อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
space
space
space
space

ตัณหา
ตัณหาแปลว่าความอยากครับ เป็นหลักธรรมข้อหนึ่งในพุทธศาสนา หมายถึง ความติดใจอยาก ความยินดี ยินร้ายหรือติดในรสอร่อยของโลก ตัณหาประกอบด้วย ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ เพลิดเพลินยิ่งนักในอารมณ์นั้นๆ และ ตัณหาย่อมเจริญแก่ผู้ประพฤติประมาท ตัณหาซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ครอบงำบุคคลใด ความโศกทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ดังนั้น ความทุกข์ ย่อมเกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อบุคคลยังถอนเชื้อตัณหาไม่ได้
ความอยากของคนเปรียบเสมือนฝั่งทะเล ฝั่งทะเลไม่เคยถูกน้ำท่วม น้ำท่วมไปถึงไหนฝั่งก็ไปถึงนั่น เหมือนกับตัณหาของคน ไม่เคยพอไม่เคยอิ่มมีร้อยบาทก็อยากได้พัน มีพันก็อยากได้หมื่นแสนล้าน ร้อยล้าน พันล้านเพิ่มไปเรื่อยๆ จิตใจคนโลภนี่มันเหมือนหลุมที่ถมไม่รู้จักเต็ม
เรื่องที่จะเขียนในวันนี้มีแค่นี้ครับ...! แต่เพื่อให้ได้อรรถรสแก่ผู้อ่านก็จะขอเล่านิทานประกอบเพื่อความซาบซึ้งยิ่งขึ้น เรื่อง “พระเจ้ามันธาตุ คนอยากไม่รู้จบ” โดยผมเอามาจากคอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ ของท่าน เสฐียรพงษ์ วรรณปก ในหนังสือพิมพ์มติชน เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2549 เรื่องมีอยู่ว่า…
มันธาตุแกอยากได้อยากโน่นอยากได้นี่เปรอะไปหมด ไม่รู้อิ่ม ครอบครองโลกแทบทั้งโลกก็ยังไม่พอ กระหายอยากได้มาครอบครองให้หมด มันธาตุมี "จักรแก้ว" เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่ง พาเหาะไปไหนต่อไหนก็ได้
วันหนึ่งก็สั่งเครื่องบินประจำตำแหน่งเหาะไปสวรรค์ เพื่อเยี่ยมชมว่าบนสรวงสวรรค์มันน่าอภิรมย์เพียงใด เครื่องบินก็พามันธาตุเหาะลิ่วๆ ขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราช ท้าวโลกบาลทั้งสี่เห็นก็พากันมาต้อนรับ เชื้อเชิญให้มันธาตุแกพักอยู่ชั่วคราว บำรุงบำเรอด้วยทิพยสมบัติมากมาย มันธาตุชอบอกชอบใจใหญ่ ที่ได้เสวยสุขบนสรวงสวรรค์ พออยู่ไปๆ ชักเบื่อ สมบัติบนสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชมันก็กระจอกมาก จึงอำลาท้าวจาตุมมหาราชทั้งสี่ขึ้นเครื่องบินประจำตำแหน่งเหาะขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เห็นสวรรค์ชั้นนี้สวยงาม น่ารื่นรมย์กว่าชั้นจาตุมมมหาราชหลายร้อยหลายพันเท่าก็เกิดชอบใจ ได้พบกับพระอินทร์คุยกันถูกอัธยาศัยใจคอ พระอินทร์จึงอัญเชิญให้อยู่ที่ดาวดึงส์นานๆ โดยแบ่งสมบัติให้ครอบครองครึ่งหนึ่งปรนเปรอด้วยทิพยสุขบนสรวงสวรรค์อย่างเต็มที่
เมื่ออยู่บนสรวงสวรรค์นานๆ ก็เกิดความคิดว่า เพียงได้แบ่งครอบครองสวรรค์ครึ่งเดียวมันไม่ปลอดภัย เหมือนอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ เจ้าของเขาอาจเอาคืนเมื่อไรก็ได้อย่ากระนั้นเลยเรายึดมันเสียเลย แล้วก็คิดวางแผนเงียบๆ ว่า จะยึดสวรรค์ได้อย่างไร มันธาตุแกหารู้ไม่ว่าเทพเช่นพระอินทร์มิใช่เทพธรรมดา ท้าวเธอมีบารมี มีหูทิพย์ตามทิพย์ มีตั้งพันตา พระอินทร์รู้ความคิดลามกของมันธาตุผู้อยากไม่รู้จบ วันหนึ่งขณะประชุมคณะกรรมการเอ๊ย ขณะจัดเลี้ยงกันอย่างสนุกสนาน พระอินทร์จึงขยิบตาให้ทหารเทพบริวารถีบตกสวรรค์ ร่างของมันธาตุก็ลอยลิ่วๆ ลงมา ตกลงยังอุทยานของพระองค์เอง ในพระนครอะไรก็จำชื่อไม่ได้
ว่ากันว่ามันธาตุตอนอยู่บนสวรรค์ร่างกายก็ไม่แก่ไปตามวัยแต่พอร่วงลงมาร่างกายก็แก่ชราภาพมาก ศีรษะหงอก ผิวเหี่ยวย่น นัยน์ตาฝ้าฟาง ตกลงมานอนแอ้งแม้งหายใจระรวย จะตายมิตายแหล่ มหาดเล็กเห็นอีตาแก่ไม่รู้มาจากไหนมานอนอยู่จึงเข้าไปพยุงซักถามว่าเป็นใครมาจากไหน มันธาตุกล่าวว่า "ข้าคือพระเจ้ามันธาตุราช ผู้มีฤทธิ์ ที่ครองเมืองนี้" เหล่าทหารหาญต่างก็หัวร่อขึ้นพร้อมกัน พระเจ้ามันธาตุผู้ทรงฤทธิ์ เคยเป็นพระราชาเมืองนี้จริง แต่สิ้นพระชนม์ไปตั้งร้อยกว่าปีแล้ว จะเป็นเจ้าได้อย่างไร ขณะนี้เป็นพระเจ้าหลานของมันธาตุราชครองราชย์สมบัติอยู่ มันธาตุยังคงยืนกรานว่าตนเป็นผู้ครองนครอยู่ จนเหล่ามหาดเล็กย้ำแล้วย้ำอีกว่าขณะนี้เขายึดอำนาจ เอ๊ย พระเจ้าหลานของพระเจ้ามันธาตุกำลังครองราชย์อยู่ ท่านมีอะไรจะสั่งเสีย ก็รีบสั่งซะ ก่อนที่ท่านจะตาย อดีตผู้เรืองอำนาจผู้ชราจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอบอกแก่ชาวเมืองทั้งหลายว่า ความอยากของคนไม่มีทางเต็มเปี่ยมได้ ดูอย่างข้าเป็นเจ้าผู้ครอบครองเกือบทั้งโลก มีฤทธิ์เหาะเหินได้ ขึ้นไปเสวยสุขในสวรรค์ยังไม่อิ่มเพราะโลภอยากได้มากกว่านั้น จึงถูกถีบตกสวรรค์ลงมากำลังจะตายอยู่ในขณะนี้ พวกเธอทั้งหลายอย่าเอาอย่างข้าเลย” และแล้วเหล่าทหารมหาดเล็กที่มุงดูก็ได้ยินเสียง “ครอก” แล้วเงียบไป มันธาตุเดี้ยงไปเสียแล้ว
ตอนเด็กๆ ผมเคยสงสัยว่าทำไมเวลาพระเทศน์บรรยายธรรมะจะต้องพูดนานๆ ซ้ำไปซ้ำมา พูดแล้วพูดอีกจนน่าเบื่อ ทั้งๆที่เรื่องที่จะสอนมีอยู่นิดเดียว พอโตขึ้นอายุมากขึ้นก็พอจะเข้าใจว่าทำไม? จริงไหมครับ สวัสดี




