All Blog
เล่าเรื่องให้มิ้วฟัง......ตอนอ้วน....ผอม....
วันพฤหัสบดีที่ 14 มิ.ย. 55 เวลา 8.52 น. ณ.โต๊ะทำงาน
อายุครรภ์ 26 สัปดาห์ 5 วัน

ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษมิ้วที่เมื่อวานแม่ไม่ได้เขียนไดอารี่ถึงหนู เพราะแม่ต้องพามิ้วไปให้หมอตรวจที่คลีนิค
เลยไม่มีเวลาเขียนให้ แต่วันนี้แม่เขียนแต่เช้า เพราะรู้สึกผิดเล็กๆ
อัพเดทอาการประจำวัน ช่วงนี้มิ้ว ดิ้นแรง และบ่อย ดิ้นแรงแบบแม่เริ่มเกิดอาการเจ็บท้อง และมีอาการจุกในบางครั้ง
แต่ไม่เป็นไรขอแค่มิ้วดิ้นแม่ก็ทนได้เสมอจ่ะ สภาพพุงแม่ตอนนี้ น่าเกลียดมากๆ แตกลายเยอะทีเดียว
ทั้งๆที่แม่ทั้งทา ทั้งโบก ทั้งอาบครีม แทบจะตัวมันเป็นหมูตกมัน ก็ยังแตกลายงา แม่ล่ะเหนื่อยใจ
อาจเป็นเพราะแม่เป็นคนที่ไม่มีความยืดหยุ่นของผิวหนังเอาซะเลย แถมเป็นคนผิวแห้งมากๆ (ตอนนี้หน้ามันแผล่บๆ)
พุงแตกโดยที่ไม่ได้เตรียมใจ เยอะอย่างแรง และมีท่าทีว่าจะแตกไปเรื่อยๆ และใหญ่ขึ้นทุกวันๆ แม่เริ่มตรอมใจเล็กๆ
แต่ติดในแง่ดี(เอาเอง)ว่า เดี๋ยวพอคลอดแล้วแม่ค่อยไปหานวัตกรรมจัดการริ้วรอยบนพุงละกันเนอะ ตอนนี้ให้มิ้วได้ลั้นลา
อย่างเต็มที จะถีบ กระทุ้ง เตะ ต่อย เอาให้เต็มที่ แม่ไม่ว่าอะไรหรอกจ่ะ

เล่าเรื่องวันนี้กันดีกว่า มันก็เกิดจากรอยแตกที่แม่เล่าเนี่ยล่ะ รอยแตกพวกนี้เกิดจากผิวหนักแยกตัวออกจากกัน
เนื่องจากไม่สามารถยืดหยุ่นได้เพียงพอกับชั้นกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นภายใน (หรือชั้นไขมัน) จึงเกิดเป็นรอยแตกนั่นเอง
แม่เป็นคนมีรอยแตกลายงาแบบนี้ทั่วทั้งตัว (ยกเว้นใบหน้า เพราะหนามากทีเดียว 555) เพราะแม่เป็นคนที่อ้วนง่ายมากๆ
และผอมก็ง่ายด้วยเช่นกัน(แต่เป็นอัตรา 1:5 คือ ผอม:อ้วน) อาการที่เกิดกับแม่แบบนี้นั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้แม่มีรูปถ่ายหลากหลาย
อ้วนเป็นหมู ผอมเพรียว แวนเป็นหมูอีก ผอมลงมาหน่อย อะไรแบบนี้เรื่อยๆในช่วงชีวิตที่ผ่านมา
แม่อยากให้มิ้วเป็นเหมือนพ่อ ที่ไม่อ้วนง่าย และไม่ผอมง่าย แต่อาจจะเป็นเพราะอาหารที่พ่อกินด้วยจึงผอมง่ายและอ้วนยาก
แม่เองชอบกินแต่ของไร้ประโยชน์(รู้ตัวนะเนี่ย) พยายามแล้วที่จะเป็นคนที่เลือกอาหารมีประโยชน์แต่ก็แพ้ภัยตัวเองเสมอ

