คู่รัก คู่ชีวิต















































พระพุทธเจ้าตรัสว่าความรักแบบคู่รัก คู่ชีวิต
จะเกิดขึ้นไม่ได้
ถ้าหากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและ
ปัจจุบันประกอบกัน ดังนี้















1. มีศรัทธาไปในแนวทางเดียวกัน
เช่น
ถือศาสดาองค์เดียวกัน

เชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบากด้วยกัน

เชื่อว่าโลกกลมหรือโลกแบนเหมือนๆ กัน

เชื่อแนวทางในการดำรงชีวิตรูปแบบเดียวกัน เป็นต้น

เมื่อศรัทธาไม่ตรงกันก็คุยเรื่องไม่ตรงกัน
เมื่อคุยเรื่องไม่ตรงกันก็คุยกันได้ไม่นาน
เมื่อคุยกันได้ไม่นานก็เบื่อกันเร็ว
อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกับทุกรูปนาม

ไม่จำเพาะเฉพาะคู่รักเท่านั้น
ขนาดเพื่อนกันแต่เชื่อไม่เหมือนกันยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทเลย
ศรัทธาที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่นคง
ย่อมทำหน้าที่สร้างสายตาที่มองไปในทิศเดียวกัน
ไม่ก่อความรู้สึกเป็นอื่นจากกัน








2. มีศีลอันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน
คือ
มีความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิดแบบเดียวกัน
เป็นเหตุให้ไม่รังเกียจหรือหมั่นไส้กัน
พรานหนุ่มกับพรานสาวทนกลิ่นอายฆ่าฟันของกันและกันได้
แต่ให้หมอศัลย์ที่มีรังสีช่วยชีวิตมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกับมือปืนร้อยศพที
ทะมึนด้วยรังสีเอาชีวิต
อย่างไรก็คงทนกลิ่นอายที่เป็นตรงข้ามของกันและกันไม่ไหว

และนั่นก็เช่นเดียวกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ ร้อยลิ้นกะลาวน
สำส่อนไปเรื่อยโดยไม่สนใจความสกปรกหมกมุ่น
ย่อมน่ารังเกียจยิ่งสำหรับคนใจซื่อถือความสะอาดผัวเดียวเมียเดียว
ศีลที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแล้วย่อมทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นเชื่อมั่น
ในกันและกัน สนิทใจ ไว้วางใจกันเป็นมั่นเหมาะ









3. มีจาคะอันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน
อย่าง
น้อยต้องเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่ง
ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่งคิดอยู่ข้างเดียว อีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด เช่น
อีกฝ่ายสละเงินให้ใช้ อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ เป็นต้น
การเอารัดเอาเปรียบเกิดจากจาคะที่ไม่เสมอกันเป็นมูล
ยิ่งหากต่างฝ่ายต่างคิดเจือจานคนอื่น
เห็นข้าวของอะไรไม่ใช้แล้วก็คิดตรงกันว่าน่าบริจาคแก่คนที่เขาไม่มี
อย่างนี้ยิ่งไปกันได้ มีโอกาสร่วมบุญกันบ่อยๆ
ยิ่งให้คนอื่นมากก็ยิ่งได้ความสุขในการสละมาเสริมใยแก้วร้อยสัมพันธ์ให้กัน
แน่นแฟ้นขึ้น
จาคะที่ร่วมกันยินดีโดยพร้อมเพรียงย่อมก่อความรู้สึกซึ้งใจอย่างใหญ่
เหมือนอยู่ด้วยกันจะเป็นที่พึ่งให้กัน ปลอดภัยร่วมกัน ประคับประคองกัน
ไม่มีวันล้มพร้อมกัน









4. มีปัญญาเสมอกัน
กล่าวทางโลก
คือ คุยกันรู้เรื่อง

กล่าวทางธรรม คือ
มีระดับการเห็นตามจริงใกล้เคียงกันหรืออย่างน้อยเป็นไปในทางเดียวกัน
ไม่ใช่พูดคนละภาษา ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนทำ

หรือฝ่ายหนึ่งเอาอารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญา

หรือฝ่ายหนึ่งเห็นชัดว่าอะไรๆ ไม่เที่ยง ความยึดมั่นถือมั่นเหลือน้อย
แต่อีกฝ่ายหนึ่งแค่เรื่องน้อยก็ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต
ก็คงนึกระอาหรือหมั่นไส้ในกันเป็นอย่างยิ่ง
ปัญญาที่ร่วมเสริมส่งกันและกันย่อมทำหน้าที่สร้างความร่าเริงในการสนทนา
และความไม่พรั่นที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน


ขอบคุณที่มา:ธรรมะกับความรัก







Free TextEditor







































































































Create Date : 19 เมษายน 2553
Last Update : 19 เมษายน 2553 18:48:47 น. 0 comments
Counter : 254 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.