Group Blog
ได้วีซ่าแล้ว ถึงเวลาบินลัดฟ้าสู่อเมริกา Go go!
ประสบการณ์ขอกรีนการด์ที่ยาวนานของผม 8 ปี ผ่านพ้นไปแล้ว

โล่งอก ดีใจ ไปหมาดๆๆ แม่บ ๆ มาถึงสิ่งที่หนักใจตามมาติด ๆ ประสบการณ์ใหม่ที่จะเจอคือการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก และการขึ้นเครื่องบินครั้งแรก
คิดไปต่าง ๆ นาๆ มากมาย ว่าจะไปถึงเมกามั้ยนี่ตรู จุดหมายปลายทางอยู่ตรงส่วนไหนของโลกก็ไม่รู้

แม่เคยถามว่า จะให้บินกลับไปรับไหม ตอบอย่างเร็วว่า ไม่ต้องหรอก เสียดายกะตตังค์ค่าตั๋วก็ไม่ใช่ถูก ไปเองได้ ชิว ๆ แหม เก่งจริงนะ

ตั๋วก็จองไว้ตั้งแต่รู้ว่าเคสวีซ่าผ่านแล้วรอสัมภาษณ์ทีไทยน่ะครับ ตื่นเต้นมากไปนิด จองไว้ก่อนนานมาก ปัญหาเกิดก็ตามมาจนต้องเลื่อนตั๋ว เสียค่าธรรมเนียมอีก


จองตั๋วผ่านเอเจนซี่ครับ เพราะไม่เคยจองออนไลน์มาก่อน แต่พอหลัง ๆ บินกลับไทย จองเองออนไลน์ //www.priceline.com ราคาไม่แพง โอเคเลย

ผมเลือกสายการบิน Korean Airline เพราะแม่ใช้มาตลอด ที่นั่งสบาย ก็จริงครับ นั่งสบาย อาหารใช้ได้ แอร์สวยดี อ่อ แล้วเวลาเลือกเที่ยวบิน
ให้เลือกเที่ยวบินที่เวลาต่อเครื่องห่างกันซัก 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยนะครับ พี่ๆน้องๆในบอร์ดแนะนำกันมา

เผื่อเวลาไว้ตอนเครื่องดีเลย์ ตรวจเอกสาร คนเยอะ เผื่อไว้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ตกเครื่องและไม่รีบร้อนจนเกินไป ของผม เดินดูของเรื่อย ๆ สบาย ๆ เพราะเวลาต่อเครื่องเหลือเฟือ

เที่ยวบินของผมคือ

Flight แรก Bangkok (BKK) เครื่องออก 1:15 am to ถึง 8:30 am Seoul (ICN) สายการบิน Korean Airline เครื่องลำขนาดกลาง เวลาบินประมาณ 5 ชม.

Flight สอง Seoul (ICN) เครื่องออก 10:30 am to ถึง 11:00 am (ของวันเดิม เหมือนขึ้นไทมแมชชีนย้อนเวลากลับไป ฮ่าๆ) Atlanta (ATL) Korean Airline
เครื่องลำใหญ่ บินไกล เวลาบินประมาณ 13 ชม.

Flight สาม Atlanta (ATL) เครื่องออก 1:30 pm to ถึง 2:45 pm Fayetteville (FAY) สายการบิน Delta เครืองลำเล็ก ประมาณ 50 ที่นั่ง เวลาบินประมาณ 1 ชม.



เรื่องที่นั่งผมให้เอเจนซี่เลือกที่นั่งริมหน้าต่างให้ สองไฟท์ ส่วนไฟท์สุดท้ายบินในประเทศอเมริกา เป็นสายการบิน delta เอเจนซี่บอกว่าเลือกให้ไม่ได้
ไฟท์นี้ผมก็เลยลองเข้าเว็บเดลต้าดูเอง ไปเจอจองที่นั่งเองผ่านเว็บ //www.delta.com โดยไปที่ Itineraries & Check-in ใส่ชื่อ นามสกุล แล้วก็ confirmation number
ที่ได้จาก e-ticket มาครับ

แล้วเข้าระบบไปเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบเลย แนะนำว่าใครที่ชอบเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ เลือกริมทางเดินจะสะดวกที่สุดครับ เพราะคนข้าง ๆนั่งหลับ เกรงใจเค้ามาก ๆ ที่ต้องปลุกเค้าแห่ะๆ
เที่ยวแรกนี่ไม่เท่าไหร่ มีแค่สองที่นั่ง อุอุ เที่ยวต่อไป สามที่นั่ง ปลุกรวดสองคน

