Image Hosted by CompGamer Image Host
Group Blog
 
All blogs
 
Diet Day 9 ! กำลังงงกับนม !



Diet Day 9 ชั่งนน. ได้ 60.5kg เท่าเดิม ปวดท้อง ปจด.ด้วย
เช้า กล้วยหอม 2 ผล น้ำ 2แก้ว
เที่ยง ปลากระป๋องยำ 1 ชิ้น ไข่ต้ม 1ฟอง
ว่างบ่าย บลูเบอรี่ชีสเค้ก 1 คำจริงๆ พอดีเพื่อนมาบ้านเลยทำรับรองเค้า เค้ามาป้อนเลยต้องกิน เดี๋ยวจะเสียมารยาท และน้ำใจอันหวังดีประสงค์ร้ายต่อนน.ของเรา
เย็น กุ้งขาวอบ 5 ตัว แกงส้ม ลาบเป็ด กินเยอะจัง
ดื่มน้ำมากๆเลย
เรื่องของเรื่องไปซื้อนม ที่ชั้นก็มีนมมากมายหลายชนิด กำลังกับงงกับนม มีทั้งขาดมันเนย พร่องมันเนย แล้วมันก็ศูนย์เปอร์เซนต์ทั้งคู่ แล้วช้าน จะเอาแบบไหน เลยเลือกแบบที่มี Cal น้อยๆก็แล้วกัน ก็เลยมาหาข้อมูลมาแปะไว้ เผืื่อจะมีประโยชน์บ้างนะคะ ตอนนี้หนูเลิกงงแล้วคร้า

นมพร่องมันเนย" ในความหมายที่เข้าใจง่ายๆ หมายถึงนมที่แยกไขมันออกไปบางส่วน ให้เหลือไขมันในปริมาณน้อย นมพร่องมันเนยจึงให้พลังงานต่ำ ขณะเดียวกันกลุ่มวิตามินที่ ละลายในไขมันซึ่งได้แก่ วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี และวิตามินเค ก็จะขาดหายไปด้วย

โดยทั่วไปนมที่อยู่ในท้องตลาด มี 3 ชนิด ได้แก่

1. นมสด 100% นมที่รีดจากแม่วัวและจำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค โดยวิธีการอุ่นทำลายเชื้อโรค มักเรียกกันว่า “นมแขก” ในกรณีที่บรรจุขายเป็นกลอง สำหรับนมสด 100% ให้ดูที่ข้างกล่อง จะเขียนคำว่า "นมสด 100%" ระบุไว้ชัดเจน
2. นมพร่องมันเนย เป็นนมที่รีดจากแม่วัว และแยกมันเนยออกเพียงบางส่วน กระบวนการผลิตนมพร่องมันเนย นำนมมาแยกมันเนยออกบางส่วน แล้วเอาเนยไปทำอย่างอื่น อาจจะมีมันเนยอยู่ไม่เดินร้อยละ 15 ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนยที่วางขายอยู่ในท้องตลาด มีทั้งชนิดยูเอชที และชนิดพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษสีฟ้า
3. นมขาดมันเนย เป็นนมที่รีดจากแม่วัว และแยกมันเนยออกเกือบหมด เรียกกันว่า "หางนม" อาจใส่วานิลลา ช็อคโกแลต และน้ำตาลเข้าไป ดังนั้นหางนมจึงมีสารอาหารครบเกือบทุกตัว ยกเว้น ไขมัน และวิตามินที่ละลายในไขมัน หางนมเป็นแหล่งที่ดีที่สุดของโปรตีนจากสัตว์ ซึ่งมีคุณภาพสูง และมีแร่ธาตุพวกแคลเซียมและฟอสฟอรัสด้วย ปริมาณแลคโตสเกือบเท่ากับที่มีอยู่ในน้ำนม หางนมเป็นอาหารที่ดีที่สุดของสัตว์อ่อน และเป็นแหล่งของโปรตีนนมและแร่ธาตุราคาถูกสำหรับมนุษย์

