หรือหลวงจ่าเมือง

ซึ่งก็ต้องอาศัยการค้นคว้ากันต่อไป

นามสกุล สุขุม ไม่มีในเมืองสุพรรณ จริงหรือไม่

จากการที่ผมอยู่เมืองสุพรรณมานาน แล้วก็ทำงานที่นั่นอยู่นานเช่นกัน แต่ไม่เคยเห็นผู้ใดในเมืองสุพรรณใช้นามสกุลนี้เลยแม้แต่คนเดียว

ขอออกตัวก่อนสักนิดว่า ผมอาจสังเกตพลาดไปบ้าง หรือหูตาอาจไม่กว้างไกลพอ
แต่เท่าที่คลุกคลีมา ไม่เคยเจอเลยแม้แต่คนเดียว ทั้งคนเก่าคนแก่ หรือคนใหม่ๆ

เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ พระราชทานนามสกุลเมื่อปี ๒๔๕๖ เป็นต้นมา นามสกุล สุขุม ถือเป็นหนึ่งในสิบนามสกุลพระราชทานแรก และเมื่อเปรียบเทียบในจำนวนทั้งสิบสกุล ถือว่า เป็นนามสกุลแรกของประเทศ ก็คงจะได้

เจ้าพระยายมราชมีพี่ชายอีก ๓ ท่าน คือ
๑. หลวงแพ่งสุภา (ฉาย)
๓. พระยาสมบัติภิรมย์ (หมี) กรมการเมืองสงขลา
๔. นายคล้ำ ผู้ใหญ่บ้าน

ไม่ทราบเหมือนกันว่า หลวงแพ่งสุภา ท่านใช้นามสกุลใด ผมยังสับสนระหว่าง ๒ นามสกุล
แต่รุ่นเหลนของท่านที่ทราบ คือ คุณปราโมทย์ สุขุม ท่านใช้นามสกุลเดียวกับเจ้าพระยายมราช
แล้วรุ่นลูกหลานเหลนของท่าน ยังมีสืบเชื้อสายอยู่ที่เมืองสุพรรณด้วยหรือเปล่า ผมก็ไม่ทราบแน่ชัด เพียงแต่มีคนเล่ากันว่าคนนั้นใช่ คนนี้ใช่ แต่ว่าสางขึ้นไปไม่ถึงครับ ต้องให้แต่ละสายมาชี้แจงกันเอง

พระยาสมบัติภิรมย์ (หมี) ไปได้ดิบได้ดีที่เมืองสงขลา ทราบว่าใช้นามสกุลพระราชทาน สุขุม ตามเจ้าพระยายมราชน้องชายด้วย

ส่วนนายคล้ำผู้ใหญ่บ้านพี่ชายคนเล็กสุด ยังอยู่เมืองสุพรรณ ลูกหลานท่านที่สืบสกุลต่อมาไม่ได้ใช้นามสกุล สุขุม แต่ใช้นามสกุล ธูสรานนท์ กัน

ทำไมถึงใช้ ธูสรานนท์

นายคล้ำและลูกหลานสายตรง เคยใช้นามสกุล สุขุม มาก่อนบ้างหรือไม่

หรือเคยใช้ แต่ว่ามาเปลี่ยนในภายหลัง
แล้วทำไมถึงเปลี่ยน

ก็เป็นความคิดที่เกิดขึ้นมาในใจห้วงหนึ่ง
ถ้าเป็นยังงั้น แล้วมันจะเป็นยังงี้หรือยังไหง ก็คิดกันไป

ธูสรานนท์ เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
มีความหมายหรือไม่ อย่างไร
แปลแล้วเกี่ยวข้องกับชื่อพ่อกลั่นแม่พึ่ง(ผึ้ง) หรือไม่

ก็น่าคิดนะครับ เป็นการเสริมสร้างสติปัญญาไปในตัว

ขอเพิ่มเติมอีกหน่อย
จากคห. - วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:12:23:25 น.

ที่คุยเรื่องที่มาของชื่อ ตำบลบ้านน้ำตก
นึกขึ้นมาได้อีกอย่าง ลองพิจารณารูปประกอบนี้ด้วยครับ

https://www.bloggang.com/data/nickynick/picture/1188638333.jpg

A คือปลายสุดของคูเมืองโบราณสุพรรณบุรีด้านใต้ ที่ออกปากแม่น้ำสุพรรณ(ท่าจีน)
B คือบ้านยะมะรัชโช ถิ่นกำเนิดของเจ้าพระยายมราช
C คือโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช มีถนนหมื่นหาญและสะพานอาชาสีหมอกคั่นกลางกับบ้านยะมะรัชโช ส่วนสีเหลืองๆ ส้มๆ ทางตะวันออกคือวัดปราสาททอง

เพราะมีน้ำจากคูเมืองตกมายังแม่น้ำสุพรรณ เลยทำให้เรียกแถวนั้นว่าบ้านน้ำตก?

ก็ได้แต่คิดกันไปครับ แต่โบราณเขาอาจมีคำอธิบาย ซึ่งเรายังหาต้นเหตุไม่เจอ

แต่ถ้าเป็นคำจากน้ำที่ตกมาจากคูเมืองจริง จะเรียกอีกฝั่ง คือฝั่งตะวันตกว่าบ้านน้ำตกด้วยไหม

เท่าที่ค้นมา รู้สึกว่าคำโบราณเขาจะเรียกฝั่งตรงข้ามบ้านยะมะรัชโชที่ใต้วัดพระรูปลงมาหน่อยว่า บ้านสวนมะม่วง

สำหรับแผนที่คูเมืองโบราณสุพรรณบุรี ผมได้โพสต์ไว้หลายที่ แต่ที่แนะนำให้อ่านมีอยู่ในกระทู้นี้ครับ ตั้งแต่ คห.๔๓
ใครอยู่สุพรรณบ้างครับ

รูปไม่ขึ้นซะแล้ว เมื่อกี้ลืมกดตรง JPG ไป เอาใหม่

มาช่วยเสริมนิดหน่อยครับ

"นามสกุลหมายเลข ๑ ที่รัชกาลที่ ๖ ทรงคิดพระราชทานคือ นามสกุล “สุขุม” พระราชทานเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๖ ต้นสกุลคือ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)"
จาก
เว็บบอร์ด สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

และ
สำเนาพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามสกุล "สุขุม" แด่เจ้าพระยายมราช

จาก
sukhum.org

ลิ้งค์ไม่ขึ้น ลองอีกที

เว็บบอร์ด สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

พระราชหัตถเลขาฉบับจริง ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็น อยู่ที่บ้านคุณปู่ของผม หลวงพิสิฐสุขุมการ (ประพาศ สุขุม) แต่ปัจจุบัน คาดว่าน่าจะอยู่ที่ลูกพี่ลูกน้องของผมคือ พี่แป๋ม ชวลี โอสถานุเคราะห์ เอาไว้หากได้มีโอกาสกลับเมืองไทยอีก จะลองพยายามหาโอกาสไปถ่ายรูปมาให้ดูครับ

วันนั้นทิ้งท้ายสงสัยเรื่องนามสกุล ธูสรานนท์ ซึ่งเป็นนามสกุลที่พี่ชายเจ้าพระยายมราชทางเมืองสุพรรณได้ใช้กัน

เคยได้ยินคนเล่าให้ฟังกัน แต่ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน ถ้าไม่จริงก็ให้ฟังผ่านๆ ก็แล้วกัน

....เล่าว่า ญาติเจ้าพระยายมราชที่อยู่เมืองสุพรรณตอนหลังเปลี่ยนนามสกุลกันหมดเป็น "ธูสรานนท์" เพราะว่าตอนนั้นเจ้าพระยายมราชเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ข่าวลือกันมาว่าหากผิดพลาดไปกลายเป็นกบฏเขาจะถูกฆ่า ๗ ชั่วโคตร

บางคนก็บอกว่า

ญาติพี่น้องทะเลาะกัน เลยไม่อยากใช้

บางทีก็ว่า

เพราะความเจียมตัวของคนบ้านนอก

คนที่เล่าๆ ต่อกันมา เขาเรียกเจ้าพระยายมราชและท่านผู้หญิงตลับว่า
อาหญิง และ อาชาย

อยากรู้เหมือนกันว่า เขาเรียกกันแบบนี้จริงๆ หรือไม่

หลวงสุขุมนัยประดิษฐ (ประดิษฐ สุขุม) ได้บันทึกไว้ในตอนหนึ่งเมื่อได้ตามเจ้าคุณพ่อไปยังเมืองสุพรรณขณะยังเล็กอยู่
ภาคที่ ๑, ตอนที่ ๑..1. ปถมวัย

๓. สิ่งที่ชอบเมื่อเป็นเด็ก
...๓. ไปจังหวัดสุพรรณบุรีกับบิดาเนื่องในงานทำบุญอายุ ๖๐ ของคุณป้านิล จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นจังหวัดบ้านเกิดของบิดา

การไปคราวนี้มีขบวนเรือตามไปด้วยประมาณ ๓๐ ลำ ได้นำภาพยนตร์ไปฉายให้ประชาชนดูราษฎรทั้งจังหวัดได้มาชมและสนุกสนานกัน รวมทั้งราษฎรในจังหวัดใกล้เคียงก็ได้มาร่วมสนุกด้วย เรือชนิดต่างๆ หลายร้อยลำได้มาจอดเต็มแม่น้ำสุพรรณ มีเรือว่าเพลงทั้งชายหญิงหลายชุดมาลอยเรือว่าเพลงเกี้ยวกันตามประเพณีของเขา เป็นที่เพลิดเพลินดีมาก


หลวงสุขุมฯ เกิดปี พ.ศ.๒๔๔๗ สมมติว่าท่านไปสุพรรณเมื่ออายุ ๑๐ ขวบ ก็ราวปี พ.ศ.๒๔๕๗ คุณป้านิลอายุครบ ๖๐

คุณป้านิลน่าจะเกิดราวปี ๒๓๙๗ หรืออาจก่อนหน้านั้นสัก ๓-๔ ปี
เป็นการเดาตามเหตุการณ์นะครับ
แต่บันทึกของตระกูลน่าจะมีอยู่

เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเมืองสุพรรณที่น่าสนใจ จากลิ้งค์ประวัติหลวงสุขุมนัยประดิษฐครับ
ภาคที่ ๑, ตอนที่ ๒-1. เข้ารับราชการ, พ.ศ. ๒๔๖๘

๑๐๒. เรื่องอื่นๆ ใน พ.ศ. ๒๔๗๐
...๓. ในระหว่างปีนี้บิดาได้เปิดให้มีการกู้เงินที่สุพรรณ โดยรับนาเป็นประกัน ทั้งนี้ก็เป็นการช่วยเหลือชาวนา คือชาวนาของเราส่วนมากเป็นผู้ที่ไร้การศึกษา และมีนิสัยชอบเล่นการพนัน ฉะนั้น เงินจึงไม่พอใช้ ต้องไปกู้จากจีนพ่อค้า ซึ่งพวกพ่อค้าเหล่านั้นเรียกดอกเบี้ยรุนแรงมาก ชาวนาของเราจึงต้องเดือดร้อน นอกจากต้องเหน็ดเหนื่อยในการทำนาแล้ว ยิ่งทำไป นาก็หลุดเป็นของคนอื่น ต้องเปลี่ยนสภาพเป็นเช่านาทำ ฯลฯ ผลที่สุดก็หนี้สินล้นพ้นตัว ดังนี้ บิดาได้มอบให้นายชม สุวรรณศร ซึ่งเป็นหลานและเป็นชาวสุพรรณเป็นผู้จัดการ และท่านได้มอบให้ข้าพเจ้าขึ้นไปตรวจบัญชีทุกๆ ๓ เดือน ข้าพเจ้าจึงได้วางรูปบัญชีให้ และได้จัดซ่อมเรือยนต์ลำหนึ่ง โดยซื้อเครื่องใหม่ใส่ ทำห้องนอน ห้องน้ำและครัว สำหรับเดินทางไกลได้อย่างสบาย การไปมานี้ได้ใช้ในเวลาหยุดราชการ หรือไปวันเสาร์กลับวันจันทร์ แล้วมักจะชวนเพื่อนฝูงไปสนุกกันด้วย


...๑๐. ในการขึ้นไปตรวจบัญชีเงินกู้ที่จังหวัดสุพรรณบุรีคราวหนึ่ง เวลาจะออกเรือกลับ ได้พบหลานชาย ตั๋น สุวรรณศร อายุประมาณ ๑๐ ขวบ บุตรพระยาสุนทรสงคราม กำลังอาบน้ำอยู่ ข้าพเจ้าได้ชวนมาอยู่กรุงเทพฯด้วยกัน แกดีอกดีใจรีบตอบรับแล้วขึ้นไปจัดของ แล้วข้าพเจ้าก็ได้ไปขอกับมารดาเขา ซึ่งท่านก็ยินดีให้มา ข้าพเจ้าได้รับมาเลี้ยงไว้เสมือนเป็นบุตรคนโตตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

๑๐๒. เรื่องอื่นๆ ใน พ.ศ. ๒๔๗๐
...๓. ในระหว่างปีนี้บิดาได้เปิดให้มีการกู้เงินที่สุพรรณ โดยรับนาเป็นประกัน...
ดังนี้ บิดาได้มอบให้นายชม สุวรรณศร ซึ่งเป็นหลานและเป็นชาวสุพรรณเป็นผู้จัดการ...