มาถึงสนามบิน เช็คอิน ก่อนเครื่องออกประมาณ 3 ชั่วโมงครับ เผื่อคนเยอะ จะช้าไปกันใหญ่ ผมออกจากบ้านประมาณ ทุ่มนึง มาถึงสุวรรณภูมิ ประมาณสองทุ่มกว่าๆ
รวมญาติสนิทมิตรสหายมาให้พร้อมเพรียง

แพคกระเป๋ามาจากบ้าน ยัดมาเต็มกระเป๋าอุุๆ ๆ แม่สั่งของมากมาย กุ้งแห้ง ปลาหวาน ยาแก้หวัด อุปกรณ์ทำขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมก็พวกอุปกรณ์พวกคอมพิวเตอร์ต่างๆ เสื้อผ้าไม่กี่ชุดเองครับ
เพราะกะมาซื้อที่เมกาเอา ผมใช้วิธี แพคใส่ถุงพลาสติกแล้วแปะเทปเขียนบอกหมดว่าอะไรบ้าง คิดไว้ว่า เจ้าหน้าที่ถ้าเปิดกระเป๋าดูก็รู้เลยว่าคือไรไม่ต้องมาถามเรา ก็จริงน่ะครับ ผ่านฉลุยหมด
น้ำหนักรวม 20.9 ก.ก ไม่โดนชาร์จเพิ่ม

สายการบินชั้น Economy Class ให้ 20 ก.ก 2 ใบ แต่ผมยัดไปแค่ใบเดียว ไม่อยากลากพะรุงพะรัง 2 ใบ ไปครั้งแรกด้วย และเอากระเป๋าเป้ขึ้นเครื่องได้ใบนึง ผมใส่ของส่วนตัว พวกเอกสารแพคเกจทีต้องไปยื่นที่ ตม.เวลาเข้าอเมริกา และก็ แปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า ผ้าขนหนูเล็ก ๆ อ่อ น้ำดื่มและพวกของเหลว โลชั่น สบู่เหลวต่างๆ ห้ามเอาขึ้นเครื่องนะครับ เจ้าหน้าที่จะตรวจถ้าเจอ เททิ้งหมด เสียดายน่ะครับ

ไปเช็คอิน โดยไปที่ช่องสายการบินของเรา ที่สนามบินมีสายการบินมากมายเลยครับ แต่ดูไม่ยาก ผมใช้ e-ticket ที่ได้รับจากอีเมลล์เอเจนซี่ พริ้นออกมา ก็จะได้รับตั๋วจริง มีสามใบ สาม Flight

ได้ตั๋วแล้วก็ออกมานั่งรอ ร่ำลาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงน่ะครับ ใจหายยังไงก็มะรู้ เหมือนจะฝันก็ไม่เชิงว่า เอ่อ นี่จะไปไหนฟ่ะเนี้ย จะไปเมกาจริง ๆ นะเนี้ย นับวันจากที่ได้วีซ่ามา
แค่เดือนเดียว มันแป๊บ ๆเอง



ถึงเวลาก็จะเข้าข้างในแล้ว ญาติ ๆ ห้ามเข้า ไปเช็ค passport ตอนประมาณ ห้าทุ่มครึง โห คนเยอะแยะ มากมาย เหมือนมีงานที่ศูนย์ประชุมสิริกิต ยาวเลยแถว แต่ชะแว๊บ
มองเห็นแถวสั้น ๆ อ่อ สำหรับพวกวีซ่าถาวรได้นี่นา อุๆ ค่อยยังชั่วหน่อย



ญาติพี่น้องก็รอส่งข้างนอก รอจนมองไม่เห็นกันแล้วก็กลับไป มองก็มองกันไม่เห็น กระจกเป็นฝ้า ๆ แถวก็ขยับเดินหน้าไป เรื่อยๆ เอ้า หันมาอีกทีหายไปกันหมด ใจหวิวๆ เลยน่ะครับ คิดถึงทุกคน

ตรวจพาสปอร์ตเสร็จก็เข้ามาด้านใน ด่านความปลอดภัยสูงสุด ถอดทุกอย่างที่เป็นโลหะ นาฬิกา มือถือ เข็มขัด ใส่กะบะเลื่อนไปตามช่องสแกนแล้วเข้าไปด้านไหน รีบเก็บของเราคืนมาแบบว่า งงๆ รีบ ๆ มากมายเลยครับ เสร็จขั้นตอนก็ได้เวลา ดูป้าย ว่าจะไปไหนต่อเนี้ยตรู

