"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics
ลูกหินยักษ์ คอสตาริกา

ลูกหินยักษ์ คอสตาริกา





วัตถุปริศนาที่น่าสนใจ ที่ติดอันดับความแปลกลำดับต้นๆ ต้องยกให้ ลูกหินยักษ์จากประเทศคอสตาริกา ด้วยอย่างหนึ่ง ลูกหินยักษ์ที่ว่านี้ค้นพบเมื่อราวปี ค.ศ. 1940 จากการพัฒนาพื้นที่เพื่อปลูกพืชไร่ของ บริษัทยูในเต็ดฟรุท (United Fruit Company) ทางตอนใต้ของคอสตาริกา ทำให้พบหินก้อนกลมๆ ทั้งใหญ่และเล็กเป็นจำนวนหลายร้อยลูกด้วยกัน หินมีลักษณะเป็นก้อนหินทรงกลมเกลี้ยง ขนาดตั้งแต่ลูกเทนนิส ไปจนถึงหินกลมขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางกว่าสองเมตร น้ำหนักเป็นสิบตันเลยทีเดียว หินจะกระจัดกระจายกันเป็นกลุ่ม อยู่ทั่วบริเวณที่มีการค้นพบ รวมทั้งเศษซากเครื่องปั้นดินเผาอีกจำนวนหนึ่ง บ่งบอกให้รู้ว่า ณ ที่แห่งนี้ ยังเคยมีอารยธรรมเจริญอยู่มาก่อน โดยจากการตรวจสอบอายุแล้ว ประมาณกันว่ามันถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 600 ถึง 1,200 ปี ก่อนคริสตกาล หินกลมนี้จะมีกระจัดกระจายไปหลายพื้นที่ เช่นที่พบอยู่ใกล้กับเมืองทางตอนใต้ของ PAL - Mar, Buenos Aires และ Golfito กับบรอเวณตอนเหนือของจังหวัดของ Guanacaste





















ส่วนประกอบทางธรณีวิทยาส่วนใหญ่นั้นเป็นหินจำพวก แกรโนไดโอไรท์(Granodiorite) หรือก็คือหินที่เกิดการหลอมเหลวจากความร้อนแล้วตกผลึก มีส่วนประกอบของธาตุแคลเซี่ยมและโซเดียมอยู่มากเป็นพิเศษ และแน่นอนว่าจะต้องถูกสร้างขึ้นด้วยศิลปะวิชาการ และความรู้อันน่าทึ่งของชนเผ่าโบราณในอดีต มิได้เกิดตามธรรมชาติ และแน่นอนว่าคนที่ทำนั้น จะต้องมีฝีมือมากที่สุด ที่จะสามารถทำได้กลม สมบูรณ์แบบ แสดงให้เห็นว่าชาวพื้นเมือง จะต้องมีทักษะทางคณิตศาสตร์และเทคนิคการผลิตที่สูงสุด






























นักวิชาการบางทฤษฎี สันนิษฐานว่า เจ้าลูกหินยักษ์เหล่านั้นอาจจะอยู่ในช่วงที่กำลังถูกขนย้ายเพื่อนำเอาไปประดับไว้ยังสถานที่ใดสักแห่งหนึ่ง โดยอาจจะเป็นเทวสถานหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าที่สร้างมันขึ้นมาก็เป็นได้ แต่อาจมีความจำเป็นที่จะต้องทิ้งมันเอาไว้กลางคัน เพราะเนื่องจากว่าบริเวณที่ค้นพบบรรดาเหล่าลูกหินนี้นั้น ไม่มีร่องรอยของเทวสถานหรือสถานที่สำคัญที่จะจำเป็นต้องมีเครื่องประดับอยู่เลย จะมีก็เพียงร่องรอยเศษซากอารยธรรมที่ยังคงหลงเหลืออยู่เพื่อบอกให้รู้ว่าครั้งหนึ่งนั้น เคยมีชนเผ่าทรงปัญญาอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้น และก็อาจจะมีเหตุผลบางประการที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นทิ้งวัตถุเหล่านี้เอาไว้ และอพยพไป เฉกเช่นชาวมายาที่อพยพทิ้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยไป ทิ้งให้เหลือแต่ซากวัตถุแห่งความเจริญทางด้านอารยธรม แต่บางทฤษฎีก็ว่าพวกลูกหินเหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งดิน เพื่อให้ผลิตผลอุดมสมบูรณ์











