อาหารที่มีโอเมก้า-3 และ ยูริดีน ช่วยลดอาการเศร้าซึม บางครั้งการรับประทานอาหารก็ทำให้เรามีความสุขได้ มีผลการวิจัยขึ้นมาใหม่พบว่าการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยลดความเครียด นักโภชนาการได้พบว่า ปลา ผลวอลนัท และเนื้อสัตว์บางชนิด มีสารช่วยลดความเครียดและ ป้องกันความเครียดในหนูทดลอง การทดลองดังกล่าวนำไปสู่วิธีการรักษาใหม่ของอาการโรคซึมเศร้าได้ในอนาคต ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ยังหาสาเหตุที่แท้จริงว่าในสมอง ในช่วงที่มีอาการซึมเศร้าเกิดขึ้นได้อย่างไร อาการของโรคซึมเศร้า ได้แก่ การมีความรู้สึกหม่นหมอง หดหู่ เศร้า ท้อแท้ สิ้นหวัง ไร้ค่า ซึ่งเกิดขึ้นติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่นรับประทานอาหาร ไม่ได้ นอนไม่หลับ น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ท้องผูก หมดอารมณ์ทางเพศ การคิด การพูด และการเคลื่อนไหว เชื่องช้ากว่าเคย พูดเสียงเบา แยกตัว มองทุกอย่างในแง่ร้าย ขาดสมาธิ ขาดความมั่นใจ วิตกกังวล ตกใจง่าย ตัดสินใจไม่ได้ ย้ำคิดย้ำทำ และไม่มีทางออกให้กับตัวเอง โรคซึมเศร้ามีสาเหตุจากหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ ปัจจัยด้านจิตใจ ซึ่งเกิดจากความเครียด ในชีวิตประจำวัน และนำไปสู่โรคซึมเศร้า ปัจจัยด้านร่างกาย เกิดจากสมองทำงานผิดปกติ โดยผลิตสารเคมี บางอย่างที่มีปริมาณมากหรือน้อยเกินไป ทำให้เกิดอารมณ์ซึมเศร้า และปัจจัยด้านสังคม เช่น ตกงาน มีภาระ หนี้สินมาก หรือสูญเสียคนรัก เกียรติยศ ชื่อเสียง ถ้าทราบปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้าก็จะนำไปสู่การ แก้ไขได้ง่ายขึ้น (//www.dmh.go.th/1667/1667view.asp?id=3611) นักวิจัยหลายท่านเชื่อว่าอาหารอาจมีปัจจัยสำคัญต่ออารมณ์ความรู้สึก มีรายงานเกี่ยวกับความสำคัญของ โอเมก้า 3 (OMEGA 3) เป็นหนึ่งในกรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty acid) ที่ร่างกายมนุษย์ขาดไม่ได้ สารสำคัญที่อยู่ในตัวมันมี 2 ตัว คือ Eicosopentaenoic และ Docosahexaenoic สารดังกล่าวมีผลต่อระบบการทำงานของหัวใจและระบบการไหลเวียนโลหิต โอเมก้า-3 ยังปกป้องโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน และการทำงานของระบบสมอง และระบบประสาท อาหารที่มีโอเมก้า 3 ยังช่วยในด้านอารมณ์และความจำดีขึ้นอีกด้วย โอเมก้า-3 นี้พบมากในปลาทะเล และ ปลาน้ำจืดบางชนิด รายงานด้านอื่นๆเกี่ยวกับประโยชน์ของ โอเมก้า 3 ต่อ ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์มีอาการหดหู่เศร้าซึมกับสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม ผลการศึกษาวิจัยพบว่า การรับประทานปลาแซลมอน ซาร์ดีน หรือทูน่า ซึ่งมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ช่วยผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ซึ่งมี อาการเศร้าซึมหดหู่น้อยลง การศึกษาเกี่ยวกับสารอื่นๆในอาหาร ยังพบว่าสารยูริดีน (uridine) เป็นตัวอย่างของ ไรโบนิวคลีโอไซด์ชนิดหนึ่งที่มีใน อาหารและมีผลต่อการทำงานของระบบสมอง และระบบประสาทเช่นกัน เหมือนกับ กรดไขมันโอเมก้า 3 ทีมนักวิจัยซึ่งนำโดยนักประสาทชีววิทยาชื่อว่า วิลเลี่ยม คาร์เรซัน (William Carlezon) จาก รพ. ฮาเวิดส์ แมคคลิน (Harvard’s Mclean) ใน เบลมอน์ (Belmont) แมสซาซูเซสร์ (Massachusetts) ศึกษาว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 ( OMEGA 3)และสารยูริดีน (uridine) มีผลต่อพฤติกรรมของหนูโดยใช้วิธีทดสอบความซึมเศร้ามาตรฐานเป็นเครื่องมือ โดยหนูทดลองจะถูกบังคับให้ว่ายน้ำในน้ำเย็นซึ่งไม่มีที่ให้หลบหนี จนกระทั่งหนูดังกล่าวหมดความสิ้นหวังและลอยตัวแบบไม่เคลื่อนไหว แต่ถ้าให้ยาต่อต้านอาการซึมเศร้าแก่หนู หนูจะมีอาการตื่นตัวมากขึ้นและพยายามหาทางหลบหนี ทีมนักวิจัยยังพบว่าหนูที่ได้รับอาหารที่มีปริมาณของไขมันโอเมก้า 3 (OMEGA 3) สูงมีความกระตือรือร้นและหาทางหลบหนีในช่วงทดลอง 30 วัน ในทำนองเดียวกันหนูที่ถูกฉีดด้วยสารยูริดีน (uridine) ในปริมาณสูงก็จะให้ผลเช่นเดียวกันกับการได้รับโอเมก้า 3 งานวิจัยถูกตีพิมพ์ ใน Biological Psychiatry ในทางชีวเคมีพบว่า สารเคมีทั้งสองมีบทบาทสำคัญในหน้าที่ของ ไมโตคอนเดรีย (mitoondrial) โอเมก้า 3 ( O MEGA 3) จะช่วยทำให้ผนังไมโตคอนเดรีย( mitochondrial) มีความยืดหยุ่นมากขึ้นซึ่งทำให้การหมุนเวียนสารสื่อประสาทในสมองได้ดีขึ้น ในขณะที่สารยูริดีน (uridine) ในไมโตคอนเดรีย (mitochondrial) จะช่วยในการติดต่อระหว่างเซลล์ ซึ่งช่วยในการควบอารมณ์และจิตใจ ทีมนักวิจัยหวังว่าจะมีการพัฒนายาที่มีส่วนประกอบของสารยูริดีน (uridine) ซึ่งจะช่วยรักษาโรคซึมเศร้าในมนุษย์ได้ในอนาคต อ้างอิงจาก //sciencenow.sciencemag.org/cgi/content/full/2005/210/1   Create Date : 13 ธันวาคม 2550     Last Update : 15 ธันวาคม 2550 18:02:01 น. Counter : 562 Pageviews.   0 comment Share Tweet

โอเมก้า 3 ไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย โอเมก้า 3 หรือ Linolenic acid เป็นกลุ่มกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกายมนุษย์ เป็นส่วนประกอบของเซลล์ในระบบประสาท สมอง ช่วยให้ระบบประสาทและสมองดีขึ้น ทำให้ความจำดี สมองดี เรียนเก่ง ป้องกันและแก้ไขโรคความจำเสื่อม โรคอัมพฤกษ์ที่เกิดจากสมองไม่สั่งงาน โรคหัวใจอันเนื่องมาจากหลอดเลือดตีบตัน เลือดไม่จับตัวเป็นลิ่ม และยังช่วยบำรุงตับอ่อน ทำให้ตับอ่อนทำงานได้เป็นปกติ จึงลดความเสี่ยงโรคเบาหวานอีกด้วย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เชื่อกันว่า โอเมก้า 3 มีอยู่ในปลาทะเลน้ำลึกเท่านั้น จึงมีผลิตภัณฑ์น้ำมันปลา(ไม่ใช่น้ำมันตับปลา) ออกมาจำหน่ายในรูปอาหารเสริมจำนวนมากและราคาแพง คนมีเงินมากๆ เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ซื้อรับประทาน แต่จากการศึกษาวิจัย พบว่า น้ำมันจมูกข้าวและน้ำมันรำข้าว ที่ผ่านการสกัดโดยไม่ผ่านกระบวนการความร้อน ทำให้ได้พบ กรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณและคุณภาพที่ดีเด่นไม่ต่างจากที่พบในปลาทะเลน้ำลึก ดังนั้น การรับประทานน้ำมันจมูกข้าวน้ำมันรำข้าว จึงทำให้ร่างกายได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอ ช่วยให้สมองดี ความจำดี ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยเป็นโรคต่างๆ ที่ป่วยแล้วก็จะมีอาการดีขึ้นและหายป่วยในที่สุด มีรายงานว่า เด็กในออสเตรเลีย 468 คน ได้รับโอเมก้า 3 อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ทำให้เป็นโรคหอบหืดน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้รับโอเมก้า 3 ถึง 25 % และยังพบอีกว่า สตรีจำนวน 324 คน ที่ได้รับโอเมก้า 3 สัปดาห์ละ 2 ครั้ง มีอัตราการเกิดโรคข้ออักเสบ ต่ำกว่าสตรีที่ไม่ได้รับโอเมก้า 3 หลายเท่า ที่มา : //65.54.134.94/amata/3.msnw   Create Date : 13 ธันวาคม 2550     Last Update : 15 ธันวาคม 2550 18:02:19 น. Counter : 220 Pageviews.   0 comment Share Tweet