ครั้งหนึ่งในประเทศอาหรับ
มีขอทาน หิวโซเดินหาของกินอยู่พอดีผ่านร้านเนื้อย่าง ก็มีเสียงเอะอะ เจ้าของร้านเข้าฉุดกระชากขอทาน พร้อมตะโกนว่า “ขโมย! ขโมย!” ขอทานถูกนำตัวไปหาผู้พิพากษา “ชายคนนี้ ขโมยอะไรของเจ้า” ผู้พิพากษาถาม “ท่าน ผู้พิพากษาที่เคารพ ขอทานคนนี้ขโมยเนื้อย่างในร้านของข้าขณะข้ากำลังย่างเนื้อที่หน้าร้าน แล้วสูดดมกลิ่นหอมของเนื้อเป็นเวลานานโดยไม่ยอมหลีกไปทางอื่น”
ผู้พิพากษาตกตะลึง ที่เจอคำกล่าวโทษประหลาด
จึงถามขอทานว่า “เจ้าทำดังข้อกล่าวหาหรือเปล่า” “จริง ครับ เพราะกลิ่นหอมมาก และผมก็หิวจริงๆ” ขอทานตอบ “ถ้าเช่นนั้น เจ้าขโมยกลิ่นหอมเนื้อย่างจริง เจ้าต้องชดใช้ค่าเสียหาย” ผู้พิพากษาว่า เจ้าของร้านดีใจแล้วพูด “ท่านผู้พิพากษาทรง ไว้ซึ่งความยุติธรรมขอขอบคุณ “เจ้ามีเงินชดใช้หรือไม่” ผู้พิพากษาถามขอทาน “ไม่มีเลยครับ” “เอาละ เราจะให้ยืมสองเหรียญ” พูดจบผู้พิพากษาก็ยื่นเหรียญสองอันให้แก่ขอทาน
เจ้าของร้านยิ้มร่า วิ่งออกมาจะรับเงิน ขณะยื่นมือออกรับเหรียญ ทั้งสองก็กระทบกันดังกริ๊ง “เดี๋ยวก่อน! เจ้าทำไมขโมยของของเขา” ผู้พิพากษาถาม “ท่านผู้พิพากษา ท่านเห็นแล้วว่า ผมไม่ได้ขโมยอะไรเลย” “ก็เจ้าขโมยเสียงเงินกระทบกันเมื่อตะกี้นี้ไง” “ปัดโธ่! เสียงเงินกระทบกันนั้น คนมีหูก็ฟังได้ ทำไมถึงว่าขโมยล่ะ” เจ้าของร้านตอบ “ถ้าเช่นนั้น ใครมีจมูก ก็ดมกลิ่นเนื้อย่างได้ แล้วทำไมจึงกล่าวหาว่าเขาขโมยดมกลิ่นเล่า เจ้าของร้านนิ่งเงียบ
ผู้พิพากษา กล่าวต่อว่า “ศาลขอตัดสิน จำเลยไม่มีความผิดขอปิดคดี”
|
|