Group Blog
 
All blogs
 

8,400 โคมลอยเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวา 53

อยากไปร่วมถวายพระพรในหลวงของเราชาวไทยในวันที่ 5 ธันวาครับ และไปดูการปล่อยโคมลอย 8,400 โคมและพลุเฉลิมพระเกียรติ เลยรีบไปถึงสะพานพระปิ่นเกล้าตอนบ่ายสามโมงกว่าๆ


เรือที่เข้าร่วมถวายพระพรเริ่มตั้งแถวกันแล้วครับ


สะพานพระปิ่นเกล้าก่อนปิดสะพาน


สะพานพระปิ่นเกล้าเวลา 19.00 น. หลังปิดการจราจร ไม่รู้จะกี่หมื่น กี่แสนคน นี่แค่ด้านอรุณอัมรินทร์


เรือเริ่มตั้งแถวแล่นไปทาง รพ.ศิริราช ก่อนพร้อมใจกันจุดเทียนถวายพระพร


เรือไฟร่วมเฉลิมพระเกียรติ


ประชาชนบนสะพานร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกึกก้อง


หลังเพลงสดุดีมหาราชาจบ พลุฝั่งสนามหลวงเริ่มจุด แต่ละคนรีบเอากล้องและมือถือขึ้นมาถ่ายรูป


20.30 น. เริ่มปล่อยโคมบนกลางสะพานพระปิ่นเกล้า


สวยงามมาก เคยอยากไปดูที่เชียงใหม่แต่ไกลเกิน


ได้เห็นกะตาปล่อยพร้อมๆ กันมันสวยแบบนี้นี่เอง


งานนี้จุดพลุเยอะมากๆ




คอนโดธงชาติไทย


พระปรมาภิไธยย่อ ภปร.


เหมือนหมู่ดาวเต็มท้องฟ้า


















ปล่อยโคมเสร็จกลับลงมาดูไฟที่ถนนราชดำเนินคนเยอะมาก


รถติด เดินเมื่อยมาก กลับถึงบ้านตีหนึ่งพอดี แต่ก็ภูมิใจที่ได้เข้าร่วมถวายพระพรในครั้งนี้ครับ




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2553    
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 20:31:28 น.
Counter : 2227 Pageviews.  

ใครๆ ก็รักเมืองกาญจน์ @สังขละ 26-28 พย. 53

เที่ยวสังขละเป็นครั้งแรก ได้ยินแต่ชื่อเสียงว่าไกล และถนนคดเคี้ยว ครั้งนี้มีเพื่อนเป็นพลขับ ผมเลยนั่งชูคอเมารถอยู่เบาะหลัง


สะพานข้ามแม่น้ำแคว เสียดายเจ้าหน้าที่ไม่ได้เดินข้าม


เพราะกำลังจะมีพิธีเปิดงานสะพานข้ามแม่น้ำแคว


อัฒจรรย์ริมแม่น้ำสำหรับชมการแสดงแสงสีเสียง


หัวรถจักรเก่า สถานีน้ำตกไทรโยคน้อย


น้ำตกไทรโยคน้อย ไม่เคยเห็นน้ำตกไหนดูแลความสะอาดเหมือนที่นี่เลย มีเจ้าหน้าที่ขึ้นไปกวาดเศษใบไม้บนน้ำตกด้วย


ไปต่อยังน้ำตกเกริงกระเวีย


เป็นน้ำตกข้างถนนครับ ขอบอกว่าข้างถนนจริงๆ จอดรถริมถนน ลงจากรถเดินไม่กี่ก้าวถึงตัวน้ำตกเลย


น้ำใสดีครับ เงียบๆ ไม่ค่อยมีคน


ถึงตัวอำเภอสังขละแล้วครับ เลยไปเที่ยวเจดีย์พุทธยาต่อ แต่ไม่ได้ขึ้นไปด้านบน เพราะกำลังทำโครงไม้ไผ่ซ่อมแซมอยู่ครับ


ย้อนกลับออกมาเที่ยววัดวังก์วิเวการาม


เงียบเหงาผู้คนไปไหนกันหมด


ไหว้หลวงพ่ออุตตมะ


คืนแรกพักที่ สามประสบรีสอร์ท ตามไปดูรีวิวได้ใน Blog
วิวสะพานไม้จากหน้าห้องพัก @สามประสบรีสอร์ท


