อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
space
space
space
space

ปีใหม่ 2551 กับรัฐบาลใหม่
ปีใหม่ 2551 กับรัฐบาลใหม่
แล้วก็ปีใหม่อีกแล้ว คนเป็นเด็กๆ ก็ดีใจที่จะได้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผู้ใหญ่ก็แก่ขึ้นอีก 1 ปี(ด้วยความวิตกยิ่ง) นึกถึงปีใหม่ทีก็จะตั้งปณิธานว่าจะทำตัวให้ดีกว่าเดิม จะขยันมากขึ้น จะตั้งใจทำงานมากขึ้น จะเป็นคนดีมากขึ้น และเราจะได้รัฐบาลที่ดีด้วย
การเมืองกำลังเข้มข้นอย่างยิ่งภายหลังการเลือกตั้ง สส. 23 ธัวาคม ที่ผ่านมา พรรคพลังประชาชนมีโอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาลมากที่สุด ในขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ก็รอจังหวะพร้อมจัดตั้งรัฐบาลเหมือนกันด้วยความหวังเล็กๆ ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับพรรคขนาดกลางอย่างพรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดินไทย และพรรคขนาดเล็ก(หมายถึงต่ำกว่าสิบคน)ได้แก่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช ว่าต้องการร่วมกับพรรคพลังประชาชนหรือพรรคประชาธิปัตย์ แต่ที่แน่นอนรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นคงต้องเป็นรัฐบาลผสมอย่างแน่นอน
พรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดินไทย ดูจะมีกำลังในการต่อรองสูงในการจัดตั้งรัฐบาลคราวนี้ อย่างมาก และมีผลอย่างสูงต่ออนาคตของประเทศไทย
หากเลือกทางพรรคพลังประชาชนอำนาจการต่อรองก็จะลดน้อยลงมา การแบ่งสันปันส่วนโควตารัฐมนตรีอาจไม่เป็นที่พอใจนัก และในระยะยาวการบริหารประเทศก็คงเข้าแนวเดิมคือนโยบายรวมศูนย์ อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่พรรคใหญ่เพียงพรรคเดียว…กินน้ำใต้ศอกโต้เถียงไม่ได้ ทำงานด้วยกันยาก หาเหตุผลลำบากเกี่ยวกับคน 111 คนให้พ้นโทษทางการเมือง และ การหาวิธีให้ท่านนายกทักษิณกลับประเทศไทยอย่างมีความสุข (ความจริงจะกลับเมื่อไรก็ได้ แต่ท่านนายกทักษิณอาจจะยังไม่มีความสุข) รวมทั้งนโยบายประชานิยมที่คงต้องนำเอามาใช้ซึ่งก็ต้องใช้เงินมากมายมหาศาล ฯลฯ
หากเลือกทางพรรคประชาธิปัตย์ อำนาจการต่อรองจะมีสูงมาก การแบ่งสันปันส่วนโควตารัฐมนตรีจะมีโอกาสได้กระทรวงที่พรรคพอใจได้ง่ายกว่า แต่เนื่องจากการที่ต้องเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค การประสานงานจะเกิดความยุ่งยากมาก มีแนวโน้มที่จะแตกแยกได้ง่าย คงต้องใช้กาวใจชนิดพิเศษตราช้างอย่าดีมาเป็นตัวประสานกันเลยทีเดียว แต่ก็เกรงว่าจะอยู่ได้ไม่นาน พรรคประชาธิปัตย์จะต้องหาตัวช่วยในพรรคที่มีความอาวุโส และยอมรับได้จากทุกพรรคที่จะเข้ามาร่วมรัฐบาล ทำหน้าที่ประสานช่วยด้วย นโยบายหรือแนวทางต่างๆ ในการบริหารประเทศอาจจะไม่สามารถทำได้ตามที่ตั้งไว้ ทำให้เกิดความล่าช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์ ประชาชนคนดูก็จะเกิดอาการหงุดหงิด เพราะช้าอีกแล้ว ฯลฯ
ผมมิอาจคาดเดาได้ว่า จะได้พรรคใดมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี หากนับจากคะแนนเสียง ณ เวลานี้ ก็ต้องให้พรรคพลังประชาชนก่อน แต่ถ้าไม่ได้ ก็ให้พรรคประชาธิปัตย์ตามลำดับ ครับ เราคงต้องเคารพในเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ที่ตัดสินไปแล้ว
จะปีใหม่แล้วขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุขและสมหวังตลอดปี 2551 ครับ




 

