"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๒ | ทรงห้ามสมุทร และเสด็จจงกรมในน้ำ

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๒ : ทรงห้ามสมุทร และเสด็จจงกรมในน้ำ

ทรงบันดาลให้เกิดฝนตกหนักน้ำท่วม แต่ไม่ท่วมที่ประทับ
ชฎิลเห็นอัศจรรย์ จึงทูลขอบรรพชา



ทรงห้ามสมุทร

พระบรมศาสดาได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายอย่าง เพื่อทำลายทิฎฐิมานะของชฎิลทั้งหลาย ทรงบันดาลให้เกิดฝนตกหนัก น้ำไหลบ่าท่วมท้นไปทั่วพื้นดิน เมื่อเกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่พวกชฎิลเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าจมน้ำตายเสียแล้ว ต่างลงเรือพายมาดู ก็เห็นพระพุทธเจ้าเดินจงกรมอยู่ภายใต้ท้องน้ำ พระพุทธองค์สามารถเสด็จจงกรมอยู่ได้กลางแจ้ง ในน้ำโดยไม่เปียกฝน น้ำไม่ท่วม โดยบันดาลให้เกิดเป็นกำแพงน้ำล้อมรอบพระองค์ ชฎิลทั้งหลายเห็นเป็นอัศจรรย์ในการที่พระพุทธองค์ทรงห้ามสมุทรได้เช่นนั้น จึงยอมอ่อนน้อมและฟังคำสอนของพระองค์จนพอใจ แล้วขอบรรพชา


ทรงเสด็จจงกรมในน้ำ


แท้จริง ตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จจากป่าอิสิปปตนมิคทายวัน ในวันแรมค่ำหนึ่ง เดือนกัตติกมาส (เดือน ๑๒) มาประทับอยู่ที่อุรุเวลประเทศ จนตราบเท่าถึงวันเพ็ญเดือน ๒ เป็นเวลาสองเดือน ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ทรมานอุรุเวลกัสสปโดยอเนกประการ อุรุเวลกัสสปก็ยังมีสันดานกระด้าง ถือตนว่าเป็นพระอรหันต์อยู่อย่างนั้น ด้วยทิฏฐิอันกล้ายิ่งนัก จึงทรงพระดำริว่า ตถาคตจะยังชฎิลให้สลดจิตคิดสังเวชตนเอง





 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2551 11:00:30 น.
Counter : 2346 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๑ | ทรงทำอิทธิปาฏิหาริย์โปรดชฎิล

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๑ : ทรงทำอิทธิปาฏิหาริย์โปรดชฎิล

ทรงทำอิทธิปาฏิหาริย์โปรดชฎิล

กาลต่อมา เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จไปเสวยภัตตาหารของชฎิลแล้ว ก็กลับมาสถิตยังพนาสณฑ์ที่อาศัย ครั้นรุ่งขึ้น กัสสปชฎิลไปทูลนิมนต์ฉันภัตตาหาร จึงตรัสว่า “ท่านจงไปก่อนเถิด ตถาคตจะตามไปภายหลัง” เมื่อส่งชฎิลไปแล้ว จึงเสด็จเหาะไปนำเอาผลหว้าใหญ่ประจำทวีปในป่าหิมพานต์มา แล้วก็เสด็จมาถึงโรงไฟก่อนหน้าชฎิล ครั้นชฎิลมาถึงจึงทูลถามว่า พระองค์มาทางใดจึงถึงก่อน พระศาสดาจึงตรัสเล่าให้ฟัง แล้วตรัสว่า “ดูกร กัสสป ผลหว้าประจำทวีปนี้ มีวรรณสัณฐานสุคันธรสเอมโอช ถ้าท่านปรารถนาจะบริโภค ก็เชิญตามปรารถนา” อุรุเวลกัสสปก็ดำริเห็นเป็นอัศจรรย์ดุจหนหลัง ครั้นพระศาสดาทรงทำภัตตกิจเสร็จแล้ว ก็เสด็จกลับไปยังพนาสณฑ์ที่พำนัก