จากข้างบนนี้ มีหลักฐานในโฉนดญาติพี่น้องของผมด้วยครับ ก่อนนี้ก็งงเหมือนกันว่าท่านผู้หญิงตลับมาให้กู้หนี้ยืมสินถึงเมืองสุพรรณได้ยังไง
เพราะในโฉนดส่วนใหญ่ จะจำนองจำนำที่นาไว้กับพวกคนจีนหรือเชื้อสายจีนเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็พวกลูกหลานของแม่นิลบางท่านก็มีอาชีพรับจำนองแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

นี่คือหลักฐานที่กล่าวถึง


ให้เห็นชื่อกันชัดๆ
รวมทั้งลายเซ็นสวยๆ ของนายชม สุวรรณศรด้วย


ถือว่าโชคดีนะครับ ที่ญาติพี่น้องท่านนี้ของผมจำนองที่นาไว้กับท่าน เพราะใช้เวลาเพียง ๒ ปี คือ จำนองปี ๒๔๗๑ พอถึง ๒๔๗๓ ก็สามารถปลดจำนองได้

สวัสดีค่ะ นู๋ เข้ามาอ่านค่ะ..
ขอบคุณค่ะ

ผมก็มีเชื้อ สาย ธูสรานนท์ ด้วยเหมือนกันครับ บ้านย่า ผมอยู่โคกโคเฒ่า อ.เมือง สุพรรณหน่ะครับ

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมตอบไว้ในกรุ๊ปบล็อก miscellaneous นะครับ

หนูก็มีย่าอยู่โคกโคเฒ่าเหมือนกัน อ่าว สงสัยจะย่าคนเดียวกัน

สวัสดีครับ ช่วงนี้ไม่มีเวลาเอาเรื่องราวมาลงต่อ
กำลังค้นราชกิจจานุเบกษาเพลินอยู่ ได้อะไรอีกเยอะ
ที่ล่าช้าเพราะก่อนนี้ยังสงสัยเรื่องทายาทคนโตของหลวงแก้วสัสดี(ดี) กับแม่นิล สุวรรณศร ว่าหายไปไหน แล้วก็โชคดีที่ค้นเรื่องราวไว้ได้พอสมควร จึงนำมาลงกระทู้ไว้ รีบอ่านหน่อยนะ ลิ้งค์กำลังจะสลายไปแล้ว

หลวงอรรถสารสิทธิกรรม(บุ สุวรรณศร) เนติบัณฑิตไทยชุดแรกหมายเลข๓ ชาวเมืองสุพรรณบุรี
//www.pantip.com/cafe/library/topic/K6145505/K6145505.html
NickyNick - [ 19 ธ.ค. 50 09:46:33 ]

ผ่านไปวันเดียว ลิ้งค์ก็สลายเสียแล้ว
เอาใหม่ คลิกตรงนี้ได้เลย

หลวงอรรถสารสิทธิกรรม(บุ สุวรรณศร) เนติบัณฑิตไทยชุดแรกหมายเลข๓ ชาวเมืองสุพรรณบุรี
//topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/12/K6145505/K6145505.html

ลูกสาว นาย ชม สุวรรณศร ผู้เข้ามาเปิดอ่านในเวบไซด์นี้เป็นหลานของ พระยาสุนทรสงคราม (ปุย สุวรรณศร)มีลูกชายชื่อ นาย ณัฏฐ์ สุวรรณศร เนติบัณฑิตไทย สมัยที่๕๔ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดมีนบุรี ส่วนคุณ พัชระวรรณ(ยมนา) สุวรรณศรผู้เป็นแม่ปัจจุบันรับราชการครูอยู่ที่ ร.ร.เทศบาล๕ จ.กาญจนบุรี

สวัสดีครับคุณพัชระวรรณ ผมตอบ(และถาม)ไว้ในบล็อก "คุยกับผม" นะครับ

ตอนนี้คงไม่เรียงลำดับความหรอกนะ ถ้าจะให้ดี จขบ.คงต้องไปเรียงเนื้อความกันใหม่

เอ่ยถึงพ่อคล้ำบ้าง เป็นพี่ชายอีกคนของเจ้าพระยายมราช
พ่อคล้ำมีลูกสาวคนหนึ่งคือ นางคลี่
นางคลี่เป็นเมีย ๑ใน๒คนของนายอ่วม ที่ลูกหลานต่อมาใช้นามสกุล สถาปิตานนท์

ผมพบเจอโดยบังเอิญมาว่า ครั้งหนึ่ง (น่าจะ)หลังจากนายอ่วมเสียชีวิตแล้ว นางคลี่ ใช้นามสกุลว่า มหาเรือน หรือ หาเรือน ได้ลองพิจารณาว่าที่มามาได้ยังไง ก็ต้องเดาเอา

พ่อคล้ำเป็นลูกพ่อกลั่นแม่พึ่ง(หรือผึ้ง)
พ่อกลั่นเป็นลูกพ่อเรือน กับแม่.....
อันนี้น่าจะเป็นที่มาของคำว่า เรือน ในนามสกุล มหาเรือน

ส่วน มหา มาได้ยังไง ก็เดาเป็น ๒ อย่าง
๑. คือ นายเรือน ซึ่งเป็นที่สุดของต้นสกุล ทายาทเลยใช้เป็น มหาเรือน
๒. นายอ่วม พ่อชื่อหลวงนาสาลี(โต หรือสิงห์โต) คำว่าโต แผลงเป็น มหา ได้ ไม่น่าจะผิด ดังนั้นจึงเอาชื่อตาทวดคือเรือน กับพ่อสามีคือ มหา มาผสมกัน


ถ้าเหตุผลตาม ๑ แสดงว่านางคลี่ ไม่ยอมไปใช้ สถาปิตานนท์ ของทางนายอ่วม ซึ่งก็มีเหตุผลลึกๆ พอทราบโยงใยได้บ้าง
ถ้าใช้ตามเหตุผล ๒ ก็ยังสงสัยว่า เอาชื่อพ่อนายอ่วม มาผสมกับชื่อทวดตัวเอง ไม่น่าจะใช่

นี่คือการเดานะครับ

คุณปู่ของเจ้าพระยายมราช ชื่อเรือน แต่หาชื่อคุณย่าไม่พบ
คุณตาคุณยายที่เป็นพ่อแม่ของแม่ผึ้ง ก็ยังหาไม่เจอ
คิดว่าลูกหลานสายตรงน่าจะรู้และมีบันทึกไว้
รวมถึงชื่อพี่น้องของทั้งพ่อกลั่น และแม่ผึ้งด้วย

สำหรับชื่อพ่อเรือน ค้นได้จากสมุดทะเบียนนามสกุลพระราชทานของร.๖ บอกว่า
....(ลำดับสกุลที่) ๕๐๙๕ ธูสรานนท์ Dhu^sara^nanda พระมินบาลบูรณศักดิ์ (ขัน) นครบาลจังหวัดมีนบุรี ปู่ชื่อกลั่น ทวดชื่อเรือน

ผมรู้ว่า ก่อนหน้านี้ นายขัน เคยใช้นามสกุล สุขุม อยู่ก่อน มีบันทึกไว้ชัดเจน
ตอนหลังจึงได้ขอนามสกุลใหม่
ความหมายผมแปลไม่ออก ไม่รู้ว่าคำว่า ธูสรานนท์ มีคำแปลว่า กลั่น หรือ เรือน อยู่ในนี้ด้วยหรือเปล่า

พระมินบาล(ขัน) ผมยังค้นไม่เจอว่าเป็นลูกของ พ่อฉายแม่หว่าง หรือพ่อคล้ำแม่เพิ่ม
เพราะทายาทของทั้งสองที่อยู่เมืองสุพรรณ ต่างใช้สกุล ธูสรานนท์ สืบเนื่องลงมา

และจากสมุดทะเบียนนามสกุลพระราชทาน ทำให้ผมทราบว่า ชวดมิน ที่ผู้ใหญ่บางคนเล่าให้ฟัง ก็คือพระมินบาล(ขัน) นี่เอง

ไปค้นเพิ่มมาแล้ว พระมินบาลบูรณศักดิ์(ขัน) เป็นลูกพ่อคล้ำครับ หญ้าปากคอกจริงๆ หนังสืออยู่กับบ้านแท้ๆ ซื้อมาเกือบสิบปีแล้ว อ่านเล่มนี้แทบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้

กำลังหาความหมายของ ธูสรานนท์ แปลว่าอะไร ต้องหาคนเก่งบาลีมาช่วยแล้ว อยากรู้ว่าคำแปลจะเกี่ยวข้องกับ ขัน-คล้ำ-กลั่น-เรือน หรือเปล่า

เก่งมาก.. เก่งมาก.. กำลังคอยช่วยลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ
อยู่ทางนี้ไม่มีอะไรให้ค้น คงช่วยอะไรไม่ได้มาก นึกอะไรไม่ออกก็กูเกิ้ลอย่างเดียว

เคยอ่านทะเบียนนามสกุลที่บ้านเมืองนนท์เหมือนกัน ไม่ได้เอาติดมาอเมริกาด้วย คุ้นๆเหมือนกันว่าเจอชื่อปู่เรือน

พ่อคล้ำ มีเมียตามบันทึกที่เจอคือแม่เพิ่ม
พ่อคล้ำ แม่เพิ่ม ธูสรานนท์ มีลูกที่ผมค้นเจอขณะนี้ ๓ คน
คือ ขุนมิน เป็นหัวหน้าตำรวจจังหวัดมีนบุรีสมัยโน้น และคงจะปักหลักอยู่ที่นั่นด้วยเลย น่าจะมีลูกหลานผู้ชายใช้ธูสรานนท์ด้วย

ทางสุพรรณ มีลูกสาวพ่อคล้ำแม่เพิ่มปักหลักอยู่อย่างน้อย ๒ คน
- แม่คลี่ มีลูกกับพ่ออ่วม ลูกมี ๕-๖ คน ที่นับไม่เต็มตามจำนวน เพราะคนหนึ่งไม่แน่ในว่าเป็นลูกบุญธรรมหรือเปล่า เพราะใช้สกุลอื่น ส่วนอีก ๕ คนใช้ สถาปิตานนท์ ตามพ่อ
- แม่ริ้ว ลูกที่ค้นเจอ ๖ คน ผู้ชายบางคนใช้นามสกุลพ่อ แต่ส่วนใหญ่ใช้นามสกุล ธูสรานนท์ ตามแม่

