หนึ่งนั้นเป็นนักปั้นน้ำตาล อีกหนึ่งเป็นนักปั้นสินค้า
เจอทั้งสองห่างกันสองวัน ที่แม่กลอง และที่อัมพวา
หนึ่งแรกคือ ลุงนักปั้นน้ำตาล
ลุงเป็นคนนครสวรรค์ ไม่ได้เรียนหนังสือ ปั้นน้ำตาลมาเรื่อยๆตั้งแต่อายุ 22
จนตอนนี้ปั้นมา 50 ปีแล้ว ลุงอายุ 72 เกิดปี พ.ศ. 2483
ลุงบอกว่าคนจังหวัดนครสวรรค์ตายแล้วไม่ตกนรก
เพราะเป็นสายตรงไปสู่สวรรค์เลย ลุงเริ่มฮา
ได้ข้อมูลหลายอย่าง แต่ลืมถามชื่อลุง ว่าชื่อเรียงเสียงใด
เลยต้องให้ลุงชื่อลุงไปก่อน อิอิ ปัจจุบันลุงอยู่ที่สมุทรสาคร
นั่งรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง มาปั้นน้ำตาลที่ตลาดร่มหุบ
เพิ่งมานั่งประจำการปั้นน้ำตาลกรอบที่ตลาดร่มหุบได้ไม่นาน
ใครอยากเจอตัวจริงเจอได้ช่วงเช้าจนถึงราวๆบ่ายสอง
(เพราะลุงต้องขึ้นรถไฟกลับรอบประมาณบ่ายสาม)
ตอนแรกเดินผ่านลุงไปแล้ว นึกไปนึกมาน่าเอาเรื่องน้ำตาลปั้นมาลงในบล็อก
และในยุคนี้เราแทบไม่ได้เห็นคนปั้นน้ำตาลแบบนี้เลย จึงเดินย้อนกลับมา
มีคนรอน้ำตาลปั้นของลุงอยู่กลุ่มย่อมๆราวห้าถึงหกคน
ลุงอารมณ์ดี ปล่อยมุขตลอด ปั้นจระเข้แล้วใส่ถุงพลางหันไปหาลูกค้า
แล้วพูดว่า ถือดีๆหล่ะหนูระวังมันดิ้นหลุดจากถุง ลูกค้าก็ฮากันไป
พ่อค้า แม่ค้าร้านข้างๆชอบตะโกนแซว ปั้นเร็วๆหน่อยลุงมัวแต่โม้
ลุงบอกว่า แก่แล้วจะให้เร็วไปไหน ต่อล้อต่อเถียงกันพอหอมปากหอมคอ
ลุงยื่นน้ำตาลกรอบมาให้เราชิม เราเอานิ้วพับ โดนลุงดุ ลุงบอกอย่าพับ กินแบบชิ้นยาวๆเลย
พี่ผู้หญิงพอได้ดอกกุหลาบที่รออยู่ บอกลุงไม่ต้องมัดยาง เดี๋ยวมัดเอง เป็นแม่ค้าเหมือนกัน
พอมัดผิด ลุงแกหันมาเอ็ดเอา (แบบฮาๆ) โอ๊ย ไหนบอกว่าเป็นแม่ค้า ไม่เป็นเอาซะเลย
ว่าแล้วแกก็มัดให้ดู ว่าต้องอย่างนี้ ดึงยางทีเดียวหลุด แหมเคล็ดลับลุงมีเพียบ
ลุงบอกว่าปั้นได้ทุกอย่าง เราเลยขอสิงโต ลุงบอกปั้นไม่ได้ 555
อ้าวลุง เอ๊ะ ตกลงปั้นอะไรได้มั่งนี่ (เรานึกในใจ) เราเลยขอไก่แทน
สุดท้ายลุงเลยปั้นไก่นกหวีดให้เรา เริ่มจากจกน้ำตาลขึ้นมาเป็นก้อน
แล้วเริ่มปั้นเป็นรูปทรงไก่ ใส่ตา ใส่หงอน
ลุงเอาปล้องอ้อมาแหย่เข้าที่ตัวไก่ แล้วเสียบต่อท่อเป่าลมเข้าไป
ไก่พองออก กลายเป็นไก่ตัวอ้วนกลม สมบูรณ์แบบ
แต่ยังไม่มีเสียง ลุงใส่ลิ้น (น่าจะทำมาจากใบไผ่) เข้าไปที่ปล้องอ้อ
แล้วลองเป่าดู เสียงดังแบบนกหวีดพลาสติกที่เราคุ้นเคยเลย
ตรงเท้าลุงนั่นเป็นที่สูบลมแบบเท้าถีบ เราเองก็เพิ่งจะเคยเห็น
ส่วนใต้รางน้ำตาลนั่น มีความลับซ่อนอยู่ มันเป็นเตาถ่าน
ที่ส่งความร้อนมาที่น้ำตาล เพราะถ้าปล่อยน้ำตาลไว้จนเย็น
น้ำตาลก็จะแข็ง หยิบจับขึ้นมาปั้นไม่ได้
เป็นบุญตาและ บุญสมองกับความรู้ใหม่ๆ จริงๆ
ลุงทดสอบเป่าไก่นกหวีดฝีมือตัวเองให้ลูกค้าฟัง
แล้วลุงก็เล่าเรื่องลูกค้าที่พูดจาไม่ค่อยเข้าหูกับลุง ลุงมีวิธีตอบโต้
