ให้เวลากับอาหารเช้าบ้าง



“แดงมีแต่แดง
ไม่มีเขียว เอาอีกแล้ว อยากจะไปธุระก็ไปไม่ทัน (เบื่อ)”

          
แว่วเสียงบ่นเป็นเพลงของพ่อวสันต์ โชติกุล
ดังลอดฝูงชนที่เบียดเสียดยัดเยียดแย่งกันยืนบนรถสายทางด่วนที่ไม่ได้ด่วนสม
ชื่อเอาเสียเลย เพราะแช่อยู่กับที่กว่า 20
นาทีแล้วยังไม่มีทีท่าจะขยับเขยื้อน
ชีวิตจริงที่ไม่ต้องเลียนแบบดาราของคนเมืองกรุง
คงไม่ต้องถามกันให้เมื่อยปากว่าเบื่อไหม เพราะคำตอบก็คือ เบื่อแน่นอน
แต่ก็ไม่มีทางเลือก ใครมีรถยนต์ส่วนตัวก็สบายหน่อย
ยังพอมีเวลาทำอะไรในระหว่างเดินทางได้บ้าง เช่น แต่งตัว แต่งหน้า กินข้าว
เป็นต้น แต่คนที่ต้องทำตัวเป็นทาร์ซานห้อยโหนรถเมล์นั้น
การที่จะพกข้าวไปกินบนรถเมล์ก็ใช่ที่ เพราะแค่หาที่ยืนได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว





         
ในภาวะอย่างนี้เองทำให้คนกรุงเทพฯ
จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ต้องเสียโอกาสในการได้กินอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด
นั่นก็คือ “อาหารมื้อเช้า” ไปอย่างน่าเสียดาย

         
หลังจากที่ร่างกายของ เรานอนหลับพักผ่อนมาทั้งคืนแล้ว
เมื่อตื่นนอนมาตอนเช้า ร่างกายจึงอยู่ในภาวะที่สดชื่นสมบูรณ์ทุกระบบ
ทั้งนี้รวมไปถึงระบบการเคี้ยว ระบบย่อย การดูดซึมอาหาร
พร้อมที่จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่


อาหารเช้าที่กินถ้าหากเป็นอาหาร ที่มีคุณภาพ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ คือ
มีทั้งเนื้อสัตว์ ไข่ นม หรือถั่วเมล็ดแห้ง ข้าว และแป้ง
ไขมันหรือน้ำมันพืช ผักผลไม้
ก็จะเป็นอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเป็นที่สุด
และที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำตามเข้าไปด้วย


         
ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราให้เวลากับอาหารมื้อเช้าสักนิด
เพียงแค่การกินอาหารตามปกติ ไม่ต้องไปเตรียมอะไรให้พิเศษมากมายนัก
เราก็จะได้สารอาหารที่ครบถ้วน แม้แต่ข้าวราดแกงธรรมดา เช่น
ข้าวราดผัดผักบุ้ง ไข่ดาว เราก็จะได้ทั้งคาร์โบไฮเดรตจากข้าว ได้วิตามิน
เกลือแร่จากผักบุ้ง ได้ไขมันจากน้ำมัน (ที่ใช้ผัดผักบุ้ง) ได้โปรตีนจากไข่
ยิ่งถ้าเพิ่มผลไม้เป็นฝรั่งหรือมะละกอสัก 2-3 ชิ้นแล้วล่ะก็
ก็จะเป็นอาหารมื้อเช้าที่ไม่ธรรมดาอย่างที่คุณคิดเลยทีเดียว