ขอต่อเรื่องสายสกุลทางธูสรานนท์ตามที่ค้นมาได้ให้จบก่อนเลยครับ

พี่ชายใหญ่คือ พ่อฉาย ตามหลักฐานที่ค้นได้ เมียชื่อหว่าง หรือสว่าง
แม่หว่าง บางหลักฐานบอกว่าเป็นธิดาพ่อทองแม่ลิ้ม สุวรรณศร คือเป็นพี่สาวคนโตของหลวงแก้วสัสดี(ดี) สามีแม่นิล ตามที่ผมได้ส่งหลักฐานไปให้ตาโอดูแล้ว

ถ้าเป็นอย่างนี้ แสดงว่าพี่(ฉาย)ได้พี่(หว่าง)
น้อง(นิล)ได้น้อง(หลวงแก้วสัสดี-ดี)

แต่อีกหลักฐานหนึ่งซึ่งเชื่อได้แน่นอนกว่า ผมได้แต่จดจำมา ไม่อาจหาเป็น Document ให้ได้ บอกว่าแม่หว่างเป็นธิดาของพ่อนาคแม่มูล


พ่อฉายแม่หว่าง มีลูกที่สืบค้นได้ชัดเจนคนหนึ่งคือ
- นายปลั่ง ธูสรานนท์ (เกิดปีมะโรง ๒๔๒๓) แต่งงานกับคนรักที่ชื่อเดียวกับตัวเองคือแม่ปลั่ง (เกิดปีฉลู ๒๔๓๒) คนโคกโคเฒ่า มีลูกจำนวน ๑ โหล เป็นหญิงคนเดียวคือคนที่ ๑๑ คิดว่าที่มีลูกเยอะเช่นนี้ น่าจะเพราะรอลูกสาวมาเกิด ทายาทส่วนใหญ่อยู่บ้านโคกโคเฒ่า อ.เมืองสุพรรณ
- อีกคนหนึ่ง น่าจะเป็นลูกพ่อฉายแม่หว่าง แต่ยังสืบต้นตอไม่ได้ชัด คือ นายรอด ธูสรานนท์

ที่ผมเชื่อว่านายรอด เป็นบุตรพ่อฉายแม่หว่าง เพราะหลานตาของนายรอดท่านหนึ่ง เป็นคนจัดการนำโกศกระดูกของพ่อฉายแม่หว่างไปบรรจุที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
จึงเดาว่าถ้านายรอดเป็นลูกพ่อคล้ำแม่เพิ่ม หลานนายรอดคงจะไม่ไปยุ่งกับกระดูกพ่อฉายแม่หว่างเป็นแน่

พ่อรอดแต่งงานกับแม่เสงี่ยม ธิดาผู้ใดสืบไม่ได้ บ้านอยู่คันคูเมืองทางตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณ(ท่าจีน)
มีลูกเท่าที่ตรวจพบ ๙ คน เป็นหญิง ๒ ชาย ๗ ทายาทส่วนใหญ่อยู่ทางกรุงเทพ-สมุทรปราการ-นนทบุรี

ขอนำเรื่องของหลวงอรรถสารสิทธิกรรมมาแปะเพิ่มอีกหน่อย
ในฐานะที่ท่านเป็นพี่ใหญ่สุดในจำนวนคนรุ่นลูกของพี่น้องเจ้าพระยายมราช เลยสนใจเป็นพิเศษ

หนังสือ ประวัติพระยาสีหศักดิ์สนิทวงศ์ บรรณกิจ, ๒๕๒๕ ท่านได้เขียนอัตชีวประวัติที่เกี่ยวข้องกับหลวงอรรถไว้ คราวที่ท่านไปราชบุรี เพื่อสอบเป็นผู้พิพากษากับหลวงอรรถ ว่า

น.๕๐ ....ได้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๕ ถึงจังหวัดราชบุรีวันที่ ๑๑ เวลาเย็น พอถึงก็ตรงไปหาท่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลมณฑล และนอนพักอยู่เรือนเดียวกัน ท่านอธิบดีผู้นี้คือ หลวงอรรถสารประสิทธิ์(บุ) รุ่งขึ้นวันที่ ๑๒ เมษายน ท่านอธิบดีนำข้าพเจ้าไปวางท้องตราต่อมณฑล เวลานั้นเจ้าคุณอมรินทรฤาไชย (จำรัส รัตนกุล) ปลัดมณฑล เป็นผู้รั้งตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑล หม่อมเจ้าสฤษดิเดช ชยางกูร เป็นเลขานุการมณฑล เสร็จแล้วก็นำข้าพเจ้าไปศาลเมือง และท่านอธิบดีถามข้าพเจ้าว่าฝึกหัดพิจารณาความบ้างหรือยัง ข้าพเจ้าตอบว่ายัง เคยแต่ตรวจสำนวนศาลข้าหลวงพิเศษเท่านั้น ท่านอธิบดีจึงว่า ถ้าดังนั้นคุณขึ้นไปนั่งพิจารณาบนศาลมณฑลกับผมก่อน .....

นี่เป็นคดีแรกของเจ้าพระยาสีหศักดิ์สนิทวงศ์ ที่ฝึกปรือกับหลวงอรรถสารสิทธิกรรม(บุ)

ประวัติพระยาสีหศักดิ์สนิทวงศ์ น.๕๔
... ข้าพเจ้ารับราชการอยู่ราชบุรี ๔ ปี ระหว่าง ๔ ปีนี้ ข้าพเจ้าได้ทำความอื้อฉาวขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง คือ เมื่อหลวงอรรถสารประสิทธิ์กลับเข้าไปรับราชการกรุงเทพฯ แล้วโปรดให้หลวงศรีสัตยารักษ์(ห้าว) ออกมารับตำแหน่งอธิบดีแทนหลวงอรรถสาร เวลานั้นมีคดีอาญาอุกฉกรรจ์เรื่องหนึ่งคือคดีบุตรฆ่าบิดาตาย และจำเลยรับสารภาพ .....

หลวงศรีสัตยารักษ์(ห้าว) ท่านนี้ เป็นผู้ขอรับพระราชทานนามสกุล "วีระศิริ"
ซึ่งนามสกุลนี้ ในเมืองสุพรรณก็มีอยู่เยอะครับ

ประวัติพระยาสีหศักดิ์สนิทวงศ์
ท่านเขียนตอนหนึ่ง ทำให้เรารู้อัธยาศัยของหลวงอรรถ และหลวงศรีสัตยารักษ์(ห้าว) ว่าเป็นคนเงียบๆ รักครอบครัว

น.๕๖ .... ในชีวิตราชการของข้าพเจ้าเมื่ออยู่ราชบุรีมีอะไรสนุก ๆ หลายอย่าง วันหนึ่งข้าพเจ้าไปหาเจ้าคุณอมรินทร์ สมุหเทศาภิบาลที่บ้าน ท่านปรารภว่า "เต็มทีพวกข้าราชการมณฑลทุกแผนกไม่ใคร่ลงโบสถ์กันเลย มัวถือเขาถือเรากันเสียหมด คอยแต่เขียนเพลงยาวโต้ตอบกัน กว่าจะได้ธุระแต่ละอย่างก็เปลืองเวลามาก" ข้าพเจ้าเรียนถามว่า "มีทางที่จะแก้ไขได้บ้างไม่มากก็น้อย กระผมจะทดลองดู" ต่อแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ชักชวนเพื่อนข้าราชการแผนกต่างๆ ผลัดเปลี่ยนกันไปคุยที่บ้านพักของข้าพเจ้า ชวนวิสาสะแต่เฉพาะที่สนุกเฮฮา ..... เช่น มีอะไรก็พูดกันให้เข้าใจ พอไปออฟฟิศเขียนจดหมาย ๒-๓ บรรทัดก็ตกลงกันได้เสมอ เพื่อนข้าราชการของข้าพเจ้าที่ไม่ไปมาหาสู่กันก็ไปมาหาสู่กันฉันเพื่อนสนิททุกแผนก แต่ท่านอธิบดีของข้าพเจ้าทั้ง ๒ สมัยเข็นไม่ขึ้นเลย เช้าไปศาล เย็นกลับบ้าน ไม่เคยไปคุยบ้านใครเลย

ในราชกิจจานุเบกษายังมีขุมทรัพย์ซ่อนอยู่อีกเยอะ
สายสกุล สุขุม มีนาม "นายขัน" เพิ่มขึ้นมาอีกท่านหนึ่ง คือ
ขุนบำรุงราษฎร์ยะลารัฐ (ขัน สุขุม) ท่านนี้น่าจะเป็นพี่น้องกับหลวงอมัจกิจพิบูลย์(อยู่ สุขุม)
หรือน่าจะเป็นลูกของพระยาสมบัติภิรมย์ (หมี สุขุม)
แน่นอนว่า ต้องไม่ใช่คนเดียวกับ พระมีนบาลบูรณศักดิ์ (ขัน ธูสรานนท์) แน่นอน
//www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2463/D/2807.PDF

และอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติม ในที่สุด พระมีนบาลบูรณศักดิ์ ก็ได้เลื่อนเป็นพระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน
//www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2463/D/3240.PDF

ซึ่งตรงกับที่ผมได้สอบถามผู้ใหญ่ท่านหนึ่งสกุลธูสรานนท์ ที่บอกว่า ผู้ขอนามสกุลนี้คือ พระยามิน
ซึ่งเขาจะจำราชทินนามเดิมคือ "มีนบาล" ที่ท่านเรียกติดปากกันว่า "ชวดมิน"

ตอนนี้หาความหมายของ "ธูสรานนท์" ได้แล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากหลายฝ่าย
ธูสร (แปลว่าสีเทาหม่นๆ) + อานนท์ (ความยินดี ความเพลิดเพลิน)

ซึ่ง "ธูสร" ก็แปลความหมายตรงกับคำว่า "คล้ำ" คือ ชื่อบิดาของพระมีนบาลบูรณศักดิ์ หรือท้ายสุดคือพระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน นั่นเอง

ขอบคุณมากคครับคุณ NickyNick ที่ทำให้ผมได้รู้จักตนเองมากขึ้น ข้อมูลของคุณถูกต้องดีครับ แนะนำตัวหน่อยนะครับ พ่อผมชื่อทองดำ ธูสรานนท์ ปู่ ย่า ผมชื่อปลั่ง ธูสรานนท์ มีทวดชื่อ ฉาย ครับ

ขอบคุณครับที่อยากรู้จักชื่อ ถ้าแนะนำตัวเองตรงนี้แล้ว ผมหมดสนุกเป็นแน่ หลายคนกำลังรออยู่ โดยเฉพาะพวกทนายความ คงต้องหาวิธีอื่นซะแล้วล่ะ

ขอโทษด้วยที่เข้ามาอ่านช้า เพราะภารกิจเยอะ แล้วตรงนี้ก็เป็นงานหนึ่งในเรือนร้อย

ถ้าเป็นลูกคุณครูทองดำ อายุน่าจะไล่เลี่ยกับผม
หากชื่อคุณขึ้นต้นด้วย ส. หรือ ธ. แก่กว่าผมแน่
แต่ถ้าขึ้นต้นด้วย ป. อ่อนกว่าผมครับ

แล้วก็ขอบคุณที่ชมข้อมูล พอค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไปเรื่อยๆ ก็รู้ว่ามีผิดหลายอย่าง คนที่ไม่เกี่ยวข้องอาจไม่สังเกต ถือว่ายกประโยชน์ให้จำเลยไป
ผมเคยเอ่ยว่า หลวงอมัจกิจพิบูลย์(อยู่ สุขุม) ที่เป็นคุณปู่ของคุณปราโมทย์ สุขุม น่าจะเป็นลูกของพระยาสมบัติภิรมย์ (หมี สุขุม) กลายเป็นผิดไปแล้ว

หลวงอมัจกิจ เป็นลูกของพ่อฉายแม่หว่าง
ดังนั้นขุนบำรุงราษฎร์ยะลารัฐ (ขัน สุขุม) ที่เดาว่าน่าจะเป็นพี่น้องกับหลวงอมัจกิจ ก็น่าจะเป็นลูกของพ่อฉายแม่หว่างเช่นกัน

