รักตัวเองทุกวัน ก่อนที่จะไปรักและดูแลคนอื่น
Group Blog
 
All Blogs
 

Boston CityPass ตอนที่ 3 Museum of Fine Art (MFA) เดินเท่าไหร่ไม่เคยพอ

  มาถึง Attraction ที่สามแล้ว ความขี้เกียจของเราช่างมากมายเหลือเกิน เมื่อวานได้ไป เดินเล่น ซื้อกับข้าวที่ Hay Market ไว้เล่าให้ฟังทีหลัง 


Smiley

วันนี้จะมาเล่าเรื่องของ สถานที่ท่องเที่ยวอันดับที่สามของเรา ที่ได้ไป จากการใช้  CityPass ซึ่งมีราคา 54 USD หรือประมาณ 1800 บาท เพื่อเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยม ในบอสตัน แต่ถ้าจะถามเราจริงๆ นะ สถานที่ที่คุ้มสุดคือ ทีนี่หล่ะ Museum of Fine Art 

ต้องออกตัวแรงๆก่อนเลยว่าเป็นคนไม่ชอบ อาร์ท ศิลปะ หรืออะไรประเภทนี้เลย เคยไป Museum ที่ London, Spain , DC รู้สึกเฉยๆ นะ แต่ กลับกัน ทีนี่ เรารู้สึก เออนะ มันยิ่งใหญ่อ่ะ 

การเดินทางมา MFA ขึ้นรถไฟสายเขียว Outbound to Lechmere ลงสถานี MFA เลยค่ะ ลงด้านหน้าเลย แต่เราเดินมาจากบ้านทางด้านหลังก็สวยไปอีกแบบ 

ตอนแรกเดินเข้าไปก็เอา CityPass ไปแลกตั๋วเข้าก่อนนะคะ

ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอ่ะ เพราะไม่มีใครเค้าถ่ายรูปกัน เค้าชื่นชมศิลปะกันมากกว่า 

ส่วนตัวเลย ถ่ายนิดเดียว(จริงๆ) อยากบอกว่า เดินสามวันก็ไม่หมดแหละ คุ้มจริงๆ ยังไงขอให้มาวัน พุธไรงี้เพราะเปิดถึงสีทุ่ม วันอื่นเปิดถึงแค่ สี่โมงเย็นเอง












ด้านใน ไม่กล้าถ่ายรูปเลยค่ะ ไม่มีใครเค้าถ่ายรูปกันเลย รู้สึกแปลกๆ แต่เค้าอนุญาตให้ถ่ายภาพได้นะคะ วีดีโอก็ได้ ค่าเค้า ไม่ได้เช็คว่าเท่าไหร่ แต่เราว่า เท่าไหร่ก็คุ้มค่ะ 

เดี๋ยววันไหนว่างๆ ว่าจะไปเก็บอีกหลายรอบ เพราะชอบมาก (พุธค่ำ ๆ ฟรีค่ะ) 

ในนั้นมีร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก ราคาไม่สูงมาก (เมื่อเทียบกับที่อื่น) 
ไปแล้วรับรอง ทุกคนประทับใจแน่นอน 




 

Create Date : 13 เมษายน 2557    
Last Update : 13 เมษายน 2557 22:16:32 น.
Counter : 798 Pageviews.  

Boston Citypass ตอน2 Skywalk Observatory

 ฮาโหล มีใครตามมาไหม มาถึงตอนสองแล้ว คือ Skywalk Observatory หรือ เป็นที่ชมเมืองบอสตัน 360 องศานั่นเอง 


Smiley
ถ้ามี Pass ก็ เข้าฟรีค่ะ เพราะจ่ายตังค์ค่า Pass ไปแล้ว แต่ถ้าใครจะมาเดี่ยวๆ ที่นี่ที่เดียว ก็ 17 เหรียญ ซื้อได้เลยค่ะ ตรงตึก Pudential นะ เพราะว่า มีขาย ตามป้ายไปเลยค่ะ 

ใครมาจาก รถไฟฟ้า (T) ก็ลงสถานี Pudential แต่ถ้าขยันเดินหน่อย จะลงจาก Boylston ก็ได้แล้วแต่มาทางไหน ถ้ามาจากสาย E จะลงที่ Pudential แต่ถ้า BCD ก็ ลงที่ Boylston จ้า เดินๆ 

