อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
space
space
space
space

ลำดับขั้นความสามารถของผู้นำ
ลำดับขั้นความสามารถของผู้นำมีอยู่กัน 5 ระดับ

ผู้นำระดับ 1 เป็นพนักงานที่มีความสามารถสูง มีความรู้ ใช้ความสามารถ ประสบการณ์ ความชำนาญและอุปนิสัยการทำงานที่ดี ในการสร้างผลงานที่ดี
ผู้นำระดับ 2 เป็นสมาชิกที่มีศักยภาพในการทำงานเป็นทีม ทุ่มเทความสามารถส่วนบุคคล เพื่อความสำเร็จของทีมและทำงานร่วมกับสมาชิกคนอื่นในทีมอย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้นำระดับ 3 เป็นผู้จัดการที่เก่งกล้าสามารถ สามารถจัดการพนักงานให้มุ่งสู่เป้าหมายที่กำหนด ไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้นำระดับ 4 เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ สามารถปลุกระดมให้สมาชิกในองค์การยึดมั่นในทรัพยากร และแปรเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ กระตุ้นให้คนในองค์การสร้างมาตรฐานการทำงานที่สูงยิ่งขึ้น
ผู้นำระดับ 5 เป็นผู้นำที่สุดยอดยั่งยืน ภายใต้ส่วนผสมที่ตรงข้ามกันระหว่างบุคลิกส่วนตัวที่อ่อนน้อมถ่อมตน เงียบ สุขุมและมีเจตจำนงในความเป็นมืออาชีพ แน่นอนว่า พวกเขามีความทะเยอทะยาน แต่เป็นความทะเยอทะยานเพื่อส่วนรวม เพื่อองค์กรไม่ใช่เพื่อให้ตัวเองเด่น
จากการศึกษาพบว่า “อัตตา (ความยึดมั่นถือมั่น ตัวกู ของกู) ของผู้นำเป็นปัจจัยที่นำองค์กรไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่หรือเป็นได้แค่เพียงองค์กรธรรมดา ๆ ที่อาจจะล้มลงเมื่อใด อัตตาสูง ยิ่งนำพาองค์ตกต่ำ ถ้ามีอัตตาต่ำ ระดับยกองค์การกลับสูงขึ้นไปด้วย ผู้นำระดับที่ 5 มักจะเป็นผู้นำที่มีอัตตาต่ำ ในองค์กรที่เป็นเลิศ มักจะมีผู้นำระดับ 5 อยู่ทุกองค์การ แต่ผู้นำระดับที่ 5 มักจะไม่ค่อยได้พบง่าย ๆ นัก เพราะเขาเหล่านั้น มีพฤติกรรมไม่เหมือนคนอื่น