ดูในตั๋วมันมีบอกว่า ต้องไป ขึ้นเครื่องที่ช่องไหนจะเรียกเป็น Gate ของผม Gate E5 ดูจากป้ายเดินไปอีกไกลหลายๆๆๆ เลยแหะ เดินๆๆ ระหว่างทางก็มีของขายมากมายเหมือนในห้าง ปลอดภาษีนี่เอง

เดินไปจนถึง E5 นั่งรออยู่ซักพักประมาณเที่ยงคืนเกือบ ๆ ตี 1 เจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นเครื่อง เรียกชั้น first class ก่อน และตามด้วยชั้นประหยัดแบบเรา





เดินเข้า Gate ด้วยใจลุ้นระทึกว่าข้างในจะเป็นยังไงหว่า เด็กบ้านนอกครับ ไม่เคยขึ้นเครื่องบิน เดินเข้าไปก็โอ้ว ใหญ่โตดีจัง ที่นั่งเยอะแยะ ก็หาก่อนที่นั่งเรา ริมทางเดิน
ไล่ดูตามตั๋วอักษรและเลขที่นั่งเดินไปครึ่งลำ ที่นั่งผมอยู่เกือบท้าย ๆ

ป้าคนนึงอายุมากแล้ว คนเกาหลี กระเป๋าใบเบ้อเริ่ม เอาขึ้นเครื่องมาด้วย เห็นแกท่าทีจะยกขึ้นไว้บนด้านบนไม่ไหว ก็เลยช่วยยกขึ้น ถ้ารอป้าแกคงอีกนาน แถวด้านหลังเดินต่อมาอีกเพียบรออยู่

ป้าแกขอบคุณยกใหญ่เลย เดิน ๆ ต่อไปจนเจอที่นั่ง ที่นั่งข้าง ๆ เป็นกรุ๊ปทัวร์ไปเกาหลี เป็นพี่ผู้ชาย เป็นไกด์นำเที่ยว โชคดี ๆได้คนไทยด้วยกันมานั่งเป็นเพื่อน :D ถามพี่เค้าก็บอกไปเที่ยวกัน 7 วัน
ลูกทัวร์ เป็นนักศึกษา วัยรุ่นครึกครื้้นดีจัง ทำให้คลายเหงา คลายกังวลไปได้นิดนึง







ที่วางแขวนมีเพลง วิทยุให้ฟังก็เพลินดีครับ ฟังไปเพลิน ๆ ประมาณตีหนึ่งจะครึ่ง เครื่องก็เริ่มออกแล้ว วิ่งช้าๆ วนไปวนมาซักพัก เจ้าหน้าที่ก็ประกาศว่ากำลังรอคิวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
โอ้ววว ตื่นเต้นๆๆ

เจ้าหน้าที่ประกาศให้รัดเข็มขัด เพื่อนมันสอนมาว่า เวลาจะเอาเข็ดขัดออกให้ง้างออกก็จะออกแล้ว มันบอกกรุโง่มาก่อน กดเท่าไหร่ ดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออก อิอิ เลยรู้ครับ ฮ่าๆๆ

เครื่องเริ่มวิ่งเร็วขึ้นๆๆ เร็วมากๆๆๆ เสียงดังจน บินขึ้นท้องฟ้า ตอนนั้นใจเต้นไปหมด คิดไปเรื่อยเปื่อย ปกติผมก็ค่อนข้างกลัวความสูงบ้างแต่ไม่มาก โห้ยมองลงมาด้านล่างบินสูงมากๆๆ ข้างล่างตอนกลางคืนสวยมาก บินสูงขึ้น ๆ ดูจากหน้าจอทีวีในเครื่อง ความสูงค่อย ๆ ไต่ระดับเรื่อย ๆ ตอนนั้นเหมือนกำลังฝันไปเลยครับว่า นี่เราอยู่บนท้องฟ้าแล้ว คนนี่ก็เก่งนิ ทำให้บินได้ ฮ่าๆๆ นั่งเคลิมหลับไปซักพัก ก็คงพักใหญ่ ๆ

แอร์สาวสวยก็เดินแจกอาหารแล้ว เดินมาถามผมว่าจะรับอาหารไหม แต่ฟังไม่ค่อยถนัดเลย พี่ข้าง ๆก็ช่วยบอกว่า จะรับไหม เอาอะไร ก็ขอโจ๊กละกัน ได้ยินมาว่า โจ๊กเกาหลีอร่อย ไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่ด้วย แต่กินไว้ก่อนกันหิว