เนื่องจากพ่อฉายแม่หว่างเป็นพี่คนโต ลูกๆ จึงมีอายุมากไปตามส่วน ที่ค้นได้เลาๆ ว่ามีลูกชื่อใดบ้าง คือ
- หลวงอมัจกิจ (อยู่ สุขุม)
- ขุนบำรุงราษฎร์ยะลารัฐ (ขัน สุขุม)
- นายรอด ธูสรานนท์ อยู่สุพรรณ
- นายปลั่ง ธูสรานนท์ อยู่สุพรรณ
- มีใครอีก??? คุณ le' น่าจะบอกผมได้บ้างนะครับ

เป็นที่น่าสังเกตว่า ทายาทของพ่อฉายแม่หว่างที่ไปเจริญเติบโตทางราชการที่เมืองสงขลาหรือเมืองปักษ์ใต้อื่น ใช้นามสกุล สุขุม ตามของเจ้าพระยายมราช
ขณะที่ทายาทเมืองสุพรรณ ใช้นามสกุล ธูสรานนท์ ตามลูกหลานของพ่อคล้ำ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

มีเกร็ดเล่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเป็นไปได้ ๒ เกร็ด ที่ผมเคยได้รับฟังมาจากปลาย ๆ สายครับ

สวัสดีค่ะ K.NickyNick ดิฉันอยากจะทราบว่าเราจะสืบค้นต้นตระกูลจากนามสกุลได้ที่ไหนคะ พยายามหาต้นตระกูลของคุณตามานานแล้วค่ะ แต่ไม่ทราบว่าจะหาได้อย่างไร
ทราบแต่ว่าคุณตาเป็นมหาดเล็ก อยู่กรมปี่พาทย์ ในสมัยรัชการที่ 6 ค่ะ ชื่อนายทองแท่ง ส่วนนามสกุลนั้น ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ มากจาก ชื่อของคุณพ่อและคุณแม่ของคุณตาค่ะ ถ้าจำไม่ผิดคิดว่าน่าจะชื่อ นายเรือน และนางบุญ ค่ะรับราชการอยู่ในวังแต่ไม่ทราบตำแหน่งค่ะ รบกวนช่วยชี้ทางสว่างให้หน่อยนะคะตอนนี้ไม่ทราบจะหาจากที่ไหนดี ทราบแต่ว่าคุณแม่เล่าให้ฟังว่าคุณตาพูดเสมอว่า จำไว้นะลูกเราไม่ใช่ไพรกระดุมพี ไม่เข้าใจว่าแปลว่าอะไรค่ะ คุณตาพูดคะขาทุกคำไม่เคยพูดคำหยาบเลยค่ะ อีกเรื่องที่ทราบคือมีที่ดินตั้งแต่บางซื่อ ถึง บางเขน รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะคะ รบกวนด้วยนะคะ

สวัสดีครับ
ถ้าหาชื่อผู้ขอนามสกุล คลิกไปที่ลิ้งค์นี้ได้เลยครับ
//www.amed.go.th/AboutUs/palace/sur_content.htm
เปิดตรงนี้อีกครั้ง "นามสกุลพระราชทานเรียงตามตัวอักษร"
อักษรนำเริ่มตัวไหนก็คลิกตรงนั้นอีก

คราวนี้นามสกุลพระราชทานจะเปิดมาพรึ่บพรั่บ เรียงเป็นระเบียบตามตัวอักษร
แล้วจะมีชื่อผู้ขอพระราชทานนามสกุล บางอันจะมีชื่อพ่อ หรือปู่ หรือทวดคนขอด้วย แต่ไม่มีนามฝ่ายหญิงเลย

สิ่งที่สำคัญที่จะช่วยค้นหาต่อได้อีกคือ ลำดับการพระราชทานนามสกุล ว่าเลขที่เท่าไร ปรากฏอยู่หน้าสุด
เช่น นามสกุลเลขที่ ๑๘๔๑ "กงกะนันทน์"
เราสามารถไปเปิดราชกิจจานุเบกษา หารายละเอียดเพิ่มเติมได้อีก
เพราะในราชกิจจา อาจมีรายชื่อพ่อ ปู่ ทวด เพิ่มเติม

ค้นราชกิจจาได้ยังไง
1. อาศัยความเคยชิน
2. มีหนังสือนามสกุลพระราชทานร.๖ ของคุณเทพ สุนทรศารทูล รวบรวมไว้อย่างละเอียด จะซื้อหรือไปหาในห้องสมุดดูก็ได้

............

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมของคุณตา ในนามสกุลพระราชทาน อาจบอกนามราชทินนามกับตำแหน่งหน้าที่อยู่ก็ได้ ซึ่งทำให้สามารถสืบค้นต่อไปได้ บางทีก็เจอโดยบังเอิญจากลิ้งค์ หรือจากหนังสือด้วย

Dear Khun Nickynick

ขอบคุณมาๆนะคะสำหรับข้อมูลลองเข้าไปหาแล้วแต่ไม่พบค่ะ คงหมดหนทางที่จะหาแล้วค่ะ แต่จะลองหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกค่ะ ขอบคุณมากๆๆนะคะ

Dear Khun NickyNick

พอจะนึกออกอีกอย่างแล้วค่ะ พอจะมีทางไหนที่สืบค้นจากการถือครอบครองที่ดิน คิดว่าน่าจะในสมัย รัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 ได้บ้างไหมคะ รบกวนคุณนิกกี้ อีกซักครั้งนะคะ

หลักฐานการครอบครองที่ดิน ที่เก็บเป็นสัดส่วนและสามารถสืบค้นได้จนถึงปัจจุบันคือ โฉนดที่ดิน ครับ
โฉนดรุ่นแรกๆ ของประเทศแล้วก็กรุงเทพ ออกในราว รศ.๑๒๔ หรือ พศ.๒๔๔๘ ไม่ค่อยแน่ใจนักนะ รอบ ๆ ปีนี้แหละ ถ้าบ้านใครมีโฉนดเก่านี้อยู่ แล้วก็ยังไม่ได้เปลี่ยน จะสามารถดูชื่อต้นตระกูลเราได้

ถ้าไม่มีก็ต้องไปดูที่สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือสาขา เท่านั้น ปกติจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปดูได้ถ้าไม่มีเหตุผลเพียงพอ

การสืบค้นสายสกุลต่าง ๆ ของพวกเราที่เป็นชาวบ้านชาวช่องทั่วไป ตอนนี้ที่ผมเห็นว่าดีที่สุดมีอยู่ ๒ แหล่งคือ

๑. จากต้นขั้วโฉนดที่ดิน หรือจากสารบบที่ดิน ซึ่งเก็บอยู่ในสำนักงานที่ดินจังหวัดเท่านั้นครับ สนง.จะเก็บไว้เป็นอย่างดี แต่ก็มีโอกาสผุพังได้ง่ายอีกเช่นกัน เอกสารเหล่านี้เขาถือว่าเป็นความลับทางราชการ แต่ผมเห็นว่า เอกสารรุ่นแรก ๆ ที่ออกสมัยรัชกาลที่ ๕ นั้น มีประโยชน์มาก แล้วใครก็คงไม่เอาไปเป็นประโยชน์ในทางคดีได้อยู่แล้ว น่าที่จะถ่ายก็อปลงอินเทอร์เน็ตแบบอีบุ๊คให้พวกเราศึกษาจะได้ประโยชน์กว่า เพราะถ้ารอเวลาอีก ๕-๑๐ ปีถัดไป กลัวจะไม่เหลือแล้ว เอกสารเหล่านี้สามารถเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดี ถ้าเราศึกษาเป็นแล้วก็มีใจรักที่จะศึกษา

๒. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับปี ๒๔๙๙ เป็นแนวทางในการศึกษาประวัติศาสตร์ชาวบ้านได้ดีอีกอย่างหนึ่งครับ เราดูได้เฉพาะของบ้านเราที่เก็บไว้เองแต่พวกเราก็ไม่สามารถไปดูโดยรวมของทั้งหมู่บ้านได้ เพราะเก็บอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นอื่น เช่น เทศบาล ซึ่งเขาก็เก็บไว้ในมุมอับอีกเช่นกัน

เห็นมั้ยครับว่า การศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในเมืองไทย โดยเฉพาะเรื่องของพวกเราเอง มีอุปสรรคมากมายขนาดไหน

หากจะคุยอะไรกันอีก ก็ส่งมาทางหลังไมค์ได้เลยนะครับ (ถ้าเป็นสมาชิกพันทิป)
หรือถ้าไม่เป็นสมาชิก ก็ส่งมาทางเมล์ สอบถามคุณโอทูเจเจ้าของบล็อกได้ หากผมเขียนบอกตรงนี้ ก็จะต้องรบกวนคุณโอให้ลบทิ้งอีก เกรงใจครับ

เห็นว่าเป็นนามสกุลพระราชทาน อย่างนี้ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถค้นคว้าหาได้เพิ่มเติมง่ายกว่าชาวบ้านทั่วไปอย่างผมหลายเท่านัก

เธŠเธทเนˆเธญเน€เธ”เธดเธก เธ›เธ™เธดเธ”เธฒ เธชเธธเธ‚เธธเธก เธ„เนˆเธฐ เธ›เธฑเธˆเธˆเธธเธšเธฑเธ™เธญเธขเธนเนˆเธ—เธตเนˆเธˆเธฑเธ‡เธซเธงเธฑเธ”เธžเธดเธฉเธ“เธธเน‚เธฅเธ
เนเธ•เนˆเน€เธเธดเธ”เธ—เธตเนˆเธเธฃเธธเธ‡เน€เธ—เธžเธฏ

กองพล ธูสรานนท์ เป็นลูกของนายสกล ธูสรานนท์ (คุณพ่อ) คุณพ่อเป็นคนสุพรรณบุรี ปัจจุบันเสียชีวิตแล้วเมื่อปี 2550 อายุขณะที่เสียชีวิต 81 ปี จากสุพรรณบุรีย้ายมาอยู่ที่นครปฐม แล้วมาทำงานเป็นป้าไม้ที่จ.นครสวรรค์ มีลูกชาย 5 คน คนแรกชื่อเกลอรอง คนที่สองชื่อกองพล คนที่สามชื่อกิตติพันธ์ คนที่สี่ชื่อ......คนที่ห้าชื่อ........