ข้อดีของนมพร่องมันเนย

1. นมพร่องมันเนยเป็นนมที่เหมาะสำหรับคนอ้วน คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัวหรือคนที่มีไขมันในเลือดสูงรับประทานไขมันไม่ ได้ แต่ต้องการเสริมในส่วนของโปรตีน และแคลเซียม ก็สามารถดื่มนมชนิดนี้ได้
2. นมพร่องมันเนยมีส่วน ประกอบของไขมันไม่เกิน 15 % แต่ในส่วนของคุณค่าทางอาหารอื่นๆ ยังมีอยู่ครบ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนักมากกว่า ถ้าหากดื่มในปริมาณที่มากเกินไปและไม่ได้ออกกำลังกาย อาจจะทำให้อ้วนได้ เพราะในนมยังมีไขมันหลงเหลืออยู่
3. สำหรับคนที่ต้องการดื่มนมพร่องมันเนยควรจะดื่มเป็นอาหาร เสริมจะดีกว่า ไม่ควรดื่มเป็นอาหารหลักในช่วงเช้า เพราะจะทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต
4. วัยรุ่นไม่ควรดื่มนมแทนน้ำ โดยเฉพาะนมธรรมดา หรือ UHT เพราะอาจทำให้โคเลสเตอรอลสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคอ้วน
5. สำหรับเด็กในเมือง ถ้าต้องการดื่มนมพร่องมันเนยก็ได้ เพราะเด็กพวกนี้จะได้รับสารอาหารที่ขาดไปจากทางอื่นอยู่แล้ว แต่เด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในชนบท หรือเด็กที่มีร่างกายผอมควรที่จะดื่มนมธรรมดา ซึ่งจะได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน
6. นมพร่องมันเนยหรือนมขาดมันเนยนั้น จะเหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนัก และคนที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป เพราะบุคคลในวัยนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมากนัก

ข้อจำกัดของนมพร่องมันเนย

1. สิ่งที่สำคัญที่ควรทราบ คือ นมพร่องมันเนยไม่ควรให้เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี รับประทาน ทั้งนี้เพราะเด็กเล็กๆ เป็นวัยที่มีอัตราการเจริญเติบโตของสมองสูงมาก และการเจริญเติบโตของสมองนี้จำเป็นต้องใช้ไขมันเป็นองค์ประกอบร่วมด้วย
2. นมพร่องมันเนยที่เห็นวางขายตามท้องตลาด นั้น ถึงแม้จะมีโปรตีน และแคลเซียม เทียบเท่ากับนมธรรมดาก็ตาม แต่ก็ได้สกัดเอาไขมันบางส่วนจากเนื้อนมออกไป ทำให้พลังงานที่ได้รับต่ำ ขณะเดียวกัน วิตามิน A D E K ที่ละลายในไขมันก็จะหายไปด้วย จึงไม่เหมาะสำหรับใช้เลี้ยงเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เพราะเด็กเล็กจำเป็นต้องได้รับวิตามินที่ละลายในไขมันได้ด้วย
3. คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้ำหนักตัวมากๆ ยังไม่ต้องกังวลใจ ส่วนใหญ่หลังจากเด็กอายุ 2 ขวบแล้ว น้ำหนักตัวเขาจะลดลงไปได้เอง เพราะพลังงานส่วนเกินของเด็กๆ จะถูกใช้อย่างเต็มที่ไปกับการเล่น การซน จนเกือบหมด ถ้าหลังจากนั้น เด็กอ้วนมากขึ้นหรือมีน้ำหนักเกินค่ามาตราฐานมาก จึงพิจารณาควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมต่อไป