แม่เกิดมามีน้ำหนักไม่มากนัก ประมาณ 2700+ กรัม แต่ตัวค่อนข้างยาว (นึกไปนึกมาสภาพเดียวกับภาพที่เห็นมิ้วในท้องตอนซาวด์ 4 มิตินั่นเลย)
แม่เกิดมาเป็นเด็ก นน. ตามเหณฑ์ที่ค่อนมาทางเบา แต่ไม่ต้องอยู่ตู้อบ เพราะไม่มีอาการตัวเหลือง ปัญหาต่อมาคือแม่ไม่กินนมคุณยายเลย
แม่เองไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร อาจจะเพราะคุณยายไม่มีน้ำนม หรือหัวนมสั้น(เหมือนแม่) ก็เป็นไปได้ แม่จึงต้องกินนมผงมาตั้งแต่เกิด
ร่างกายของแม่ค่อนข้างสูงเร็ว เป็นเพราะคุณตากลัวแม่ตัวเตี้ย (เพราะคุณตากับคุณยายไม่ได้ตัวสูง) จึงอัดนมวัวให้แม่กินแทนน้ำ
และเสริมแคลเซียม(รูปไดโนเสาร์)ให้แม่กินเป็นประจำ แต่แม่ก็สูงได้แค่ 160 ซม. (ถ้าไม่กินแม่อาจจะสูง 150 ซม.ก็เป็นได้)
ช่วงวัยเด็กแม่เป็นเด็กผอม และขี้โรคอย่างมาก ประกอบกับเป็นเด็กเลือกกินมาก คุณยายพยายามหาอาหารมีประโยชน์ให้กิน
แต่แม่เองไม่ยอม จนคุณยายต้องตามใจเพราะเห็นลูกไม่กินอะไรเลย ดังนั้นอะไรก็ได้ที่ลูกกินได้ คุณยายก็จะยอมให้กิน ถึงแม้จะไม่มีประโยชน์ก็ตาม
แต่แม่เองก็ไม่โทษที่คุณยายให้กินของไร้สาระ เป็นเพราะตัวแม่เองที่ไร้สาระ ตามประสาเด็ก การกินอาหารต้องกินให้ครบ 5 หมู่
และต้องกินอาหารมีประโยชน์ ไม่เลือกกิน จะได้ไม่ลำบากตอนโต (แม่เองมามีปัญหาในการกินตอนโตเยอะมากๆ ซึ่งแม่จะไม่ยอมให้มิ้วเป็นเด็ดขาด)

แม่เป็นเด็กสูงยาวเข่าดี สูงจนอยู่เป็นตำแหน่งรั้งท้ายของห้องตั้งแต่ประถม จนถึง ม.1 หลังจากนั้นแม่ก็อยู่กลางๆ ค่อนไปทางด้านหน้า 555
แม่เป็นคนโตเร็วกว่าคนอื่น ประจำเดือนแม่มาตั้งแต่ ป.4 ขึ้น ป.5 อายุ10 ขวบเท่านั้นเอง นั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมแม่หยุดสูงเร็ว
(แต่แม่ก็ดีใจที่แม่สูง 160 ซม. เพราะไม่อย่างนั้นคงจะไม่ได้พ่อของหนูมาเป็นพ่อแน่ๆ เพราะพ่อก็สูงไม่เกิน 170 ซม 5555)
แม่ขี้โรคมาก จึงยิ่งผอมลงๆ ตอน ม.1 นี่แม่ไม่สบายเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ทั้งลำไส้อักเสบ กระเพาะอักเสบ และหลอดอาหารอักเสบ
ปัญหาเกิดมาจากการกินน้ำอัดลมมากเกินไป (แม่กินแทนน้ำเลย) ซึ่งแม่เคยนอนโรงพยาบาลตอนอยู่ประถมเอง (ไม่ดีเลยนะคะมิ้ว)
และปัญหาจากการที่กินไร้สาระนอกจากตัวผอม และโรคทางเดินอาหาร แม่ยังมีปัญหาเรื่องท้องผูกด้วย เพราะไม่กินผลไม้และผักเลย (แย่มากๆ)