Create Date : 10 มกราคม 2551   
Last Update : 10 มกราคม 2551 13:06:40 น.   
Counter : 298 Pageviews.  
space
space
ผู้นำที่ดีไม่มีเสื่อม (ตอนจบ)


เมื่อฉบับที่แล้วได้เกริ่นไว้ว่า ผู้นำที่ดีไม่มีเสื่อมจะมีคุณลักษณะอยู่ 4 ประการ คือประการแรก แรงบันดาลใจ ประการที่สอง ทัศนคติเชิงบวก ประการที่สาม ความเป็นนักสู้ผู้เสียสละ และประการที่สี่ ความมีภาวะผู้นำ มีรายละเอียดที่ท่านอาจารย์ปุระชัย ได้บรรยายไว้ดังนี้ครับ
ประการแรก แรงบันดาลใจ ก็คือพลังปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ส่งเสริมผลักดันให้บุคคลทำงานเชิงรุกเข้าสู่เป้าหมายชีวิต กล่าวได้ว่า แรงบันดาลใจเป็นพลังแรงที่ก่อให้เกิดความมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อให้บุคคลบรรลุถึงเป้าหมายปลายทางในชีวิต เมื่อบุคคลมีแรงบันดาลใจในเรื่องใดให้กระทำในเรื่องใด ความมีสมาธิและความมีปัญญาที่จะนำไปสู่หนทางของความสำเร็จก็จะติดตามมา แรงบันดาลใจจึงมีส่วนสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจให้บุคคลที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคข้อขัดข้องแต่กลับฝ่าฟันเครื่องกีดขวางเพื่อให้เข้าถึงผลสัมฤทธิ์
ประการที่สอง ทัศนคติเชิงบวก หรือทัศนเชิงสร้างสรรค์ คือการมองโลกในแง่ดี และหลีกเลี่ยงการมองโลกในแง่ร้ายที่อาจทำลายขวัญกำลังใจของตนเองและผู้อื่น การมีทัศนคติเชิงบวกไม่ใช่ความประมาท แต่เป็นการทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะพึงประสงค์หรือไม่พึงประสงค์ ด้วยความปล่อยวาง ไม่เครียดไม่ทับถมให้สถานการณ์ที่เสียหายต้องหนักหนายิ่งขึ้นไป
ประการที่สาม ความเป็นนักสู้ผู้เสียสละ คือการทำหน้าที่ในลักษณะ “ให้บริการเหนือตนเอง” (Service above Self) สู้ถวายหัวหรือถวายชีวิตเพื่อผู้อื่น เพื่อประเทศชาติ และเพื่อมวลมนุษย์ชาติ การสู้เพื่อคนอื่นนี้เป็นคุณธรรมที่สะท้อนความเสียสละ
ประการที่สี่ ความมีภาวะผู้นำ หมายถึงความสามารถในการจูงใจโน้มน้าวให้บุคคลอื่นประพฤติตามในสิ่งที่ผู้นำวางวัตถุประสงค์ไว้ ภาวะผู้นำจึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับความกล้าคิด กล้าริเริ่ม กล้าตัดสินใจ กล้าทำ และกล้ารับผิดชอบ บุคคลผู้มีภาวะผู้นำ จึงมีพลังความสามารถในการสร้างบารมีให้บุคคลอื่นมีความคิดคล้อยตามหรือยอมตามด้วยความสมัครใจและเต็มใจ ไม่ใช่ด้วยการบังคับข่มขู่หรือใช้อำนาจ อย่างไรก็ตาม ผู้นำที่ดีย่อมจูงใจโน้มน้าวให้กระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ตามหรือส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของผู้นำ
ผมคงไม่สรุปอะไรนอกเหนือจากนี้เพราะดีอยู่แล้ว หากท่านผู้อ่านต้องการทราบเนื้อหาโดยละเอียดขอเชิญหาซื้ออ่านได้นะครับ “ผู้นำที่ดีไม่มีเสื่อม แรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่” เขียนโดยท่านอาจารย์ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หนังสือดีราคาไม่แพง




 

Create Date : 28 ธันวาคม 2550   
Last Update : 28 ธันวาคม 2550 15:57:24 น.   
Counter : 488 Pageviews.  
space
space
ผู้นำที่ดีไม่มีเสื่อม ตอน 1
ผู้นำที่ดีไม่มีเสื่อม ตอน 1