จากตึก Pudential ก็ลงไปชั้นล่างแล้วขึ้นลิฟท์ความเร็วสูง ไปที่ ชั้น 50 ได้เลยค่ะ 



ตึกที่เรากำลังจะขึ้นไปดูกันค่ะ



อย่าลืมรับ Audio- Visual guide มาด้วยนะคะ เพลินดี ฟังไป ดูไป จะอินมากเลย แต่ต้องขอบอกว่า ต้องรู้จักมาบ้างพอสมควรนะคะถึงจะฟังรู้เรื่องไม่งั้นจะงงๆหน่อย 
เพราะตึกมากมายหลายตึกเหมือนกันค่ะ 







มีโรงหนัง ฉายประวัติและอธิบาย เกี่ยวกับเมืองและพื้นที่ต่างๆในเมือง ก็ปลุกใจให้รักบอสตันนะคะ ดูแล้วก็ออกจะอินๆหน่อย ฮ่าๆ



ดูประมาณ สิบนาทีได้ พอกลางคืนแล้วจะมาถ่ายรูปอีกรอบก็ได้นะคะ แต่เราไม่ไหวแล้วค่ะ เราไปทีอื่นต่อเราเลย กลับดีกว่า อดถ่ายรูปไฟสวยๆเลย 

เวลาเปิด 10 AM -10 PM ค่ะ Take your time ได้เลย มารอบกลางวันซักรอบ แล้วก็ค่อยมากลางคืนอีกรอบ ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอยอยู่เหมือนกัน 

ด้านล่างเป็นห้างสรรพสินค้าและ ถนน Boylston มีห้างร้าน ให้ช็อปปิ้งมากมายค่ะ เดินไปได้เรื่อยๆ 
ไว้จะรีบ ต่ออีกสามที่ให้เสร็จจ้า 




 

Create Date : 12 เมษายน 2557    
Last Update : 14 เมษายน 2557 0:16:05 น.
Counter : 732 Pageviews.  

Boston City Pass (ตอนที่ 1) Science Museum

 เอาหละตามที่สัญญาไว้ (สัญญาใคร สัญญากับตัวเองสินะ) เรื่องการรีวิว City Pass ของบอสตัน บางคน เช่นรุ่นน้องอาจจะถามว่าจะซื้อทำไม อันนี้เค้าเอาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวมิใช่หรือ เราก็จะบอกว่า ก็เนียนๆไง นึกว่าเป็นนักท่องเที่ยวบ้างอะไรบ้างงี้ 


เอาหล่ะ City Pass คืออะไร ก็คือบัตรที่รวบรวมสถานที่น่าสนใจ (สำหรับ เด็กนะ จากการที่เราไปมาหมดแล้ว น่าจะเหมาะสำหรับ การไปกับครอบครัว และคนที่สนใจแนวนี้ ) ราคาบัตร รวม VAT เท่ากับ 54 USD หรือประมาณ 1800 บาท และไปเที่ยวได้ 5 Attractions ค่ะ ที่เราเลือกไปมี 

Smiley

1.Science Museum
2.Museum of Fine Art 
3.New England Aquarium 
4.Old state building 
5.SkyWalkObservatory 

จะบอกว่า ถ้าคนไม่ชอบ  Museum อย่าซื้อเลยค่ะ ไม่ได้ว่าไม่ดีนะ แต่มันไม่ใช่ไง สำหรับเรา ซื้อแล้วก็ดูให้หมด สนใจบ้างไม่สนใจบ้าง แต่ก็โอเค แต่ถ้าจะแนะนำคนก็ซื้อแค่ New England Aquarium, Skywalk observatory ก็พอแล้ว 

เอาหล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า 
Citypass จะซื้อ Online ก็ได้หรือจะไปซื้อที่ ไหนก็ได้ที่ข้างต้นนี้ Attraction แรกที่ไปหน่ะ ระยะเวลาในการใช้ทั้งหมด จะ 9 วัน นับจากวันแรกที่ซื้อค่ะ 





อันนี้ มาง่ายมาก ลงสถานี Science Museum ได้เลยค่ะ เดินต๊อกแต๊กมานิดหน่อย ก็ถึงแล้ว 



ซื้อบัตรแล้ว เค้าก็จะฉีก CityPass ด้านในออกหนึ่งใบที่เป็นส่วนของ Science Museum ออกแล้วให้เป็นบัตรเล็กๆที่เห็นมานั่นหล่ะค่ะ เดินเข้าไปชมได้เลย 