ต่อจากวันก่อน ลูกชายนายสกล คนที่ 4 ชื่อกฤษพงศ์ คนที่ 5 ชื่อ กฤษฏาพร ซึ่งนายสกล เป็นลูกของนายเก๋ นายเก๋มีพี่ชายเป็นเจ้าพระยามีนบุรี นายเก๋และเจ้าพระยามีนบุรี เป็นลูกชายของกำนันชื่อคล้ำ

กำนันคล้ำ มีลูกชายชื่อ พระยามีนบุรีและ นายเก๋

ลูกชายนายเก๋ชื่อสกล ธูสรานนท์ ( ซึ่งชื่อสกลนี้ เจ้าพระยายมราชตั้งให้ มีหนังสื่อซึ่งเป็นลายมือของเจ้าพระยายมราช อยู่ที่บ้าน ) ลูกชายนายสกล มี 5 คน ชื่อเกลอลอง กองพล กิตติพันธ์ กฤษพงศ์ กฤษฏาพร โทร 0812617634

ไม่รู้ว่าเราจะมีเชื้อสายด้วยหรือป่าว แต่ทางพ่อเราก็ใช้ธูสรานนท์ กันหมดน่ะ

บ้านย่าเรา อยู่คูเมืองสุพรรณบุรี

ย่าชื่อนางทองคำ ธูสรานนท์
ปู่ชื่อ เทียม ธูสรานนท์

ไม่รู้ว่าย่าเราสืบเชื้อสายมาด้วยหรือป่าวนะ เห็นว่าสืบไม่ได้ที่อยู่คูเมือง สงสัยจะย่าเราแน่ ๆ เลย

พ่อเทียม ธูสรานนท์ เป็นพี่น้องท้องเดียวกับแม่ทุเรียน กับพ่อดำ ใช่ไหมครับ อาจมีพ่อเงินด้วยอีกคนหนึ่งไม่แน่ใจ

ชุดนี้เป็นลูกพ่อรอด ธูสรานนท์
พ่อรอด เป็นลูกใครไม่แน่ใจเช่นกัน ระหว่างพ่อฉาย(พี่) หรือพ่อคล้ำ(น้อง)
เดาว่าน่าจะเป็นพ่อฉายมากกว่า เหตุผลดั่งคห.เดิมเมื่อ
"วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:52:47 น. "
คุณประภัสร์ควรมีเชื้อสายต่อจากตรงนี้ครับ


เกี่ยวกับพ่อเก๋ ธูสรานนท์ ผมเคยได้ยินชื่อหลายครั้ง แต่จัดลำดับไม่ถูก เพิ่งได้รับทราบจากคุณกองพลตอนนี้เช่นกัน
ขอเรียนถามคุณกองพลว่า คุณพ่อเก๋ มีอีกชื่อหนึ่งหรือเปล่าครับ ถ้ามี ใช่ชื่อทองเติมหรือเปล่า
และรู้จักชื่อนายง้วน ธูสรานนท์หรือเปล่าครับ

อยากรู้เกี่ยวกับทองดำ ธูสรานนท์
ช่วยบอกได้ไหม

อยากทราบประวัติ ถนนสุวรรณศร คุณแม่เล่าให้ฟังว่าคุณทวดเป็นทหารไปกวาดต้อนชาวลาวผ่านมาทาง สระบุรีและได้แต่งงานกับลูกสาวหัวเมืองทางลาวที่ถูกกวาดต้อนมา คุณทวดเป็นคุณพระหรือคุณหลวง จำไม่ได้

อยากทราบว่า ชาตรูปฏิวิน เกี่ยวพันอะไรกับ ธูสรานนท์ คือคุณยายเลาถึงบ่อยๆ เพราะยายใช่ชาตรูปฏิวิน แต่ในทะเบียนบ้าน มีสกุล ธูสรานนท์ ( ยายเนียร)

เราก็เป็นหลานยายทุเรียน ธูสรานนท์ เหมือนกัน เห็นแม่บอกว่ามีญาติอยูแถวโคกโคเฒ่าด้วยหล่ะ จำไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้ก็ใช้นามสกุล ธูสรานนท์เหมือนกัน

...ผม..เป็นหลานชายคนเดียวของย่าแสวง(หลิว)กับปู่ชื่น ธูสรานนท์ ครับ..
...และตอนนี้ผมก็ได้ลูกชายไว้สืบสายสกุล ธูสรานนท์แล้วครับ..
........ขอให้..ธูสรานนท์..คงอยู่คู่ประเทศ..ตลอดไป..

คุณพ่อสกล เรียกว่าอาเติม ฉนั้นอาเติมน่าจะเป็นน้องชายปู่เก๋ ซึ่งปุ่เก๋ เป้นน้องชายพระยามีนบุรี

ปู่เก๋ ไม่มีชื่ออื่นอีก เสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม คุณย่าภรรยาปุ่คล้ำเลี้ยงพ่อสกลมาตั้งแต่เยาวัย คุณพ่อสกลว่าคุณย่ารักและเอ็นดู คุณพ่อมากเนื่องจากกำพร้าพ่อ ปัจจุบันคุณพ่อสกลเสียชีวิตแล้ว ศิริอายุ 81 ปี เสียชีวิตได้ 2 ปีแล้ว

นายง้วน ธูสรานนท์ ผมไม่เคยได้ยินชื่อครับ

ผมขอตอบคำถามแทน จขบ.เท่าที่ตอบได้ และควรจะตอบครับ

"นายทองดำ ธูสรานนท์" ถ้าหมายถึงคุณครูทองดำ ท่านเป็นครูโรงเรียนวัดโคกโคเฒ่าเป็นแห่งสุดท้ายก่อนเกษียนปี 2527 และเสียชีวิตเมื่อ 2 มค. 2546 ครับ เกียรติยศหนึ่งของท่านคือได้ร่วมขบวนการเสรีไทยเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่2

"ประวัติถนนสุวรรณศร" - ถนนนามนี้สืบเนื่องมาจากผลการปฏิบัติงานของคุณธะทรง สุวรรณศรครับ ตอนนี้อีกบล็อกหนึ่ง "คุยกับผม.. (ว่าด้วยเรื่องสกุล "สุขุม" และเจ้าพระยายมราช)" ทายาทของคุณธะทรงจากขอนแก่นได้มาคุยบางเรื่องแล้วครับ

"สกุล ชาตรูปฏิวิน" ผมไม่ทราบครับ แต่ถ้าจากทะเบียนบ้านบอกชื่อพ่อแม่ของคุณยายเนียร ธูสรานนท์ หรือสามี(หากท่านเป็นสะใภ้ธูสรานนท์) จะพอสืบสาวราวเรื่องได้บ้างครับ

"หลานยายทุเรียน ธูสรานนท์" คุณยายทุเรียนที่เป็นภรรยายพ่อหลี แซ่ด่านใช่ไหมครับ คุณยายทุเรียนมีพี่น้องประมาณ 9 คน เป็นบุตรของพ่อรอดแม่เสงี่ยม
พ่อรอด(น่าจะ)เป็นพี่น้อง(ท้องเดียวกัน)กับพ่อปลั่ง
พ่อปลั่งกับแม่ปลั่ง ธูสรานนท์ มีบุตรราว 12 คน ส่วนใหญ่อยู่ทางโคกโคเฒ่า บุตรคนหนึ่งก็คือคุณครูทองดำครับ ท่านเป็นญาติกับคนโคเฒ่าเพราะเหตุดังนี้ครับ

"ปู่ชื่นย่าแสวง(หลิว) ธูสรานนท์" ปู่ชื่นที่เป็นบุตรของพ่อแช่มแม่แฉล้ม พ่อชื่นเป็นบุตรคนที่2ของพ่อปลั่งแม่ปลั่งใข่ไหมครับ ชุดพ่อปลั่งนี้กระจายอยู่ตั้งแต่แถวบ้านดอนเศรษฐีดอนกระเบื้องโคกโคเฒ่าล้นไปทางสามกั๊กสามหน่อนาคูอยุธยาเลยทีเดียว ก๊กใหญ่มาก ต้องอยู่คู่ฟ้าเมืองไทยแน่นอน

"คุณกองพล ธูสรานนท์" ครับ
ชื่อต่าง ๆ ที่ผมถาม นำมาจากเรื่องที่เกี่ยวกับพระยามีนบุรี(ขัน ธูสรานนท์) ครับ แต่ไม่มีชื่อของคุณปู่เก๋ คิดว่าอาจเพราะท่านหมดบุญเร็ว จึงเขียนแต่ชื่อพี่น้องที่ยังเหลืออยู่ บอกว่าพระยามีนเป็นคนโต นายทองเติมเป็นคนเล็ก
ชื่อของปู่เก๋ ผมเจอในราชกิจจานุเบกษาหลายครั้ง เช่น
- ปี 2463 หน้า 1294
- ปี 2466 หน้า 3033
- ปี 2472 หน้า 2345 (ปี2472 ปู่เก๋ยังมีชีวิตอยู่)

ส่วนชื่อของนายง้วน ธูสรานนท์ ผมเจอในราชกิจจานุเบกษาหลายครั้งเช่นกัน เช่น
- ปี 2466 หน้า 2972
บางท่านอาจมีหลายชื่อ หรือเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างอื่นภายหลัง คนนอกตระกูลจึงอาจจะไม่รู้

มีเหตุการณ์อะไรเกี่ยวกับท่านทั้งสอง สามารถเปิดหาอ่านเรื่องราวอย่างที่อ้างอิงมาได้ครับ

มีอีกท่านหนึ่งที่นามสกุลธูสรานนท์ คือคุณยายปุก พี่น้องครอบครัวแอ๊ดคาราบาวเรียกท่านว่า "อากิ๋ม" และอาศัยอยู่ในร่มไม้ชายคาบ้านนั้นจนถึงแก่กรรมเมื่อราวปี 2540 อายุราว90ปี ท่านนี้น่าจะเป็นสะใภ้ธูสรานนท์ครับ

เรียน คุณ NickyNick
"ปู่ชื่นย่าแสวง(หลิว) ธูสรานนท์" ปู่ชื่นที่เป็นบุตรของพ่อแช่มแม่แฉล้ม พ่อชื่นเป็นบุตรคนที่2ของพ่อปลั่งแม่ปลั่งใข่ไหมครับ ชุดพ่อปลั่งนี้กระจายอยู่ตั้งแต่แถวบ้านดอนเศรษฐีดอนกระเบื้องโคกโคเฒ่าล้นไปทางสามกั๊กสามหน่อนาคูอยุธยาเลยทีเดียว ก๊กใหญ่มาก ต้องอยู่คู่ฟ้าเมืองไทยแน่นอน

ปู่ชื่น หรือ พ่อชื่น ไม่ได้เป็นบุตรคนที่สองของพ่อปลั่งแม่ปลั่งครับ แต่เป็นหลานครับ

นายประจัน ธูสรานนท์ อายุ 85 เล่าให้ฟังว่า พ่อเป็นลูกของเจ้าเมืองมีนบุรี ชื่อพระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน ซึ่งแต่เดิมนามสกุลสุขุม เป็นคนสุพรรณ พระยามีนฯ มีเมีย 4 คน พ่อผมเป็นลูกคนเดียว ของเมียคนที่ 3
พระยามีนฯ ได้ขอพระราชทานนามสกุลใหม่เป็นธูสรานนท์ เสียชีวิต เมียคนที่ 3 (แม่ของพ่อ) แต่งงานใหม่ กับสกุลชาตรูปฎิชีวิต พ่อจึงมีน้องต่างบิดาเพิ่มอีก 3 คน
ญาติจังหวัดสุพรรณของพระยามีนฯ ขอใช้นามสกุลพระราชทานธูสรานนท์ กันมาก ใครนามสกุลธูสรานนท์ ถือว่าเป็นญาติกันทั้งหมด เพราะเป็นนามสกุลพระราขทาน คนอื่นจะนำไปใช้ไม่ได้
ในกรุงเทพฯ หลาน พระยามีนฯ ยังมีอยู่กันมากมาย
สำหรับลูกพระยามีนฯ อายุมากเกิน 80 ปี ขึ้นไป ลุกบ้างคนเสียชีวิตเกือบหมดแล้ว
โอกาสต่อไปเล่าให้ฟังใหม่

"หลานคุณปู่ชื่นย่าหลิว" ครับ ผมตั้งใจเขียนตามที่ท่านแก้ให้ แต่มือมันพิมพ์ผิดเองครับ จะแก้ไขก็แก้ไม่ได้ จะลบก็ลบไม่ได้ เพราะเป็นบล็อกของคนอื่น บางครั้งเราเขียนแล้วรุ้สึกจะไม่เข้าหูคน ก็แก้ไม่ได้อีก ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับ จะรีบตอบทันควันแต่เรื่องเดียว ก็เกรงใจคนอื่น

คุณบัญชามาช่วยเพิ่มเติมและชี้แจงรายละเอียดในฐานะคนใน ทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้นครับ
บังเอิญได้อ่านหนังสือที่พิมพ์เป็นทางการปี 2499 ระบุภรรยาของพระยามีนมี 3 คน
1. นางเจียน ณ สงขลา มีบุตรธิดา 4 คน ภรรยาท่านนี้เสียชีวิตตั้งแต่ปี 2456 พระยามีนถึงแต่งงานใหม่ ผมยังไม่มีเวลาค้นว่าช่วงนั้นสามีท่านยังเป็นหลวงกิจจาฯ หรือเป็นพระมินบาลแล้ว แต่ยังไม่ถึงชั้นพระยา นางเจียนจึงยังไม่ได้เป็นคุณหญิง
2. ภรรยาที่เป็นคุณหญิง แจ้งว่ามีบุตรธิดา 5 คน
3. มารดาของคุณประจัน แต่เล่มนั้นเขียนชื่อว่าประจัญ
4. ไม่ระบุ