มีโจ๊กร้อน ๆมาหนึ่งถ้วย ก็จัดการซะ มองออกไปนอกหน้าต่าง ก็เริ่มสว่างจะเช้าแล้ว ท่าทางอากาศข้างนอกจะหนาวมาก แม่ผมย้ำนักย้ำหนาว่ามันหนาวมากๆๆ ให้เอาเสื้อโค๊ดใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องมาด้วย ก็ยัดมาตัวใหญ่เลยครับใส่ขึ้นเครื่องมาตัวบาง ๆ ไม่หนามากอีกตัว




มาถึงเกาหลีประมาณ 8 โมงเช้าหน่อย ๆ เวลาเกาหลีเร็วกว่าไทย ประมาณ 2 ชม. ตอนนี้หร่ะ เริ่มตื่นเต้นแล้ว ว่าตรูจะไปไหนต่อ จะไปถูกไหมเนี้ย จากที่อ่านประสบการณ์พี่ๆในเว็บก็พอจำได้ว่าา ให้มองป้าย International Connecting Flights ไว้ ก็เดินตามไป
จนถึงด่านสแกนตรวจอีกเหมือนในไทย ก็มีกะบะ ใส่ของ ถอดนาฬิกา เข็มขัด มือถือ กระเป๋าเป้เรา ใส่ผ่านเครื่องแสกน และเจ้าหน้าที่ก็ตรวจค้นตัว ผ่านหมดก็รับของ เดินไปต่อ ดูนาฬิกายังพอมีเวลาเยอะแยะ ขอแชะถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระทึกหน่อย ว่าได้มาเหยือบเกาหลีแล้ว









จากที่อ่านประสบการณ์พี่ ๆ ในเว็บมาก็บอกว่าต่อเครื่องเราไม่ต้องตรวจเอกสารไรเลย กระเป๋าก็ยิงยาวจนถึงเมกา ค่อยเอากระเป๋าลากไปต่อเครื่องไฟท์สุดท้าย ก็เลยไม่ค่อยกังวลตรงนี้ครับและก็ดูป้าย Departures Flight บนบอร์ดหน้าจอ ดูว่า สายการบินที่เราจะไปต่อนั้น อยู่ที่ประตู Gate อะไร เวลาออกเมื่อไร คอนเฟริม์กับในตั๋วที่เรามีอยู่อีกทีเพื่อความชัวร์ครับ และก็หาป้าย International Connecting Flights ท่องไว้ ๆว่าเราจะต่อเครื่อง จะไม่หลงครับ เดินไปตามทางเรื่อย ก็ถึงอย่างไม่ต้องกังวลอะไรครับ

สายตามองเห็น มุมร้านกาแฟ ช๊อคโกแลตร้อน นมร้อน ก็เริ่มยากกิน อยากลองว่าที่เกาหลีจะหร่อยไหม อิอิ ก่อนเดินทางแลกเงินดอลมาจากสนามบินติดตัวมาประมาณ 100 ดอล ก็จัดการซื้อซะ ป้ายราคาจะบอกเทียบว่า กี่วอนเท่ากับกี่ดอล เลยซื้อช๊อคโกแลตขาวร้อน กะ พายแอปเปิ้ลมา1 ชิ้น ราคาจำได้คร่าว ๆ ว่าประมาณ 6 หรือ 7 ดอลนี่หร่ะ คับ ก็แพงเอาการอยู่ แต่ขอลองหน่อยซักครั้ง





ก็หร่อยสมราคาหน่อย ให้อภัยได้ :)) จะหาที่นั่งรอก็ไม่มีเลย = =" น้าๆ ป้า ๆ ลุง ๆ เล่นนอนยาวกันก็มี เลยมานั่งขอบกระจกมองชมวิวสนามบินแทน อุๆๆ จัดการทุกอย่างเข้าท้องหมด
ก็ได้เวลาขึ้นเครื่องไฟท์ต่อไป

Flight สอง Seoul (ICN) เครื่องออก 10:30 am to ถึง 11:00 am (ของวันเดิม เหมือนขึ้นไทมแมชชีนย้อนเวลากลับไป) Atlanta (ATL) Korean Airline เครื่องลำใหญ่ บินไกล
เวลาบินประมาณ 13 ชม.

