เที่ยวโตเกียว ตอนที่ 5 ลากขาชมเมืองก่อนกลับ
6 มิถุนายน 2556

 หายหน้าไปนาน อยู่ในช่วงเปิดเทอมครับ เลยเตรียมอะไรนิดหน่อย (อ่านดูแล้วเหมือนเป็นนักศึกษา) เอาเป็นว่าตอนนี้จะรวบยอดเที่ยวโตเกียววันที่ 5 และวันที่ 6 เลยนะครับ

สำหรับการเที่ยวโตเกียวในวันที่ 5 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ผมวางโปรแกรมอย่างหนักหน่วงเอาไว้ คือ เช้าไปสถานีโตเกียว สายๆเดินเล่นแถวพระราชวังอิมพีเรียล กลางวันไปชมวิวโตเกียวมุมสูงที่อาคารที่ว่าการมหานครโตเกียว ในชินจุกุ บ่ายแวะไปดูโตเกียวทาวเวอร์ บ่ายแก่ๆไปฮาราจุกุ แล้วเย็นๆก็ไปปิดท้ายแถวชิบูย่า ครับ

ส่วนโปรแกรมของวันที่ 6 เป็นการเก็บตกครับ เนื่องจากฝนตกเลยไม่ค่อยจะเที่ยวไหน เช้าแวะไปอะซาคุสะยามไม่มีเทศกาล แล้วก็บ่ายๆไปเดินชมแมงมุมยักษ์ที่รปปงงิ และวันที่ 7 ก็เที่ยวปุตราจายา มาเลเซียครับ



ตอนเช้า หลังจากฝากท้องไว้ที่ Lawson ใกล้ๆที่พักแล้ว ก็ซื้อบัตร 1 Day สำหรับ Toei และ Metro เหมือนเดิมครับ ต่อสายไปลงที่สถานี Tokyo ได้เลย ขึ้นตรงทางออก Marunouchi North ก็จะเห็นสถานีโตเกียวแล้วครับ



เมื่อเดินขึ้นมาแล้วก็จะพบกับตึกสถานีโตเกียวเป็นตึกอิฐแดง ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมในสไตล์ยุโรป พอมองร่วมกับธงญี่ปุ่นด้านหน้าตึกแล้วก็ให้ความรู้สึกว่า ตึกยุโรป กับ ธงญี่ปุ่น ทำไมถึงได้ดูเข้ากันได้ดีจัง









ด้านในตึกก็สวยนะครับ



ตอนแรก มุดลงสถานีรถไฟฟ้า จะเดินไปออกทางสถานี Nijubashimae (สะพานแว่นตา) แต่เดินหลงทางอีกแล้วครับ ที่สำคัญ เดินหลงย้อนกลับไปอีกสถานี ฮ่าๆ เลยต้องนั่งรถไฟฟ้ากลับมาที่เดิม ก็เลยเดินขึ้นมาใหม่ ดูจากแผนที่แล้วก็แค่เดินจากหน้าสถานีรถไฟโตเกียวตรงไปข้างหน้าไม่นานก็ถึงพระราชวังอิมพีเรียลแล้ว ถ้างั้นก็เดินข้างบนแล้วกันนะครับ







ตามทางมาแล้วก็จะพบกับส่วนรั้วของสวนพระราชวัง ตรงจุดนี้ ถ้าเดินไปทางซ้ายก็จะถึงสะพานแว่น ถ้าเดินไปทางขวาก็จะถึงทางเข้าชมสวนในพระราชวังครับ



ทางเข้ามีหน้าตาแบบนี้ เราเข้าไปชมสวนของพระราชวังกันเลย





เข้าไปแล้วก็รับบัตรนี้ครับ อย่าทำหายนะครับ ตอนออกต้องคืน ไม่อย่างนั้น ............. ไม่รู้เหมือนกัน แหะๆ (แป่ว)