พฤติกรรมผู้นำระดับที่ 5 พอสรุปได้ดังนี้
1. เป็นคนเรียบง่าย พูดน้อย แต่จริงจังกับงาน
2. มีสองบุคลิกที่ขัดแย้งกันอยู่ในตัวเองคือ เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ในขณะเดียวกันก็มีความมุ่งมั่นในความสำเร็จของการทำงานแบบที่มืออาชีพพึงจะมี
3. ละอัตตา เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า
4. เงียบ สงบเสงี่ยม สุขุม ไม่ชอบทำตัวเด่น ไม่เรียกร้องความสนใจจากคนอื่น
5. ไม่ปรารถนาจะเป็นวีรบุรุษที่มีตัวตนอันยิ่งใหญ่กว่าชีวิตจริง
6. ทำตนเป็นเพียงคนธรรมดาที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน
7. สร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่อย่างเรียบง่าย อันจะนำความสำเร็จ ความก้าวหน้ามาสู่องค์การอย่างมั่นคงถาวร
8. ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัว
9. ไม่คำนึงถึงสายสัมพันธ์ทางครอบครัว
10. อายุงานที่ยาวนานจะไม่มีความหมายในการเลือกคนมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญในองค์กรแต่ดูที่ความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง ความสามารถในการเรียนรู้ ถ้าทีมงานคนนั้นไม่มีความสามารถพอก็อาจจะหลุดจากตำแหน่งได้ง่าย ๆ
11. ไม่ต้องการคนเอาใจ
12. ทำตัวติดดิน มีความมุมานะเช่นม้า ลากคันไถเพื่อผลงานอันยิ่งใหญ่ให้องค์กรก้าวหน้า ทำงานเป็นทีม
13. ยอมทำงานหนัก ไม่ใช่เพื่อชดเชยความไม่ฉลาดทางการบริหาร
14. เมื่อมีผลงาน หรือประสบความสำเร็จ มักจะกล่าวว่า ความสำเร็จเป็นของพวกเขาทั้งหลาย
15. ส่งเสริมให้ลูกน้องเติบโตขึ้นด้วยความรู้ความชำนาญ
16. สร้างทายาทในการทำงานไว้ให้องค์กร ถึงแม้ ตัวเองย้ายไป งานก็เดินได้เพราะได้มองการณ์ไกล สอนและสร้างลูกน้องไว้แทนตนเรียบร้อยแล้ว
17. วางตัวผู้สืบทอดตำแหน่งเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าในรุ่นถัดไป
18. ยกความสำเร็จ ไปที่การมีทีมงานที่เก่ง แทนที่จะบอกว่าเป็นความสำเร็จของตนเอง
19. เมื่อเกิดความล้มเหลว มักจะมองมาข้างในองค์กรของตน ว่าบริหารอะไรผิดพลาด ตนเองบกพร่องตรง ไหน และมักจะโทษตนเองมากกว่าโทษสภาพแวดล้อม
20. สร้างผลงานที่ดีเลิศ กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เป็นองค์กรที่ก้าวหน้าได้
21. สอนทีมงานหรือคนรอบข้าง ให้เข้าถึงความดี ความงาม ความรู้อันจะเป็นประโยชน์สูงสุดกับองค์การ

พฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกับผู้นำที่ดี ได้แก่