ในวันต่อมาได้ทรงทำอิทธิปาฏิหาริย์เช่นนั้นอีก ๔ ครั้ง คือ ทรงส่งอุรุเวลกัสสปมาก่อน แล้วเสด็จเหาะไปเก็บผลมะม่วงครั้งหนึ่ง เก็บผลมะขามป้อมครั้งหนึ่ง เก็บผลส้มในป่าหิมพานต์ครั้งหนึ่ง เสด็จขึ้นไปดาวดึงส์เทวโลกนำเอาผลไม้ปาริฉัตตกครั้งหนึ่ง เมื่อเสด็จมาถึงก่อน คอยท่าอุรุเวลกัสสปอยู่ที่โรงไฟ ให้ชฎิลเห็นเป็นอัศจรรย์ใจทุกครั้ง

วันหนึ่งชฎิลทั้งหลายปรารถนาจะก่อไฟก็มิอาจผ่าฟืนออกได้ จึงดำริว่า ที่เป็นดังนี้เพราะฤทธิ์พระมหาสมณะทำโดยแท้ พระบรมศาสดาจึงตรัสถาม ครั้นทราบความแล้วก็ตรัสว่า ท่านจงผ่าฟืนตามปรารถนาเถิด ในทันใดนั้นชฎิลก็ผ่าฟืนออกตามประสงค์

วันหนึ่งชฎิลทั้ง ๕๐๐ ปรารถนาจะบูชาเพลิง ก่อเพลิงไม่ติด จึงคิดปริวิตกเหมือนหนหลัง พระพุทธเจ้าตรัสถามทราบความแล้ว ก็ทรงอนุญาตให้ก่อเพลิงได้ เพลิงก็ติดขึ้นทั้ง ๕๐๐ กองพร้อมกันในขณะเดียว ชฎิลทั้งหลายบูชาเพลิงสำเร็จแล้ว จะดับเพลิง เพลิงก็ไม่ดับ จึงดำริดุจหนหลัง พระพุทธเจ้าตรัสถามทราบความแล้ว ก็ทรงอนุญาตให้ดับเพลิง เพลิงก็ดับพร้อมกันทั้ง ๕๐๐ กอง

วันหนึ่งในเวลาหนาว ชฎิลทั้งหลายลงอาบน้ำดำผุดขึ้นลงในแม่น้ำเนรัญชรา สมเด็จพระชินศรีผู้ทรงพระกรุณาแก่ชฎิล ทรงดำริว่า เมื่อชฎิลขึ้นจากน้ำแล้วจะหนาวมาก จึงทรงนิรมิตเชิงกรานประมาณ ๕๐๐ อัน มีเพลิงติดทั้งสิ้นไว้ในที่นั้น ครั้นชฎิลทั้งหลายขึ้นจากน้ำหนาวจัด ก็ชวนกันเข้าผิงไฟที่เชิงกราน แล้วก็คิดสันนิษฐานว่า พระมหาสมณะคงจะนิรมิตไว้ให้เป็นแน่ น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 16:17:36 น.
Counter : 918 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๐ | ทรงปลงกรรมฐาน ชักผ้าบังสุกุล

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๗๐ : ทรงปลงกรรมฐาน ชักผ้าบังสุกุล

ทรงปลงกรรมฐาน ชักผ้าบังสุกุล

ขณะโปรดชฎิลในครั้งนั้น นางปุณณทาสี ถึงแก่กรรม เขาห่อศพด้วยผ้าขาวผืนใหญ่ ทิ้งไว้ ณ ป่าช้าผีดิบ พระพุทธองค์จึงทรงเสด็จไปนำผ้าขาวห่อศพนั้นมาใช้ โดยเสด็จพระพุทธดำเนินไปชักผ้าบังสุกุล ซึ่งห่อศพนางปุณณทาสีที่ทอดทิ้งอยู่ในอามกสุสานะ ป่าช้าผีดิบ แต่เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นกษัตริย์อุภโตสุชาติเสด็จจากขัตติยราชสกุลอันสูงด้วยเกียรติศักดิ์ ทรงตรัสรู้อนุตตรสัมโพธิญาณเป็นพระสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ เป็นโมลีของโลก เห็นปานนี้แล้ว ยังทรงลดพระองค์ลงมาซักผ้าขาวที่ห่อศพนางปุณณทาสี ที่ทอดทิ้งอยู่ในป่าช้า เพื่อทรงใช้เป็นผ้าจีวรทรงเช่นนี้ เป็นกรณียะที่สุดวิสัยของเทวดาและมนุษย์ซึ่งอยู่ในสถานะเช่นนั้นจะทำได้



