Group Blog
 
All Blogs
 
เกณิยานุโมทนาคาถา (ตอนที่ ๑) พระมงคลเทพมุนี

เกณิยานุโมทนาคาถา
วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๔๙๗


นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ


อคฺคิหุตฺตํ มุขา ยญฺา สาวิตฺติ ฉนฺทโส มุขํ
ราชา มุขํ มนุสฺสาน นทีนํ สาคโร มุขํ
นกฺขฺตฺตานํ มุขํ จนฺโท อาทิจฺโจ ตปตํ มุขํ
ปุญฺมากงฺขมานานํ สงฺโฆ เว ยชตํ มุขํ ฯ
ภณิสฺสาม มยํ คาถา กาลทานปฺปทีปิกา
เอตา สุณนฺตุ สกฺกจฺจํ ทายกา ปุญฺญกามิโนติ ฯ


ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงธรรมิกถา เฉลิมเพิ่มเติมศรัทธา ประดับสติปัญญาของท่านพุทธบริษัท ทั้งคฤหัสถ์บรรพชิต บรรดามาสโมสรในสถานที่นี้ เพื่อทำธรรมสวนกิจในสถานที่นี้ทุกถ้วนหน้า วันนี้จะแสดงด้วย เกณิยานุโมทนาคาถา เครื่องกล่าวปรารภทั้งทางโลกและทางธรรม และทางบำเพ็ญทานการกุศล

แต่ว่าเราท่านทั้งหลาย ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต เป็นพุทธศาสนิกชนตั้งอยู่ในภูมิพื้นของปุถุชน ต้องจำข้อสำคัญที่ขบขันไว้ใน มนุษย์โลกนั้นก่อน เพราะว่าเราท่านทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่รู้จุดหมายใจดำของการบูชา ไม่รู้จักจุดหมายใจดำของคัมภีร์แห่งโลก ไม่รู้จักจุดหมายใจดำของพระเจ้าแผ่นดิน ไม่รู้จักจุดหมายใจดำของแม่น้ำสมุทรสาคร ไม่รู้จักจุดหมายใจดำของดวงจันทร์ ไม่รู้จักจุดหมายใจดำของดวงอาทิตย์ เรื่องนี้ ใน ๖ ข้อนี้ควรตั้งใจสดับต่อไป

ตามวาระพระบาลีว่า อคฺคิหุตฺตํ มุขา ยญฺา ยัญทั้งหลายมีไฟเป็นหัวหน้า สาวิตฺติ ฉนฺทโส มุขํ สาวิตติฉัท์ เป็นคัมภีร์ของฉันทศาสตร์ทั้งหลาย ราชา มุขํ มนุสฺสานํ พระเจ้าแผ่นดินเป็นประมุขของมนุษย์นิกรทั้งหลาย นทีนํ สาคโร มุขํ สมุทรสาครเป็นประมุขของแม่น้ำทั้งหลาย นกฺขตฺตานํ มุขํ จนฺโท ดวงจันทร์เป็นประมุขของดวงดาวนักขัตทั้งหลาย อาทิจฺโจ ตปตํ มุขํ ดวงอาทิตย์เป็นประมุขของสิ่งที่มีความร้อนทั้งหลาย สิ่งที่ร้อนทั้งหลายหรือว่าความร้อนทั้งหลาย สู้แสงอาทิตย์ไม่ได้ ใน ๖ ข้อนี้จะอรรถาธิบายต่อไปให้เข้าเนื้อเข้าใจ

การบูชาทั้งหลายในสากลโลก พระพุทธเจ้าจะเกิดขึ้นในโลกเขาก็มีการบูชากัน บูชาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจะไม่เกิดขึ้นก็มีการบูชากัน คำที่เรียกว่ายัญน่ะแปลว่า การบูชา หรือเซ่นสรวงต่างๆ ที่ปรากฏทำกัน อยู่ นานาประเทศจะเซ่นสรวงบูชายัญต่างๆ ต้องมีไฟเป็นหัวหน้าทั้งนั้น ต้องมีไฟเป็นประธาน เมื่อติดไฟขึ้นละก็เริ่มบูชากันละ