1. ความอยากเด่นอยากดังมีมากพอ ๆ กับความจริงจังกับการทำงาน
2. เวลาพูดมักจะยกตนข่มท่าน มองโลกไม่ค่อยสวยงาม
3. สมองทำงานได้ซีกเดียวคือมองแต่แง่ลบของผู้คน
4. มีอาการของโรค “หมาตัวใหญ่ที่สุด” คือ ไม่มีปัญหาที่จะให้มาตัวอื่นอยู่ในกรงด้วยตราบใดที่ตัวเองยังคงเป็นใหญ่ที่สุด
5. ยอมรับไม่ได้ถ้าจะมีใครมาเด่นเกินหรือเทียบเท่า
6. ทะเยอทะยานที่จะเป็นผู้นำที่ดูโดดเด่น
7. เกทับเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง เหยียบย่ำผู้อื่น ขาดการเคารพในศักดิ์ศรีของทรัพยากรมนุษย์ คิดว่าตัวเองเก่งและมีอำนาจ
8. เอาปมด้อยของผู้อื่น มาพูดวิจารณ์เพื่อให้ตนเองเด่น
9. เป็นบุคคล ประเภทปีนป่าย หาความสำเร็จโดยการเหยียบย่ำผู้อื่น
10. คิดถึงตนเป็นหลัก ทำเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดและมีผลงาน ทำได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งการหักหลังเพื่อนร่วมงาน การผิดจรรณยาบรรณของการนักบริหารที่ดี
11. คำนึงถึงสายสัมพันธ์ความใกล้ชิด หรืออายุงานที่ยาวนาน มาพิจารณาในการเลือกคนและเลื่อนขั้น
12. ชอบที่มีคนมาให้ดอกไม้ มีคนมาเอาใจ
13. ทำตัวเด่น เป็นม้าสำหรับเดินโชว์ “one man show”
14. ทำงานหนักเพราะไม่ได้มองการณ์ไว้ล่วงหน้า
15. ตั้งรับปัญหาเลือดตาแทบกระเด็น ดูเหมือนอุทิศทุ่มเท
16. ยอมทำงานหนัก เพื่อชดเชยความไม่ฉลาดทางการบริหาร
17. เมื่อมีผลงานหรือประสบความสำเร็จ มักจะกระหายที่จะให้ผู้อื่นได้ทราบว่าเพราะฝีมือของตน ไม่ว่าจะด้วยพฤติกรรม หรือเอกสาร
18. มักจะไม่ชอบลูกน้องที่เก่งกว่า ฉลาดกว่า เรียนรู้ได้มากว่าตนเอง จึงไม่ได้สอนหรือสร้างลูกน้องไว้ให้สามารถทำงานแทนตนได้
19. ต้องการทำให้องค์กรรู้สึกว่าตนเองเป็นคนสำคัญ หากวันวันหนึ่งขาดเขาไป องค์กรก็เกิดปัญหาได้
20. กำหนดตัวผู้สืบทอดไว้ให้พบกับความล้มเหลว เพื่อความโดดเด่นของตนเอง
21. มักจะโทษความล้มเหลว ว่าเป็นเพราะโชคไม่ดี สภาพแวดล้อมไม่เอื้อยอำนวยยากที่จะทำงานได้ดี
22. ไม่ได้สร้างความสำเร็จด้วยการสร้างผลงาน กลับมักหาความสำเร็จโดยการปีนป่าย ตำหนิ ติเตียนหาข้อบกพร่องของผู้อื่นมาโจมตี เพื่อให้ตนเองมีผลงาน
23. หาความสำเร็จบนความผิดพลาดของผู้อื่น
24. ไม่มีน้ำใจอันจะนำมาสู่ความขัดแย้งภายในองค์การ
25. ไม่ได้สอนให้ทีมงานให้เข้าถึงความดี ความงาม จริยธรรม คุณธรรม
26. มักจะสอนให้ทีมงานเห็นว่า ปัญหาทั้งหลายทั้งมวลจะผ่านพ้นไปได้ ขอให้ปฏิบัติตามข้าพเจ้า เท่านั้น