ไม่ค่อยมีรูปเท่าไหร่ มัวแต่ตื่นตาตื่นใจมากกว่า 





สองรูปบนเนี่ยเป็นส่วนของวิทยาศาสตร์ด้านการอาหารค่ะ เป็นสไตล์แบบแนะนำอาหารของขึ้นชื่อของประเทศ ร้านอาหารที่ ชื่อดัง และอาหารของชาติต่างๆที่นิยม คืออาหารญี่ปุ่นค่ะ 

เราเองก็ชอบ เดินเพลินเลย 



โครงเหล็กที่เห็นเป็นข้อต่อ คล้ายๆกับระบบ ที่เป็นMechanical ต่างๆที่ทำให้เกิดแรงส่ง และเกิดเป็นเสียง เราก็ไม่ค่อยเข้าใจ เออ ไปยืนดูกับกลุ่มเด็กนักเรียน (ตอนไป เป็นเด็กประถมมาทัศนศึกษาค่ะ) อยากให้เมืองไทยมีแบบนี้บ้าง เด็กจะได้รักการเรียนหนังสือหนังหาหน่อย



อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ว่ามาแล้ว แต่ สุดท้ายถ่ายได้ตรงกระจก อันนี้ด้านหลังเป็นบ้านที่เค้าประมาณว่า คิดการประหยัดพลังงานไว้ทุกรูปแบบ แต่ทีน่าสนใจคือ 

ใส่กางเกงยีนส์ ซ้ำๆ จะช่วยลดโลกร้อนได้ 55 เราก็ว่ามันน่าสนใจนะ แต่คงไม่ทำอ่ะ ไม่ชอบใส่กางเกงยีนส์เท่าไหร่ 



เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์เดินเข้าไปแล้ว คนเยอะมากโดยเฉพาะเด็ก อันนี้น่าจะเป็นรุ่นมต้นอ่ะเพราะดูคึกคักมาก มีตั้งแต่ การเกิดตัวอ่อนมนุษย์ ตัวอ่อนของนก ไก่อะไรประมาณนั้นเลย แถมยังมีพวก 

ชนเผ่าต่างๆ การวิวัฒนาการของมนุษยชาติด้วย 

น่าสนใจดี 



การให้ความสำคัญกับการเกษตรกรรมต่างๆ ที่สำคัญ เรามโนไปเองว่าเราส่งข้าวออก ข้าวเราดี งั้นงี้ 
จริงๆแล้ว ประเทศส่งออกหลักคือเวียตนามค่ะ ไม่มีไทยเป็นส่วนประกอบซักนิดเดียว 

จริงๆจะใส่รูปอีกหลายรูปแต่เนต ไม่ค่อยดีเลย ใส่ไปแล้วไม่ออกมาเป็นรูป 

คงจะพอได้ไอเดียคร่าวๆแล้วว่าชอบสไตล์นี้รึเปล่า ถ้าชอบก็ลุยเลยค่ะ 


ลืมบอกไป ข้างใน Museum ร้านอาหารจะติดกับแม่น้ำเลย มองออกไปทางหน้าต่างสวยดีค่ะ 
อาหารแพงพอควรที่เห็นนี่ก็ 8 เหรียญนะ ไม่ได้ถูกเลย ฮ่าๆ แต่ก็ต้องกินหล่ะ ไม่งั้นจะกินอะไร

จบการรีวิวที่แรกเพียงเท่านี้ก่อน วันนีฝนตก อู้ตอนเช้า บ่ายๆค่อยไป 




 

Create Date : 08 เมษายน 2557    
Last Update : 14 เมษายน 2557 0:15:38 น.
Counter : 618 Pageviews.  

Rockport , MA กับอากาศที่แสนจะหนาววววว

  วันนี้ไป Rockport มา เมืองชายฝั่งแห่งนึงใน Massachusetts ตอนแรกดูพยากรณ์อากาศ มาแล้วว่า อากาศ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 10-15  องศา  มีเมฆบ้าง และพระอาทิตย์บ้างตอนกลางวัน 


เรื่องจริง :: อุณหภูมิตอนเช้า ประมาณ 1-2 องศา และเพิ่มขึ้นเป็น 2-5 องศา ตอนประมาณเที่ยง ไอ้เราก็นะ 



Smiley





เริ่มต้นจากเล่าเรื่องร้านอาหารที่เราไปทานกับรุ่นน้องดีกว่า ชื่อร้านก็ตามนี้เลยค่ะ เป็นร้านดัง ในหนังสือประจำท้องถิ่นเลย (หนังสือท่องเที่ยวของบอสตัน) หนึ่งใน Must eat ก็ว่าได้ (น้องเล่า) 