พอแม่อยู่ ม.2 แม่ก็เริ่มที่จะอ้วนเป็นระยะแรก อาจเป็นเพราะอาการโรคที่เคยป่วยเบาลง แม่จึงกินได้มากขึ้น ช่วงนั้นแม่แฮปปี้มาก
กินทุกอย่าง และที่สำคัญกินของหวานกระจาย น้ำหวานด้วย แม่อ้วนมากขึ้นจน ม.3 ก็อ้วนขึ้นอีก นน. แม่ไม่ได้ชั่งเลย แต่อ้วนหน้ากลมบ๊อก
แม่เริ่มมารู้ตัวว่าแม่อ้วนตอนที่แม่มาตัดชุด ม.ปลาย เนี่ยล่ะ คนอื่นเค้าเอว 27 แม่ล่อไป 30-32 (ตอนนี้อย่าถามนะคะ 5555)
ตอนนั้นก็เริ่มมองละว่าตูอ้วนวุ้ย แต่ก็ไม่แคร์เพราะอารมณ์เหมือนเพิ่งขึ้น ม.ปลาย ชีวิตลั้นลามาก ทำกิจกรรมไม่เครียดอะไร
อีกอย่างเป็น รร หญิงล้วน แม่ก็ไม่รู้จะสวยไปอวดใคร อารมณ์นั้นเหมือนอีป้า อีเพิ้ง ไร้ความสวยอ้วนและหน้ามัน 5555
พอมาขึ้น ม.6 แม่ก็ไปแอบชอบผู้ชาย (แบบเริ่มเป็นสาวอ่ะนะ 555) แม่ก็เริ่มคิดเรื่องจะลด นน. และก็เริ่มลดอย่างจริงจัง
ตอนอยู่ ม.6 แม่ลดจาก 60+ ไปเป็น 52 หรือราวๆนี้ ตอนเข้า มหาวิทยาลัย แม่ลดไปจนใส่กระโปรงเอว 27 ได้ (ปลื้มมากๆ)
พอเข้า มหาวิทยาลัย ก็ยังคงลดอีก จนเหลือ 50 เบาสุดเคยเหลือ 48 (ผอมไปไหน -*-) แล้วช่วงเวลาเหล่านั้นก็หมดสิ้นไป
เมื่อแม่มาเจอพ่อของมิ้ว แม่เริ่มกินกระจาย (มากๆๆ) จากที่เคยหนัก 50 ก็ขึ้นไปเป็น 56 ตอนจบปี 4 พอเรียนจบแม่ก็เข้าทำงาน

ตอนมาทำงานแม่หนัก 60 ยังคิดว่าเนี่ยเป็น นน. ที่แม่ว่าเยอะมากแล้วในตอนนั้น (จริงๆทุกวันนี้จะลดไปให้ได้ 60 ก็ยากมาแล้ว 555)
พอทำงานมาเรื่อยๆ แม่ก็รู้สึกว่าแม่อ้วนไปละ ลด นน.ดีกว่า ตอนนั้นหนัก 65 แล้วก็ลดลงมาเหลือ 56
แล้วไม่นานแม่ก็กลับมาอ้วนอีกตามสไตล์คนชอบกิน 555 ยิ่งพออายุเยอะขึ้น การลด นน. มันยากเย็นแสนเข็นมากๆ
ไม่เห็นเหมือนสมัยเรียน แป๊บๆก็ผอมแล้ว อันนี้แม่ต้องพยายามนานมาก แม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว นน. ไปถึง 67
แล้วแม่ก็คิดได้ว่าต้องลดละ เพื่อจะแต่งงาน ช่วงนั้นแม่ทั้งควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้สวยในวันที่สวยที่สุด
แม่ลด นน. ไปจนถึง 56 อีกครั้ง แล้วน้ำก็ท่วม กทม. ช่วงนั้นแม่เครียดมาก ต้องไปลองชุดแต่งงาน ยิ่งลองก็ยิ่งหลวมๆ แม่เครียดมากจริงๆ
สุดท้ายแม่ต้องเลื่อนวันแต่งงานออกไปจากเดิม 19 พ.ย. 54 เป็น 16 ม.ค. 55 แต่วันที่จะเป็นวันแต่งงานแม่ก็เลือกที่ไปจดทะเบียนสมรสกับพ่อแทน
แม่ตั้งใจจะให้มิ้วมาเกิดตั้งแต่เดือน พ.ย. แล้ว อยากให้มิ้วอยู่ในพุงของแม่ในวันที่สำคัญที่สุด ซึ่งแม่ก็ไม่รู้ว่ามีมิ้วในวันนันจริงๆ 555
ตอนนั้นแม่เริ่มกินมากขึ้น แม่ไปเที่ยวพรี ฮันนีมูนกับพ่อที่หัวหิน เพราะแม่ซื้อพคเกจไว้กะว่าจะไปเที่ยวหลังแต่ง แต่กลายเป็นว่ายังไม่ได้แต่ง
แม่เลยต้องไปเที่ยวกัน สถานที่ค่อนข้างโอเค แต่แม่ก็ไม่ค่อยมองว่ามันสวยเท่าไหร่ 555 อาจเป็นเพราะมุมน้อยไปหน่อยและรีสอร์ทขนาดไม่ใหญ่มาก
ห้องพักสวยทีเดียว วันนั้นประจำเดือนแม่มา ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ามิ้วไม่ได้มาอยู่ในพุงของแม่ซะแล้ว แม่เลยตั้งใจว่าไม่เป็นไรละ ถ้าจะมาเมื่อไหร่
ก็เมื่อนั้นล่ะ ไม่ได้ตั้งใจเหมือนก่อนหน้าอีกแล้ว ช่วงนั้นแม่เริ่ม นน. ขึ้น แม่เริ่มเครียดว่าชุดที่แก้ไปคราวที่แล้วจะใส่ไม่ได้

