All Blog
รวมเป็นหนึ่ง
  วันนี้ผมได้ทำกิจกรรมให้น้องๆ ได้คิดสัญลักษณ์ประจำกลุ่ม ...

หลายกลุ่มทำได้ดีมากๆ ครับ โดยเฉพาะเรื่องความสามัคคี และความร่วมมือ

มีกลุ่มที่เอ่ยถึง ความแตกต่างทางความคิดด้วยน่ะครับ น้องเขาบอกว่า ...

ในกลุ่มมีความคิดมากมาย เขาเลยรวบรวมออกมาในรูปแบบของสโลแกนที่ว่า

"หน้าแมว จมูกหมู หูกระต่าย"

เดาว่าน้องๆ ในกลุ่มคงตกลงจะทำสัญลักษณ์หลายๆ ตัวที่แตกต่างกัน

เมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ จึงรวมมันให้อยู่ในตัวเดียวกันซะเลย

                  เป็นความคิดที่ดีน่ะครับ ผมชอบ ...


++ Trainer กบ ++





Create Date : 12 เมษายน 2557
Last Update : 12 เมษายน 2557 12:54:46 น.
Counter : 624 Pageviews.

2 comments
  
การมีพระเจ้าอย่างงมงาย

หากพบว่า มีพี่น้องมนุษย์ มีพระเจ้าอย่าง1.งมงาย 2.ปิดกั้น3.เนรคุณ 4.พึ่งพา 5.เย้ยหยัน. ผู้เห็นแก่ส่วนรวม เห็นคุณค่าทางบวกและทางลบที่จะเกิดกับสังคมโลก(มนุษย์ใช้ถังออกซิเจนใบใหญ่ร่วมกัน หากออกซิเจนไม่สะอาด ไม่มีศิริมงคล แล้วนำมาใช้เสพร่วมกัน หากติดเชื้อเนรคุณก็แพร่กระจายเป็นโรคติดต่อได้) ผู้ที่ไม่เห็นแก่ตัว ย่อมมีภาระหน้าที่ตกกับตน ใช้ปัญญาธรรม สันติธรรม ขันติธรรม เมตตาธรรม ยุติธรรม สามัคคีธรรม และธรรมต่างๆที่ศาสนทูตที่ตนติดตามแนะนำไว้อย่างครบครัน ตักเตือนต่อกัน เมื่อทำภาระหน้าที่นั้นแล้ว ก็ขอพรกำกับ ในการกระทำนั้นให้ผู้ที่ตนตักเตือน เท่านี้ สารแห่งความสุขก็หลั่งสร้างสมดุลฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย(สุข ทางการแพทย์)ส่วนผู้ที่ต่อต้านในการตักเตือน ก็พึงระมัดระวังการทำงานของระบบสูบฉีดเลือดในสมอง เพราะหากผู้นั้นไปพยายามปิดกั้นสารใดที่ผัสสะ(ตามที่พระพุทธเจ้าเคยเตือนมนุษย์เรื่องอย่าปิดกั้นไว้)ที่ทวารตน เมื่อมันสามารถหลุดไปยังสมองได้ มันจะพุ่งเข้าชนส่วนสมองจนบอบช้ำได้ สมควรปล่อยเข้าไปอย่างช้าๆ ปราณีตเรียบร้อย ไม่ปิดกั้นมัน และหากมีการต่อต้านถึงระดับเกินสมควร สารหนึ่งที่เรียกทางการแพทย์ว่า"อาดีนารีน"สามารถหลั่งออกมา สารนี้เมื่อตกค้างจะเป็นสารก่อมะเร็งบั่นทอนช่วงชีวิตไปอย่างขาดทุน(ทุกข์ และ สุข อย่างมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์)