ร้านนี้ไม่ใช่ร้านแรก ร้านแรกอยู่ไกลกว่าร้านนี้หน่อย แต่ อากาศมันหนาวมากอ่ะ น้องเราใส่เสื้อกันหนาวไปไม่พอ เลย ทำให้ต้องนั่งทานในร้าน เอ๊า มาดูอาหารที่สั่งกันบ้าง 

1.​Lobster boiled นะ (ไม่อยากกินแบบ Fried แค่นี้ก็อ้วนจะตาย !! ) 20 เหรียญ หรือ660 บาทไทยนั่นเอง



สีไม่ค่อยสวย อากาศข้างนอกขมุกขมัวเหลือเกิน เบื่อจุง เป็นความรู้สึกแว๊บแรกที่เห็นนะ คือ จะบอกว่า ไม่เคยกิน เพราะเมืองไทยมันแพง และเราก็ชอบกินกุ้งปกติมากกว่าอยุ่แล้ว จะบอกว่ารสชาติมันไม่ได้ต่างกันนะ แต่ก็ น้องบอกมาบอสตันไม่กิน มันจะดูแปลกไป เอ๊า จัดไปค่ะน้อง 

ที่ขาดไม่ได้ คือน้ำจิ่ม อาหารทะเล(ที่พกไปเอง คือ น้ำจิ้มสำเร็จรูป ซื้อจากซุปเปอร์จีน) ทำให้ไม่เลี่ยน 

2.Crab Cake 



อันนี้คือเนื้อปูก้อนผสมอะไรซักอย่างนะ อร่อยดีเหมือนกัน ไม่เค็มเหมือนร้านอีกร้านนึงที่ชื่อ Legal Seafood ในเมือง บอสตันเองเลย เพราะที่ร้านนั้น ชิ้นเดียว 17 เหรียญ และเค็มมาก 
เราเลย ชอบของร้านนี้มากกว่า (สองชิ้นนี้ หกเหรียญนะประมาณชิ้นละร้อยบาทได้ ) แต่ให้ความรู้สึกปูล้วนไม่ผสมหมูเลย 55 

แท่นแท้นแท้น 

3.จำชื่อไม่ได้อ่ะ แหะ แหะ รู้แต่หอยทอด (เสียราคาหมดเลย ) 



ก็อร่อยดีหมดทั้งสามอย่างนี่หล่ะ (ถ้าไม่ได้น้ำจิ้ม Seafood ของไทย รับรองไม่อร่อยขนาดนี้) 

กราบขอบพระคุณแม่ศรีและญาติ (Maesri ) ที่ได้ทำน้ำจิ้มต่างๆส่งมาขายที่อเมริกา ทำให้ดิชั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

สรุปว่า มื้อนี้ หมดไปทั้งหมด คือ 45 USD ประมาณ 1500บาท แต่ก็อร่อยมากนะ 
ถ้ามาแล้วต้องมากินให้ได้ซักครั้ง แต่สำหรับดิชั้นแล้ว ขอครั้งเดียว.. แค่เป็นประสบการณ์ ครั้งหน้าขอกินแบบ ไม่ต้องจ่ายทิป (Take out ) ครั้งนี้ยอมเพราะน้องใส่เสื้อกันหนาวไม่หนา ชีเลยหนาวสั่นแหง่กๆ 


เดินไปเดินมา มีรูปทะเลซะหน่อยเดี๋ยวจะหาว่า ไปกินอย่างเดียว 



มืดฟ้ามัวดินหน่อย อากาศมัน Cloudy 








เห็นเจ้าของบล็อกหน้าแบบนี้ โดนทักว่าเป็นนักเรียนตลอดเบยนะฮะะะ ><





จริงๆมีรูปเยอะมากกกก แต่ !! ความขี้เกียจ มันมากกว่า หลายเท่านัก ฮ่าๆ จบการชื่นชมเมืองRockport 

ตอนเย็นกลับมาทำแกงส้มผักรวมกินด้วยความรู้สึกผิดมากมาย (น้ำพริกสำเร็จรูป อันนี้ก็ต้องขอบคุณโลโบ้ ที่มีขายในเซเว่นตอนกลับบ้าน ทำให้ ไม่อดตาย) 

