|
เมื่อประมาณ 20 ปีก่อนนี้
Walter Munk นักวิทยาศาสตร์แห่ง Scripps Institute of Oceanography ในสหรัฐอเมริกาได้พบว่า เขาสามารถรู้ว่าโลกเราร้อนขึ้นหรือเย็นลงเพียงใด โดยการวัด อุณหภูมิของนํ้าในมหาสมุทร
|
|
โดยอาศัยหลักความจริงที่ว่า
ความเร็วของเสียงในนํ้าร้อนนั้นช้ากว่าความเร็ว ของเสียงในนํ้าเย็น Munk จึงคิดว่าหากเขารู้ความเร็วเฉลี่ยของคลื่นเสียงในมหาสมุทร เขาก็สามารถจะวัดอุณหภูมิเฉลี่ย ของนํ้าในมหาสมุทรได้
|
|
| ภาพประกอบเนื้อหา วิธีการวัดอุณหภูมิของทะเล |
|
|
ทุกวันนี้ เราทุกคนรู้ดีว่าปรากฏการณ์เรือนกระจกเป็นปัญหาโลกแตก
เพราะนักวิชาการทั้งหลายต่าง ก็คาดคะเนว่า อุณหภูมิของโลกเราจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี แต่การวัดอุณหภูมิของอากาศทั้งโลกนั้นไม่มีใครทําได้ เพราะอุณหภูมิของ อากาศในสถานที่แต่ละแห่งนั้นต่างกัน ถึงแม้สถานที่เดียวกันก็ตาม อุณหภูมิของอากาศ ในสถานที่นั้นๆ ในแต่ละเวลา ในแต่ละเดือน ในแต่ละปีก็ยังไม่เท่ากันเลย เมื่อความแปรปรวนของอุณหภูมิ มีมากเช่นนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงต้องหันมาศึกษาอุณหภูมิของนํ้ าทะเลแทน เพราะอุณหภูมิของนํ้ าทะเลมิได้ แปรปรวนมากเท่าอุณหภูมิของอากาศ
|
|
แต่การที่จะเอาเทอร์โมมิเตอร์
จุ่มวัดอุณหภูมิของนํ้าในสถานที่แต่ละแห่งของโลกนั้น ไม่สะดวกและให้ ผลไม่แน่นอน Munk จึงคิดว่า หากเขาสามารถส่งคลื่นไปใต้นํ้า แล้วใช้เครื่องรับเสียงดักฟัง ณ สถานที่ไกล ออกไป ในเวลาหนึ่งชั่วโมง หาก เสียงเดินทางช้าไป 0.002 วินาที เขาก็สามารถสรุปได้ว่า อุณหภูมิของนํ้าได้เพิ่มสูงขึ้น 0.05 องศาเซลเซียสเรียบร้อย
|
|
| ภาพประกอบเนื้อหา วิธีการวัดอุณหภูมิของทะเล |
|
|
ดังนั้นในปี พ.ศ. 2532 ทีมทดลองที่นําโดย Munk ได้
ทดสอบความคิดนี้โดยใช้อุปกรณ์ โซนาร์ (sonar) ส่งเสียงไปในนํ้ า จากเกาะ Heard ที่อยู่กลางมหาสมุทรแอนตาร์กติกา เสียงที่มีความดัง 215 เดซิเบล (ดังพอๆ กับรถพยาบาล) เดินทางใต้นํ้ าไปได้ไกลถึงชายฝั่ง California ของมหาสมุทรแปซิฟิก และ เกาะ Bermuda ในมหาสมุทรแอตแลนติก
|
|
แต่การทดลองของ Munk นี้
ได้รับการต่อต้านจากบรรดานักชีววิทยาสัตว์ทะเลหลายคน เพราะคน กลุ่มนี้ เกรงว่า การทดลองส่งเสียงเช่นนี้จะรบกวนสัตว์ทะเล เช่น ปลาวาฬ ปลาโลมา และแมวนํ้ า คือทํ าให้ มันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความเป็นอยู่ เช่นทําให้มันว่ายนํ้าหลงทางหรือทําให้มันหูหนวก
|
|