เจ้าหน้าที่เรียกเข้าแล้ว ก็เดินเข้าไป เจอด่านตรวจก่อนเข้าในเครือง ต่อคิวกันแถวยาวเลย ที่เกาหลีค่อนข้างเข้มงวดกว่า ตรวจกระเป๋าที่เราเอาขึ้นเครื่องไปด้วย ยกแขนตรวจทั่วตัวเราหมด แล้วก็ขึ้นเครื่องได้ เห็นลำแล้ว โอ้วว ใหญ่มาก เป็น โบอิ้ง ลำใหญ่มหึมา เดินเข้าไปจนเจอที่นั่งมี 3 ที่นั่ง ผมนั่งริมหน้าต่างเหมือนเดิม ฝั่งขวา เลยปึกเครื่องบินมานิด รีเควสเอเจนซี่ไว้
ว่าอยากชมวิว ไม่อยากมองปีก

มองไปด้านนอก กำลังขนถังกะเป๋าใบมหึมาขึ้นใส่เครื่อง สภาพอากาศดูแล้วคงหนาวเหน็บ แต่ข้างในสนามบินอากาศอุ่นสบาย เสื้อที่ยัดใส่มาตัวมหึมาเลยไม่ได้ใช้งานเลย หุๆ





ลำใหญ่นี้มีหน้าจอเอนเตอร์เทนเม้นซะด้วย อยู่หลังพนักพิงข้างหน้าเรา จอทัชสกรีน และก็มีรีโมทด้วยสำหรับเล่นเกมส์ เพลินไป





นั่งรอลุ้นว่า เพื่อนร่วมเดินทางสองที่นั่งข้างเราจะเป็นใครหว่า มาแล้วคนนึง หนุ่มนักธุรกิจชาวเกาหลี นั่งริมทางเดิน อืม ก็โอเค ท่าทางใจดี เหลือตรงกลางนี่หร่ะ เดินมากลุ่มใหญ่เลย พ่อแม่ลูกสองผิวดำตัวใหญ่มาก พ่อกะลูก ชายคน หญิงคน ประมาณ 10 ขวบ นั่งถัดจากผมไปข้างหน้าสองสามแถว ง่ะ เหลือแต่แม่ตัวใหญ่มาก

เธอก็บ่นๆๆ กะสามีว่า seat middle ฮ่าๆๆ
ผมก็น่านดิ ตัวใหญ่ขนาดนี้นั่งตรงกลาง ตายแหง่มๆๆ เธอก็เรียกลูกชายตัวเล็กมานั่งแทน แลกกัน โอ้วว โล่กอก คงเข้าใจฟิวผมนะ ในตอนนั้นนะ

say hi กะเด็ก ๆ ไปเล็กน้อย ไม่พูดไรเยอะ เด้วมันชวนคุยยาว
จะพูดไม่ถูก เด็กน้อยก็เอาแต่เล่นหน้าจอ เล่นเกมส์ใหญ่ ผมก็เปิดโน่นนี่ หาหนัง หาเพลงฟัง เพลินดีจนลืมตื่นเต้น ถึงเวลาเครื่องออกแล้ว ค่อย ๆ วิ่ง ๆ จนเร็วขึ้น ๆ ทะยานขึ้นท้องฟ้า หุๆๆ ไฟท์นี้เสียวตื่นเต้น
กว่าเดิมเยอะ เพราะตอนเช้า ปีกใหญ่ ลำใหญ่ บินเร็วมากๆๆ หน้าจอเราก็ดูได้ว่า บินสูงเท่าไหร่ ความเร็วเท่าไหร่ แผนที่ก็ดูได้ว่าบินถึงไหนแล้ว ลองดูหน่อย โอ้ว หมื่นกว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วสุดๆ



ลำนี้บินยาวนานมากกกกก เกือบ 13 ชม. เมื่อยแล้วเมื่อยอีกดูหนังฟังเพลง ก็หลายรอบ หลับก็หลายตื่น ยังมะถีงซักกะที หลับไปซักพัก ก็เปิดไฟปลุกเสริฟอาหารเครื่องดิ่ม หลับไปอีก
ปลุกเสริฟผ้าร้อนเช็ดหน้าตา อาหารก็มีให้เลือก สไตล์เกาหลีหร่ครับ จะให้เลือกว่า เอาแบบเส้น หรือ ข้าว ผมขอข้าวละกัน อิ่มดีกว่า ก็พอกินได้ครับ
ถึงจะไม่หร่อยมาก กินๆไว้ก่อน หิวจะแย่เอา เดินทางก็เพลียมากมายแล้ว