กลับจากเที่ยวมา ออกกำลังกายกันไป อย่างมีความสุขแล้วก็ อัพบล็อกต่อไป 

โอ้ว เกือบลืม การเดินทางมา Rockport จาก Boston อยู่ใน Massachusetts เหมือนกันแต่ไกลออกไป ต้องนั่ง Commuter Rail ไป ค่าโดยสาร ไปกลับ 20 USD เดินทาง 1.1 hour ค่ะ 

ปวดหลังมากเลย ไว้วันไหนว่างๆ จะรีวิวที่พัก ที่เราอยู่ในบอสตัน (700USD included utilities ) เดินไป T ได้เลย Kenmore station ใกล้ Longwood Medical area ด้วย 

จริงๆ คนไทยมาอยู่หอนี้เยอะนะ แต่ไม่มีใคร รีวิวเลย อันนี้ก็รู้จากน้องคนไทยเหมือนกัน 




 

Create Date : 06 เมษายน 2557    
Last Update : 14 เมษายน 2557 0:15:11 น.
Counter : 669 Pageviews.  

ใช้ชีวิตอย่างประหยัดในอเมริกา (ค่าครองชีพแพง ตอนที่ 2)

  เมื่อวานได้เขียนวิธีใช้ชีวิตอย่างประหยัดตามวิธีของตัวเองแล้วหกข้ออ่ะเนอะ คราวนี้จะมาเล่าให้ฟังถึงวิธีอื่นๆ เมื่อวานก็คิดขึ้นมาได้ มีอีกหลายวิธีเลยนี่หน่า


อ่านกระทู้ในพันทิป มากมาย สะดุดตากับกระทู้นึงถามว่า ทำกับข้าวเอง ถูกกว่าซื้อกินจริงหรือ เป็นที่มาของข้อ 7

7.ทำกับข้าวกินเองถูกกว่าซื้อกิน จริงๆนะ ในอเมริกา ลองไปสังเกตดูหลายทีแล้ว ในร้านอาหาร ที่ขายดีๆ (ยกเว้นศุกร์ เสาร์นะ) ก็ไม่ค่อยมีคนทำไมร้านขายได้ 
ปกติ อยู่กรุงเทพเมืองฟ้า เค้าไม่เคยทำกับข้าวกินเองเลยนะขอบอก เพราะซื้อเอาถูกกว่า ลักษณะการกินอาหารของเมืองไทย กับอเมริกัน ก็ไม่เหมือนกัน 

คนไทย กินกับข้าวด้วยกัน ทำกับข้าว กินกับ กับข้าว แต่ อเมริกันกินเป็น อลาคาร์ต หรืออาหารจานเดียว และกินคนเดียว (ไม่มีมาตักกับข้าวกับคนอื่นนะฮ่าๆ) 

เข้าเรื่องเลย ทำไมถูกกว่า เอาเป็นบอกราคาอาหารที่ร้านโดยเฉพาะอาหารไทย ซึ่งเป็นอาหารที่แพงมากติดอันดับต้นๆเลยในทุกเมือง ร้านที่เราชอบ ขนาดเราว่าแพงไม่มาก ยังแพงเลย 

ราคา 7-15 USD แล้วแต่ อาหาร ไม่มีข้าวราดนะจ๊ะ แม้จะเป็นอาหารไทย มีแต่ กับข้าว และได้ข้าวมา เช่น กะเพราไก่ จะได้กะเพรา หนึ่งจานและข้าวเปล่า มาให้ อะไรแบบนี้ แกงๆก็เหมือนกัน พวกนี้รสชาติไม่ได้ ใกล้เคียงเท่าไหร่ แต่ เนื่องจากปกติเป็นคนชอบกินอาหารรสจัด เลยต้องจัดบ้าง (ไม่ได้ทุกมื้อนะ ไม่มีปัญญา) ถ้าร้านถูก (ยังไม่เคยเจอถูกกว่าราคาที่แจ้งไว้นะ) ถ้าทานอาหารในร้าน เราเสียค่าบริการอย่างน้อย 15%  ของราคาอาหารบวกกับภาษี (คิดดู ไปๆมาๆ จ่ายเพิ่มอีก 20 คนถึงไม่ชอบกินในร้านกันเท่าไหร่ ถ้าไม่รวยพอ) ไม่เหมือนเมืองไทยนะ ทิปห้าบาท ที่นี่ทำอย่างนั้นไม่ได้ มันเป็นกฏเกณฑ์ตายตัว 