เป็นที่น่าสังเกตว่ามารดาของพระยามีน มีเชื้อสายขุนนางใหญ่โตทางใต้ ยังสงสัยเลยว่า พ่อคล้ำ ธูสรานนท์(สุขุม)และพี่น้องทางเมืองสุพรรณ น่าจะมีสายโยงใยกับขุนนางทางใต้ก่อนนี้อยู่บ้าง

ซ้ำภรรยาคนแรกของพระยามีน ก็มีเชื้อสายขุนนางทางใต้ด้วย ตรงนี้(ที่เกี่ยวกับภรรยา) ผมเดาว่าอาจเป็นอิทธิพลเกี่ยวเนื่องจากที่พระยาสมบัติหมีน้องชาย ไปเจริญเติบโตในหน้าที่ราชการทางใต้ทีหลัง

สำหรับพี่น้องของพระยามีนคนอื่น รวมทั้งบุตรของท่านด้วย ก็น่าจะยังคงติดต่อกับทางเมืองสุพรรณอยู่บ้าง เพราะเห็นนามสกุลเปลี่ยนไปเป็นของคนสุพรรณด้วย เช่น ปิณฑศิริ อันแปลว่าก้อนข้าวมงคล ซึ่งนำมาจากนามของพ่อพุ่ม(แม่เสม)

ยายเนียร หรือยายจำเนียร ชาตรูปฏิวิน เมื่อก่อนใช้นามสกุล ธูสรานนท์ ในทะเบียนบอกว่ามีพ่อชื่อเชื้อ แม่ชื่อถนอม เกี่ยวข้องอะไรกับพระยามีนบุรีครับ เพราะคุณยายเคยอยู่ที่มีนบุรีมาก่อน

^
^
ถ้าตามที่แจ้งมา หากจะพูดกันให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เป็นดังนี้
1. คุณยายจำเนียร เป็นน้องต่างบิดาของคุณประจัน ธูสรานนท์ และหลานที่ถาม ก็นับเป็นหลานลุงกับคุณบัญชาครับ
2. มารดาของคุณยายจำเนียร เป็นภรรยาพระยามีนบุรี หลังจากพระยามีนบุรีสิ้น ก็ได้อยู่กินกับคุณเชื้อ ชาตรูปฏิวิน เกิดบุตรอีก 3 คน
3. ส่วนที่คุณยายจำเนียร ใช้นามสกุลธูสรานนท์แต่แรก เดาว่าการแจ้งผิดพลาด หรือทะเบียนบ้านฉบับปี 2499 ลงผิดพลาด

อยากทราบว่าพระยามีนสิ้นบุญเมื่อปีไหนครับ

อยากทราบว่าคุณประจัน ธูสรานนท์ กับยายจำเนียร เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันหรือเปล่า เพราะเห็นมีอายุใกล้เคียงกัน แล้วพระยามีนบุรีนะสิ้นบุญเมื่อไหร่ เพราะคุณประจัน ฯ แก่กว่าคุณยายจำเนียร ประมาณ สองปี น่าจะเป็นพี่น้องกันพ่อแม่เดียวกัน เห็นคุณยายจำเนียรฯ บอกว่าในสูติบัตรของคุณยาย บิดาคือ พระยามีนบุรี มารดาคือนางถนอม และต่อมานางถนอมได้แต่งงานใหม่กับนายเชื้อ จึงสงสัยว่าคุณยายจำเนียรเป็นบุตรของพระยามีนหรือไม่

คุณแม่ถนอม ซึ่งเป็นเมียของพระยามีนฯ คนที่สาม มีลูกกับพระยามีนกีคนกันแน่ แล้วกับนายเชื้อมีลูกกี่คน ใครบ้าง ใช้นามสกุลอะไร เกี่ยวอะไรกับชาตรูประชีวิน

เคยได้คุยกับคุณยายจำเนียรแกเล่าให้ฟังว่า ยายเป็นพี่น้องกับคุณตาประจัน ซึ่งเกิดจากพระยามีนฯ กับนางถนอม และยังมีอีกคนผมจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ชื่อเตียงหรืออะไรประมาณนี้ถ้าคุณบัญชาเป็นลูกของคุณตาประจันกรุณาช่วยเล่าให้ฟังบ้างดิ น่าติดตามดีจัง เหมือนติดตามละครในเรื่องทวิภพเลยครับ

มานะกันจัง

เก่งกันเวอร์ๆๆๆ

หากันมาได้เน้ออออ

สุดยอด

เป็นแค่คนอ่าน ยังงง เลยนะเนี่ย

พระยามีนบุรี สิ้นเมื่อกรกฎาคม 2499 ครับ
สำหรับข้อสันนิษฐานของผมข้อ2 ลว.22 ธันวาคม 2552 ก็ผิดพลาดไปตามข้อมูลที่ทราบจากบน ๆ ขออภัยด้วยครับ

เคยได้ยิน คุณยาย เรียม และน้องสาวของท่านที่ชื่อคุณยายไร ธูสรานนท์มั้ยคะ คุณยายเรียมสิ้นบุญเมื่อ พศ. 2532 ตอนอายุได้ประมาณ 73 ปี ส่วนคุณยายไร ไม่ทราบค่ะ

ทวดถนอมเป็นภรรยาของพระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน มีลูก 2 คน คือ 1.ด.ช.เตียง (ตายแต่ตอนยังเล็ก) 2.นายประจัญ (นายทะเบียนลงเป็นนายประจัน จึงใช้"ประจัน" ตลอดมา ) ในประวัติจึงมีลูกคนเดียวคือนายประจัญ
ทวดถนอมมีสามีใหมีชื่อทวดเชื้อ ชาตรูปฏิชีวิน มีลูก 4 คน ดังนี้
1. ยายเนียรฯ เป็นคนโต มีสามีชื่อนายเขียน (เสียชีวิต)อยู่ซอยสุขสวัสดิ์ 26 เขตราษฎร์บูรณะ
2. ยายฉนวน มีสามีชื่อนายไล้หลี(เสียชีวิต) อยู่ตลาดเก่ามีนบุรี
3. ตาชนิด (เสียชีวิต) มีภรรยาชื่อนี (เสียชีวิต)อยู่คลองด่าน จ. สมุทรปราการ
4.นางสาวชำนาญ (เสียชีวิตตอนเรียนหนังสือ) หลายคนในตระกูลจึงมีคนรู้จักน้อย ส่วมากไม่รู้จัก ผมเองก็ไม่เคยรู้
สามีของยายเนียรฯ นามสกุลแซ่... จึงใช้นามสกุลภรรยา
สามีของยายฉนวนฯ นามสกุลแซ่... จึงใช้นามสกุลภรรยา
นามสกุลชาตรูปฎิชีวินและชาตรูประชีวินเป็นตระกูลเดียวกันเหตุที่เขียนต่างกันเพาระนายทะเบียนลงให้ผิด
ลูกสาวยายเนียรฯชื่อติ๋ม ใช้นามนามสกุลธูสรานนท์
ลูกสาวยายฉนวนฯชื่อล้าน ใช้นามนามสกุลธูสรานนท์

ทดลอง

ผมได้อ่านกระทู้ในส่วนของท่านที่ใช้ชื่อ Nicky Nick กับ บัญชา ธูสรานนท์ แล้วสนใจมากครับ ผมกำลังหาข้อมูลพวกนี้เพิ่มเติมอยู่เหมือนกัน ถ้าจะกรุณาบอก E-mail address ให้ทราบก็จะดีครับ ผมเป็นหลานตาของ พระยามีนบุรี ขณะนี้ผมอายุใกล้ 50 แล้ว อยากทำแผนผัง ไว้เล่าให้ลูกหลานฟัง ไม่ได้มีเจตนาอื่น -- น.อ.นิตินาท ปิณฑะสิริ pintasiri@yahoo.com

พอมีข้อมูล นามสกุล สังขพิชัยอีกไหมครับ
พอดีผมก็ นามสกุล สังขพิชัยครับ
ขอบคุณครับ

คุณปู่ผมชื่อ ขจร ธูสรานนท์
มีใครรู้จักบ้างอยู่แถวบางลำภู
น่าจะมีพี่หรือน้องที่ชื่อ ขจายนะ
แต่ไม่แน่ใจ

คุณขจร พี่ชายคุณขจาย เป็นบุตรของพระยามีนบุรี กับคุณเจียน (ณ สงขลา) ภรรยาแรกที่สิ้นชีวิตเมื่อปี 2456 ใช่ไหมครับ และมีพี่น้องท้องเดียวกันเป็นหญิงอีก 2 ท่าน

ลุงจรป้าเหลี่ยมอยู่บางลำลูกชื่อใหญ่เล็กเฝาแฝดป็นน้องลุงจายอยู่ดอนเมิองลุงจายเสียชีวิตแล้ว แต่ลุงยังอบูนะ

ปู่ขจรกับย่าเหลี่ยมเสียชีวิตแล้วค่ะลูกฝาแฝดก็เสียชีวิตแล้ว1คนคืออาเล็กแต่อาใหญ่ยังอยู่ค่ะ

ธนวรรณพร สังข์พิชัย บ้านอยู่สุพรรณบุรี เป็นลูกสาวพ่อทองศรี แม่แฉล้ม สังข์พิชัย เป็นหลานปู่เจิม ย่าเอง สังข์พิชัย บ้านปู่เจิม อยู่แถววัดระฆัง กรุงเทพฯ คุณปู่มีพ่อชื่อปู่ทรัพย์ ย่าพุก สังข์พิชัย สนใจต้องการรู้จักญาติพี่น้องนามสกุลสังข์พิชัย

คุณย่าของดิฉันเป็นบุตรีของพระยามีนฯกับ นางเปลี้ยงเคยมีรูปถ่ายของท่านขี่คอเจ้าพระยายมราช(ปั้น สุขุม)ตอนเด็กๆ คุณย่านามสกุลเดิมธูสรานนท์

ผมอยู่ที่ปราจีนบุรี

พึ่งจะรู้ว่าประวัตินามสกุลยิ่งใหญ่จริง

ขอบคุนมาครับ

อยู่สุพรรณบุรีคับ หลานปู่บุญปลูก ย่าดาวเรือง คับ นี่เราเป็นลูกหลานเจ้าพระยาเลยหรือนี่

อยู่สุพรรณบุรีคับ หลานปู่บุญปลูก ย่าดาวเรือง คับ นี่เราเป็นลูกหลานเจ้าพระยาเลยหรือนี่

อยากรู้ครอบครัวปู่เทียมที่เป็นพี่ชายของยายทุเรียนว่ามาจากเส้นทางไหนบ้าง

บัญชา ถ้ามีเพื่อนชื่อน้อยโทรหาด้วย

นายอำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ชื่อ นายเนาวรัตน์ ธูสรานนท์ ท่านรู้ประวัตืความเป็นมาของตระกูล ธูสรานนท์ เป็นอย่างดี เพราะเล่าต่อกันมาจากรุ่น ทวด ปู่ และ เอกสารการลงนามขอพระราชทานนามสกุล ธูสรานนท์ก้ออยู่ที่ท่านนายอำเภอเนาวรัตน์ นะ

สังข์พิชัย/สังขพิชัย

ปู่ทรัพย์กับปู่สิน เป็นบุตรของนายเอี่ยมกับอำแดงอิ่ม เมื่อปู่สินได้นามสกุล "สังข์พิชัย" ปู่ทรัพย์ก็ใช้นามสกุลด้วย เพราะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน เป็นเหตุผลที่ใช้ทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะ "สังข์พิชัย"

อยากทราบว่า ปู่เจิม ย่าเอง สังข์พิชัย ที่บ้านอยู่แถววัดระฆัง มีพี่น้องอื่นอีกไหม ปู่เกตุ สังขพิชัย เป็นพี่น้องของปู่เจิม รึเปล่า??