เวลาก็งงไปหมด บินอยู่ดี ๆ ข้ามทวีปมา มึดซะงั้น จะเข้าทวีปเมกาก็เช้าเลย หนุ่มนักธุรกิจก็ใจดีมาก ตอนกินอาหารเสร็จ ก็หยิบถุงส้มขึ้นมา ก็บอกว่านี่นะ ส้มอร่อยจากเกาหลี ลองชิม
หยิบให้เด็กน้อยกะผมคนละลูก ใจดีจริงๆ แถมลูกอมโสมให้คนละเม็ด

ตอนเครื่องบินเจอลมแรง ๆ สภาพอากาศไม่ค่อยดีแอร์สาวสวยจะประกาศเป็นระยะ ๆ ใจหวิวๆ ทุกทีเลยครับ เครื่องมันโยก นี่ขนาดเครื่องใหญ่อ่ะนะ เครือ่งไฟท์แรกก็เจอ โยกแรงกว่าอีก เหอๆ ใจก็คิดไปเรื่อยเปื่อย

ในที่สุดการเดินทางอันยาวนานก็จะถึงแว้ว แอรฺ์สาวสวยแจกใบ Custom Declaration Form จะต้องยื่นตอนเข้าอเมริกา ฟอร์มนี้จะต้องกรอกทุกคน แต่ถ้ามาพร้อมครอบครัวหลายคนก็กรอกแค่ใบเดียว ตัวอย่างเอามาจากกระทู้พี่แนทใน usvisa4thai นะครับ




วิธีการกรอกก็ตามนี้ครับ //www.usvisa4thai.com/board/viewtopic.php?p=265602#p265602

เวลาเกือบ 11 โมงเช้าแล้ว ประกาศให้รัดเข็มขัดเตรียมบินลงในอีก 10 กว่านาที ดีใจหลายๆๆๆ จะถึงซักกะที เครื่องค่อย ๆ ลดระดับลง ๆ ๆ เห็นข้างล่างโอ้ว หิมะขาวโพลนเลย ได้เห็นหิมะแว้ว แต่อากาศแจ่มใสดีมาก เพราะหิมะ เพิ่งตกไปสองวันที่แล้ว โชคดีมากๆๆๆ

เพราะตกหนักจนบินไม่ได้ ไม่งั้นสงสัยคงต้องนอนที่สนามบินแหง ๆ สภาพอากาศย่ำแย เครื่องบินไม่ได้

ลงจอดเรียบร้อย ก็เดินๆๆ ไปตามทาง ไปเจอด่านตรวจ passport อ่า เราถือกรีนการ์ด ก็ต่อช่อง us.citizen ได้เลย แถวยาวพอสมควรแต่ไม่เยอะมาก ถึงคิวผม เจ้าหน้าที่ก็ขอซองแพคเกจที่หอบมาจากไทย ที่สถานฑูตสั่งไว้ว่าห้ามแกะนั่นแหละครับ ขอพาสปอร์ต แล้วก็ไม่ถามไรเลย

ชี้ให้เดินไปที่ห้อง อิมเมเกรชั่น ใกล้ๆ กัน เข้าไปเจออยู่สองคิว สามีภรรยาชาวจีน กะเด็กหนุ่มชาวจีน เค้ามีล่ามคนจีนแปลให้ด้วยน่ะครับ แต่ของเรามะมี ก็ยื่นซองแพคเกจ ให้เจ้าหน้าที่ มีสองคน ดี ๆ จะได้ไม่ช้า แต่ดูเวลาแล้ว ยังเหลือเฟือน่ะครับ อีกเป็นชั่วโมงกว่าเครื่องจะออก รออยู่เกือบ 20 นาที ก็ถึงคิว แต่ก่อนจะถึงคิวเรียกมีเจ้าหน้าที่คนนึง เดินเข้ามาเช็คชื้อ แล้วบอกว่ากระเป๋าเรากองอยู่ชั้นล่าง หลังจากเสร็จที่นี่แล้ว ให้ไปรับกระเป๋าแล้วไปรอต่อเครื่อง ก็ค่อยโล่งอกหน่อยว่ากระเป๋าไม่หาย

ตอนรอ เจ้าหน้าทื่ก็แกะซองออก เช็คเอกสาร พิมๆ ลงคอม ซักพัก เหมือนปัญหาจะเกิด ก็เห็นโทรหาใครไม่รู้ อีกแป๊บ ก็มีแหม่มกะลุงเดินมา ท่าทางคงเป็นหัวหน้ามาดูเอกสารผม เอาละว้า งานเข้าป่าวเนี้ย แต่ก็คีดในแง่ดีว่าคงไม่มีไรม้าง จากไทยก็ผ่านมาหมดแล้วจะมาติดไรอีกหร่ะที่นี่ เหอๆๆ ป้ากะลุงก็พยักหน้าโอเค บอกเจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่องต่อให้ผม