แต่ก็มีนักชีววิทยาอีกหลายคน ที่สนับสนุนโครงการวิจัยของ Munk
ฒฝิฬโดยให้เหตุผลว่าเสียงที่ใช้ในการ ทดลองนั้น ถึงแม้จะดัง แต่ก็คงไม่ทําให้สัตว์ทะเลพิการ เพราะ Munk จะค่อยๆ ส่งเสียงแทนที่จะเปิดดังทัน ที นอกจากนี้ความถี่ของเสียงที่ใช้ในการทดลองก็ไม่ตํ่าเท่ากับความถี่ที่ปลา โลมาหรือปลาวาฬใช้ในการหา อาหาร ยิ่งไปกว่านั้นตํ าแหน่งที่เสียงเดินทาง ก็ลึกมากและสัตว์ทะเลทั่วไปก็ไม่ดําลึกถึงระดับนั้น
|
|
| ภาพประกอบเนื้อหา วิธีการวัดอุณหภูมิของทะเล |
|
|
นอกจากนี้ทะเลก็ใช่ว่าจะสงบเงียบ
คือนอกจากจะมีเสียงคลื่น เสียงแผ่นดินไหว เสียงปลาวาฬ เสียง ขุดเจาะนํ้ามันในทะเล เสียงจากเรือเดินสมุทรต่างๆ ซึ่งสัตว์ทะเลที่ใครๆ ห่วงก็ชินชากับเสียงเหล่านี้อยู่แล้ว
|
|
แต่จะยังไงก็ตาม ทีมงานของ Munk
ก็ได้ปรับแผนการทดลองเล็กน้อย คือแทนที่จะส่งเสียงครั้งหนึ่ง ทุกๆ 4 วัน และได้ขอร้องให้นักชีววิทยาคอยสังเกตดูพฤติกรรมของสัตว์นํ้าตลอดเวลาที่ เสียงกําลังดังเพื่อป้อง กันชีวิตของสัตว์เหล่านี้
|
|
นอกจากข่าวดีนี้แล้ว
ความนึกคิดของนักชีววิทยาเกี่ยวกับสุขภาพของสัตว์นํ้าก็ไม่มี เพราะนักชีว วิทยากลุ่มหนึ่งที่ได้เฝ้าศึกษาปลาวาฬและแมวนํ้าที่ระดับลึก 900 เมตร ได้ พบว่าพฤติกรรมว่ายนํ้ ของสัตว์ ทะเลเหล่านี้ มิได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
|
|
| ภาพประกอบเนื้อหา วิธีการวัดอุณหภูมิของทะเล |
|
|
และเมื่อปล่อยแมวนํ้าลงใกล้อุปกรณ์โซนาร์ มันก็ว่ายนํ้าต่อไป
เสมือนอุปกรณ์เหล่านี้ไม่มี แต่จะยังไงก็ตาม นักชีววิทยากลุ่มนี้ ได้บันทึกเสียงร้องเพลงของปลาวาฬ และ กําลังวิเคราะห์ดูว่า การทดลองนี้ทําให้ปลาวาฬหยุดร้องเพลงหรือไม่
|
|
ถึงแม้ความกังวลทั้งหลาย
จะถูกขจัดจนหมดสิ้นไปแล้วก็ตาม แต่ปัญหาใหม่ก็กํ าลังมีคือ โครงการมูล ค่า 1,600 ล้านบาทนี้ มีกําหนดสิ้นสุดลงในปลายปีนี้ และ Munk ก็คิดว่า ถ้าจะให้โครงการนี้ดําเนินต่อไป เขาต้องการงบประมาณสนับสนุนอีก 300 ล้านบาท/ปี
|
|
ตัวนักวิทยาศาสตร์นั้นคิดว่าโครงการนี้สํคัญ
แต่จะมีนักการเมืองใดบ้างที่คิดว่า การลงทุน 300 ล้านบาท/ปี เพื่อวัดอุณหภูมิของนํ้าทะเลนั้น สําคัญและคุ้ม
|
|
| ภาพประกอบเนื้อหา วิธีการวัดอุณหภูมิของทะเล |
|
|
ขอขอบคุณ ข้อมูลที่มีประโยชน์จาก เว็บไซต์ Digital Library for school net
เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้บนโลกอินเตอร์เน็ต ผู้มีบทความทางด้านวิทยาศาสตร์น่ารู้
สามารถส่งผลงานของท่านมาได้ที่ arunee@teeneemedia.com
|
|
|
|