ปู่ทรัพย์ กับ ปู่สิน สังข์พิชัย เป็นพี่น้องกัน แล้วปู่ทรัพย์กับย่าพุก ก็มีลูกเป็นปู่เจิม และปู่เจิม กับ ย่าเอง มีลูกเป็นพ่อทองศรี พ่อทองศรี กับแม่แฉล้ม ก็มี ธนวรรณพร สังข์พิชัย ตอนนี้บ้านอยู่แถววัดมเหยงคณ์ จังหวัดสุพรรณบุรี
เท่าที่ทราบตอนนี้แล้วจะถามพ่อทองศรีอีกทีนะว่ารู้จักปู่เกตหรือเปล่า

ปู่เกตุ หรือชื่อที่เรียกกันว่า ปู่สวัสดิ์ สังข์พิชัย เป็นบุคคลเดียวกัน ก๊กนี้ย้า่ยไปอยู่ที่ปากคลองบางสาม สองพี่น้อง ต่อมาก็ย้ายเข้าไปอยู่ในกรุงเทพฯ แถวเกียกกาย

นามสกุล สังข์พิชัย ถ้าดูตามอายุไขแล้ว ก็ตั้งขึ้นในสมัยขุนพิชัยชนบท หรือกำนันเขียนนั่นเอง คำว่า พิชัย คงมาจากบรรดาศักดิ์ของท่าน แต่คำว่า "สังข์" ไม่รู้ว่ามาอย่างไร ในธรรมเนียมการตั้งนามสกุล เอาชื่อพ่อนำหน้าและชื่อตัวเองตามหลัง เช่น "เฮงบุญมี" คือพ่อชื่อเฮง ตัวเองชื่อบุญมี แต่ในกาณีสังข์พิชัย ไล่ชื่อพ่อของขุนเขียน ก็ชื่อนายสิน ตำแหน่งรองจ่าเมือง ไล่ชื่อปู่ก็รู้ว่าชื่อปู่เอี่ยมย่าอิ่ม ฉะนั้น สังข์ อาจจะเป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่างหนึ่ง เช่น ตราประจำตัวหรือสกุลเก่า เป็นต้น

รักและเคารพ อ.กองพล ธูสรานนท์ ขอบคุณครับคุณครูที่ให้โอกาสผมมาโดยตลอด และขอโทษครับที่ทำให้ครูผิดหวังในตัวผมมาโดยตลอด ครูคือคนที่ผมเคารพมากที่สุดคนหนึ่งและผมจะเคารพครูคนนี้ตลอดไป ขอบคุณครับ

หนูเองก็นามสกุลธูสรานนท์ มาตั้งแต่เกิด เพราะเป็นหลานคุณปู่บรรจบ ธูสรานนท์ ซึ่งคุณปู่บรรจบเป็นลูกของพระยามีนบุรี และ คุณหญิงธํญญา ธูสรานนท์
อัฐฐิส่วนหนึ่งของคุณปู่ทวดและคุณหญิงย่า อยู่ที่วัดประยูรฯ สะพานพุทธ อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่บ้านคุณปู่บรรจบ ซึ่งคุณปู่บรรจบได้เสียชีวิตแล้วค่ะ ส่วนคุณปู่ขจร และคุณปู่ขจาย เคยได้ยินชื่อท่านจากการบอกเล่าของคุณปู่บรรจบตอนมีชีวิตอยู่ว่าท่านเป็นพี่น้องกัน และคุณอาเล็ก คุณอาใหญ่หนูก็รู้จักท่าน ๆ เป็นแฝดกัน ไม่ได้เจอท่าน เป็นสิปปีแล้วไม่ทราบว่าท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ คุณปู่บรรจบบอกว่าคนนามสกุล
สุขุมกับธูสรานนท์ เป็นพี่น้องกัน แต่หนูเป็นรุ่นเหลนคุณปู่ทวดและคุณหญิงย่าแล้ว คงไม่มีใครรู้จักหรอกค่ะนายอำเภอค่ายบางระจัน นายเนาวรัตน์ ธูสรานนท์ ท่านเป็นลูกคุณปู่บรรจบ ธูสรานนท์ เป็นหลานแท้ ๆ ของพระยามีนบุรีค่ะ ท่านทราบทุกอย่างดีค่ะ

ไม่น่าเชื่อนะคะ พี่น้องตระกูลเดียวกัน ไม่รู้จักกัน
อีกมากมายเลยนะคะ น่าจะมีการจัดงานรวมสกุล
และรู้จักกันไว้นะคะ แต่รุ่นคุณปู่ คุณย่า พวกเรา
ท่านเสียชีวิตกันแลัวทั้งนั้น ส่วนใหญ่นะคะ ยินดี
ที่ใช้ธูสรานนท์ เหมือนกัน ขอบคุณค่ะ

ดีใจมากค่ะ ที่ได้ใช้นายสกุล ธูสรานนท์ ซึ่งเ็ป็นนามสกุลของพ่อประทีป ธูสรานนท์ พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า นามสกุลนี้เป็นนามสกุลของพระยาเมืองมีน แต่ไม่ทราบรายละเอียด เมื่อได้เข้ามาอ่านรายละเอียดตั้งแต่ต้นแล้ว ก็พอจะเข้าใจที่มาที่ไปอยู่บ้าง ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับข้อมูลดังกล่าวข้างต้นค่ะ

อยากได้เบอร์ติดต่อ พี่กำจรเดช ธูรสรานนท์ ไม่ได้ติดต่อกัน 10 กว่าปี แล้ว ตั้งแต่พาณิชย์ธน หากใครทราบแจ้งด้วยนะคะ ที่ meeja2535@hotmail.com

ขอบคุณมากคะ

เอ่อ ... ยาวมากเลย
ผมก็คนหนึ่งครับ ที่นามสกุล ธูสรานนท์ ไม่เคยคิดครับ ว่าต้นตระกูลเป็นพระยา รู้สึกภูมิใจครับ ทางฝั่งผมนี่ คุณปู่ ชื่อ คุณปู่แก้ว ธูสรานนท์ แต่งงานกับคุณย่า ทวี ธูสรานนท์ อยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอเดิมบางนางบวช แล้วมามีลูก ๆ อีกสี่คน คุณพ่อผม คนที่ 2 ชื่อ ดาบตำรวจ วันชัย ธูสรานนท์ แล้วก็มามีผม นรินทร ธูสรานนท์ แล้วก็น้อง ๆ อีกสองคน คุณพ่อกับคุณย่าเสียชีวิตไปร่่วม ๆ 20 กว่าปีได้แล้ว คุณปู่เพิ่งมาเสียชีวิตเมื่อ ปีที่แล้ว 2553 นี่ถ้าคุณปู่ผมมาเห็นความตั้งใจของคุณ twojay นี่ คงยิ้มไม่น้อยเลย ขอบคุณนะครับที่ให้ข้อมูลดี ๆ มายาวนาน เช่นนี้ ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ครับ
ป.ล.ผมก็คนหนึ่งละครับ ที่จะทำให้ประเทศไทยของเรา จารึกถึงสิ่งดี ๆ ที่ตระกูล ธูสรานนท์ ได้ทำไว้ สืบต่อไป

ดิฉันเป็นเหลนของ คุณทวดขจร ธูรสรานนท์ ซึ่ง คุณทวดเป็นลูกของพระยามีนบุรี กับ คุณทวดเจียน ณ สงขลา

ดิฉันเป็นหลานของคุณยาย ขวัญเดือน ธูสรานนท์ ซึ่งเป็นลูกของคุณทวดขจร และ คุณทวดเหลี่ยม ธูสรานนท์ อยากจะติดต่อ

คุณธูสรานนท์ตั้งแต่เกิด เผื่อว่า เราจะได้เป็นเครือญาติเดียวกันน่ะคะ เพราะตอนนี้ คุณยายขวัญเดือนเสียชีวิตไปแล้ว ดิฉันอยู่กับ คุณยายทิวากร ธูสรานนท์ หาก คุณอยากติดต่อกับดิฉัน สามารถ ส่งเข้าเมล apagorn17@hotmail.com ได้น่ะคะ

สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นเหลนของ คุณยายทวดนิยม แม้นวงศ์ ค่ะ จำได้ว่าในทะเบียนบ้านของคุณทวด ระบุว่าบิดาคือ พระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน มารดาชื่อ เปลื้อง ค่ะ พอจะมีท่านใดทราบรายละเอียดสายนี้ไหมคะ คุณทวดมีพี่สาวด้วยค่ะ

คุณตาทวดชื่อ ปลัด เพชร แม้นวงศ์ ค่ะ พวกเราอยู่ที่เชียงใหม่ แต่คุณตาคุณยายหลายๆท่านก็รับราชการอยู่กรุงเทพฯ ค่ะ คุณน้าท่านหนึ่งเป็นอดีตนางสาวไทยด้วยค่ะ

คุณทวดทั้งสองเสียชีวิตไปนานแล้วค่ะ แต่ดิฉันก็โตทันให้ท่านอบรมพอสมควรค่ะ ยังจำกริยาสง่างามสมเป็นผู้ดีของท่านได้ดีค่ะ

ขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ และดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รู้จักค่ะ

พระยามีนบาล (ขัน ธูสรานนท์) มีภรรยา ๔ คน คือ นางเจียม ณ สงขลา, คุณหญิงธัญญา, นางถนอม (มีลูกคนเดียว เป็นสายนายบัญชา ธูสรานนท์) และคนที่สี่ก็น่าจะเป็นคนนี้คือ "นางเปลื้อง"

อ่านข้างบนยังไม่ชัดเจนว่า ทวดขจร ธูสรานนท์ เป็นลูกของนางเจียม หรือคุณหญิงธัญญากันแน่

เคยได้ยินสายอดีตนางสาวไทย แสงเดือน แม้นวงศ์ ว่าเป็นหลาน แต่ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับสาย "ปิณฑะศิริ" ด้วยหรือเปล่า

สวัสดีค่ะ ดิฉันก็เป็นหลานของคุณย่านิยม แม้นวงศ์กับคุณปู่เพชร แม้นวงศ์ ก็จำได้ได้ว่าในทะเบียนของคุณย่าระบุว่าบิดาคือพระยามีนบุรีศรีมหาอุทยานกับนางเปลื้ยง แต่ก็ไม่ทราบรายระเอียดแน่ชัดเหมือนกัน อยากให้คุณสะพายเขียวช่วยหารายละเอียดให้ด้วยนะคะ อยู่เชียงใหม่ค่ะ

ชวดเปลื้อง ธูสรานนท์ (+ชวดพระยามีน) มีลูกสาวนอกจากย่านิยม แม้นวงศ์แล้ว มีใครอีกบ้าง

เคยฟังมาว่า อดีตนางสาวไทยเคยไปพักกับพลอากาศตรีมานพ สังข์พิชัย แถวที่ดอนเมือง ในนฐานะเครือญาติสายธูสรานนท์ แสดงว่าเป็นญาติกัน

จะลองสอบถามสายสังข์พิชัย เผื่อมีรายละเอียดเพิ่มเติม

ขอบคุณทุกท่านที่แชร์เรื่องราวที่มาของบรรพบุรุษอ่านแล้วทึ่งจริงๆค่ะเราก็เป็นสังข์พิชัยอีกคนหนึ่งที่คุณปู่ย้ายรกรากจากจังหวัดนครสวรรค์มาที่จังหวัดกำแพงเพชรยินดีที่ได้ทราบรากบรรพบุรุษค่ะ

ตอนนี้อัฐฐิของพระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน และคุณหญิงธัญญา รวมถึงนายอำเภอเนาวรัตน์ ธูสรานนท์ อดีตนายอำเภอค่ายบางระจัน จ.สิงหบุรี ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ บรรจุอยู่ด้วยกันที่กำแพงแก้ว วัดประยูรวงศาญาติครับ ไปกราบอัฐฐิได้ครับ