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2550   
Last Update : 28 สิงหาคม 2550 13:32:00 น.   
Counter : 548 Pageviews.  
space
space
ใครควรจะเป็นหัวหน้า
ใครควรจะเป็นหัวหน้า

สำหรับท่านที่จะอ่านเรื่อง พุทธวิธีชนะความโกรธ ที่จะต่อจากฉบับที่แล้ว ผมขออนุญาตจบแบบดื้อๆ เพราะความโกรธได้หายไปหมดแล้ว ก็เลยคิดว่าท่านผู้อ่านทั้งหลายก็คงจะไม่โกรธใครเหมือนกัน …
เมื่อหลายวันก่อนผมได้เข้าไปในเว็บ เป็น Bloggang ของคุณที่ใช้นามว่า “แป๋วแหวว” จาก //www.bloggang.com/viewblog.php?id=paawwaaw&group=33 เห็นว่ามีสาระดีจึงขออนุญาตแอบนำมาเผยแพร่ และตั้งชื่อเรื่องว่า “ใครควรจะเป็นหัวหน้า” เรื่องมีอยู่ว่า...
ตอนที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่ๆ อวัยวะต่างๆ ในร่างกายก็ทะเลาะกันว่า ใครควรจะเป็นหัวหน้า สมองก็บอกว่า “ฉันควรจะเป็นหัวหน้า เพราะฉันคิดและตัดสินใจต่างๆนานา” เท้าก็เถียงและบอกว่า “ฉันต่างหากที่ควรเป็นหัวหน้า เพราะฉันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดและต้องพาพวกแกทั้งหลายเคลื่อนไปยังจุดหมาย” มือก็สวนขึ้นมาทันที “ฉันต่างหากที่ควรเป็นหัวหน้า เพราะฉันทำงานหาเงิน มาทำให้พวกแกทั้งหลาย มีชีวิตอยู่ได้” แล้วทั้งอวัยวะทั้งร่างกายก็ต่างยกเหตุผลที่ว่าตัวเองควรเป็นหัวหน้าจนมาถึง “ตูด” ยังไม่ทันจะเอ่ยเหตุผลของตัวเองทุกอวัยวะก็ขำกลิ้งแล้วพร้อมใจบอกว่า “ไม่มีทาง พวกเราไม่มีวันให้ตูดเป็นหัวหน้าแน่นอน” เมื่อเป็นดังนั้นตูดก็สไตร์คไม่ยอมทำงาน เพียงไม่นาน อวัยวะต่างๆ ก็ปั่นป่วนไปหมดสมองที่ว่าแน่ๆ ถึงกับสลบเหมือด จนในที่สุดต้องยอมให้ตูดเป็นหัวหน้าจากนั้นทุกอวัยวะก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป ในขณะที่หัวหน้า ก็มีหน้าที่นั่งเฉย แล้วก็ปล่อยขี้ออกมา
ดังนั้น ท่านผู้อ่านไม่ต้องคิดว่าจะให้คนที่มีสมองเป็นหัวหน้า เพราะมันเป็นหน้าที่ของ “ตูด” เท่านั้น