วิวหน้าห้องพักแบบบีคลี่ @สามประสบรีสอร์ท


วิวสะพานกับโค้งน้ำ


โค้งน้ำสุดท้ายลิบๆ โน้นคือวัดวังก์วิเวการามเดิมที่จมน้ำต้องนั่งเรือไปดู


สะพาน(ไม้)มอญ มองจากสะพาน(ปูน)ซองกาเลีย


สะพานมอญ กำลังปรับปรุงใหม่ใกล้เสร็จแล้ว


สะพานมอญ ส่วนที่ยังไม่ได้ปรับปรุง


สะพานมอญส่วนที่ปรับปรุงใหม่


ดูหมอกหนาๆ ตื่นขึ้นมาตอนเช้าตะลึง สวยมากกก มองจากระเบียงห้องพัก


8 โมงหมอกยังไม่หมดเลย


พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่หมอกบังแสงไว้หมด


สะพานซองกาเลียมองจากห้องอาหารของรีสอร์ท


สะพานมอญ สะพานไม้ ปีนี้เค้าบอกว่าน้ำน้อยมาก


นั่งเรือไปชมวัดวังก์วิเวการามเดิมที่จมน้ำ ค่าเรือ 3 ร้อยบาท ไม่เกินลำละ 6 คน


วัดวังก์วิเวการามเดิมที่จมน้ำ ตอนนี้น้ำน้อยเลยโผล่พ้นน้ำหมด


ลงไปเดินถ่ายรูปด้านในได้หมด




เด็กๆ มารอขายดอกไม้ธูปเทียนเพื่อนำไปกราบพระด้านใน ช่อละ 10 บาท


ระหว่างทางจะผ่านเจดีย์พุทธคยา


สะพานไม้มองจากกลางน้ำ


เรือจะพาเราลอดใต้สะพานไม้ด้วยครับ


อีกวันไปเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์


ด้านหลังป้ายเป็นฝั่งพม่า


ขากลับออกจากตัวอำเภอสังขละ เพื่อไป อช.เขาแหลม จะผ่านจุดชมวิวแม่น้ำรันตี


คืนที่สองพักที่ ป้อมปี่ บ้านพักอุทยานแห่งชาติ เขาแหลม ตามไปดูรีวิวได้ใน Blog ครับ


ชมวิวริมอ่างเก็บน้ำ


ระหว่างรอพระอาทิตย์ตก


มีแพให้กระโดดน้ำเล่น


จุดชมวิวป้อมปี่


เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยแห่งหนึ่งในประเทศไทย


ถึงวันกลับแล้วครับ กลับออกมาเที่ยวเขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ)


สันเขื่อนวชิราลงกรณ


น้ำในเขื่อน


วิวจากสันเขื่อน


แวะเที่ยวพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด Hellfire Pass Memorial Museum


มีจัดแสดงนิทรรศการด้านในชมฟรีครับ อย่าลืมไปนั่งดูหนังด้านในด้วยน่ะครับ จะได้รู้ประวัติความเป็นมาของที่นี่ ดูแล้วน่าสงสารเชลยสงคราม


ทางลงไปช่องเขาขาด


เส้นทางรถไฟในอดีต สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2


รางรถไฟในอดีต สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2


ช่องเขาขาด อดีตสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยเป็นทางรถไฟ


ยังพอมีซากไม้หมอนรางรถไฟเหลือให้ดูอยู่


Hellfire Pass สุดทางที่จะให้เดินเที่ยวได้แล้วครับ แนะนำว่าให้เดินกลับทางเดิมจะเหนื่อยน้อยกว่าครับ


ด้านหลังป้ายกั้นรั้วไว้ไม่ให้เดินไปต่อแล้วครับ


ปิดท้ายด้วยภาพนี้ครับ




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2553    
Last Update : 6 ธันวาคม 2553 21:09:46 น.
Counter : 1752 Pageviews.  

วัดม่วง อำเภอวิเศษชัยชาญ 10 กย. 53

วัดม่วง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง //www.watmuang.com

พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ วัดม่วง (หลวงพ่อใหญ่)


ก่อสร้างองค์พระ เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 มีระยะเวลาการก่อสร้างรวมประมาณ 16 ปี


วัดหน้าตักองค์พระได้ 63.05 เมตร ความสูงจากฐานองค์พระ ถึงยอดเกศา วัดได้ 95 เมตร




















 

Create Date : 13 กันยายน 2553    
Last Update : 13 กันยายน 2553 21:20:19 น.
Counter : 849 Pageviews.  