ถ้าว่ายังไม่ติดไฟก็ยังไม่บูชา จะจัดการบูชา จัดอย่างไรจัดไป ถ้ายังไม่ติดไฟยังไม่เริ่มบูชา ต้องติดไฟขึ้นจึงเริ่มบูชา นี่ไฟเป็นข้อสำคัญอยู่ เมื่อเราบูชามีไฟเป็นประมุข มีไฟเป็นประธานเ ช่ นนี้ เราจะคิดอ่านว่ากระไรในการบูชา เราเป็นพุทธศาสนิกชนก็คงไม่รู้ ก็คงจุดไปตามประเพณี ดังนั้น ข้อสำคัญนักเรื่องไฟน่ะ ดูก็ปรากฏเห็นด้วยตา หุงต้มปิ้งจี่ได้ตามความปรารถนา ไหม้บ้านไหม้ช่องก็ได้ วอดวายกันนับคณนาไม่ถ้วน

ไฟน่ะสำคัญอย่างนี้ บาลียืนยันกล่าวว่า ธมฺโม ปทีโป วิย ว่าธรรมนั่นเหมือนไฟ เมื่อจุดไฟขึ้นแล้วละก็ เราเป็นพุทธศาสนิกชน ไฟที่ติดอยู่นี่เหมือนธรรมจริงๆ หนา ดับไฟไปเสียไม่มีไม่เห็น มีไฟจุดขึ้นปรากฏฉันใด ธรรมก็ปรากฏฉันนั้น เมื่อผู้ปฏิบัติเป็นขึ้น เห็นทีเดียวธรรม ใสสว่างกระจ่างชัชวาลทีเดียว ถ้าว่าไม่เป็นก็ไม่เห็นปรากฏ เหมือนไม่มี เมื่อเป็นเข้าเห็นปรากฏทีเดียว

ธรรมเป็นดวง เป็นดวงเหมือนกัน เป็นดวงใหญ่เล็กตามส่วน ดวงอย่างขนาดเล็กก็มี ดวงขนาดใหญ่ก็มี ขนาดกลางก็มี มีดวงเหลือที่คณานับ ในเรื่องดวงธรรม ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ ใสเหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า นั่นดวงธรรม ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียด ๒ เท่า ฟองไข่แดงของไก่ ใสอีก

ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายทิพย์ ๓ เท่าฟองไข่แดงของไก่ ใสอีกเหมือนกันแบบเดียวกัน ใสหนักขึ้นไป ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายทิพย์ละเอียด ๔ เท่าฟองไข่แดงของไก่ ใสหนักขึ้นไป ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายรูปพรหม ๕ เท่าฟองไข่แดงของไก่ ใสหนักขึ้นไป ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายรูปพรหม ละเอียด ๖ เท่าฟองไข่แดงของไก่ ใสหนักขึ้นไป ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายอรูปพรหม ๗ เท่าฟองไข่แดงของไก่ ใสหนักขึ้นไป ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายอรูปพรหมละเอียด ๘ เท่าฟองไข่แดงของไก่ ใสหนักขึ้นไป ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายธรรมเท่าหน้าตักของธรรมกาย หน้าตักธรรมกายกว้างแค่ไหน ดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกายก็ใหญ่แค่นั้น ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายธรรมละเอียด ๕ วา วัดผ่าศูนย์กลาง ๕ วา กลมรอบตัว นั่นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายธรรมละเอียด ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระโสดา ๕ วา วัดผ่าเส้นศูนย์กลาง ๕ วา กลมรอบตัว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระโสดาละเอียด ๑๐ วา วัดผ่าเส้นศูนย์กลาง ๑๐ วา กลมรอบตัว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระสกิทาคา ๑๐ วา กลมรอบตัว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระสกิทาคาละเอียด ๑๕ วา กลมรอบตัว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอนาคามี ๑๕ วา กลมรอบตัว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอนาคามีละเอียด ๒๐ วา กลมรอบตัว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอรหันต์ ๒๐ วา กลมรอบตัว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นพระอรหันต์ละเอียด ๒๐ วากลมรอบตัว กว้างหนักออกไปหนักออกไป นี่ดวง ธรรมใหญ่อย่างนี้

ดวงไฟล่ะ ดวงไฟฟ้าใหญ่เล็กตามส่วน เห็นไหมล่ะ ดวงไฟฟ้าใหญ่เล็กตามส่วน ครานี้เห็นแล้ว ดวงไฟทำให้เล็กให้โตได้อย่างนี้ แล้วแต่มนุษย์จัดสรรทำขึ้น ไฟที่ไหม้ป่ามนุษย์ไม่ได้ทำ ไหม้ขึ้นเอง ลุกช่วงโชติไปหมด แล้วแต่เชื้อมากน้อย เชื้อมากลุกมาก เชื้อน้อยลุกน้อย ลุกกันจนกระทั่งไฟบรรลัยกัลป์ ลุกเต็มโลก ใหญ่โตมโหฬารอย่างนั้น