ชมสวน ชมนก ชมไม้









สวนแถวนี้ มีคุณปู่จิตรกร หลายคนมาตั้งขาตั้งวาดรูปสวนญี่ปุ่นด้วย (เป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยมากจริงๆเลยครับ) บางทีก็ไปยืนแอบดูสวนในภาพของปู่ๆ วาดได้งดงามทีเดียว แต่โลเคชั่นเดียวกัน ทำไมภาพของปู่ๆวาดไม่เลยกันเลยแหะ ฮ่าๆ







มีเวลาไม่มากนัก และก่อนที่จะเดินหลงลึกไปกว่านี้ ขอตัวเดินออกมาก่อนนะครับ เดินกลับมาจุดเดิมเมื่อกี้ แล้วเดินไปทางซ้าย ไม่ไกลกลับ แค่ขาลาก เราก็จะไปถึงสะพานชื่อดัง สะพาน Nijubashi นั่นเอง ตัวสะพานจะสะท้อนกับน้ำทำให้เห็นเป็นวงกลมสองวงเหมือนแว่นตาครับ แต่...  ทำไมเห็นแต่พืชน้ำลอยฟ่องไปหมดเลย



สวนบริเวณนั้นจะมีแต่ต้นนี้ครับ  ต้นอะไรระบุไม่ได้ แต่มันทำให้สวนหญ้าเบื้องหน้านั้น ดู ญี่ปุ่นมากกก



กลับมาลงสถานี Marunouchi (เดินขาลากเหมือนเดิม) แล้วก็นั่ง Marunouchi Line ต่อไปลงสถานี Shinjuku เปลี่ยนสายเป็น Oedo Line นั่งอีก  1 สถานีไปลงที่ Tochomae ครับ (ซึ่งก็อยู่ละแวกเดียวกับชินจุกุนั่นเอง) ที่ชินจุกุนี้ไม่ได้พาไปเที่ยวนะครับ แต่จะพาไปชมวิวบนอาคารที่ว่าการมหานครโตเกียวกัน พอออกจากสถานี Tochomae แล้วก็จะมาโผล่แถวๆนี้ครับ



แต่เมื่อเราหันหลังกลับ เราก็จะพบว่าสถานี Tochomae นั้น อยู่ใต้อาคารที่ว่าการมหานครโตเกียวนี่เอง เดินอ้อมไปนิดนึงก็จะเห็นทางเข้าอาคารครับ





เดินเข้ามาแล้วก็เดินเข้าไปใต้ตึกสูงๆเลยครับ เราสามารถเข้าไปชมวิวได้ฟรี ไม่ต้องง้อหอสกายทรี หรือหอโตเกียวก็ได้  ที่นี่จะมีทางเข้าให้สองทาง คือตึกเหนือ กับตึกใต้ ตึกเหนือเหมาะกับการชมวิวยามค่ำคืนครับ ส่วนตึกใต้ ขึ้นตอนกลางวัน ถ้าวันไหนสภาพอากาศดีๆก็จะเห็นท่านฟูจิด้วย เรามาตอนกลางวันก็ไปชมวิวตึกใต้กันดีกว่า ให้เจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าสักหน่อย แล้วเข้าคิวรอขึ้นลิฟท์ไป 45 ชั้น (ลิฟท์เร็วจนหูอื้อเลย) แล้วก็จะพบกับวิวโตเกียว 330 องศา (โดนฝั่งทางตึกเหนือบังไปหน่อย)









มุมนี้เลยนะ ตรงเส้นขอบฟ้าด้านขวาๆหน่อย เห็นท่านฟูจิไหม (ไม่!) ....โอเคจบ ข้าม!