โอ้ว โล่งอก ผ่านแล้วไม่มีปัญหาไร เจ้าหน้าที่เรียกไปหน้าเคาน์เตอร์ ก็ถามว่าพูดอังกฤษได้ไหม ก็บอกไปว่าพูดได้นิดหน่อย ฟังได้นิดหน่อย ก็โอเค เค้าก็พูดช้า กะเราแล้วชี้ในเอกสารให้ดูว่าที่อยู่นี้ถูกต้องไหม เราจะส่งบัตรกรีนการ์ดไปตามนี้ ผมก็โอเคถูกต้อง แล้วก็ให้เอกสารมา 1 ใบ เป็นใบแจ้งว่าตอนนี้คุณได้เป็นพลเมืองเมกาเรียบร้อย และชี้แจงรายละเอียดต่างๆ และก็ให้เข้าไปข้างใน เซ็นต์ชื่อและก็พิมพ์ลายนิ้วมือนิ้วชี้ซ้าย และขวา โดยเค้าจะจับนิ้วกดเอง ย้ำว่า เค้าจะจับกดเอง เรียบร้อย โล่งอกสบายใจ



เสร็จเรียบร้อย เดินลงไปชั้นล่าง เห็นกระเป๋าผมสีแดง กองอยู่ พร้อมกะใบอื่นอีกสองสามใบ เจอป้ากะลุงคนจีนก่อนหน้านี้ ของเยอะแยะ มีเจ้าหน้าที่
ช่วยลากไปต่อเครื่องก็โชคดี เดินตามเค้าไป ลากกระเป๋าไปเจอเจ้าหน้าที่ก็ถามว่าไปลงไหน ก็บอก Fayetteville เค้าดูสติกเกอร์บาร์โค๊ดที่กระเป๋า แล้วก็รับกระเป๋าไป ก็เดินไปเจอด่านตรวจสแกนเหมือนเดิม

มีกะบะ ใส่ของ ก็ถอดเข็มขัด นาฬิกา มือถือ เจ้า pocket pc ที่ใช้ถ่ายรูปนี่หร่ะ แบตหมดพอดีมาถึงเมกา อดถ่ายรูปเก็บเลย แห่ะๆๆ แต่ที่นี่ให้ถอดรองเท้าด้วยแห่ะ อุๆ ไทยกะเกาหลีไม่เห็นต้องถอดเลย สองไฟท์ผ่านมา เริ่มรู้งาน คล่องแล้ว

Flight สาม Atlanta (ATL) เครื่องออก 1:30 pm to ถึง 2:45 pm Fayetteville (FAY) สายการบิน Delta เครืองลำเล็ก ประมาณ 50 ที่นั่ง เวลาบินประมาณ 1 ชม.

ไฟท์นี้หร่ะครับเริ่มงง กะป้ายแล้ว จะไปไหนต่อเนี้ยตรู มองหา เจ้าหน้าที่ information ก่อนหร่ะ เจอลุงท่าทางใจดีนั่งอยู่ ก็เลยส่งตั๋วให้ดีบอกจะต่อเครื่องไปลง Fayetteville NC ลุงก็บอกว่า ลงไปอีกชั้นข้างล่าง ต่อรถไฟใต้ดินไป Gate D36 ตามในตั๋ว บอกมาว่า left one stop อ่อๆ ด้านซ้าย ป้ายเดียวนะ อย่าเกิน ฮ่าๆๆ

ลงไปปุ๊บรถไฟจอดพอดี ขึ้นอย่างไว ป้ายเดียวก็ลงเลย ออกมาเห็นป้ายแล้วว่าไป Gate D เดินๆๆ เจอลิฟจอดพอดี ก็ถามคนที่จะเข้าอีกทีเพื่อความชัวร์ว่า Gate D ใช่ไหม ก็โอเค ผมขึ้นด้วยคร๊าบ แป๊บเดียวก็ถึง ออกมา โอ้ว ตะการตาอีกแล้ว ร้านค้ามากมาย ผู้คนเยอะแยะ ฝรั่งทั้งน่านนน

เดินไปอย่างสบายใจจุดหมายปลายทางข้างหน้าแน่นอนคร๊าบ เวลาตอนนั้นเที่ยงวันครึ่งกว่า ๆ แล้ว หิวก็ไม่หิวเท่าไหร่ แต่หิวน้ำคร๊าบ เหอๆ หาร้านซื้อ สไปรท์ซักขวด แล้วเดินต่อไป Gate 30 32 33 ไล่ไปจนสุด เจอแล้วๆ