สวัสดีค่ะ ดิฉันอยากได้ประวัติและรูปของคุณชวดมีนไม่ทราบว่าจะหาได้จากที่ไหนหรือหนังสือชื่อว่าอะไรคะ เพราะหาตามห้องสมุดกับในเน็ตไม่ค่อยมีค่ะ ช่วยบอกหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ดิฉีนอยากทราบที่อยู่เบอร์โทร/อีเมล์ของคุณกำจรเดช
ธูรสรานนท์ เพื่อนเก่าที่จังหวัดเชียงรายเพราะไม่ไ้ด้ติดต่อมานานหลายปี อีเมล์ prathana642@gmail, prathana2010@windowslive.com ขอบคุณค่ะ

Test

เพจนี้หลายปีเเล้วสิน้ะ ปะวัติบรรพบุรุษ ^^

สวัสดีค่ะ ทุกคน
ดิฉันรู้สึกดีจังที่ได้รู้ประวัติของนามสกุลตัวเองและเครือญาติ ขอบคุณนะค่ะ
ดิฉันมีทวดชายชื่อเขียน ทวดหญิงชื่อน้อย(เมีย 1)
ซึ่งทวดเขียนมีพ่อชื่อสินค่ะ
ปู่ดิฉันชื่อมานิตย์ และย่ารัญจวน สังข์พิชัยค่ะ
ปู่ +ย่า มีลูกทั้งหมด 5 คน
ยินดีมากนะค่ะ ที่ได้รู้จักเครือญาติทุกคน

สุรัสวดี สังข์พิชัย

ดีจังเลยที่ได้รู้ประวัติของนามสกุลตัวเองดิฉันเป็นลูกสาวคนเล็กของพ่อชนิดแม่ปราณี ชาตรูประชีวิน อยู่ที่คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ค่ะ
ยินดีมากที่ได้รู้จักเครือญาติ

ดีจังเลยที่ได้รู้ประวัติของนามสกุลตัวเองดิฉันเป็นลูกสาวคนเล็กของพ่อชนิดแม่ปราณี ชาตรูประชีวิน อยู่ที่คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ค่ะ
ยินดีมากที่ได้รู้จักเครือญาติ

ประวัติพระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน (ขัน ธูสรานนท์) (๒๔๒๓-๒๔๙๙)

พระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน (ขัน ธูสรานนท์) เกิดวันอาทิตย์ที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๔๒๓ ตำบลบ้านกวย อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี บุตรนายคล้ำ ธูสรานนท์ (ความเป็นจริงสกุล “สุขุม” นี้ เจ้าพระยายม (ปั้น สุขุม) เป็นต้นตระกูล ทั้งๆ ที่ท่านเป็นบุตรคนเล็ก เจ้าพระยายมราชมีพี่น้องร่วมกันดังนี้

๑.ขุนเทพสุภา (ฉาย)
๒.คุณนิล สุวรรณศร
๓.พระยาสมบัติภิรมย์
๔.นายคล้ำ
๕.คุณหยา สังขพิชัย
๖.ท่านเจ้าพระยายมราช

ตามที่ถูกแล้ว ฝ่ายชายต้องเป็นสุขุมทุกคน เช่น หลวงอนุมัติราชกิจ พระสมานไมตรีราช และนายเกษม สุขุม ซึ่งเป็นลูกของหลวงอนุมัติราชกิจ ก็ใช้สุขุม และลูกของพระยาสมบัติฯ คือนายสิงห์โต สุขุม ส่วนพระยามีนฯ ซึ่งเป็นบุตรนายคล้ำ จะคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่เมื่อหนุ่มๆ ท่านเป็นบุคคลที่ออกจะดื้อ หรือบางทีอาจจะคิดว่านามสกุล สุขุมนั้น ได้พระราชทานเฉพ่านเจ้าพระยายมราช ท่านจึงคิดที่จะตั้งนามสกุลขึ้นใหม่กระมัง ท่านจึงเห็นว่าเราควรจะใช้นามสกุลให้แปลกกว่า จึงขอพระราชทานนามสกุลใหม่
จะแสดงให้เห็นหลักฐานเดิมในสัญญาบัตรพระราชทาน ให้เป็นหลวงกิจจานุรักษ์ ก็มีในวงเล็บว่า (ขัน สุขุม) ถึงกับผู้ที่รู้จักตระกูลดี เรียกเจ้าคุณมีนฯ ว่า “ขันใหญ่” และพระสมานว่า “ขันเล็ก”) และนางเพิ่มเกิดในสกุล ณ นคร

พระยามีนบุรีมีน้อง ๔ คน คือ
๑.นางเปลื้อง ธูสรานนท์
๒.นางริ้ว ธูสรานนท์
๓.นางเกลี้ยง ปิณฑะศิริ
๔.นางทองเติม ธูสรานนท์

และได้สมรสครั้งแรกกับนางสาวเจียน ณ สงขลา มีบุตรด้วยกัน ๕ คน คือ
๑.นางแฉล้ม ศุภศิริวัฒน์
๒.นายขจร ธูสรานนท์
๓.นางลำจวน นีละปัทมะ
๔.นาวาอากาศโท ขจาย ธูสรานนท์

ต่อมานางเจียน ธูสรานนท์ ได้ถึงแก่กรรม เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖ จึงได้สมรสใหม่กับคุณหญิงธัญญา มีนบุรีศรีมหาอุทยาน บุตรที่เกิดกับคุณหญิงธัญญา ๕ คน คือ
๑.นายบรรจง ธูสรานนท์ ****(หมายเหตุ ในที่มีรูปภาพ ไม่ปรากฏชื่อนายบรรจง ธูสรานนท์ แต่มีชื่อนายบรรจบ ธูสรานนท์**นายอำเภอเนาวรัตน์ ธูสรานนท์ จึงน่าจะเป็นลูกของสายคุณหญิงธัญญา***)
๒.จ.ส.ท.ชัยณรงค์ ธูสรานนท์
๓.นายจำลอง ธูสรานนท์
๔.นางประทุม ปิณฑะศิริ
๕.นายยงยุทธ ธูสรานนท์
นอกจากนี้ มีบุตรที่เกิดกับนางถนอม ซึ่งเป็นภรรยาคนที่ ๓ อีก ๑ คน คือนายประจัญ ธูสรานนท์

ประวัติในราชการ
แรกเข้ารับราชการเป็นแผนกสรรพากร มณฑลนครศรีธรรมราช สังกัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๒
วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๔๔๕ เป็นขุนอนุพัทนากร (ป.ท.)
วันที่ ๔ กรกฏาคม ๒๔๕๓ เป็นขุนภูมิสถานโลหเวทย์
วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๕๔ เป็นหลวงกิจจานุรักษ์
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๕๘ เป็นพระมีนบาลบูรณศักดิ์
วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๖๓ เป็นพระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน
วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๔๕๔ เป็นรองอำมาตย์โท
วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๔๕๕ เป็นรองอำมาตย์เอก
วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๔๖๐ เป็นอำมาตย์โท
.......................

ออกรับพระราชทานบำนาญประเภททดแทน พ.ศ.๒๔๖๘ ได้รับเชิญให้เลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลประเภท ๒ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๙

ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฏาคม ๒๔๙๙ เวลา ๐๐.๑๕ น. ด้วยโรคหัวใจวาย ท่ามกลางภรรยา บุตร ธิดา ด้วยอาการอันสงบ รวมอายุได้ ๗๖ ปี

ขอขอบคุณ ผู้ลงนาม"สะพายเขียว"ลงได้ถูกต้องและระเอียด
คุณแม่ของอดีตนางสาวไทยแสงเดือน แม้นวงค์ เป็นญาตกับตระกูลธูสรานนท์
คุณพ่อ(นายประจัน ธูสรานท์) เคยเชิญพี่แสงเดือน ฯ ไปโชว์ตัวที่เรือนจำฯลาดยาว ตอนนั้นพี่แสงเดือนฯ ได้เป็นนางสาวมา ประมาณ ปี พศ. 251..กว่า จำไม่ได้ ผมเป็นเด็ก เคยยกมือไหว้ เห็นตัวที่ไปบ้าน คุณพ่อประจันฯ บอกว่าแม่ของพี่แสงเดือนฯ มีศักดืเป็นหลาน
คุณพ่อประจันฯ เสียชีวิตแล้ว เมื่อ ๒ ปี ก่อน

ผมมีรูปภาพพระยามีนบุรีศรีมหาอุทยาน (ขัน ธูสรานนท์)
แต่ลงภาพในนี้ไม่ได้ ไม่รู้จะลงอย่างไร

ต้นสกุล สุขุม เป็นเพื่อนกันกับสกุลบำรุงราษฎร์ อย่างแน่นอน

ดีใจที่เราพี่น้องมากมาย เพิ่งมาเจอบล็อกนี้เพราะเพื่อนมาเจอ เลยมาอ่านดู

คุณยายดิฉันชื่อชื้น เป็นพี่สาวของหลวงประสาทศุภนิติ (ประมูล สุวรรณศร) เป็นบุตรีของหลวงอรรถสารสิทธิกรรม (บุ สุวรรณศร) คุณยายชื้นแต่งงานกับขุนไพบูลย์หิรัญรักษ์ (เล็ก สุนทรวิภาต) มีบุตรทั้งสิ้น 8 คนคือ
1. ลุงยงค์ สุนทรวิภาต เสียชีวิตแล้ว
2. ลุงเยียม สุนทรวิภาต เสียชีวิตแล้ว
3. ลุงหง่า สุนทรวิภาต เสียชีวิตแล้ว
4. ลุงสงค์ สุนทรวิภาต ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว แต่งงานกับคุณป้าเพิ่มสุข สกุลเดิม ณ ป้อมเพชร ( เป็นบุตรีคนหนึ่งของคุณหญิงเพ็ง) มีบุตรี 1 คนคือ คุณอัปสร มะมิพัน
5. อุษา สุวรรณเกิด คุณแม่ดิฉันเองปัจจุบันอายุ 92 ปี แต่งงานกับพ่อประมวล สุวรรณเกิด ปัจจุบันอายุ 97 ปี ปัจจุบันคุณแม่เริ่มเป็นอัลไซเมอร์ แต่ยังจำอดีตได้บ้าง
6. อำนวย สุนทรวิภาต อายุ 89 ปี
7. อำพน สุนทรวิภาต เสียชีวิตแล้ว
8. อารี สุนทรวิภาต อายุ 82 ปี ความจำยังดีอยู่มาก

เมื่อสมัยก่อน60ปีผ่านมามีหนุ่มเมืองสุพรรณ ขอใช้นามสกุล "ธูสรานนท์" และต่อมาได้เป็นพาณิชย์จังหวัด
คุณพ่อสกลลูกชายปู่เก๋เล่าให้ฟังครับ

เหล่า

เหล่า

คือญาติเยอะดีนะ อย่างน้อยที่สุดคือพวกเรามีเลือดก้อนเดียวกัน

ขอเป็นน้องใหม่ จากแดนไกล ในกลุ่มตระกูลธูสรานนท์ อีกคนน่ะค่ะ
หน่อยเอง ใช้นามสกุล “ธูสรานนท์” ตั้งแต่เกิด ปี 2509 เกิด ที่ ใกล้วัดบรมวงศ์
ตำบล สวนพริก จ.อยุุธยา คุณพ่อชื่อ วิเชียร ธูสรานนท์ [ท่านเสียชีวิตตอนหน่อย อายุ 8 ขวบ] หลังจากที่ทั้งครอบครัวเราอพยบจากบ้านเกิด เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพ เรียนต่อ ป.2 และ จบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ ม.กรุงเทพ ....มาประเทศเยอรมัน ศึกษา ด้านการโรงแรมที่นี่ และ ทำงานที่นี่จนปัจจุบันนี้ 29 ปีแล้วค่ะ
ตอนนี้พร้อมแล้วที่อยากจะสืบสาวถึงต้นตระกูล ธูสรานนท์ค่ะ
E.mail:Virang1@freenet.de