ตลาดโบราณบางพลี 14 สค. 53

ตลาดบางพลีใหญ่เป็นตลาดโบราณ สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๐๐ ถึงวันนี้ พ.ศ.๒๕๕๓ จึงมีอายุได้ ๑๕๓


ส่วนตลาดบางพลีใหญ่ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ตลาดริมคลองสำโรงเดิมมีอยู่หลายตลาด เวลานี้ก็ยังอยู่แต่ทุกตลาดไฟไหม้หมด ไม่คงสภาพเดิมคงมีสภาพเป็นตลาดโบราณเหลือเพียงตลาดเดียวคือ ตลาดบางพลีใหญ่ ส่วนตลาดริมคลองสำโรงอื่น ๆ เช่น ตลาดหนามแดง ตลาดบางแก้ว ตลาดบางโฉลง ตลาดบางปลา ตลาดศีรษะจระเข้ใหญ่ ตลาดบางบ่อ และตลาดบางพลีน้อย ยังคงอยู่แต่ไม่ใช่เรือนแถว เพราะไฟไหม้หมดแล้ว และตลาดบางพลีใหญ่ที่จะไปวันนี้ นอกจากเรือนแถวโบราณอายุ ๑๕๐ ปี สร้างด้วยไม้แล้ว แม้แต่พื้นทางเดินที่ยาวร่วม ๑ กม. ก็ปูด้วยไม้เนื้อแข็งอย่างดี ไม่มีวันผุ หรือให้ปลวกกิน ตั้งแต่เดินเที่ยวตลาดร้อยปีมาก็หลายแห่ง พึ่งเจอที่ตลาดนี้ที่พื้นทางเดินปูด้วยไม้


ร้านของกินมากมายหลายสิบร้าน






ขนมถั่วแปลบ กล่องละ 20 บาท


ห่อหมกกระทงละ 25 บาท เผ็ดมากๆ


วัดบางพลีใหญ่ใน อยู่ห่างจากตลาดบางพลีใหญ่ ประมาณ ๑๐๐ เมตร มีพระพุทธรูปสำคัญคือ หลวงพ่อโต ประวัติวัดเดิมชื่อ วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม เพราะเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยกกองทัพมาทางทิศตะวันออก เพื่อไปตีเขมร ได้ยั้งทัพที่บางพลี และทำพิธีบวงสรวงและตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ขอให้การศึกครั้งนี้ได้ชัยชนะ ซึ่งในการศึกก็ได้รับชัยชนะ เมื่อเสด็จกลับผ่านมายังบางพลี จึงทรงโปรดให้สร้างพลับพลาชัยขึ้นไว้เป็นอนุสรณ์นามว่า "พลับพลาชัยชนะสงคราม" ต่อมาชาวบ้านจึงได้สร้างวัดขึ้น และให้ชื่อว่า วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม ตำบลที่สร้างวัดก็ชื่อว่า ตำบลบางพลี เลยพลอยเรียกวัดชื่อยาวนี้ว่า "วัดบางพลี" ต่อมาอีกมีการสร้างวัดใกล้ ๆ กันแต่ไม่ได้อยู่ริมคลองสำโรงชื่อ วัดบางพลีใหญ่กลาง ส่วนวัดบางพลีเดิมได้พระพุทธรูปสำคัญมาหนึ่งองค์ เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เลยเรียกชื่อวัดว่า วัดบางพลีใหญ่ใน หรือวัดหลวงพ่อโต ซึ่งประชาชนทั่วไปจะรู้จักชื่อนี้มากกว่านามจริงของวัด
พระพุทธรูปสำคัญในวัดบางพลีใหญ่ในคือ หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย (หรือ ปางสดุ้งมาร) เนื้อทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ หน้าตักกว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ลืมพระเนตร เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย
ตามตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อประมาณ ๒๐๐ ปีกว่ามาแล้ว มีพระพุทธรูป ๓ องค์ (บางตำราก็ว่า ๕ องค์) ปาฎิหารย์ลอยน้ำมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าใจกันว่าอยุธยาอัญเชิญท่านลงแม่น้ำ เพื่อหลบหนีพม่าเมื่อคราวกรุงแตกครั้งที่ ๒ ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ผุดขึ้นมาให้ผู้คนเห็น จนลอยมาถึงตำบลหนึ่ง ก็ผุดขึ้นมาให้เห็น ชาวบ้านสามแสนคน (น่าจะหลายตำบล) จึงทำพิธีอาราธนา แล้วฉุดลากองค์พระแต่ไม่สำเร็จ เลยเรียกตำบลนั้นว่า "ตำบลสามแสน เพี้ยนเป็น ตำบลสามเสน" และเมื่อผ่านอีกหลายตำบลก็อาราธนาขึ้นฝั่งไม่สำเร็จ องค์หนึ่งได้ลอยเข้ามาในคลองสำโรง ได้พยายามฉุดขึ้นฝั่งตั้งแต่ปากคลอง ก็ไม่สำเร็จจึงมีความคิดกันว่า ใช้เรือพายจูงท่านให้ลอยมาตามน้ำ แล้วอธิษฐานว่า หากท่านประสงค์จะโปรดขึ้น ณ ที่ใดขอให้แสดงอภินิหารให้ปรากฎ เรือจูงก็ลากจูงองค์พระพุทธรูปมาตามลำคลองสำโรง เรื่อยมาจนถึงหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม คราวนี้จะแจว จะพายอย่างไร ก็ไม่ยอมลอยไปอีก จึงอาราธนาขึ้นจากน้ำสำเร็จ และอัญเชิญอยู่ในวิหาร ซึ่งเล็กมากเข้าทางประตูไม่ได้ ต้องรื้อฝาผนังเข้ามา และต่อมาจึงสร้างอุโบสถอัญเชิญหลวงพ่อโต เป็นพระประธานของวัดบางพลีใหญ่ใน
พระพุทธรูป ที่ลอยน้ำมา ๓ องค์ และถือว่า ๓ องค์นี้ เป็นพี่น้องกันคือ
หลวงพ่อวัดบ้านแหลม อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เป็นองค์พี่ (ขึ้นจากน้ำก่อน)
หลวงพ่อโสธร วัดโสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา (ขึ้นจากน้ำเป็นองค์กลาง)
หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน จ.สมุทรปราการ อาราธนาขึ้นจากน้ำเป็นองค์ที่ ๓ $$ ข้อมูลจากเว็ป hotsia.com $$