Gate D36 มีทหารนั่งรออยู่เต็มเลย ชัวร์ป๊าบ Fayetteville เป็นเมืองทหารครับ นั่งรอ ดูจอทีวีอย่างสบายใจเครื่องออก บ่ายโมงครึ่ง เอะ นั่งไปซักแป๊บ ตั๋วที่ได้จากสายการบินเกาหลี ให้มา ที่มาต่อเป็น Delta ต้องเอาตั๋่วไปยื่นออกตั๋วของเดลต้าป่าวหว่า ก็เลยไปยื่นเจ้าหน้าที่ก็จริงครับ ออกตั๋วมาใหม่ ได้ที่นั่ง 10B แต่ไม่ใช่ริมหน้าต่าง เพราะจองผ่านเว็บเต็มหมดแล้วได้ริมทางเดิน เป็นเครื่องลำเล็กภายในประเทศ

ประมาณบ่ายโมง หน้าจอก็ขึ้นว่าเครื่องดีเลย์ช้าไป 1 ชั่วโมง จะออก บ่ายสองครึ่ง ก็เซ็งหร่ะ นั่งรออีกนานเลย มะเป็นไร ยังไงก็อยู่ในเมกาแล้ว อิอิ จนได้เวลาขึ้นเครื่อง ดูท่าทางข้างนอกแดดเปรี้ยง ๆ
คงไม่หนาวละม้าง ที่ไหนได้ หนาวดีจัง ลมเย็นมาก เดินออกข้างนอกสนามบินไปขึ้นเครื่อง อุๆๆ ลำเล็กจริง ๆ ชักตื่นเต้นอีกหร่ะครับ นึกเสียว่าขึ้นเครื่องเล่นที่สวนสนุกแล้วกัน

แหม่มแอร์ตัวใหญ่ ใจดีมาก พูดทักทายสนุกสนานเลย ซักพักเครื่องจะออก บินขึ้น โห้ยย ลำเล็กนี่ โคลงเครงมาก ใจหวิวๆ เลย แล้วก็คงเป็นเพราะเพลียมากๆด้วย หลับ ๆตื่นๆ บนเครื่องตลอด แต่ก็เอาน่าแค่ชั่วโมงเดียว ทำใจสบาย ๆ ป้าแหม่มก็เอาขนมน้ำมาเสริฟ เป็นถั่วอบกรอบกะโค้ก 1 แก้ว กินเพลิน ๆ จะได้ลืมความเสียว จะถึงแล้วก็ประกาศให้รัดเข็มขัดแป๊บเดียวเอง ร่อนลงสนามบิน Fayetteville สนามบินเล็กครับ

เดินออกมาแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เจอน้าเพื่อนแม่ มารับ เพราะแม่ไม่ว่างเปิดร้านขายอาหารแล้ว ไปยืนรอรับกระเป๋าอยู่ซักพัก กระเป๋าแดงผมวนมาก็คว้ามา

ถึง Fayetteville NC อย่างสวัสดิภาพ ปลอดภัย แต่ลงมาก็มึน ๆ เห็นหิมะเป็นน้ำแข็งที่เริ่มละลายเต็มไปหมด น้าบอกว่าโชคดีมาก หิมะเพิ่งตกหนักไปสองวัน ปวดหัวตึบๆ งง ๆ กะเวลา เพลีย ไม่หิว แต่อยากนอนมากๆๆๆ อยู่บนเครื่อง ก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ตกหลุมอากาศทีก็ดุ้งตื่น

กะว่าจะไปดูร้านอาหารแม่ซักหน่อย แต่ไม่ไหวแล้ว ณ ตอนนั้น จะสี่โมงเย็นแล้ว น้าก็ขับรถมาส่งที่ห้องเป็นอพาร์ทเม้นครับ ถึงห้องลากกระเป๋าวาง นอนก็สลบเลยไปเลยทันที

เดินทางขึ้นเครื่องบินครั้งแรกเกือบ 20 ชม. ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 53 จบซะที แต่การเริ่มต้นชีวิตในอเมริกามันเพิ่งเริ่มต้นเอง..





Create Date : 26 พฤษภาคม 2554
Last Update : 26 พฤษภาคม 2554 23:13:57 น.
Counter : 14523 Pageviews.

17 comment

tle
Location :
Seattle, Washington State  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]



New Comments