ซื้ออาหารทำเอง : ถ้าคุณไปตลาดเอง คุณอาจจะได้ไก่ในราคา ที่ถูกกว่าเมืองไทย ต้องเดินตามหาหน่อย บางที จะมีช่วงลดเคลียร์สต็อก เราก็ไปกวาดๆมา (ดูวันหมดอายุด้วยนะ) 
ผัก ผลไม้ ไปซื้อตามตลาดข้างนอก (ได้กล่าวไว้แล้วตามตอนที่ หนึ่ง) จะถูกกว่ามาก 
ไข่ ที่นี่ ถ้าเลือกดีๆ ไข่ถูกกว่าประเทศไทย !!!!!!! คุณพระ

อยากกินอาหารไทยเหรอ ไม่เป็นไร .. ไป ตลาดเอเซียหรือไชน่าทาวน์ รับรองมีเครื่องแกงโลโบ้ แม่ศรีให้เลือก สำเร็จรูปไปเลย แต่ถ้าใครอยากทำเอง มีขายหมด กระเทียมพริก ครกสาก (อันนี้จะแพงหน่อย) 

เขียนเรื่องนี้ จะเล่าเรื่องข้าวให้ฟัง ดีกว่า มีใครรู้บ้างว่า ข้าวไทย ที่เรากินในเมืองไทย เป็นข้าวที่คุณภาพสู้ ข้าวส่งออกไม่ได้บ้าง ตอนแรกไม่เชื่อนะ แต่พอมากินข้าวไทยที่อเมริกา เรารู้เลย มันต่างกัน เม็ดสวยเรียงขาวสะอาดเลย ตกราคา 5 lb =5.99 เหรียญ โดยเฉลี่ย แต่เราไม่ค่อยได้กินข้าว ซื้อเก็บไว้ตอนอยากกินมากๆ 

เอ๊า ลืมสรุป ถ้าทำกับข้าวกินเอง ต้นทุนประมาณอย่างต่ำหนึ่งเหรียญ (ถูกกว่าไหม เห็นภาพยัง) แล้วแต่กับข้าวที่คุณจะกินเข้าไป เช่น ถ้าเราทำแกงเขียวหวานไก่ Portion เท่ากับที่เค้าขาย 7 เหรียญ ต้นทุนเราจะประมาณ 2 USD ไม่ต้องเสียตังค่าทิปอีก สรุปว่า ถูกกว่ามาก

8.ของที่ ราคาที่อเมริกา เป็นราคาที่แบบว่า รับไม่ได้เลยนะ สำหรับผู้หญิง ก็แล้วกัน 

8.1 หนังยางรัดผม เมืองไทย 10 บาทได้ถุงเบ้อเร่อ ที่นี่อาจจะสามเหรียญ (ประมาณร้อยนึง) 
8.2 หมวกคลุมผมอาบน้ำ เมืองไทย 20บาท คลุ้มน้ำได้ดีด้วย ที่นี่ อันละสามเหรียญ (ร้อยนึง) แถม กันน้ำไม่ดีเท่าด้วย 
8.4 ผ้าอนามัย นอกจากแพงกว่า แล้ว ยังดูคุณภาพไม่ค่อยดีด้วย ถ้าใครชอบผ้าอนามัยไทยแนะนำให้ขนมาค่ะ เบาไม่เปลืองที่หรอก 
8.5 เสื้อกล้าม เสื้อซับใน ที่เมืองไทย ตลาดนัดตัวละ ไม่ถึงร้อย ทีนี่ ตัวละเกือบสามร้อย ต่างกันสุดๆไปเลย 
นึกออกเท่านี้เอาเท่านี้ก่อนแล้วกัน นอกนั้นไม่ได้ต่างกันแบบมีนัยสำคัญอะไร หากเรารู้จักหา ในอเมริกาก็มีแหล่งของถูกเยอะอยู่เหมือนกัน 

ตอนนี้ยังคิดออกแค่นี้ ไปทำงานก่อนดีกว่า ... 




 

Create Date : 04 เมษายน 2557    
Last Update : 4 เมษายน 2557 19:53:18 น.
Counter : 2016 Pageviews.  

1  2  3  

หัวใจนักท่องเที่ยว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ผู้หญิงธรรมดา หน้าตาไปวัดได้ ตอนบ่ายๆ

ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ

ทำงานน้อย อู้งานเยอะ

ว่างเมื่อไหร่จัดกระเป๋า
Friends' blogs
[Add หัวใจนักท่องเที่ยว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.