แคลเซียมในนมพร่องมันเนย

1. แหล่งอาหารแคลเซียมที่สำคัญ คือ นมและผลิตภัณฑ์นม ทั้งนี้เพราะมีปริมาณแคลเซียมสูงประมาณ 300 มิลลิกรัมต่อนมหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย (240 กรัม) และได้มีการศึกษาแล้วว่าร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้ดี
2. สำหรับผู้ที่แพ้นมวัว หรือดื่มนมไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับแคลเซียมจากอาหารอื่น เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ปลาที่กินได้ทั้งก้าง กุ้งแห้ง งา คะน้า เต้าหู้ที่ใช้เกลือแคลเซียมตกตะกอน เป็นต้น อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งที่ดีของแคลเซีย เช่นกัน เพียงแต่ข้อมูลการนำไปใช้ในร่างกายยังมีไม่มากนัก คงต้องมีการศึกษาวิจัยกันต่อไป ยกเว้นคะน้าที่มีการศึกษาในต่างประเทศว่าร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ดี และเต้าหู้ที่ใช้แคลเซียมซึ่งร่างกายดูดซึมได้ดีเหมือนกัน
3. อาหารบางอย่างมีสารจำพวก ออกซาเลทสูง ทำให้ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมได้ เช่น ผักพื้นบ้านบางชนิด พวกผักโขม ยอดกระถิน เป็นต้น
4. การที่ร่างกายได้รับโปรตีน โซเดียม คาเฟอีน มากเกินไป มีผลทำให้สูญเสียแคลเซียม โดยถูกขับออกทางปัสสาวะ เพิ่มขึ้น
5. สำหรับผู้ที่ดื่มนมไม่ได้ สามารถเลือกรับประทานอาหารอย่างอื่นที่มีแคลเซียมหรือโปรตีนเป็นส่วนประกอบ แทนได้ เช่น น้ำนมถั่วเหลือง เพราะมีไขมันพืชสามารถย่อยได้ดีกว่า อีกทั้งสัดส่วนของโปรตีนและแคลเซียมไม่ต่างจากนมธรรมดามากนักสามารถดื่มแทน กันได้ และที่สำคัญน้ำนมถั่วเหลืองยังมีสารเลซิติน ที่ช่วยเสริมสร้างบำรุงสมอง ซึ่งต่างจากนมพร่องมันเนยที่ไม่มีสารดังกล่าว
6. โดยปกติแล้วคนที่ดื่มนมเพราะต้องการแค ลซียมและโปรตีนจากนม แต่ในส่วนคนที่ไม่สามารถดื่มนมได้เพราะไม่ย่อยนั้น แนะนำให้บริโภคโยเกิร์ตทดแทน โดยเฉพาะที่เป็นถ้วยๆ เพราะในโยเกิร์ตจะมีจุลินทรีย์ที่สามารถย่อยได้ดี แต่โยเกิรต์จะมีราคาแพงกว่านมอยู่เกือบ 2 เท่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็สามารถบริโภคปลาตัวเล็กได้ เพราะมีแคลเซียมไม่ต่างจากนม

บทบาทของแคลเซีนม

1. ปัจจุบันแคลเซียมเป็นแร่ ธาตุที่อยู่ในความสนใจของทั้งนักวิชาการ และผู้บริโภคทั่วไปอยู่มาก ร้อยละ 99 โดยประมาณของแคลเซียมที่อยู่ในตัวเรานั้นจะอยู่ในส่วนที่เป็นกระดูก จึงมีการรณรงค์ให้ดื่มนมวัว ซึ่งเป็นแหล่งที่ดีของแร่ธาตุชนิดนี้ หรือรับประทานอาหารอื่นที่เป็นแหล่งของแคลเซียมตั้งแต่วัยเด็กเพื่อการเจริญ เติบโตและการมีโครงสร้างของกระดูกที่แข็งแรง และบริโภคเป็นประจำตลอดชีวิต เพื่อรักษาสภาพที่ดีของกระดูกไว้ร่วมกับการออกกำลังกาย
2. การสร้างและสลายกระดูก ถ้าจะพูดไปก็คือการนำแคลเซียมไปสะสมในกระดูกและการละลายเอาแคลเซียมออกมา จากกระดูกนั่นเอง แคลเซียมที่ละลายออกมาก็จะไปอยู่ในกระแสเลือด และส่งกระจายไปยังอวัยวะอื่น เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ ของมันตามความจำเป็น เมื่อเราได้รับแคลเซียมจากอาหารไม่เพียงพอ แต่ร่างกายจำเป็นต้องใช้จึงต้องถอนออกจากธนาคาร ซึ่งก็คือโครงกระดูก ถ้าแคลเซียมขาดแคลนบ่อยๆ กระดูกของเราก็อ่อนแอลง มีความหนาแน่นน้อยลง ร่างกายจึงต้องได้แคลเซียมเพียงพอตั้งแต่วัยเด็ก คือมีเงินลงทุนตั้งต้นมากๆ ไว้ก่อน จากนั้นก็ต้องมีทุนสะสมมาเรื่อยๆ เพื่อให้สามารถสร้างกระดูกที่มีความหนาแน่นสูงสุด และรักษาไว้ให้ได้มากที่สุด
3. สำหรับคนไทย ในปัจจุบันนักวิชาการแนะนำให้ได้รับแคลเซียมจากอาหาร 800 มิลลิกรัมต่อวัน ตามปริมาณสารอาหารที่แนะนำ ให้บริโภคประจำวัน สำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป
4. เมื่อกินแคลเซียม จะต้องกินแมกนีเซียมซัลเฟตด้วย เพราะแมกนีเซียมซัลเฟตเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ช่วยให้แคลเซียมไปเกาะกระดูก แมกนีเซียมซัลเฟตมีอยู่ในผักสด ในเต้าหู้ ผักใบเขียว เช่น ใบคะน้า เป็นต้น
5. การที่ร่างกายได้รับ แคลเซียมจากแหล่งอาหารประจำวันอย่างพอเพียง หากไม่รับประทานอาหารซ้ำซาก ส่วนใหญ่มักจะเพียงพอต่อความต้องการประจำวันของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องได้แคลเซียมเสริม นอกจากบางคนอาจได้แคลเซียมไม่พอเพียงเนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะกระดูก พรุนอย่างชัดเจน เช่น โครงสร้างของกระดูกบอบบาง หรือน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
6. จากโครงการวิจัยการป้องกันและรักษาโรค กระดูกพรุนในคนไทย พบว่า คนไทยมีความแตกต่างจากชาวตะวันตก ในปัจจัยสำคัญๆ ที่ควบคุมเมตาบอลิสซึมของแคลเซียมคือ คนไทยกินแคลเซียมน้อยกว่า คนไทยกินโปรตีนและเกลือแกงน้อยกว่า คนไทยมีระดับวิตามินดีในเลือดพอเพียงและไม่ลดลงตามอายุ คนไทยมียีนชนิดที่ความสามารถดูดแคลเซียมจากลำไส้ได้ดีกว่า จากความแตกต่างดังกล่าวนี้ จึงมีข้อสันนิษฐานว่า ปริมาณที่เหมาะสมของแคลเซียมที่คนไทยอายุต่างๆ ควรจะได้รับในแต่ละวันอาจจะน้อยกว่าปริมาณในคนตะวันตก
7. อาหารประจำวัน ซึ่งเป็นอาหารไทยๆ หาได้ง่ายๆ ราคาไม่แพง และมีสารอาหารแคลเซียมสูง ได้แก่ กุ้งแห้งตัวเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ, กุ้งฝอย 1 ช้อนโต๊ะ, กะปิ 2 ช้อนชา, ปลาสลิด 1 ตัว, งาดำคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ, เต้าหู้ 1 ก้อน, ถั่วเหลืองสุก 10 ช้อนโต๊ะ, ถั่วเขียวสุก 10 ช้อนโต๊ะ, ใบยอ 1 ถ้วยตวง, มะขามฝักสด 10 ฝัก, ผักคะน้า 1 ถ้วยตวง, มะเขือพวง 1 ถ้วยตวง
8. แหล่ง แคลเซียมที่ดีที่สุด คือ นม และผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากนม รองลงมาก็คือ ปลาเล็กที่กินทั้งกระดูก กะปิ ในขณะที่แคลเซียมจากผักจะดูดซึมไม่ดี เนื่องจากปริมาณสารไฟเตตและออกซาเลต จะรบกวนการดูดซึมแคลเซียม