พระพุทธรูปปางปลงกรรมฐาน เป็นพระพุทธรูปยืน พระหัตถ์ซ้ายถือธารพระกร สำหรับคอยค้ำดันศพออก เมื่อเวลาที่ชักผ้าบังสุกุลที่พันอยู่กับศพ



มหาปฐพีใหญ่ก็กัมปนาทหวั่นไหวเป็นมหัศจรรย์ถึง ๓ ครั้ง ครั้นทรงพระดำริว่า ตถาคตจะซักผ้าบังสุกุลนี้ในที่ใด? ขณะนั้นท้าวสหัสนัยอมรินทราธิราชทรงทราบในพุทธปริวิตก จึงลงมาขุดสระโบกขรณีด้วยพระหัตถ์ในพื้นที่เป็นศิลา และบันดาลให้มีน้ำใสสะอาดด้วยเทวฤทธิ์ แล้วกราบทูลพระชินศรีให้ทรงซักผ้าบังสุกุลในที่นั้น พระพุทธองค์จึงทรงชักผ้าบังสุกุลบนแผ่นศิลาที่ท้าวโกสีย์นำมาถวาย ขณะที่ทรงซักก็ทรงพระดำริว่า จะทรงขยำในที่ใดดี ท้าวโกสีย์ก็เอาแผ่นศิลาใหญ่เข้าไปถวาย ทรงขยำด้วยพระหัตถ์จนหายกลิ่นอสุภ แล้วก็ทรงพระดำริว่าจะห้อยตากผ้าบังสุกุลจีวรในที่ใดดี ลำดับนั้นรุกขเทพยดาซึ่งสิงสถิตอยู่ ณ ไม้กุ่มบก ก็น้อมกิ่งไม้ลงมาถวายให้ทรงห้อยตากจีวร ครั้นทรงห้อยตากแล้วก็ทรงพระจินตนาว่าจะแผ่พับผ้าในที่ใด ท้าวสหัสนัยก็ยกแผ่นศิลา อันใหญ่มาทูลถวายให้แผ่พับผ้ามหาบังสุกุลนั้น

เพลารุ่งเช้า อุรุเวลกัสสปไปเฝ้าพระบรมศาสดา เห็นสระและแผ่นศิลาทั้งสอง ซึ่งมิได้ปรากฏมีในที่นั้นมาก่อน และกิ่งไม้กุ่มน้อมลงมาเช่นนั้น จึงทูลถาม พระบรมศาสดาตรัสบอกความทั้งปวงให้ทราบ เมื่ออุรุเวลกัสสปได้ฟังก็สะดุ้งตกใจ ดำริว่า พระสมณะองค์นี้มีเดชานุภาพมากยิ่งนัก แม้ท้าวมัฆวานยังลงมากระทำไวยาวัจกิจถวาย แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนอาตมา








 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 2:08:43 น.
Counter : 2166 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๖๙ | ทรงแสดงพุทธานุภาพโปรดชฎิล

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๖๙ : ทรงแสดงพุทธานุภาพโปรดชฎิล

แม้ว่าจะทรงกำจัดฤทธิพญานาคให้อันตรธานพ่ายแพ้ไปได้ แต่อุรุเวลกัสสปชฎิลก็ยังไม่คลายทิฎฐิ จึงทรงพำนักยังพนาสณฑ์ ใกล้อาศรมนั้นต่อ เพื่อโปรดชฎิล

กาลหนึ่ง ณ พนาสณฑ์ ใกล้อาศรมแห่งอุรุเวลกัสสปชฎิลนั้น ครั้นล่วงเข้ายามราตรี ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ก็ลงมาสู่สำนักพระบรมโลกนาถ ถวายอภิวาทและประดิษฐานยืนอยู่ใน ๔ ทิศ ก่อเกิดทิพยรังสีสว่างดุจกองเพลิงก่อไว้ทั้ง ๔ ทิศ ครั้นเวลาเช้าอุรุเวลกัสสปจึงเข้าไปสู่สำนักพระบรมศาสดาทูลว่า นิมนต์พระสมณะไปฉันภัตตาหารเถิด ข้าพเจ้าตกแต่งไว้ถวายเสร็จแล้ว แต่เมื่อคืนนี้เห็นรัศมีสว่างไปทั่วพนัสมณฑลสถาน บุคคลผู้ใดมาสู่สำนักพระองค์ จึงปรากฏรุ่งเรืองในทิศทั้ง ๔ พระบรมศาสดาจึงตรัสบอกว่า “ดูกร กัสสป นั้นคือ ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ลงมาสู่สำนักตถาคตเพื่อฟังธรรม” อุรุเวลกัสสปได้สดับดังนั้น ก็ดำริว่า พระมหาสมณะองค์นี้มีอานุภาพมาก ท้าวจาตุมหาราชยังลงมาสู่สำนัก ถึงกระนั้นก็ยังมิได้เป็นพระอรหันต์เหมือนอาตมา