พอขึ้นปีใหม่แม่จึงขอที่ร้านเช่าชุด(บอกลุกน้อง)ว่าขอลองอีกที แม่ยังใส่ได้แต่ปลิ้นพอควร 555 แม่ดีใจมากที่ยังใส่ได้ และย้ำกับเด็กที่ร้านว่า
ไม่ต้องไปบอกเจ้าของร้านนะว่าแม่แอบมาลอง ไม่งั้นเค้าจะบ่นเอา (โชคดีที่เจ้าของร้านยังไม่มา) ตอนนั้น นน.แม่น่าจะ 59-60 ขึ้นมาเกือบ 4 โล
แม่ก็ตั้งใจมากที่จะลดลงไปให้ได้ 56 เหมือนตอนไปลองชุด แต่ช่วงนั้นทำยังไงก็ไม่ลด แม่ลดไปได้แค่ 2 กิโล ในสองอาทิตย์ เหลือ 58
แม่เองก็เอะใจว่าทำทุกอย่างทำไมไม่ลง วันที่ไปลองรอบสุดท้ายแม่ใส่ชุดได้ และปลิ้นน้อยลง แขนก็เล็กลงแล้ว แค่นี้แม่ก็พอใจมากแล้ว
โดยที่หารู้ไม่ว่า มิ้วอยู่ในพุงแม่ไปเรียบร้อย 55555