ลงดีกว่า ไหนๆก็มาชินจุกุแล้ว เดินเล่นข้างล่างสักนิดหน่อย









เดินมา  1 สถานี มาลงสถานี Shinjuku นึกขึ้นได้ว่า ทำไมไม่ไปดูหอโตเกียวก่อน เดี๋ยวฝนตกแล้วจะแกร่ว ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเลยครับ เราก็นั่ง Oedo Line เหมือนเดิม มาลงที่สถานี Akabanebashi ออกทางประตู Akabanebashi เดินขึ้นมา มองขวา แล้วมองซ้าย โอ้ว! นั่น! โตเกียวทาวเวอร์ ที่เคยเห็นในอนิเมะโดราเอม่อนตั้งแต่เด็ก แค่แว้บแรกที่เห็น แหม่! ความกินใจมันมากกว่า ที่เห็นสกายทรีอีกนะครับ มันเหมือนเป็นความผูกพัน  น้ำตาคลอเลยทีเดียว (ฝุ่นเข้าตา ลมแรงชะมัด)



เดินตามหอคอยไปราวกับต้องมนตร์



เดินผ่านวัดนี้ กำลังจัดงานอะไรหรือเปล่าทำไมเหมือนมีตำรวจยืนอออยู่หน้าวัดเต็มไปหมด งั้นไม่เข้าไปดีกว่า (ตำรวจออกมาหลังจากถ่ายรูปนี้ครับ ไม่ต้องตกใจ)



เอาล่ะ เดินตามเสียงเพรียกจากก้นบึ้งของเครื่องในมาถึงใต้โตเกียวทาวเวอร์จนได้ มาเอามือจิ้มๆแถวๆฐานของหอคอย แล้วตะโกนในหัวใจว่า “ได้เห็นแว้ววว”





มองมุมกลับ ปรับมุมมอง





นั่งรถไฟมาเปลี่ยนสาย Chiyoda Line มาลงที่สถานี Meiji-jingumae เพื่อมาสู่ย่านฮาราจุกุครับ วันนี้ก็วันอาทิตย์พอดี แต่มันแต่ไปทำซึ้งกับหอโตเกียว เวลาในขณะที่มาถึงก็บ่ายสามแล้ว แล้วจะได้เห็นมนุษย์คอสเพลย์ที่สะพานจินกุไหมเนี่ยยย

เห็นอยู่สองคน



ที่เหลือ สะพานจินกุโล่งเลยครับ ฮ่าๆ



เอาล่ะครับ ข้ามสะพานไป สู่ความเงียบสงบอันไกลโพ้น ที่ศาลเจ้าเมจิครับ (เดินไกลจริงๆนะครับ กล้ามเนื้อขาแทบฉีก) เดินไปก็จะเจอเสาประตูไม้ แสดงว่าไปถูกทางแล้ว ตรงเข้าไปเรื่อยๆก็จะถึงศาลเจ้าครับ











ฝนเริ่มจะตกเล็กน้อยแล้ว รีบกลับไปเก็บรูปที่สุดท้ายของวันนี้กันดีกว่านะครับ นั่นก็คือที่ชิบูย่าครับ แน่นอนว่าสถานที่เช็คอินของเราก็คือ พี่สุนัข ฮาจิโกะ นั่นเอง จากฮาราจุกุ เราก็นั่ง Fukutoshin Line ไปลงที่สถานี Shibuya ได้เลยครับ ออกทางออก 8 เดินออกมา แล้วก็มาโผล่ถนนเส้นนี้ครับ



เดินย้อนอ้อมมาหน้าห้างโตคิวมาก็จะพบกับ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะครับ ฮาจิโกะเป็นสุนัขที่ชอบออกมารอเจ้านายที่สถานีชิบูย่าแห่งนี้ จนกระทั่งเจ้านายเสียชีวิต มันก็ยังรอตลอดมากว่า 9 ปี จนเป็นที่กล่าวขานถึงความซื่อสัตย์กตัญญูของมัน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของที่แห่งนี้ไปเลย ทุกวันนี้ก็เป็นจุดนัดพบเวลาใครนัดเจอกัน ก็มักจะไปรอหน้าฮาจิโกะ แต่ถ้าหน้าฮาจิโกะคนเยอะ ก็ไปรอตรงหางฮาจิโกะก็ได้ครับ แหะๆ





และแยกที่ฮาจิโกะยืนอยู่นั้น ก็คือห้าแยกอันแสนป็อบปูล่าร์นั่นเอง ไปลองเป็นคนเดินข้ามถนนกันดู





