|
เรื่อง การเรียนของเด็ก ๆ สมัยนี้
เกิดจากการที่ผมต้องมีหน้าที่ไปรับลูก ๆ สองคนเล็กที่โรงเรียนทุกวันครับ อยู่ป.สี่ กับป. สองครับ ก่อนหน้านี้ลูกทั้งสองของผมไม่ได้เรียนที่โรงเรียนนี้ครับ เรียนที่โรงเรียนที่สอนปกติ ครับคือไม่ใช่โรงเรียนสองภาษา แต่ตอนนี้มาเรียนสองภาษาแล้ว ระบบการเรียนคือ มีการเรียนการสอน คณิตศาสตร์ สังคม วิทยาศาสตร์ สุขศึกษา อย่างละสองเล่มครับ คือภาษาไทย สอนด้วยครูไทย และ ภาษาอังกฤษทุกวิชาสอนด้วยครูต่างชาติ เท่าที่คุยกับผู้ปกครองของนักเรียนรุ่นพี่ที่ใกล้จบ บอกว่า จะได้เปรียบแค่เรื่องภาษาอังกฤษเท่านั้น ส่วนเนื้อหาวิชาการ จะเป็นรองพวกเรียนภาษาเดียวครับเพราะเขาจะเรียนลึกซึ้งกว่า เนี่องจากไม่มีภาษามาเกี่ยวข้อง เช่นคณิตศาสตร์ ถ้าโจทย์ลึกซึ้งเกินไปแค่แปลโจทย์ ก็มีหวัง ปวดหัวก่อนแล้วเรยทำให้คิดว่าคิดถูกหรือไม่ที่มาเรียนสองภาษา กลายเป็นได้ภาษาอังกฤษแต่ผู้ปกครองรุ่นพี่บอกจะไปสอบแข่งขันตอนเข้าม. 1 ต้องไปติวเยอะเดี๊ยวสู้พวกเรียนภาษาเดียวไม่ได้เป็นงั้นไป ได้อย่างเสียงอย่างเหมือน พี่อัสนี บอกจริง ๆ ด้วย ในขณะที่วันหยุดผมพาลูก ๆไปเรียนที่โรงเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ก็พบว่ามีเด็กที่มาเรียนบางคนมาจากโรงเรียนอินเตอร์ คือเรียนภาษาอังกฤษล้วน ๆ เรย แล้วยังมาเรียนพิเศษ ถามครู และผู้ปกครองนักเรียนบอกว่า การแข่งขันสูงเด็กที่เรียนอินเตอร์ เก่ง ๆ เลยต้องเรียนพิเศษเพิ่ม อ่าวเป็นงั้นไปอีก นึกว่าเรียนอินเตอร์ ครูดีแล้วไม่ต้องเพิ่มแล้วซะอีก ทำให้มานั่งคิดว่าเราคิดถูกหรือผิด การเรียนนี่เพื่อหาความรู้ให้กับลูก หรือเป็นการส่งลูก เข้าแข่งขันกันแน่ โดยส่วนตัวผมแล้วเรียนหนังสือไม่เก่งครับ เลยจบแค่ปริญญาตรี ส่วนใหญ่เพื่อนเขาจบโทกัน แต่ผมกลับพบว่า คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเรียนเก่งทุกคนครับ และ หลายคนชอบศึกษาเล่าเรียน หลายคนไม่ชอบ สาเหตุใหญ่คือเราต้องมาเรียน หรือศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่เราไม่ได้สนใจจริง ๆ แล้วมันจะประสบความสำเร็จได้ไง ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจการศึกษาของไทยหลาย ๆ เรื่อง ทั้งโอเน็ต เอเน็ต แอดมิท ไรเนียะ ไว้ถึงเวลาต้องศึกษาก่อน แต่ที่รู้คือ ชม.สุดท้ายลูกผมต้องเรียนทำการบ้าน ครูให้การบ้าน แล้วครูก็สอนทำการบ้านแต่ต้องเป็นชม.พิเศษ เก็บตังค์ งง ครับ และยิ่งไปกว่านั้น ครู เป็นคนออกข้อสอบ เข้าต่าง ๆ ให้ยาก ๆ แล้วก็มีครูเอาข้อสอบยาก ๆ มาเปิดสอนพิเศษ ให้ทำข้อสอบยาก ๆ นั้นได้ งง อีก ทำไมเด็กไทยไปแข่งโอลิมปิคการศึกษา เก่ง ๆ ทั้งนั้น แต่มีเด็กไทยไม่รู้หนังสือเยอะ และ โดยเฉลี่ยวเขาบอกเด็กไทยมีความรู้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ใครไม่รู้วางไว้ แล้วลองมาดูที่เด็ก ๆ เขาเรียนกัน ครับผม ได้รู้ว่าเด็ก ๆ สมัยนี้ถูกฝึกให้รู้จักคิดวิเคราะห์ สูงมาก ๆ บางทีผมยังไม่เข้าใจ หรือตอบคำถามของเด็ก ป.สี่ไม่ถูกเลย สุดท้ายต้องแนะนำลูกว่า ให้ครูเขาเฉลย ดีกว่าเพราะทำไปก็ไม่ถูก