ผู้ที่มีพระเจ้า อย่างมีเหตุผลอย่างสมดุล และมิใช่มี ใน5อย่าง ข้างต้น ทุกขณะจิตก็กตัญญูเสมอๆ ไม่ละทิ้งแนวทางต่างๆที่พระเจ้าประทานผ่านหลากหลายช่องทาง เมื่อพบว่า มีผู้มีพระเจ้าเป็นสิ่งพึ่งพา เราก็เตือนเขาว่า ใยไม่เรียนรู้ทุกสิ่งจากพระเจ้าแล้วพึ่งพาตนเองเล่า (บางท่านไม่พึ่งพาพระเจ้า แต่ก็ยังหลงพึ่งพา บุญ บารมี วิธีหลุดพ้นต่าง พึ่งกุสโลบาย พึ่งพาเจว็ดรูปปั้นรูปหล่อ พิธีกรรม ตำรามนุษย์แต่ง ควันธูป แสงเทียน นักบวช นักพรต ฤาษีชีวก คาถา บริกรรม และหลากหลาย ทั้งๆที่ พระเจ้าคือผู้กำหนดคุณค่าในสิ่งนั้นๆมาให้มนุษย์เอง แทนที่ยะกตัญญูและเรียนรู้คุณค่าทุกสิ่งด้วยการกตัญญูต่อพระเจ้า)
เมื่อพบว่ามีผู้ มีพระเจ้าอย่างงมงาย ก็จงเตือนเขา ให้ใช้สติปัญญา ใช้ความเพียรเพื่อเรียนรู้คุณค่าที่พระเจ้ากำหนดสภาวะในทุกๆสิ่งให้มนุษย์ มิใช่กตัญญูต่อพระเจ้าแล้วละทิ้งทางที่นำคุณค่าจากพระเจ้ามาให้ตน นั่นเองที่ผู้คนใช้สิทธิ์อย่างสุจริตที่สามารถเรียกผู้มีพระเจ้าเช่นนั้นว่า "ผู้งมงาย" การมีพระเจ้าแบบไม่งมงายแบบกตัญญู ย่อมไม่ละทิ้งผู้ที่นำความรู้จากพระเจ้ามาผัสสะตน เช่น พระพุทธเจ้านำความรู้เรื่องที่ท่านได้รับมาจากพระเจ้า(ที่ให้ท่านเป็นคนแรก ทั้งๆที่มีอยู่มานานแล้ว) ในเรื่องอิถะปัจยตา มาให้เรา เราก็อย่าปิดกั้นปฎิเสธ หรือเนรคุณยกสะพานออกจากการเชื่อมโยง เพราะเราผัสสะสารนั้นๆผ่านมาทางพระพุทธเจ้า นิวตัน ก็ผ่านความรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงที่ท่านได้รับมาจากพระเจ้า(ให้ท่านเป็นคนแรกทั้งๆที่แอปเปิ้ลตกมานานแล้วเช่นกัน)มาผัสสะเรา เราก็ไม่เนรคุณปัดท่านเซอร์ไอแซกนิวตั้นออกจากทางนำนั้น.

การมีพระเจ้าแบบ5ประเภทนั้น ก็จะค่อยๆปรับปรุงสู่ ทิศทางกุศล มนุษย์จะลด ถึง ไม่มีการก่อเชื้อเนรคุณ งมงาย พึ่งพาสิ่งที่ผิดๆแทนการพึ่งพาพระเจ้า(ที่สมควรเรียนรู้ มิใช่พึ่งพา) แพร่กระจายไปสู่ชั้นบรรยากาศ ที่มนุษย์มีสิทธิ์ในการใช้จ่ายร่วมกันอยู่ อย่างเท่าเทียม โดยพระคุณและความยุติธรรมของผู้สร้างและมอบ. จงกตัญญูร่วมกัน ในระดับสูงสุดร่วมกัน. พบเห็นผู้ติดเชื้อ ก็อาจกักบริเวณ ช่วยกันกักกันการแพร่เชื้อ ให้วัคซีนว่า กตัญญูๆๆๆ ทุกๆนาที หรือชั่วโมง หรือวัน. วิจัยรายต่อรายไปว่า ได้วัคซีนที่ให้แล้วอาการเป็นอย่างไร ดื้อยาไหม จากนั้นบันทึกไว้เพื่อการปรับปรุงแก้ไขสูตรวัคซีน เพื่อใช้ในโอกาสต่อๆไปได้.