ตามหลักวิชาการแล้ว มื้อเช้าควรจะเป็นอาหารมื้อหนักที่สุด
ถัดไปก็มื้อกลางวัน และมื้อเย็นจะเบาที่สุด
แต่ทุกวันนี้คนเรากลับไปให้ความสำคัญกับอาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็น
โดยเฉพาะมื้อเย็น บางคนถึงกับขอกินเผื่อมื้อเช้าวันพรุ่งนี้เลยก็มี
แล้วอย่างนี้จะไม่ถูกพ่อต่อ ต๋องเขาค่อนแคะว่า ‘เอวหาย’ ได้อย่างไร
เพราะหลังอาหารมื้อเย็นแล้ว ร่างกายก็เข้าสู่ภาวะพักผ่อนเคลื่อนไหวน้อย
พลังงานก็ถูกนำไปใช้น้อย คราวนี้ก็เลย ‘ไม่อ้วนเอาเท่าไหร่’ กันเป็นแถว


         
มีข้อเสนอแนะบางประการที่น่าสนใจและน่าลองนำไปปฏิบัติดู
เพื่อให้เราตรวจสอบง่ายๆ
ว่าวันๆหนึ่งเราได้รับสารอาหารครบถ้วนพอดีหรือเปล่า
คำตอบที่ง่ายและตรงไปตรงมา คือ พยายามกินให้มากพอ และกินให้ถูกสัดส่วน
กินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ แต่ในทางปฏิบัติ
เป็นการยากสำหรับบางคนที่จะจำว่าอาหารแต่ละหมู่มีอะไรบ้าง
มีประโยชน์อย่างไร ต้องกินอย่างไร

         
เพื่อแก้ไขปัญหาความยุ่งยากในการจด จำหมู่อาหารต่างๆ
เพราะมีความสับสนและซ้ำซ้อนกันอยู่ จึงเสนอว่าควรจำง่ายๆ ว่าวันหนึ่งๆ
ควรกินอาหารให้ได้อย่างน้อยสัก 30 ชนิด ไม่ว่าจะกินกี่มื้อก็ตาม
การที่เสนอเช่นนี้หลายคนคงตกใจว่า เอ๊ะ! 5 หมู่ยังจำไม่ได้ แล้ววันละ 30
ชนิดจะไปจำได้อย่างไร และจะทำได้อย่างไร

          ขอบอก
ว่าไม่ต้องจำ เพราะจำอย่างไรก็ไม่หมด
เพียงแต่ลองนับดูให้ครบถ้วนถึงอาหารทุกชนิดที่กินในทุกมื้อและระหว่างมื้อ
ให้ได้ ก็จะรู้สึกว่าเป็นไปได้ ทำได้ และสนุก
อย่างมื้อเช้ากินข้าวต้มกับผัดผักรวม และยำกุนเชียง
ลองนับดูก็จะได้ชนิดอาหาร คือ ข้าว ผักดอกกะหล่ำ ข้าวโพดอ่อน มะเขือเทศ
หมูกับมันหมู น้ำมันพืช กระเทียม น้ำปลา กุนเชียง มะนาว หัวหอม พริกขี้หนู
น้ำตาล รวมแล้วถึง 14 ชนิด แล้วถ้ารวมกับมื้อกลางวันและมื้อเย็นอีกต้องถึง
30 ชนิดแน่นอน
วิธีการนี้นอกจากจะทำให้เราสามารถเช็กได้ว่าทั้งวันเราได้สารอาหารครบหรือ
ไม่แล้ว ยังทำให้รู้สึกสนุกกับการนับอีกด้วย






          ตลอดทั้งวันร่างกายต้อง
ใช้พลังงานในการทำงานมากมาย
การกินอาหารเช้าจึงเป็นเสมือนกับการเติมพลังงานให้กับร่างกายให้พร้อมที่จะ
รับมือกับงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และยังจะเป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายด้วยอีกทางหนึ่ง


รู้กันอย่างนี้แล้วคุณๆ จะใจดำไม่ให้เวลากับอาหารมื้อเช้ากันเชียวหรือ






Free TextEditor







































































































Create Date : 09 พฤษภาคม 2553
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 17:00:09 น. 0 comments
Counter : 1048 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.