Create Date : 22 มิถุนายน 2553
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 9:49:55 น. 8 comments
Counter : 747 Pageviews.

 
สูตรพี่ปลาให้ดื่ม นมขาดมันเนยครับ


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:10:39:19 น.  

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:11:36:57 น.  

 
มาเยี่ยมทีไรได้ความรู้กลับไปเพียบเลยจ้า


โดย: ณ.แก้มป่อง วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:14:02:23 น.  

 
ปกติรู้ความต่างอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่ได้ละเอียดแบบนี้ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูล


โดย: Roses&Champagne วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:20:44:42 น.  

 


โดย: blog..ชั้นเอง วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:18:19:58 น.  

 
กรี๊ดดดดดดดดดด
ทำไม่ได้คร๊า


โดย: taklomklom วันที่: 23 มิถุนายน 2553 เวลา:21:43:38 น.  

 
เราใช้ ดีท๊อก ของอันนี้ ดีน่ะ นน.ลดด้วย แล้วก็รู้สึกว่าร่างกายสดชื่นขึ้นเยอะเลย อีกอย่าง ผลิตภัณฑ์ทำมาจากตัวขาวด้วย
ผสมกินกับน้ำ อร่อยมาก

//www.niceshape.pr.in.th/


โดย: pui IP: 203.131.211.154 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:2:16:26 น.  

 
เราใช้ วิธีการดีท๊อก ของอันนี้ ดีน่ะ นน.ลดด้วย แล้วก็รู้สึกว่าร่างกายสดชื่นขึ้นเยอะเลย อีกอย่าง ผลิตภัณฑ์ทำมาจากถั่วขาวด้วย
ผสมกินกับน้ำ อร่อยมาก

//www.niceshape.pr.in.th/


โดย: pui IP: 203.131.211.154 วันที่: 24 มิถุนายน 2553 เวลา:2:18:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tree Rose
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




free counters
Friends' blogs
[Add Tree Rose's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.