ยิ้ม....มหานิยม



ยิ้ม...
มหานิยม

โดย
สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี)



มนุษย์
มีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งที่หาไม่ได้ในบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตด้วยกัน
สิ่งนั้นก็คือ “ยิ้ม” สัตว์โลกทุกชนิดที่ยกย่องว่ากันว่า
เป็นสัตว์ฉลาดและฝึกหัดได้นานัปการ แต่ฝึกให้ “ยิ้ม” ไม่ได้
ยิ้มของคนซื้อขายไม่ได้ ยิ้มเป็นเครื่องดึง
ดูดให้คนเข้าใกล้ปราศจากความระแวง
ยิ้มสามารถเป็นเกราะป้องกันภัยให้แก่ตนเองได้ด้วย
แต่ต้องเป็นยิ้มตามปกติ มิใช่ยิ้มอย่างละคร ลิเก
ที่โปรยยิ้มไปรอบๆ เวที
เพราะนั่นเป็นยิ้มที่แต่งขึ้น
ยิ้มแท้ต้องเป็นยิ้มที่เกิดจากใจจริง มีลักษณะที่เบิกบาน เยือกเย็น สดชื่น
เป็นเครื่องดับและบรรเทาทุกข์ร้อนได้ ทำให้ผู้ยิ้มเป็นคนมีสติยั้งคิด
ไม่ผลุนผลัน เมื่อฝ่ายหนึ่งหน้าบึ้งมาหา อีกฝ่ายหนึ่งยิ้มรับ
เหตุร้ายย่อมกลายเป็นดี

โบราณท่านจึงให้ยิ้มไว้ก่อนเสมอ
ยิ้มได้เมื่อภัยมา ย่อมช่วยให้เกิดสติ ไม่ตื่นเต้น วู่วาม
ในเหตุอันใดที่เกิดขึ้น ยิ้มจึงส่งเสริมให้เป็นคนมีสติ
ตรงข้ามกับความโกรธซึ่งทำให้ขาดสติ ไร้ความยั้งคิด
ยิ้มไม่ต้องลง
ทุนซื้อหา แต่มีอยู่แล้วประจำตัวทุกคน เหมือนมีอาวุธในตัว
ต้องหมั่นชโลมน้ำมันกันสนิมไว้
อย่าปล่อยให้สนิมจับจนฝืดไม่คล่องแคล่วทันท่วงที
คนที่ยิ้มยากเพราะไม่เคยยิ้ม ถึงคราวยิ้ม ย่อมยิ้มไม่ออก จึงควรต้องหัดยิ้มไว้เสมอๆ
“ยิ้มได้และยิ้มเป็นจะช่วยให้ปลอดภัยและสบายใจ”

ดังคำที่ว่า ยิ้มง่าย สบายทัก รักผู้อื่น
ตื่นอยู่เสมอ แล้วจักมีความสุขใจโดยแท้จริง



จาก
หนังสือ ๕๐ คติธรรมจากแสงธรรม
โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฐายี)



แหล่งที่มาจากธรรมจักรดอทเน็ต





Free TextEditor







































































































 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 12:57:28 น.
Counter : 322 Pageviews.  

การตำหนิติเตียนผู้อื่น...ไม่ดีเลย





























การตำหนิติเตียนผู้อื่น...ไม่ดีเลย:หลวงปู่
มั่น  ภูริทัตโต

การตำหนิติเตียนผู้อื่น
ถึงเขา
จะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเอง...ให้ขุ่นมัวไปด้วย
ความเดือดร้อน
วุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่น...จนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น
นักปราชญ์ถือเป็น
ความผิดและบาปกรรม...ไม่มีดีเลย
จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนา
...มาทรมานอย่างไม่คาดฝัน

การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการ
ไตร่ตรอง
เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์
จึงควรสลด
สังเวชต่อความผิดของตน
งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย
ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว
แต่สาเหตุ
ที่ทำให้เกิดทุกข์
ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง




ที่มา : คัดจากหนังสือ
ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ(ธรรมะไทย)







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 12:20:40 น.
Counter : 576 Pageviews.  

...ไม่สู้ ไม่หนี ทำความดีเข้าไว้...













































...ไม่สู้ ไม่หนี
ทำความดีเข้าไว้...:หลวงพ่อจรัญ  ฐิตธมฺโม



...กัมมัฏฐาน
นี้สำคัญ ระลึกเหตุการณ์ในชีวิตได้
ขอให้ท่านตั้งใจทำ หนักเอาเบาสู้
คน
ที่เขาร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเขาลำบากมามาก เขาอดทนมามาก
นี่แหละท่านทั้ง
หลายความดีความชอบนี้ไม่ใช่คนอื่นทำให้
เราทำตัวเอง
เราได้ดิบได้ดี
ไม่ใช่สบาย ผู้ใหญ่เป็นโตก็ใช่ว่าสบาย
ถ้าหากว่ากินแล้วก็นอน
นอนแล้วก็กิน ไม่ทำอะไรเลยนั้น
กำลังทำชั่วโดยไม่รู้ตัว
หากท่านพบ
ความลำบากเท่าไรก็จงภูมิใจเทิดว่า
ท่านลำบากเพราะกำลังทำความดี
ถึง
จะไปทำงานให้คนอื่นก็ถือว่าทำดี
ความดีของเราที่ทำไว้จะติดตัวเราไปจน
สู่สัมปรายภพ ไม่มีสูญหาย
การเดินจงกรม
ก็จะติดตัวเรา
สร้างความดีให้ติดตัวเราไปในอนาคตข้างหน้า
ขอให้ท่าน
ไม่สู้ใคร ไม่หนีใคร
แล้วหมั่นสร้างความดีไว้ ต้องได้ดีแน่นอน...