หลังจากงานแต่งแม่ก็ไปฮันนีมูนแบบสมบุกสมบั่น เดินทางโดยรถทัวร์ไปเชียงใหม่ ต่อสองแถวจากเชียงใหม่ไปลำพูน อยู่ลำพูนมีเพื่อนของพ่อ
พาเที่ยวในตัวเมือง วันต่อมานั่งรถจากลำพูนเข้าเชียงใหม่ นั่งรถจากขนส่งอาเขตไปงานพืชสวนโลก เดินเที่ยวถ่ายรูปทั้งวันและนั่งรถกลับมาอาเขต
พักผ่อน เดินทางขึ้นรถตู้ไปปายแต่เช้า นั่งรถตู้ 4 ชม ทางวกวน ไปปาย เช่ารถมอเตอร์ไซค์เที่ยวทั่วปาย กระโดด เดินขึ้นเขา วิ่งไปนู้นไปนี่
แล้วคืนนั้นแม่ก็มีเลือดสีน้ำตาลออกมา แม่คิดว่าแม่จะมีประจำเดือน เพราะแม่พกผ้าอนามัยมาเยอะมาก เพราะมีอาการเหมือนประจำเดือนจะมา
แม่เลยใส่ผ้าอนามัยแล้วไปโพสในเฟซบุ๊คถามพี่ๆเพื่อนๆว่า เอ๊ะนี่มันอาการอะไรนะ บางคนบอกเลือดล้างหน้าเด็กหรือเปล่า แม่ก็เอาแล้ว
ตายแน่ ถ้าท้องขึ้นมาแม่อยู่ที่ปาย แล้วต้องไปต่อที่แม่ฮ่องสอนอย่างลำบากเลย แม่จะทำยังไงดี แต่ตอนนั้นก็คิดนะว่าไม่ใช่หรอก จะไปท้องได้ยังไงกัน
เช้ามา เลือดจางลงออกมาบางๆ แม่ก็ยังคงซ่านั่งมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวต่อ และรอขึ้นรถไปแม่ฮ่องสอน ตอนแรกแม่ก็นึกว่าจะมีรถตู้ ไปๆมาๆบอกไม่มีหรอก
ต้องรอสองแถวไป แม่ก็รอสองแถว (แม่ไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ที่ตรวจก็เสียอีก -*-) นั่งสองแถวกันนานมากทีเดียว มีทหารมาตรวจบัตรตลอดทาง
เพราะเหมือนเป็นช่องทางที่ชาวไทยใหญ่กับพม่าจะเข้าเมืองไทยหรือออกจากเมืองไทยทางนี้ พอไปถึงแม่ก็นั่งสองแถวเล็กขึ้นไปบนอ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง
หนาวมากบนนั้น แม่ไม่ได้พักข้างใน พักข้างนอก ตอนเช้าเค้าให้ไปดุนู้นนี่ พระอาทิตย์ทะเลหมอก ตอนเช้าแม่เหมือนคนจะไม่สบายทั้งหนาวมาก
และไข้จะขึ้น แม่บอกพ่อว่าแม่ไม่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนะ รอให้หายหนาวค่อยไป (แต่ไม่เห็นจะหายหนาวซักนิด หนาวไปมั้ยคะ)
แม่ออกจากบ้านไปหลังกินข้าวเช้าอุ่น ตอนเช้าแม่ไม่ค่อยอยากกินอะไรเริ่มมีอาการเวียบหัว เหม็นอาหาร แม่คิดในใจเอาแล้วๆ เหมือนในละครเลย
แม่ก็ยังคงเดินไปในปางอุ๋ง แบบหนาวๆ ถ่ายรูปๆ แล้วก็กลับออกมา รอสองแถวมารับ และต้องมีภารกิจนั่งรถตู้จากแม่ฮ่องสอนกลับเชียงใหม่
จำนวน ชม. อย่าให้แม่นับเพราะมันนานมากและช้ำใจสุดๆ เพราะทางสุดยอดน่าอ้วก แต่แม่ไม่อ้วกเลยนะทั้งไปทั้งกลับเก่งสุดๆ 5555
มีพักที่ปายแป๊บนึง แม่ก็ลงไปซื้อของฝากไปฝากพี่ที่ทำงานซักหน่อย แล้วก็แวะไปซื้อที่ตรวจครรภ์ (ร้านเดิม) สรุปไม่ขึ้นขีดอีกละ เพลียๆๆ
พ่อมิ้วบอกว่าไม่ต้องซื้อรุ่นนี้แล้ว แต่แม่บอกก็แม่เครียดนี่ เหมือนมิ้วจะยังไม่อยากให้แม่รู้ว่ามีหนูในท้องของแม่ เลยไม่บอกให้แม่รู้ชิมิลูก

นั่งรถด้วยความยาวนานถึง เชียงใหม่ พ่อของมิ้วก็ไปเดินหาที่ตรวจตั้งครรภ์ให้แม่ ก็ไม่มีเลยไม่รู้อะไรจะพร้อมกันแบบนี้ แม่บอกช่างมั้น
เดี๋ยวไปตรวจ กทม. ละกัน แม่ก็นั่งรถทัวร์ไป ใจก็จับท้องไปคิดว่า หนูมาเกิดจริงๆใช่มั้ยเนี่ย แม่รอหนูอยู่นะ นั่งรถไปก็แอบเจ็บท้องน้อยไปด้วย
เลือดก็ยังมีออกมาเป็นสีน้ำตาลจางๆ แต่บางลงแล้ว ตอนกลางคืนมีพักกินข้าว แม่ก็ไม่กินเหม็นไปหมด แม่คิดเอาแล้วๆ ชัวร์แน่ๆ แต่ไม่มีอะไรยืนยัน
พอถึง กทม. แม่ลงรถปุ๊บ วิ่งเข้า 7/11 ปั๊บ แต่แม่เจ้า.....ก็ยังเหลือรุ่นเดิม ที่ตรวจแล้วมันเจ๊ง แม่คิด มันคงไม่เป็นเหมือนกันหมดหรอก ปาย กทม มันคนละที่กัน
แม่เข้าห้องน้ำไป ใจตุ้มๆต่อมๆ สรุปเสียอีกอัน แม่เสียค่าที่ตรวจไปรวม 500 บาท 3 อัน แต่ไม่ได้อะไรซักนิด เจ็บใจสุดๆ
ไม่เป็นไรแม่คิด เอาน่าเดี๋ยวเราไปตรวจแถวบ้านเพราะแถวบ้านเป็นแบบราคาถูกและแม่นยำมากๆ 555
แม่นั่งแท็กซี่กลับบ้าน ไปถึง 7/11 ซื้อที่ตรวจไปเลย 2 อันด้วยความแค้น (อันละ 45 บาท ซื้อสองอันแค่ 90 เอง)
กลับไปถึงบ้านก่อนอย่างอื่นอย่างใด แม่ไปตรวจฉี่ ฉี่ซะ จุ่มเลย ไม่ถึง 2 วิ สองขีดเข้มปี๋ แม่ดีใจมากเรียกพ่อมิ้ว บอกเธอจะได้เป็นพ่อแล้วนะ
พ่อมิ้วบอกจริงหรอ แม่ถ่ายรูปอัพเฟซบุ๊คทันที ตามนิสัยคนขี้อวด 555 เพื่อนๆมาร่วมยินดี และแม่ก็หาข้อมูลว่าจะไปฝากครรภ์ที่ไหนดี
สุดท้ายก็ได้คลีนิคที่แม่เล่าไปในตอนก่อนหน้า และเรื่องราวที่เล่าในนั้น

