(*** สามีบอกให้มาโน้ตไว้ว่าผ่านมาสามปีพอดิบพอดี เตาอบตายไปแล้วค่ะ 5555 สาเหตุการตายคือ ปุ่มด้านบนสุด (ปุ่มบอกอุณหภูมิ) มันฟรีเพราะความร้อนทำให้แกนของปุ่มละลาย ไหม้เลยอะค่ะ เมื่อวานเสียคุกกี้บาร์ไป 1 ถาด ร้องไห้ ฮือออออ...พอมันฟรี เราก็ไม่ทราบอุณหภูมิที่แท้จริง เทอร์โมมิเตอร์ขึ้นไม่หยุดเลย เกือบถึง 230 องศาเซลเซียส พอแกนละลาย เหม็นไหม้ก็ต้องดึงปลั๊กออก ขนมก็หน้าไหม้ ข้างในไม่สุก เสียดายส่วนผสม แงงงงง... คาดว่าคงไม่ส่งซ่อมอะค่ะ เพราะ search หาศูนย์บริการหลังการขาย เห็น comment ในเพจแล้วหนาวมาก คาดว่าไร้อนาคต คงเปลี่ยนเครื่องเลย สามปีคุ้มมั๊ย ปีละสองพัน ก็โอเคนะ ได้ใช้งานเยอะอยู่ ^^ : 13 ธ.ค.2559 ถ้าไม่บอกเดี๋ยวว่าเราหลอกให้ซื้อ ^^" ***)
- เตาไฟฟ้า สามารถอบทั้งเบเกอรี่และอาหารคาวได้
- มีไฟบน-ล่าง
- ตั้งอุณหภูมิได้สูงสุด 250 องศาเซลเซียส
- มีหลอดไฟให้แสงสว่างในเตา
- มีพัดลมกระจายความร้อน (ยังไม่ได้ลองใช้)
- มีรางวางตะแกรง 2 ชั้น (แต่แถมตะแกรงมาเพียงชั้นเดียวนะคะ)
แนะนำให้ซื้อเทอร์โมมิเตอร์มาวางในเตาเพื่อเช็คอุณหภูมิด้วยค่ะ
ส่วนตัวเพิ่งใช้ไปสองครั้งนะคะ อบมัฟฟิ่นซึ่งต้องการความร้อนสูง ปรากฎว่าต้องตั้งอุ่นเตาไว้ที่อุณหภูมิสูงสุด (250 องศาเซลเซียส) ก่อนประมาณเกือบสามสิบนาที ความร้อนในเตาจึงจะขึ้นถึงอุณหภูมิตามที่ต้องการ (200 องศาสเซลเซียส)
เมื่อเตาร้อนได้ที่ เราก็ลดอุณหภูมิตรงแกนหมุนให้เหลือ 200 องศาเซลเซียสแล้วเตาจะตัดทันที ลวดนำความร้อนจะดับ และจะไม่ติดขึ้นมาอีกเลยนะคะ จากนั้นเราก็นำส่วนผสมเข้าเตาอบทันที ตอนนี้อุณหภูมิภายในเตาจะลดลงเรื่อยๆ ประมาณ 30 องศาเซลเซียส แล้วจะนิ่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งอบเสร็จ ใช้เวลาอบประมาณ 20 นาทีตามสูตร เค้กสุกดีค่ะ แต่หน้าไม่แตกมากเท่าที่คิด
ถ้าถามว่าพอใจในคุณภาพไหม เราพอใจค่ะ ถ้าคะแนนเต็มร้อยเราให้ 80 นั่นคือ ใช้งานง่าย ความร้อนถึงอุณหภูมิที่ต้องการ แม้จะแกว่งไม่ตรงตามที่ตั้งไว้บ้าง แต่ก็พอรับได้สำหรับคุณภาพของเตาอบขนาดใหญ่ที่ใช้ภายในบ้าน ด้วยราคาขนาดเกินครึ่งหมื่นมานิดๆ ก็โอเคค่ะ เพราะส่วนตัวเคยใช้ของยุโรปขนาด 60 ลิตร แพงกว่านี้มาก ถ้าไม่ได้ซื้อเตาเพื่อทำธุรกิจ แต่แค่ทำให้คนภายในบ้านหรือเพื่อนๆ ทาน ยี่ห้อนี้ก็ใช้ได้ค่ะ