ดวงธรรมเล่าก็อย่างนั้นเหมือนกัน ดวงธรรมที่เป็นฝ่ายพระน่ะใสสะอาด สว่างเป็นธรรมไปหมด ดวงบาป ดวงธรรมโตเท่าไรดวงบาปก็โตเท่านั้น ดวงธรรมเล็กเท่าไรดวงบาปเล็กเท่านั้น นี่เป็นดวงๆ เหมือนกัน ธมฺโม ปทีโป วิย ธรรมเหมือนไฟ เมื่อเราจุดไฟเวลาใดก็นึกถึงธรรมเวลานั้น ว่าอ้อ ดวงไฟที่ปรากฏขึ้นนี้ ที่เรานับถือธรรมแสวงหาธรรม เรายังไม่เป็นธรรมที่เรายังไม่เป็นยังไม่เห็นปรากฏ ก็ให้กำหนดรู้เหมือนไฟอย่างนี้แหละ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปได้ ถ้าเกิดขึ้นสว่างดีดับวูบไปเดี๋ยวนั้นก็ได้ เกิดขึ้นสว่างดีค่อยๆ ดับไปก็ได้ เกิดขึ้นแล้วไม่ดับติดจนกระทั่งสำเร็จก็ได้ อย่างนี้ ดวงไฟเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นการบูชาทั้งหลายมีไฟเป็นประมุข มีไฟเป็นหัวหน้า

ไฟเมื่อจุดขึ้นแล้วให้นึกถึงว่าไฟให้ความสว่าง ให้ประโยชน์แก่มนุษย์มากนัก ใช้ถูกส่วนเข้าแล้วให้ประโยชน์แก่มนุษย์มากนัก หุงต้มปิ้งจี่ได้ตามความปรารถนา ต้องการสิ่งใดได้ต้องตามความปรารถนา จะให้เป็นเรือยนต์เรือบินได้สมมาดปรารถนา ใช้ไฟได้ดังนี้ ถ้าใช้ไม่ดีไหม้บ้านไหม้ช่องก็ได้ ธรรมเหมือนกัน ถ้าใช้ดีก็วิเศษวิโสนักทีเดียว ให้สำเร็จมรรคผลตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน ไปนิพพานได้สมเจตนา ถ้าทำไม่ดีก็คร่าไปโลกันต์เหมือนกัน ไปตกโลกันต์เหมือนพวกมิจฉาทิฏฐิเหมือนกัน ประพฤติธรรมไม่ดีไม่ถูก ผิดธรรมไป ไปเป็นมิจฉาทิฏฐิ เหมือนพระเทวทัตปฏิบัติธรรม ทำพลาดธรรมไปไปอยู่ในอเวจี พลาดธรรมไปอเวจีเหมือนกัน ผิดธรรมไป ถ้าว่าถูกธรรมดีแล้วละก็ ธรรมนั้นส่งให้รุ่งโรจน์โชตินาการหาประมาณมิได้ทีเดียว ธรรมน่ะ ถ้าจะกล่าวถึงส่วนแล้วละก็ ที่เรียกว่าการบูชาไฟ

การบูชามีไฟเป็นประมุขมีไฟเป็นหัวหน้า การปฏิบัติศาสนาก็มีธรรมเป็นประมุข มีธรรมเป็นหัวหน้าเหมือนกัน แบบเดียวกัน เหตุนี้เราปฏิบัติศาสนาต้องมีดวงธรรมเป็นหัวหน้า ต้องมีธรรมเป็นประธาน ถ้าอยู่ในโลก การบูชาทั้งหลายเหล่านั้นมีไฟเป็นหัวหน้า มีไฟเป็นประธาน แบบเดียวกันดังนี้ เมื่อรู้หลักดังนี้นี่ข้อต้น



ขอขอบพระคุณภาพวัด"ตำหนักใต้ จ.นนทบุรี"จาก @Single Mind for Peace.


Create Date : 03 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 19 สิงหาคม 2554 23:04:10 น. 0 comments
Counter : 1121 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้อมเศียรเกล้า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add น้อมเศียรเกล้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.