พระบรมศาสดาเสด็จมากระทำภัตตกิจ เสวยภัตตาหารของอุรุเวลกัสสปเสร็จแล้ว ก็เสด็จกลับมาสู่ทิวาวิหารในพนาสณฑ์นั้น ครั้นล่วงรัตติกาลสมัย ท้าวสหัสนัยก็ลงมาสู่สำนักพระบรมศาสดา ถวายนมัสการแล้วยืนอยู่ที่ควรข้างหนึ่ง เปล่งรัศมีสว่างดุจกองอัคคีใหญ่ไพโรจน์ยิ่งกว่าราตรีก่อน ครั้นเพลารุ่งเช้า กัสสปชฎิลไปสู่สำนักพระบรมศาสดา ทูลอาราธนาให้ฉันภัตตาหารแล้วทูลถามว่า เมื่อคืนนี้มีผู้ใดมาสู่สำนักพระองค์ จึงมีรัศมียิ่งกว่าราตรีก่อนพระบรมศาสดาตรัสบอกว่า “ดูกร กัสสป เมื่อคืนนี้ท้าวโกสีย์สักกเทวราชลงมาสู่สำนักตถาคต เพื่อจะฟังธรรม” ชฎิลได้สดับดังนั้น ก็ดำริเห็นเป็นอัศจรรย์ดุจนัยก่อน

พระบรมศาสดาเสด็จไปเสวยภัตตาหารของกัสสปดาบสแล้ว ก็กลับมาอยู่ทิวาวิหารยังพนัสสถานที่นั้น ครั้นล่วงเข้ายามราตรี ท้าวสหัมบดีมหาพรหมก็ลงมาสู่สำนักพระบรมศาสดา เปล่งรัศมีสว่างยิ่งขึ้นไปกว่าสองราตรีนั้น ครั้นรุ่งเช้าอุรุเวลกัสสปก็ไปทูลอาราธนาฉันภัตตาหารแล้วทูลถามอีก พระบรมศาสดาตรัสบอกว่า “คืนนี้ท้าวสหัมบดีพรหมลงมาสู่สำนักตถาคต” กัสสปดาบสก็ดำริดุจนัยก่อน พระบรมศาสดาเสด็จไปเสวยภัตตาหารของอุรุเวลชฎิลแล้วก็กลับมาสู่สำนัก

ในวันรุ่งขึ้น มหายัญญลาภบังเกิดขึ้นแก่อุรุเวลชฎิล คือ ชนชาวอังครัฐทั้งหลายจะนำเอาขาทนียโภชนียาหารเป็นอันมาก มาถวายแก่อุรุเวลชฎิล อุรุเวลชฎิลจึงดำริแต่ในราตรีว่า รุ่งขึ้นพรุ่งนี้มหาชนจะนำเอาอเนกนานาหารมาสู่สำนักอาตมา หากพระสมณะรูปนี้สำแดงอิทธิปาฏิหาริย์ลาภสักการะก็จะบังเกิดแก่เธอเป็นอันมาก อาตมาจักเสื่อมสูญจากสรรพสักการบูชา ทำไฉน ณ วันพรุ่งนี้อย่าให้เธอมาสู่ที่นี้ได้