 

Create Date : 14 สิงหาคม 2550   
Last Update : 22 สิงหาคม 2550 17:01:03 น.   
Counter : 453 Pageviews.  
space
space
พุทธวิธีชนะความโกรธ 2
พุทธวิธีชนะความโกรธ (ต่อ)

ช่วงนี้ก็เลยสงกรานต์มานานแล้วแต่ก็ยังเห็นมีการสาดน้ำ(โคลน)กัน แต่เป็นการสาดกันบนหน้าหนังสือพิมพ์ ก็สนุกดีสำหรับผู้ชมผู้ดูแต่คนถูกสาดคงไม่สนุก ในโลกนี้แต่ละคนก็มีบทบาทกันไปต่างๆ ผลัดกันดูผลัดกันเล่นก็ขอให้รักษากฎกติกาให้เรียบร้อย ถ้าเล่นแรงมากอาจโดนใบแดงไล่ออก คราวนี้ละยุ่งเลยครับ …. บ่นอะไรไปเรื่อยเปื่อยครับท่านผู้อ่าน เรามาต่อเรื่อง พุทธวิธีชนะความโกรธ กันดีกว่าครับ อ่านแล้วก็ลองไปทำดูเผื่อได้ผลอย่างไรก็มาเล่าสู่กันฟัง …
คำพูดเป็นเพียงลมปาก เมื่อพูดแล้วคลื่นเสียงก็จางหายไปในอากาศ ไม่อาจทิ่มแทงหรือทำอันตรายร่างกายเราได้ เหมือนสายลมอ่อน ๆ ที่พัดมาต้องร่างกายเราแล้วจางหายไป คำพูดที่เขานินทาเรานั้น ได้จางหายไปในอากาศหมดแล้ว ดับสูญไปนานแล้ว ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่อีกแล้ว เหตุไฉนจึงยังเก็บเอาสิ่งที่ว่างเปล่าไร้ตัวตน ที่ล่วงไปนานแล้วมาคิดให้รกใจ ร้อนใจ ทุกข์ใจเปล่า ๆ ทำไม การกระทำอย่างนี้ โง่หรือฉลาดกันแน่
นิสัยควาย แล้วไม่วาย จะบดเอื้อง
คนรื้อเรื่อง อตีตัง มาตั้งขาน
พิรี้พิไร ไม่รู้จบ งบประมาณ
ก็เปรียบปาน ดังควาย น่าอายนา
(อุทานธรรม)
ผู้ใดอดทนต่อถ้อยคำของคนที่ต่ำกว่าได้ นักปราชญ์กล่าวว่า ความอดทนของผู้นั้นสูงสุด ผู้มีความอดทนพึงได้ผลคือความไม่กระทบกระทั่ง เวรย่อมระงับด้วยกำลังแห่งขันติ (สรพังคชาดก)
การกล่าวร้ายหรือหมิ่นประมาท เป็นเสมือนยาพิษซึ่งศัตรูวางแก่เรา เพื่อให้เราโกรธแค้น เพื่อทำลายสมรรถภาพในการทำงาน ทำลายสุขภาพอนามัยและความสงบกายสงบใจของเรา แล้วเหตุไฉนเราจึงต้องกลืนกินยาพิษที่เขาวางไว้เพื่อประทุษร้ายเรา ( หลวงวิจิตรวาทการ)
เราอาจถูกคนด่าว่าเสียดสี หรือพูดดูหมิ่นให้เจ็บใจ แต่ถ้าเรามีความอดกลั้นพอ ไม่ตกเป็นทาสของความโกรธและความวู่วามแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็จะผ่านหายไปด้วยการทำเป็นไม่รู้เท่าทัน หรือทำเป็นไม่ได้ยินคนเราก็ไม่ได้วิเศษมาแต่ไหน จะถูกเสียดสีว่ากล่าวบ้างไม่ได้เทียวหรือ ก็คนขนาดประธานาธิบดี หรือนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอำนาจ ยังถูกด่ากันโครม ๆ แล้วเราเป็นอะไรจะถูกกระทบกระเทือนบ้างไม่ได้หรือ บุคคลบางคนดูเหมือนจะมีเรื่องกังวลอยู่แต่การแก้เผ็ดแก้แค้น หรือพูดจาตอบโต้กับคนนั้นคนนี้อยู่เนืองนิตย์ ใครพูดจาแหลมมาเป็นต้องถูกตอบโต้กลับไปอย่างสาสม ถ้านึกไม่ออกในขณะนั้น ก็ต้องไตร่ตรองหาคำพูดที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บใจให้จงได้ บางครั้งถึงกับนอนไม่หลับ มีเรื่องเล่าว่าคนแจวเรือไปได้สองคุ้งน้ำแล้ว เพิ่งนึกคำโต้ตอบได้ อุตส่าห์แจวเรือกลับมาตอบโต้เขาอีกคำสองคำแล้วจึงจากไป ลองนึกดูก็ได้ว่าบุคคลที่ทำดังนี้จะมีความสุขได้อย่างไร (สุชีพ ปุญญานุภาพ)
คนอื่นจะทำให้เราเป็นคนเลวไม่ได้ คนที่จะทำให้เรากลายเป็นคนเลวมีอยู่คนเดียวในโลก คือ “ตัวเราเอง” คนตั้งร้อยมารุมด่าเราวันยันค่ำ ก็ทำให้เรากลายเป็นคนเลวไม่ได้ แต่ถ้าเราเองพูดจาหยาบคายด่าตอบ หรือแสดงท่ายักษ์ออกมาเมื่อใด เราก็จะกลายเป็นคนเลวอย่างเขาไปด้วย การที่เขาด่าเรา เขามุ่งหมายที่จะทำให้เรากลายเป็นคนเลว เป็นบ้า เป็นหมู เป็นหมา ถ้าเราควบคุมตัวไว้ได้ ไม่ยอมเลวตาม เราก็ชนะ ถ้าเอาความเลวออกตอบเมื่อไร เราก็แพ้ ( พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์)
ข้อคิดส่งท้าย… เวลาปวดท้องถ่ายหนักเขาจะเข้าห้องสุขากัน เขาจะไม่ถ่ายให้ใครเห็น…ฮา!!!
อ่านต่อฉบับหน้าครับ