ผมรู้สึกชื่นชมในตัวท่าน ศาสตราจารย์ ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นการส่วนตัวโดยที่ท่านไม่รู้จักผมหรอกครับ แต่ก็พยายามทำตนจะให้ได้สักครึ่งหนึ่งของท่าน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้ซื้อหนังสือ “ผู้นำที่ดีไม่มีเสื่อม” ที่เขียนโดยท่านท่าน ศาสตราจารย์ ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อ่านแล้วได้แง่คิดมากมาย ท่านเขียนขึ้นมาเพื่อชี้ให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำของแต่ละคนบุคคลที่โดดเด่นขึ้นมาในโลก ภายใต้สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน
ท่านเขียนถึงบุคคลสำคัญ 7 คน ได้แก่ 1. มานเฟรด ฟอน ริชโธเฟน 2.ดไวท์ เดวิด ไอเซนฮาวร์ 3. โธมัส อัลวา เอดิสัน 4. เฮเลน เคลเลอร์ 5. มาเธอร์ เทเรซา 6.ราโมน แมคไซไซ และ7.พุทธทาสภิกขุ เล่าถึงประวัติความเป็นมาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงเป็นผู้ใหญ่ของบุคคลสำคัญทั้ง 7 คน จนกลายมาเป็นผู้นำที่ดีไม่มีเสื่อม พื้นฐานสำคัญของชีวิตที่ทำให้เป็นเช่นนี้ได้ อาจารย์ปุระชัยสรุปว่า “พื้นฐานของครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ลูกที่เกิดขึ้นมาภายใต้ความรัก และความปรารถนาของฝ่ายบิดา และฝ่ายมารดา การเป็นสมาชิกใหม่ของลูกในครอบครัวจึงเป็นทั้งความคาดหวังและการรอคอยของบิดาและมารดา การกำเนิดของทารกจึงนำมาซึ่งความปลื้มปิติสำหรับผู้คนในครอบครัว” ท่านอาจารย์ปุระชัย เน้นว่า “มารดาเป็นผู้มีบทบาทมากในการเลี้ยงบุตรให้เป็นคนดี มารดาเป็นผู้ดูแลสรรพสิ่งในครอบครัว เป็นผู้ให้อาหาร ให้ความรัก เป็นผู้สอนอบรมกิริยามารยาท ตลอดจนเป็นผู้บ่มเพาะวิธีคิดและอุปนิสัยใจคอของบุตรอย่างสำคัญ มารดาคือครูคนแรกของลูกและเป็นครูที่เฝ้าสอนลูกตลอดชีวิต”
และในตอนท้ายของหนังสือท่านอาจารย์ปุระชัยได้สรุปคุณลักษณะร่วมของบุคคลสำคัญ 7 คน ได้ 4 ประการ คือ ประการแรก แรงบันดาลใจ ประการที่สอง ทัศนคติเชิงบวก ประการที่สาม ความเป็นนักสู้ผู้เสียสละ และประการที่สี่ ความมีภาวะผู้นำ
ผมอนุญาตท่านผู้อ่านยุติเพียงแค่ก่อน คราวหน้าผมจะมาต่อให้จบทั้งสี่ประการที่เกริ่นไว้ สวัสดีครับ




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2550 12:33:03 น.   
Counter : 892 Pageviews.  
space
space
อุ้มพระดำน้ำ
อุ้มพระดำน้ำ

เมื่อเดือนที่ผ่านมาผมค่อนข้างสบายกับการเขียนคอลัมพ์ “เก็บเล่าเอาไว้คิด” เพราะว่าส่งต้นฉบับทีเดียว 3 ตอนรวด ไม่ต้องเสียเวลามานั่งคิดเรื่องเขียนใหม่บ่อยๆ รู้สึกเหมือนกันว่าหนังสือที่ออกแต่ละรายปักษ์นี้ก็รู้สึกไวเหมือนกัน บ่อยครั้งที่น้องๆ เขาก็จะมาทวงต้นฉบับกับผม แต่ก็ไม่รู้สึกเป็นภาระอะไร รู้สึกดีด้วยซ้ำที่ถึงเวลาก็มีคนมาโทรศัพท์คิดถึงเป็นระยะ จะได้ไม่ลืมกันไงครับท่านผู้อ่าน ก็ทราบว่ามีผู้อ่านเป็นแฟนคอยติดตามอ่านอยู่ก็ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง อย่างไรก็ติชมผ่านมาทางหนังสือพิมพ์ “ชาวไท” นี้ได้ตลอดเวลานะครับ