แต่เราเอาออกอากาศไม่ได้ เพราะลุงพูดซะเราเก้อๆ เขินๆกับความแรงส์ของลุง
แหม ช่างตรงไปตรงมา ดุเด็ด และแสบทรวงเหลือเกิน เหอๆๆๆ
จ่ายตังค์พร้อมทิปเล็กๆแล้ว เราเดินประคองน้องไก่นกหวีดมาอย่างดี
ไปนู่นนี่นั่นอีกหลายที่ ท้ายสุดกำลังจะขี่จักรยานกลับบ้าน
ที่ล็อคล้อจักรยานดันดีดหัวไก่จนหลุดในเสี้ยววินาที
อุตส่าห์ถือและประคองมาอย่างดี สุดท้าย ไก่ตัวนี้ดันมาตายเอาตอนเกือบจบเรื่อง
ว่าจะเก็บไว้ให้หลานๆดูซะหน่อย เด็กๆคงยากที่จะได้เห็นของแบบนี้
แม้ไก่จะจากไป แต่เรายังจำความสุขของลุงระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี :-)
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หนึ่งสุดท้าย รายที่สอง เป็นน้องนักปั้นสินค้าหรือพ่อค้าขายของนั่นเอง
พ่อค้ารายนี้ไม่ได้ชื่อลุง แต่ชื่อเก่ง- ภาณุพงศ์ กิตติลิขิตศักดิ์
(แกะชื่อภาษาอังกฤษตามนามบัตร ขออภัยหากผิดพลาด และสะกดผิด)
น้องเก่งเป็นคนบ้านโป่ง ราชบุรี จบวิศวะมา แต่หันมาเอาดีด้านค้าขาย
ดูอารมณ์ตอนแรกนึกว่าจบจิตรกรรม หรือจบทางศิลปะ
มาประจำการขายของที่อัมพวา เรามาเดินหลายรอบ
แต่ไม่เคยเดินผ่านมาทางซอยนี้เลย (แถมเจอร้านอาหารริมน้ำสุดอร่อยด้วย)
เพราะร้านตกแต่งด้วยข้าวของย้อนยุค แบบที่เราชอบ
เราจึงเดินเข้าไปยลให้เต็มตา พร้อมชักภาพเก็บไว้
เห็นภาพในหลวงกับพระราชินี มีทั้งแบบเก่า และแบบกราฟิค
เลยพูดคุยสอบถามน้องเก่ง จากนั้นเลยได้พูดคุยกันหลายเรื่อง
หนึ่งในหลายๆเรื่องนั้นคือเรื่องในหลวง
เก่งบอกเราว่า สะสมรูปเก่าๆของในหลวง บางรูปมีไว้เพื่อเป็นสิริมงคล ไม่ได้ขาย
เก่งรู้จักอดีตข้าราชบริพารท่านหนึ่งที่เคยทำงานในวังมาก่อน
ข้าราชบริพารท่านนี้เคยใช้ผ้าขาวม้ารองให้ในหลวงทรงเสด็จผ่านแอ่งน้ำ
แล้วเก็บผ้าขาวม้าผืนนี้ไว้บนหิ้งบูชาอย่างดี แถมผู้ใหญ่ท่านนี้
ยังได้ตัดแบ่งผ้าขาวม้ามาให้เก่งด้วย ฟังแล้วปลาบปลื้มใจแทน
เก่งบอกว่ารักในหลวงเพราะความดี สิ่งดีๆที่ในหลวงท่านทรงทำให้กับคนไทย
เก่งเชื่อว่าสิ่งไม่ดีไม่อาจทำให้ในหลวงทรงระคายเคืองได้ เราเองก็เชื่อเช่นนั้น
คุยกันแค่นี้ก็มากพอแล้วที่ทำให้เราอยากเอาเรื่องของเก่งมาลงไว้ในบล็อก
ร้านของเก่งขายของหลายอย่าง เสื้อผ้า เคสไอโฟน รูปภาพในกรอบรูปเคลือบ
ของสะสมของเก่าหลายอย่าง (อย่างหลังไม่แน่ใจว่าขายหรือประดับร้าน)
มีเสื้อยืดสกรีนเก่งทำเอง ลาย เรารักในหลวง
รายได้สิบบาทเมื่อบวกกับราคาเสื้อแล้วเอาไปทำบุญที่วัดพระบาทน้ำพุ
แน่นอนเราไม่พลาดช่วยอุดหนุน คนที่รักในสิ่งเดียวกัน
วันนั้นก่อนออกจากร้านฝนตกพอดี ยืนรอไม่นานฝนก็หยุด
เราออกจากร้านด้วยความรู้สึกเดียวกับตอนเดินมาจากร้านลุงนักปั้นน้ำตาล
ประโยคหนึ่งผุดขึ้นในใจ เฮ๊ดในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่เฮ๊ด
นอนหลับฝันดี สวัสดีพี่น้องชาวไทย