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2550   
Last Update : 11 กรกฎาคม 2550 9:05:10 น.   
Counter : 309 Pageviews.  
space
space
พุทธวิธีชนะความโกรธ......%%%%%%
พุทธวิธีชนะความโกรธ

ผมได้อ่านในเวปไซต์ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=paawwaaw&group=33 ของคุณที่ใช้ชื่อว่า “แป๋วแหวว” ซึ่งรวบรวมโดย ธัมมวัฑโฒ ภิกขุ วัดโสมนัสวิหาร วศบ.(จุฬา) M.S. (Computer) น.ธ.เอก สาระโดยย่อเกี่ยวกับ ลักษณะของความโกรธ ลำดับขั้นของความโกรธ สาเหตุของความโกรธ ภาษิต ข้อคิดหรือคติ สำหรับระงับหรือบรรเทาความโกรธ ผมรู้สึกได้ข้อคิดดีมากก็เลยอยากเอามาเผยแพร่ให้ท่านอ่านกัน บางทีท่านผู้อ่านอาจเคยได้ผ่านตามาบ้างแล้วก็ได้ เป็นเรื่อง พุทธวิธีชนะความโกรธ ซึ่งเรื่องธรรมะแบบนี้อ่านซ้ำอ่านซากก็ไม่เป็นไรดอกครับ เพราะจะได้ฝังใจจนนำเอาไปปฏิบัติได้จริง ก็เหมือนการไปทำบุญที่วัดแล้วก็รับศีลห้าทุกครั้งที่ไป ก็คงต้องฟังไปเรื่อยๆ จนซาบซึ้งซักวันหนึ่งกระมังจึงจะปฏิบัติได้ครบห้าข้อ (แต่…ตั้งแต่จำความได้ว่าไปวัด จนป่านนี้ก็ยังปฏิบัติให้ครบห้าข้อยังไม่ค่อยจะได้…) บทความนี้อาจไม่ประติดประต่อแต่สาระดีมาก ผมขอนำเสนอโดยไม่ดัดแปลง ดังต่อไปนี้ …
…แผ่นดินนี้ไม่อาจทำให้ราบเรียบเสมอกันหมดได้ฉันใด มนุษย์ทั้งหลาย จะให้คิดเหมือนกันหมดก็ไม่ได้ฉันนั้น ดังนั้นอย่าโกรธหรือเดือดเนื้อร้อนใจ เมื่อคนอื่นมีความเห็นไม่เหมือนเรา หรือทำไม่ถูกใจเรา ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ไม่เป็นไปตามใจเราไม่อยู่ในบังคับบัญชาของใครๆ ตัวเราเองแท้ๆ ยังไม่รู้ใจทำไม่ถูกใจเรา แล้วคนอื่นจะรู้ใจ ทำถูกใจเราได้อย่างไร…
……………….
…การนินทา ไม่ใช่ของใหม่ที่เกิดขึ้น เขาทำกันมาแต่โบราณแล้ว คนนั่งนิ่งเขาก็นินทาว่า ทำไมจึงนั่งนิ่งเหมือนคนใบ้ คนพูดมากก็นินทาว่า ทำไมจึงพูดไม่หยุดอย่างกับปากเป็นหุ่นชักยนต์ คนพูดพอประมาณ เขาก็นินทาว่า ทำไมเจ้าคนนี้จึงสำคัญว่าคำพูดของตนเหมือนทองคำ พูดคำสองคำก็นิ่งเสีย แผ่นดินก็ดี พระอาทิตย์และพระจันทร์ก็ดี คนก็ยังนินทา แม้พระพุทธเจ้าผู้เพรียบพร้อมด้วยคุณงามความดี คนก็ยังนินทา คนไม่ถูกนินทา ไม่เคยมีมา แล้วจักไม่มีต่อไป ถึงในขณะนี้ก็ไม่มี (ธรรมบท)
อันนินทา กาเร เหมือนเทส้วม
ถ้ารวบรวมรับไว้ ย่อมได้เหม็น
หากไม่รับ กลับหาย คลายประเด็น
ย้อนไปเหม็นปากเน่าของเขาเอง
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ขวัญใจโลก
คนยังโขก ยังสับ งับเหยงเหยง
ถ่มน้ำลาย รดฟ้า ด่าบรรเลง
ใครจะเก่ง เกินลิ้น คนนินทา
(ศรีตราด)
อ่านต่อฉบับหน้าครับ…(มันส์…กว่านี้ครับ)




 

Create Date : 26 มิถุนายน 2550   
Last Update : 26 มิถุนายน 2550 16:35:55 น.   
Counter : 422 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  

camornrut
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ยินดีต้อนรับสู่ อมรรัตน์บล๊อค บล๊อคที่มีแต่เพื่อนสว. (สูงวัย) แต่ใจยังขบเผาะ...... ..................................................... ความจริงที่ผ่านเลยมา...กาลเวลาที่เปลี่ยนเวียนไป อยู่คนเดียวเปลี่ยวเหงาใจ...เฝ้าน้อยใจอยู่ทุกคืนวัน ตัวเราเฝ้าแต่คอยฝัน...ว่าสักวันนั้นคงเป็นจริง พากเพียรทำไปทุกสิ่ง...สุดประวิงหวั่นในหัวใจ ใครเขาเข้าใจเราบ้าง...สุดอ้างว้างในดวงฤดี ขอเปลี่ยนเป็นเสียงดนตรี...เพื่อกล่อมชีวีของชีวิตเรา เราจึงร้อยแก้วเสกสรร...สร้างความฝันให้เป็นเสียงเพลง ถึงทุกข์หรือจะครื้นเครง...เราจะบรรเลงด้วยเพลงของเรา ....................................คำร้อง ทำนอง ดร.แมว
space
space
space
space
[Add camornrut's blog to your web]
space
space
space
space
space