แหล่งที่มาจาก
เว็บไซด์หลวงพ่อจรัญ








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 12:19:31 น.
Counter : 478 Pageviews.  

รักไม่ดี..ผิดศีล ๕ ข้อ





























“ของของใครของใครก็ห่วง
ของ
ของใครใครก็ต้องหวง
ห่วงใยรักใคร่ถนอม
ใครจะชิงของใคร..ใครยอม..”

ของ
ที่เขามีเจ้าของนั้น..
ถ้าเราไปละเมิด ..บางกรณีไม่ผิดเฉพาะศีล ข้อ ๓
เท่านั้น
ทว่า..อาจทำให้ผิดศีลได้ทุกข้อเลยทีเดียว..

เช่น...
เมื่อ
รักมาก ๆ อาจนำไปสู่การฆาตกรรม
>>>…(รักต้องฆ่า...ผิดศีลข้อ
ที่ ๑ )

เมื่อรักมาก ๆ อาจนำไปสู่การร่วมกันชิงทรัพย์
>>>…
(รักต้องขโมย...ผิดศีลข้อที่ ๒ )

เมื่อรักมาก ๆ
อาจนำไปสู่การคบชู้สู่ชาย
>>>…(รักต้องละเมิด...ผิดศีลข้อที่
๓)

เมื่อรักมาก ๆ อาจนำไปสู่การโกหกลอกลวง
>>>…(รัก
ต้องหลอก....ผิดศีลข้อที่ ๔)

เมื่อรักมาก ๆ
อาจนำไปสู่การลืมเนื้อลืมตัว
ไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น เกิดอาการนอกใจ

นอกศีลธรรม....นอกกฎหมาย..
>>>…(รักต้องลืม...ผิดศีลข้อ
ที่ ๕)

อย่างไรก็ตาม..
หากมีอาการ “รักคนมีเจ้าของ”
ดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว
ก็ควรระมัดระวังใจตัวเองไว้ให้ดี..
เพราะ
อาการเช่นนี้...
เป็นจุดตั้งต้นของการละเมิดจริยธรรมทางเพศ
ซึ่งหาก
ไม่สามารถควบคุมได้...
ก็เท่ากับว่า....
ชีวิตกำลังก้าวเข้าสู่หลุม
ดำของหายนะ..
ที่รออยู่เบื้องหน้าแล้ว...

ส่วนความสุขที่เกิด
จากความรักนั้น..
แท้ที่จริงแล้ว ก็คือ...
“ความทุกข์ที่รอเวลาอยู่
”...เท่านั้นเอง...











ที่มา : ธรรมะคลายใจ...ท่าน
ว. วชิรเมธี...






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 0:53:50 น.
Counter : 317 Pageviews.  

ก่อนสอนผู้อื่น
































ก่อนสอนผู้อื่น

จากหนังสือ ทางแห่งความดี ๓
โดย ท่านอาจารย์วศิน อินทสระ



บัณฑิต
ตั้งตนไว้ในคุณอันสมควร (คืออันเหมาะสม) ก่อน
แล้วสอนคนอื่นภายหลัง
จะไม่เศร้าหมอง



อธิบายความ

โดย
ธรรมดา การสอนให้คนอื่นทำนั้น เป็นเรื่องง่าย แต่การทำเองเป็นเรื่องยาก
การ
สร้างบ้านสร้างเมืองด้วย น้ำลายนั้น จะสร้างวันละสักกี่เมืองก็ได้
แต่
การทำให้ได้จริงตามที่ว่าไว้นั้น ยากเหลือเกิน
ท่านจึงว่า
“ง่ายที่คิด ติดที่ทำ”


บุคคล
บางพวกสอน คนอื่นได้ แต่ตัวทำไม่ได้
บางพวกสอนคนอื่นไม่ได้
แต่ทำด้วยตนเองได้
บางพวก สอนก็ไม่ได้ ทำก็ไม่ได้
บางพวกทั้งสอนได้
และทำได้


พวกสุดท้าย
ย่อมได้รับการสรรเสริญโดยประการทั้งปวง
การสอนคนนั้น มี 3 อย่างคือ
สอน
ด้วย วาจา ๑ สอนด้วยการทำตัวอย่างให้ดู ๑
สอนด้วยวาจาและทำตัวอย่างให้
ดู ๑ ประการสุดท้ายดีที่สุด
เป็นการแน่นอนว่า ตัวอย่างที่ได้เห็นย่อม
เด่นกว่าคำสอนเสมอ