อีกทฤษฎีหนึ่งวิเคราะห์ว่า มีการสร้างโดยการตัดหินก้อนใหญ่ด้วยการเผาให้ร้อน แล้วทำให้เย็นทันทีเพื่อที่จะสกัดหินออกได้โดยง่าย และเมื่อพอได้รูปแล้ว ก็จะค่อยๆใช้เครื่องมือ เช่น พวกค้อนสกัดอีกที โดยคาดว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาเป็นโมเดลของจักรวาล เพราะตอนพบมันถูกเรียงเลียนแบบตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้า แต่เดิมทีก่อนที่พวกมันถูกค้นพบ ก่อนที่จะถูกวิจัยเต็มรูปแบบ หลายลูกถูกกลิ้งเล่น จึงไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนนักว่ามันเอาไว้แทนตำแหน่งของดาวดวงไหน และยังมีการคาดเดาว่ามันอาจจะเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เป็นของหัวหน้าเผ่า หรือการบ่งชี้ตำแหน่งที่โดดเด่นของหมู่บ้าน หรืออาจจะเป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ทางศาสนาหรือพิธีกรรม











ถึงแม้จะมีการค้นพบผ่านมาแล้วหลายสิบทศวรรษ ผ่านการตรวจสอบจากนักวิชาการทั้งท้องถิ่นและต่างประเทศมาก็ไม่น้อย แต่เจ้าลูกหินยักษ์เหล่านี้เพิ่งจะมาโด่งดังเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกนั้น ก็เมื่อครั้งที่ถูกนำไปเขียนกล่าวถึงในหนังสือเล่มหนึ่ง ที่พลิกมุมมองบรรดาเรื่องศาสนาแหละอารยธรรมยุคเก่าแก่ต่างๆ โดยมีเรื่องของมนุษย์ต่างดาวเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือก็คือเรื่องของพระเจ้าจากอวกาศอันโด่งดังนั่นเอง หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า “Chariots of The Gods” ของ อีริค วอน ดานิเก้น (Erik Von Daniken) ที่ออกตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1968 นั่นเอง หนังสือได้รับความนิยมมาก จนมีการนำไปตีพิมพ์ไปทั่วโลก กว่า 20 ภาษา ขายกันไปหลายล้านเล่มทั่วโลก และก็ยังคงมีการตีพิมพ์ขายอยู่ในปัจจุบัน นอกจากดานิเก้นแล้ว ก็มีผู้แต่งอีกหลายท่านที่ให้ความสนใจและนำไปกล่าวถึงจากหนังสือของตัวเอง












แต่ในเรื่องปริศนาของเจ้าลูกหินยักษ์เหล่านี้ จนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังเป็นความลับดำมืดอยู่ตลอดมา แม้จะมีกลุ่มนักวิจัย นักวิชาการที่ยังให้ความสนใจ ทำการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อคลายปริศนาถึงความเป็นมาของเหล่าลูกหินยักษ์นี้อย่างไม่ลดละ เพื่อที่จะตอบคำถามที่ว่า “ใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมา และสร้างมันขึ้นมาเพื่ออะไร” เราคาดหวังว่าสักวันหนึ่ง การวิจัยทางโบราณคดีในอนาคต จะสามารถไขปัญหาความลึกลับของลูกหินยักษ์คอสตาริกานี้ได้


TraveLArounD




ปล. ท่านที่เพิ่งเข้ามาชมบล็อกใหม่ ผมได้จัดทำเป็นสารบัญ แบบหนังสือให้ค้นดูหัวเรื่องได้ง่ายที่ group : นานา สาระ๑๐๐๐ เพราะเรื่องต่างๆ เขียนไว้ กว่า 1400 เรื่องแล้ว

หมายเหตุ : ขณะได้มี website อื่นๆหลาย website ได้นำเอาเรื่องที่ผมเขียนไว้ ไปลงต่อในลักษณะของเนื้อหา โดยไม่ได้รับอนุญาตใดๆ ถ้าต้องการบทความใดไปใช้ ขอให้ติดต่อขออนุญาต ก่อนทาง Email : nana_sara1000@ymail.com มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ส่วนผู้ที่ต้องการนำเรื่องไปโพสต่อ เพื่อเผยแพร่ โดยมิใช่ทางการค้า ขอให้ติดต่อขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนโพส

ข้อมูลจาก
//2.bp.blogspot.com/_pB0y6fCXpi0/TTF395EzbII/AAAAAAAAAUQ/P1lrZrvb8Bc/s1600/stone4.jpg
//www.oknation.net/blog/bigeye2009/2011/04/04/entry-2



Create Date : 20 สิงหาคม 2554
Last Update : 20 สิงหาคม 2554 23:04:48 น. 1 comments
Counter : 4254 Pageviews.

 
มีสาระมาก มีเรื่องราวแปลกๆ บอกกันต่ออีกน่ะคะ


โดย: vespa IP: 118.174.5.65 วันที่: 7 กันยายน 2554 เวลา:15:15:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.