ในโลกนี้ มีจริง มีอย่างกว้างขวาง สากล มานานแล้ว

และหากมนุษย์ไม่หวาดกลัวจะสูญเสีย สังคมพยากรณ์ของตนไป แล้วล่ะก็ จะดำรงสายกลางคือ กล้าหาญที่จะคิดที่จะวิเคราะห์ที่จะสื่อสาร เพราะ กล้าหาญ มีหวาดกลัวและมุทะลุ กระหนาบข้างเสมอ ในเมื่อเอียงไปทางหวาดกลัวก็จะนิ่งอึ้งดั่งอาการลมชักหลบใน มีอาการเกร็ง สมองจะขาดเลือดแบบไม่ปกติ ความจำเก่าเสื่อม ความรู้ใหม่พลาดโอกาส. หากเอียงไปทางมุทะลุ ก็จะโกรธ จะหาทางทำลายสาร ทำลายผู้สื่อสาร ผู้สร้างสาร ผู้นำสาร. นั่นคือขาด หรือ พลาดในการสร้างปัญญาไปแล้ว.
โดย: กตัญญูสูงสุดเท่ากันหนึ่งเดียว IP: 124.121.208.245 วันที่: 12 เมษายน 2557 เวลา:21:15:17 น.
  
ต่อต้าน=ทุกข์-หน้าที่=สุข

สุขแท้ คือ สารเอนโดฟีนหลั่งที่สมอง ร่างการจะสมดุลด้วยฮอร์โมนต่าง ตามที่ผู้สร้างมนุษย์กำหนดสภาวะในคุณค่านั้นไว้

ทุกข์ คือ การหลั่งสารแห่งการต่อสู้ เมื่อเราต่อสู้ ต่อต้านกับความจริง หรือเรื่องที่ไม่ตรงกับจริตเรา สารนั้นทางการแพทย์เรียกว่า"อาดีนารีน" สารนี้ จะตกค้างเป็นสารก่อมะเร็ง สุ่มไปในร่างกาย นี่เป็นเรื่องที่ถูกกำหนดสภาวะมาจากผู้สร้างมนุษย์

เรื่องจริงนี้ มีหลักฐานมาเป็นเวลา3500กว่าปีมาแล้ว แต่มนุษย์ถูกวรรณกรรม ถูกการปกครอง ปิดกั้นการเข้าถึงหลักฐาน ทั้งๆที่มีพยานมากมายได้เคยรับทราบสารนั้นด้วยตนเองมายืนยัน(มากกว่า4000ล้านคน)

อยู่กับปัจจุบัน เรื่องนี้ ก็สามารถยืนยันทางการแพทย์ได้อย่างกว้างขวางอยู่อีกด้วย

ทำอย่างไรถึงจะสุขมากกว่าทุกข์

ก็ทำตามภาระหน้าที่ ที่ผู้สร้างมนุษย์ที่มีพระคุณต่อมนุษย์กำหนดมาให้ซิ "มนุษย์ มีหน้าที่เป็นผู้ตักเตือนซึ่งกันและกัน"(ไม่มีระดับใบประกาศทางการศึกษา อาชีพ การแต่งกาย ชาติตระกูล นามสกุล จำนวนทรัพย์สมบัติ กำหนดนะ)

ผู้มีอาชีพพระเตือน อาชีพแพทย์ ตามภาระหน้าที่ ผู้มีอาชีพพระก็หลั่งสารเอนโดฟีน มีความสุข อายุยืนขึ้น หากแพทย์ ไม่เชื่อโดยภาระหน้าที่เขา อาดียารีนก็ไม่หลั่ง เขาก็ยังคงมีความสุข แต่หากเขาพยายามต่อต้านตอบโต้ เขาจะหลั่งสารอาดีนารีน แพทย์นั้นก็ทุกข์

อีกตัวอย่าง อาชีพกรรมกรใช้สิทธิ์ใช้หน้าที่ตักเตือนผู้มีอาชีพพระ หากพระจะโกรธ เพราะยึดติดว่า อาชีพฉันสูงส่งใครเตือนไม่ได้ พระนั้นก็จะหลั่งอาดีนารีน ก็มีทุกข์ แต่หากพระแค่ไม่เชื่อ พระก็ไม่เชื่อไปตามหน้าที่ ทั้งคู่ไม่มีใครทุกข์ (แต่ส่วนใหญ่ยึดติด ไม่ดำรงศีลข้อ12เท่าไร).

ทำกันไปตามภาระหน้าที่ ที่ผู้สร้างมนุษย์มอบหมายให้มากันได้ทุกๆคน ไม่เกิดทุกข์เลย
โดย: ทุกข์-สุข IP: 124.121.208.245 วันที่: 12 เมษายน 2557 เวลา:21:54:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 934994
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



วิทยากรด้านการพัฒนาศักยภาพเยาวชนเชิงบวก