พระบรมศาสดาทรงทราบความดำริของชฎิล ด้วยเจโตปริยญาณ ครั้นเพลารุ่งเช้าก็เสด็จไปสู่อุตตรกุรุทวีป ทรงบิณฑบาตได้ภัตตาหารแล้วก็เสด็จมากระทำภัตตกิจยังฝั่งอโนดาต แล้วทรงยับยั้งประทับอยู่ ณ ทิวาวิหารในที่นั้น จวบจนเวลาสายัณห์ จึงเสด็จกลับสู่พนาสณฑ์สำนัก ครั้นรุ่งขึ้นกัสสปชฎิลไปทูลอาราธนาเสวยภัตตาหารแล้วทูลถามว่า “วานนี้พระองค์ไปแสวงหาอาหารในที่ใด ไฉนไม่ไปสู่สำนักข้าพเจ้า ข้าพเจ้าระลึกถึงพระองค์อยู่ ” จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสบอกวาระจิตของชฎิลที่วิตกนั้นให้แจ้งทุกประการ อุรุเวลกัสสปได้สดับก็ตกใจ ดำริว่าพระมหาสมณะนี้มีอานุภาพมากแท้ เธอล่วงรู้จิตอาตมา ถึงดังนั้นก็ยังไม่เป็นพระอรหันต์ดังอาตมา




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2551 11:55:04 น.
Counter : 835 Pageviews.  

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๖๘ | ทรงทรมานนาคราชเพื่อโปรดชฎิล

พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๖๘ :ทรงทรมานนาคราชเพื่อโปรดชฎิล

ทรงทรมานนาคราชร้าย ขดกายพญานาคใส่บาตร
ให้ชฎิลดู ชฎิลนึกเลื่อมใส แต่ยังไม่ละทิฏฐิ

อุรุเวลกัสสป ชฎิลพี่ชายใหญ่ เมื่อนึกในใจว่า พระพุทธเจ้าทรงอวดดีที่ไม่กลัวอันตราย จึงปล่อยให้พระพุทธองค์พำนักในโรงไฟ เพื่อหวังให้ถูกพญานาคทำร้ายในโรงไฟ

ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปยังโรงไฟนั้น ทรงประทับนั่งดำรงพระสติต่อพระกัมมัฏฐานภาวนา ฝ่ายพญานาคเห็นพระบรมศาสดาเสด็จเข้ามาประทับในที่นั้น ก็ไม่พอใจโกรธแค้น จึงพ่นพิษตลบไป ขณะนั้นพระบรมศาสดาก็ทรงพระดำริว่า ควรที่ตถาคตจะแสดงอิทธานุภาพให้เป็นควันไปสัมผัสมังสฉวีและเอ็นอัฐิแห่งพญานาคนี้ ระงับเดชพญานาคให้เหือดหาย แล้วจึงทรงสำแดงอิทธาภิสังขารดังพระดำรินั้น



พญานาคมิอาจจะอดกลั้นซึ่งความพิโรธได้ ก็บังหวนควันพ่นพิษเป็นเพลิงพลุ่งโพลงขึ้น พระบรมศาสดาก็สำแดงเตโชกสิณสมาบัติ บันดาลเปลวเพลิงรุ่งโรจน์โชตนาการ และเพลิงทั้งสองฝ่ายก็บังเกิดแสงแดงสว่างขึ้น ดุจจะเผาผลาญโรงไฟนั้นให้เป็นเถ้าธุลี เหล่าชฎิลทั้งหลายที่แวดล้อมโรงไฟนั้นอยู่ ต่างเจรจากันว่า พระสมณะนี้มีสิริรูปงามยิ่งนัก เสียดายที่เธอจะมาวอดวายเสียด้วยพิษแห่งพญานาคในที่นี้



ครั้นล่วงเข้าเวลารุ่งเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าก็กำจัดฤทธิเดชพญานาคให้อันตรธานหาย บันดาลให้นาคราชนั้นขดกายลงในบาตร แล้วทรงสำแดงแก่อุรุเวลกัสสป ตรัสบอกว่า พญานาคนี้สิ้นฤทธิ์เดชแล้ว อุรุเวลกัสสปเห็นดังนั้นก็ดำริว่า พระสมณะนี้มีอานุภาพมาก ระงับเสียซึ่งฤทธิ์พญานาคให้อันตรธานพ่ายแพ้ไปได้ แต่ถึงดังนั้นไซร้ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนอาตมา เพียงมีจิตเลื่อมใสในอิทธิปาฏิหาริย์ จึงกล่าวว่าข้าแต่สมณะ นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ ณ อาศรมของข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจะถวายภัตตาหารให้ฉันทุกวันเป็นนิตย์





 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2551 11:19:54 น.
Counter : 1664 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.