การที่ตลาดบางพลีใหญ่ เหลือรอดอยู่ริมคลองสำโรงเพียงตลาดเดียว ชาวบ้านบอกว่า เพราะบารมีของ หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน


ห้องสุขาไฮเทค + ไฮโซ ของวัด ติดแอร์เย็นฉ่ำ จัดสวนไว้ตรงกลางให้คนถ่ายรูป










ให้อาหารปลาที่ท่าน้ำข้างวัด ใกล้ๆ ทางเข้าตลาด






ทางเข้าตลาดมี 2 ทาง คือทางวัดบางพลีใหญ่ใน หรือนำรถมาจอดที่บิ๊กซีบางพลีก็ได้ แล้วเดินออกมาทางที่จอดรถหลังห้าง ข้ามเรือเสียคนละ 1 บาท บางครั้งก็จะเป็นเรือสองลำผูกติดกันให้เดิมข้าม




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2553    
Last Update : 14 สิงหาคม 2553 23:43:15 น.
Counter : 5978 Pageviews.  

ดอกกระเจียวบาน กระเจียวบาน ไปเถอะ ไปดู๊ กันหน่อยนะ 17 กค. 53

อุทยานแห่งชาติไทรทอง


กระเจียวขาว


ดอกสีขาวมีแต่ดอกเล็กๆ


ทุ่งกระเจียวขาว


บรรยากาศทางเดิน


ประมาณ 8 โมงกว่าๆ หมอกเยอะมาก


ชมพูเขียว


น้ำค้างบนดอกหญ้า




ทุ่งแรกๆ ดอกยังน้อย


หมอกไหลผ่านตัว อากาศเย็นสบาย




ดอกเดียว โด่เด่


สองดอกเพื่อนตาย


เพื่อนเยอะ




มีทางให้เดินเข้าไปถ่ายรูป


ทุ่งที่ 1 เดินไกลสุด


ดอกเยอะสุด สวยสุด






หินรูปหัวใจ


ผาฮำหด ไม่มีใครไปโพสถ่ายรูปเลยแฮะ


ทางกลับตอน 10 โมง หมอกยังเยอะอยู่เลย


ทางขึ้นและลงตรงน้ำตก เดี๋ยวนี้เทปูนแล้ว ไม่ลื่นเหมือนเมื่อก่อน แต่รถกระบะเท่านั้นที่จะผ่านมาได้ อ๋อแต่เห็นมีรถเก๋งกล้าเสี่ยงลุยขึ้นไปเหมือนกัน




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2553 22:27:55 น.
Counter : 2044 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

tongsb
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add tongsb's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.