ช่วงเดือนนี้ ระหว่างวันที่ 10 – 14 ตุลาคม 2550 ชาวเมืองเพชรบูรณ์มี งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เป็นงานประเพณีเก่าแก่ของ ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่สืบทอด กันมายาวนานชั่วอายุคน เป็นประเพณี ที่แปลกไม่มีปรากฏในที่อื่น ๆ ในวันสารทไทยของทุกปี ถือเป็นงานใหญ่และสำคัญมาก ซึ่งงานนี้มีทางเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์เป็นแม่งานใหญ่เช่นเคย มีกิจกรรมที่สำคัญเช่น พิธีบวงสรวงเทพยดา ณ วัดไตรภูมิ เทศกาลอาหารอร่อย ขบวนแห่พระพุทธมหาธรรมราชาทางบกในเวลากลางคืน การประกวดโต๊ะหมู่บูชา ณ วงเวียนนครบาลเพชรบูรณ์ การแข่งขันพายเรือทวนน้ำ ณ ท่าน้ำวัดไตรภูมิ การแสดงแสงเสียง ตำนานอุ้มพระดำน้ำ และกิจกรรมพิธีกรรมที่ขาดมิได้คือ การอันเชิญแห่ทางน้ำจากวัดไตรภูมิ ไปยังท่าน้ำวัดโบสถ์ชนะมารทำพิธีอุ้มพระดำน้ำ ซึ่งจะทำพิธีในวันที่ 11 ตุลาคม 2550 ก็กว่าคอลัมพ์นี้จะออกงานอุ้มพระดำน้ำก็ผ่านไปแล้ว แต่ถ้าไม่ได้เขียนถึงก็จะเสียดายไม่น้อย งานอุ้มพระดำน้ำนี้เป็นงานที่แสดงถึงความสมัครสมานสามัคคีของทุกคนชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันในการสร้างงานที่เป็นศิริมงคล ที่แสดงถึงพลังใจและพลังศรัทธาที่มีต่อองค์พระพระพุทธมหาธรรมราชา อันเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์ กุศลกรรมแห่งความดีนี้จะช่วยผลต่อชาวเมืองเพชรบูรณ์และจังหวัดเพชรบูรณ์ให้มีความเจริญรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ ตลอดไป


ขอขอบคุณในนามประชาชนจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอบคุณท่านดร.วิศัลย์ โฆษิตานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ ที่เป็นแม่งานในการจัดงานครั้งนี้ ตลอดจนทุกท่าน และทุกหน่วยงานที่มิได้เอ่ยนามที่ได้ร่วมมือกันในการจัดงานกันอย่างแข็งขันจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

วันนี้รู้สึกสบายใจที่ได้เขียนในสิ่งดีๆ ขอจบลงด้วยประโยคนี้ครับ “ทำดีได้ดี…”




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2550 15:45:43 น.   
Counter : 654 Pageviews.  
space
space
องค์ประกอบ 3 ประการของผู้นำ
องค์ประกอบ 3 ประการของผู้นำ