พิมพ์ไปพิมพ์มาตกลงมันเรื่องอ้วนผอมตรงไหนเนี่ย 555 คือมันเป็นวัฏจักรของแม่ที่จะอ้วนแล้วผอมแล้วอ้วนแล้วผอม
ตอนนี้แม่หนัก 75+ เพราะท้องมิ้ว และแม่คาดว่าก่อนคลอด แม่คงจะ 80+ แน่ๆ แม่ต้องพยายามลด นน. ให้กลับมาเหลือ 60 ให้ได้
แต่แม่คิดว่าแม่ทำได้ แม่ไม่อยากให้มิ้วอายเพื่อนที่แม่อ้วน และแม่ไม่สวย (ตอนนี้แม่ไม่สวยเลย สิวเต็มหน้า และหน้าเละมาก)
แม่เลยจะมาเล่าให้มิ้วฟังว่า ความผอมความอ้วนเนี่ย อย่างแรกเลยขึ้นอยู่กับพันธุกรรม ซึ่งแม่ไม่รู้ว่ามิ้วจะเลือกของพ่อหรือไม่ไป
ถ้าเลือกของแม่ โอกาสอ้วนผอมแบบแม่มีแน่นอน แต่มิ้วน้อยอาจจะไม่อ้วนเพราะแม่จะให้หนูกินแต่ของมีประโยชน์ ไม่ใช่แม่คิดว่าอ้วนแล้วไม่ดี
แต่แม่ไม่อยากให้หนูกินอะไรไร้สาระเหมือนตอนที่แม่เด็กๆ อยากให้หนูกินอะไรได้หมดทุกอย่าง และสามารถไปอยู่กับใครก็ได้ อย่างไม่ขัดขืน
ถ้าเลือกของพ่อ หนูจะเป็นเด็กที่แทบจะไม่มีโอกาสอ้วน 555 ซึ่งก็ดีกว่ามากมาย แต่พ่อของหนูไม่กินอะไรไร้สาระแบบแม่ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุนี้มากกว่า
ยังไงแม่จะพยายามเลี้ยงหนูให้เป็นเด็กที่มีสุขภาพดี ไม่อ้วน ไม่ผอม กินง่าย อยู่ง่าย และไม่เรื่องมากกับใคร หนูจะเป็นเด็กสุขภาพกายแข็งแรง
และสุขภาพจิตแข็งแรงเช่นกัน แค่นี้ล่ะที่แม่และพ่อต้องการจ่ะ

วันนี้แม่ขอเล่าแค่นี้นะจ๊ะ เรื่องอาจจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ก็เกี่ยวกับเรื่องอ้วนๆผอมๆนี่ล่ะ 555
รักมิ้วเสมอ
จาก พ่อทรและแม่กีฟท์


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket



Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket

Photobucket


Photobucket




Create Date : 14 มิถุนายน 2555
Last Update : 14 มิถุนายน 2555 18:00:49 น.
Counter : 1495 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tungift
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เดือน 9 นี้จะได้เห็นหน้าลูกสาว "น้องมิ้ว" ของแม่แล้ว