เมื่อลองเป็นคนเดินข้ามถนนแล้วก็มาเป็นคนถ่ายรูปกันบ้าง





หลังจากเดินเล่นในห้างแล้ว ตอนแรกว่าจะกลับไปดูวิวที่ตึกที่ว่าการฯครับ แต่ขาเปลี้ยมาก มือถือแบตหมด เมมกล้องก็เต็ม ดังนั้นก็เลยกลับที่พักเอาแรงดีกว่า แต่คิดถึงขนาดนี้ก็ยังมิวายแอบแวะไปดูสกายทรียามค่ำคืนอยู่นะครับ





วันสุดท้ายของทริปญี่ปุ่น เนื่องจากฝนตกค่อนข้างหนัก ก็เลยเที่ยวไม่ได้มากนะครับ เริ่มจากไปเก็บตกที่อะซาคุสะก่อนเลย เมื่อวานเทศกาลซันจาหมดไปแล้ว วันนี้ก็เลยปล่อยโคมพองโตดังเดิมครับ









ได้เข้าไปไหว้พระสักที







ฝนตกเปียกมาก ไปที่ไหนก็แฉะไปหมด ถ้าอย่างนั้นก็ไปเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศเย็นๆที่รปปงงิแทนแล้วกันครับ เริ่มจากนั่ง Oedo Line ไปลงสถานี Roppongi เดินมาทางออกที่ 3 ก็จะออกมาที่ Roppongi Hill ครับ แต่ก่อนที่จะออก ขอถ่ายรูปกับเสาก่อน เพราะเสานั้นมีเวทย์มนตร์ ครับ ฮ่าๆ จริงๆแล้วที่นี่เอง ที่วันที่ 22 มิย. 56 จะมีนิทรรศการแฮร์รี่ พอตเตอร์ แบบเดียวกับที่จัดที่สิงคโปร์ปีที่แล้วครับ สถานที่จัดงานก็อยู่ที่ Mori Art Museum ใครจะไปชม รีบๆจองบัตรไว้ก่อนนะครับ



เดินขึ้นบันไดเลื่อนไป ก็จะเจอแมงมุมยักษ์แล้ว



แมงมุมกลางสายฝน



ชมวิว / ตาก-ลม / หวัดรับประทาน







วันก่อนนั่งมองคนญี่ปุ่นเขมือบ McDonald กันไปแล้ว อยากรู้ว่า McDonald สไตล์ญี่ปุ่นจะอร่อยกว่าไทยไหม งั้นเราก็ทาน McDonald กันที่รปปงงินี่เลย 1 set ก็หกร้อยกว่าเยน แถมกล่องวางเฟร้นฟรายติดรถด้วย ว้าว!



รู้สึกว่า Filet O Fish ของที่นี่เบอร์เกอร์จะกลม นุ่มน่ากินกว่าไทย (และไทยก็นุ่มกว่าสิงคโปร์เยอะ)



เอาล่ะครับ ได้เวลากลับแล้ว แต่ขากลับได้ไปเที่ยวมาเลเซียต่อนะครับ ต่อเครื่องนานเลยออกไปชมเมืองเล่น รายละเอียดอ่านต่อได้ใน blog หน้า เที่ยวปุตราจายา ครับ บันทึกทริปเดินทาง โตเกียว ในครั้งนี้ก็มีถึงบทสรุปแล้ว ขอบคุณสถานที่ท่องเที่ยวแสนวิเศษทุกที่ครับ รวมถึงคนใจดีทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือตลอดการเดินทาง และที่สำคัญ ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านมา 5 ตอนด้วยนะครับ ไว้เจอกันใหม่ถ้ามีทริปอื่นๆครับ สวัสดีครับ





Create Date : 16 เมษายน 2557
Last Update : 16 เมษายน 2557 20:18:33 น.
Counter : 761 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

taewon
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



Blog นี้เอาไว้เก็บรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวที่เคยรีวิวไว้ในพันทิปครับ อัพเดททุกครั้งที่ไปเที่ยวครับ อิอิ