ในขณะนี้ องค์กรธุรกิจหรือราชการต่างๆ ในประเทศไทยอยู่ในภาวะที่ตึงเครียด มีความกดดันสูงทั้งจากภายในและภายนอก บุคคลที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของผู้นำนั้นควรจะต้องมีพฤติกรรมของการเป็นผู้นำให้เหมาะสมอยู่กับตำแหน่งที่ตนนั่งอยู่ด้วย
การเป็นผู้นำนั้นมิใช่แค่เพียงเป็นผู้เสนอความคิดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องนำเอาความคิดและความเห็นเหล่านั้นนำมาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม และจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในทุกกระบวนการของการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำเอาวิสัยทัศน์ของตนมาดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมด้วย
เพราะฉะนั้น ภารกิจของผู้นำองค์กร คือ การที่บุคคลผู้นั้นจะต้องนำเอาภารกิจพร้อมทั้งคนในองค์กรก้าวออกจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งคนเหล่านั้นไม่เคยไปมาก่อน จริงๆ แล้วคนในองค์กรหรือคนรอบข้างนั้นอาจไม่มีความเข้าใจเลยว่าองค์กรของเรากำลังเดินทางไปสู่ที่ใด แต่ผู้นำนั้นจะต้องรู้ว่า เป้าหมายขององค์กรคืออะไร เพราะฉะนั้นผู้นำจึงจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่แจ่มชัดจริงๆ และเป็นรูปธรรม
คุณทายาท ศรีปลั่ง ใน //www.siamhrm.com ได้เสนอถึงองค์ประกอบ 3 ประการ ที่จะมีส่วนช่วยให้ผู้นำได้รับความเข้าใจจากบุคคลรอบข้างมากขึ้น ดังนี้
ประการแรก คือ ผู้นำจะต้องสร้างความรู้สึกของความจำเป็น หรือที่เรียกว่า "Sense of Urgency" ให้พนักงาน ผู้ใต้บังคับบัญชารวมถึงบุคคลรอบข้างได้มีความรู้สึกร่วมกันถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนตนเอง
ประการที่สอง คือ การกำหนดทิศทางขององค์กรอย่างชัดเจน และให้เป็นไปในทางที่ก้าวหน้าขึ้น สิ่งที่สำคัญคือ คนที่เป็นผู้นำนั้นต้องสามารถมองเห็นถึงจุดหมายปลายทางขององค์กร และต้องไม่ลืมว่าจุดหมายปลายทางที่ว่านั้นจะมองเห็นเพียงคนเดียวนั้นไม่พอ แต่จะต้องให้ผู้อื่นมองเห็นจุดหมายดังกล่าวด้วยโดยการสื่อออกไป ไม่ว่าจะเป็นสื่อสดหรือสื่อแห้ง ไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือผ่านทางสื่ออื่นใดของภายในแต่ละองค์กรนั้นๆ
ประการที่สาม คือ ผู้นำจะต้องเป็นผู้นำพาพนักงานผู้ใต้บังคับบัญชาหรือองค์กรนั้นไปในทุกย่างก้าวของการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ว่าผู้นำจะเป็นเพียงผู้ที่พูดหรือเสนอความคิดเห็นแล้วหายไปโดยไม่ได้ลงมือร่วมกันปฏิบัติไปกับบุคลากรภายในองค์กร หากทว่าต้องเดินไปพร้อมๆ กันในแต่ละก้าวตลอดการเปลี่ยนแปลงนั้น ทั้งกับพนักงานและทั้งกับงานที่ทำจึงจะเรียกว่าเป็น "ผู้นำ" ที่แท้จริง นี่คือองค์ประกอบ 3 ประการของผู้นำในยุคปัจจุบัน
ขอแถมหน่อยครับ ระหว่างที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้เป็นเวลาประมาณตีสี่กว่า เปิดช่อง TV11 ดูรายการ “อัล ฮัก ถอดรหัสสัจธรรม” โดยท่าน เชคมุฮัมมัดชารีฟ เกตุสมบูรณ์ กำลังบรรยายอยู่(ต้องขออภัยที่จำหัวข้อไม่ได้) ซึ่งปกติผมก็ชอบฟังรายการธรรมะอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด (อายุเริ่มมาก…) จำได้ตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า คนที่จะไม่เป็นคนกลับกลอก ปลิ้นปล้อน จะต้องมีการกระทำที่ตรงกันสามประการคือ ความคิด การกระทำ และคำพูด ท่านกล่าวว่าหากมีประการใดประการหนึ่งไม่ตรงกันเสียแล้ว ก็ไม่น่าเชื่อถือ ก็ขอให้เรียงตามลำดับดังนี้ คิด, ทำ, แล้วจึงพูด น่าจะดีกว่า พูด, ทำ, แล้วจึงคิด เพราะไม่อย่างนั้นก็ต้องแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ อยู่ร่ำไป




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2550 15:42:00 น.   
Counter : 922 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  

camornrut
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ยินดีต้อนรับสู่ อมรรัตน์บล๊อค บล๊อคที่มีแต่เพื่อนสว. (สูงวัย) แต่ใจยังขบเผาะ...... ..................................................... ความจริงที่ผ่านเลยมา...กาลเวลาที่เปลี่ยนเวียนไป อยู่คนเดียวเปลี่ยวเหงาใจ...เฝ้าน้อยใจอยู่ทุกคืนวัน ตัวเราเฝ้าแต่คอยฝัน...ว่าสักวันนั้นคงเป็นจริง พากเพียรทำไปทุกสิ่ง...สุดประวิงหวั่นในหัวใจ ใครเขาเข้าใจเราบ้าง...สุดอ้างว้างในดวงฤดี ขอเปลี่ยนเป็นเสียงดนตรี...เพื่อกล่อมชีวีของชีวิตเรา เราจึงร้อยแก้วเสกสรร...สร้างความฝันให้เป็นเสียงเพลง ถึงทุกข์หรือจะครื้นเครง...เราจะบรรเลงด้วยเพลงของเรา ....................................คำร้อง ทำนอง ดร.แมว
space
space
space
space
[Add camornrut's blog to your web]
space
space
space
space
space