การ
กระทำนั้นแหละเป็นการสอนไปในตัว
ข้าพเจ้า เคยพูดไว้หลายครั้ง
หลายแห่งแล้วว่า
ทางที่ดีที่สุดในการสอนให้คนเสียสละ คือ
จงเสียสละให้ดู
ในการสอนให้คนสงบ คือ จงสงบให้ดู


คำสอนแม้จะ
ถูกต้อง แต่ถ้าตัวคนสอนทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตนสอน
คนทั้ง
หลายก็ จะไม่ซึ้งในคำสอนเช่นนั้น มันเหมือนเอามะลิไปโรยไว้หน้าศพ
ใคร
เล่าจะยินดีดม มะลินั้น คำสอนของผู้เช่นนั้นมีแต่จะถูกหัวเราะเยาะ


บุคคล
ที่ เสียสละได้ สงบได้ ขยันหมั่นเพียรได้
แม้จะไม่เคยเอ่ยปากสอนใครให้
ทำเช่นนั้น
คนทั้งหลายก็มองดูด้วยความนิยมชมชอบ
และมักจะเอ่ยปาก
เมื่อมีโอกาส ว่า “ทำอย่างไรจึงเป็นอย่างนั้น ๆ” เป็นต้น



พระ
ที่สำรวมอยู่ในสิกขา วินัยอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีสมาธิ
จิต
สูง แม้จะไม่สอน ใครเพื่อความเป็นเช่นนั้น
คนทั้งหลายก็นิยมเลื่อมใสและ
อยากทำตาม


แต่ พระที่ดีแต่พูด เป็นธรรมกถึก ปฏิบัติอะไรไม่ได้
อาจ
ได้รับคำชมเหมือนกัน ว่า พูดดี พูดเก่ง แต่จะไม่มีใครเลื่อมใสจริงจังเลย
พ่อ
แม่ ครู อาจารย์ ก็ เหมือนกัน


เพื่อมิให้เศร้าหมองด้วยการถูก
หัวเราะเยาะ และถูกตำหนิ ติเตียน
บัณฑิตจึงควรตั้งตนไว้ในคุณอันสมควร
เสียก่อน
แล้วสั่งสอนคนอื่นให้ ตั้งอยู่ในคุณอันนั้นภายหลัง
ไม่
เป็นภัยแก่ตน และเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อผู้อื่น


การสอนผู้
อื่นในคุณที่ตนมี แม้จะสอนซ้ำๆ ซากๆ
แต่คนทั้ง หลายฟังแล้วก็ซาบซึ้งดี
เพราะ
รู้สึกว่ามันออกมาจากใจของผู้สอน
ส่วนคำสอนอัน วิจิตรพิสดาร
แพรวพราวด้วยเหตุผล
แต่ผู้สอนมิได้มีคุณเช่นนั้น
ผู้ฟังย่อม
ไม่เชื่อถือและไม่มีกำลังใจในการปฏิบัติตาม


ลองคิดดูเถิด
ถ้าคนเป็น โรคเรื้อนคนหนึ่ง
ยืนพรรณนาถึงคุณภาพของยา
และวิธีรักษาโรคเรื้อนให้หายขาดได้
ท่านผู้ฟังจะรู้สึกอย่างไรถ้ามันดี
จริง
ไฉนผู้นั้นจึงไม่จัดการรักษาโรคเรื้อนของตนให้หายขาดเสียก่อน
หรือ
เป็นแต่เพียงผู้โฆษณาขายยา แต่ไม่เคยลอง ใช้ด้วยตนเองเลย
ทั้งๆที่ตนก็
เป็นโรคนั้นอยู่ น่าสลดใจหรือไม่?


บางคน
สอนให้คนอื่นเลิกโลภ เลิกโกรธ เลิกหลง
แต่ตนเองยังเต็มอยู่ด้วยความ โลภ
ความโกรธ ความหลง
จนล้นออกมาให้เห็นกันชัดๆ อยู่ข้างนอก น่าสลดใจ
เพียงใด
ถึงกระนั้นก็ยังดีกว่าคนบางพวกที่เพียบแปร้ไปด้วย ราคะ โทสะ
โมหะ
คือ โลภ โกรธ หลง แล้วยังชักชวนผู้อื่นเพื่อเป็นอย่างนั้นด้วย
เหมือน
สุนัขหางด้วนแล้วชวนเพื่อนๆ ให้ไปตัดหางเสียด้วย
อย่างนี้มีโทษ
สองซ้ำสามซ้อน



พ่อบางคนเป็นโจร
แต่พรรณนาโทษแห่งความโจรให้ลูกฟัง
ก็ยังดีกว่าชักชวนลูกให้เป็นโจรเสีย
ด้วย
ทางที่ดีกว่านั้น คือเลิกความเป็นโจร ด้วยตนเองเสียด้วย
และ
พรรณนาโทษแห่งความเป็นโจรให้ลูกฟังด้วย


ที่มา...สาระจากเรือนธรรม
ก่อนสอนผู้อื่น









Free TextEditor







































































































 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 0:45:10 น.
Counter : 323 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.