Create Date : 14 เมษายน 2551
Last Update : 14 เมษายน 2551 1:45:16 น. 2 comments
Counter : 400 Pageviews.

 
จริง


โดย: ญ.จริงใจ IP: 202.91.18.206 วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:2:05:44 น.  

 


โดย: CrackyDong วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:3:31:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

camornrut
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ยินดีต้อนรับสู่ อมรรัตน์บล๊อค บล๊อคที่มีแต่เพื่อนสว. (สูงวัย) แต่ใจยังขบเผาะ...... ..................................................... ความจริงที่ผ่านเลยมา...กาลเวลาที่เปลี่ยนเวียนไป อยู่คนเดียวเปลี่ยวเหงาใจ...เฝ้าน้อยใจอยู่ทุกคืนวัน ตัวเราเฝ้าแต่คอยฝัน...ว่าสักวันนั้นคงเป็นจริง พากเพียรทำไปทุกสิ่ง...สุดประวิงหวั่นในหัวใจ ใครเขาเข้าใจเราบ้าง...สุดอ้างว้างในดวงฤดี ขอเปลี่ยนเป็นเสียงดนตรี...เพื่อกล่อมชีวีของชีวิตเรา เราจึงร้อยแก้วเสกสรร...สร้างความฝันให้เป็นเสียงเพลง ถึงทุกข์หรือจะครื้นเครง...เราจะบรรเลงด้วยเพลงของเรา ....................................คำร้อง ทำนอง ดร.แมว
space
space
space
space
[Add camornrut's blog to your web]
space
space
space
space
space