ตอนนี้ผม เรยต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ครับไม่อยากให้ลูกเครียดแล้วผม ไม่อยากให้ลูกเรียนด้วยความคิดแข่งขัน จะบอกลูก ๆ ว่าเรียนไม่ต้องเก่งที่สุดในห้อง เอาแค่ตามเพื่อน ๆ ได้ แต่ขอให้เวลาเรียนสนใจตั้งใจเรียน แล้วเวลาเล่นก็เล่นให้สนุก มีงานการบ้านก็ทำพอได้คะแนน แล้วลูกอยากมีกิจกรรมอย่างอื่น ๆ ก็ว่ากันไป อยากให้ลูกสนุกกับชีวิตมากกว่า คนเราผมว่า ได้ทำอะไรที่ชอบและมีความสุข ก็น่าจะประสบความสำเร็จกับสิ่งนั้น ๆ ได้ แต่ที่สำคัญต้องมองออกให้ได้ว่า เขาชอบหรืออยากทำสิ่งนั้นจริง ๆ ค่อนข้างยากเพราะเด็กยังไม่นิ่ง เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเจอก็คุ้มเพราะได้ทำให้ลูกมีความสุขกับชีวิตยาวไกล
Create Date : 14 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 14 มกราคม 2554 14:21:10 น. |
Counter : 489 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
โรคผัก
พอดี ได้เจอกับเกษตรกร ให้ช่วยแก้ปัญหาของผักคือมะระจีนที่ปลูกไว้เก็บเกี่ยวขาย ว่าเป็นอะไร แล้วเราพอมีความรู้นิดหน่อยเลยบอกวิธีไป จากที่ดูลักษณะ อาการใบแล้วคงเป็นเรื่องปกติของผักในฤดูนี้ครับ เหมือนกับคน ที่มักเป็นหวัดในฤดูนี้เช่นกัน ว่ากันแบบชาวบ้านเลย คือฤดูหนาวมักจะมีสภาพอากาศที่เหมาะสม ของพวกเชื้อรา ไม่รู้ชื่อหรอกนะ แล้วเมื่อมันมาเกาะที่พืชได้มันก็จะขยายตัว และก็ทำลายพืชผัก อย่างที่เห็นแหละ มีชื่อเรียก ว่าราน้ำค้าง ราใบจุด ราใบกรอบ ทำนองนี้แหละ ทางแก้คือเป็นคนก็กินยา เป็นผักก็ต้องฉีดยาให้เขาอะ ก็พวกยากำจัดเชื้อรานี่แหละ มีขายตามร้ายเกษตรทั่วไป เพื่อช่วยกำจัดเชื้อราให้ลดลง หรือหมดไป ก็จะช่วยให้เราเก็บผลผลิตได้ไปอีกระยะหนึ่งครับ บางคนอาจจะบอกว่าไม่ดีเลยฉีดยาด้วย ผักที่เข้าขายในตลาดเนียะ ถ้าไม่มีการฉีดสารเคมีบ้างคงไม่ได้มาขายกันหรอกครับ จะมีบ้างพวกปลอดสาร ก็ไม่รู้ปลอดจิงป่าว ผมว่าเราซื้อมาก็ล้างให้ดีหน่อย เกษตรกร ไม่จำเป็นไม่อยากพ่นสารเคมีหรอกครับ เปลืองเงิน นะ แต่ไม่พ่นก็ไม่ได้กินอะ แต่เท่าที่สัมผัสเขาจะมีความห่วงผู้บริโภคนะ คือถ้าใกล้เก็บเกี่ยวจะไม่พ่นยา ในกลุ่มผักใบ ส่วนผักลูกพ่นครั้งหนึ่ง ถ้าไม่มีอะไรมารบกวนก็ เว้นเป็นเวลา ห้าวันเจ็ดวันเลยครับ
Create Date : 05 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 5 มกราคม 2554 13:44:09 น. |
Counter : 2388 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
การมีโรค บางครั้งอาจเป็นลาภ อันประเสริฐ
จากการที่เราอาจใช้ชีวิตเพลิดเพลิน ไปเรื่อย ๆ ไม่คิดอะไรมากมายไม่ได้เฉลี่ยวใจใด ๆ จนกระทั่งอาการต่าง ๆ เกิดขึ้นเราจึงรู้ว่าได้เกิดโรคบางโรคกับตัวเราขึ้นมาแล้ว จากเดิมที่สุขภาพแข็งแรง ในวัยหนุ่ม จนพบว่าตัวเองเป็นโรคเริม ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจมีอาการ ก็กินยา ทายา อ่อลืมไปผมเป็นในร่มผ้านะครับ จะรุนแรงกว่าเป็นที่ริมฝีปาก พออาการหายก็หยุดยาใช้ชีวิตปกติตามสบาย แล้วก็จะมีอาการเกิดอีก วนเวียนไปเรื่อย ๆ และบ่อยขึ้นอาการมากขึ้น จน รู้สึกว่าต้องทำความเข้าใจกับโรคนี้เพื่อป้องกัน คือ หมอบอกว่าเป็นไวรัสชนิดนึง มันมาอยู่ในร่างกายเราแล้ว ไม่รู้มาได้ไง ถ้าเราอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่พอ ดื่มเหล้า เครียด ท้องผูก อาการจะเกิด เพราะฉะนั้นต้องระวังไม่ให้สิ่งที่หมอบอกส่าเหตุ เกิดขึ้น คือไม่นอนดึก พักผ่อนให้พอ อย่าเครียด กินผักท้องได้ไม่ผูก ไม่ทานเหล้า เป็นต้น ก็นับว่าอาการดีขึ้นคือระยะเกิดอาการห่างมากขึ้นและเวลาเป็นก็อาการไม่มาก ก็ใช้ชีวิตระวังตามกรอบที่หมอบอกมา จนวันหนึ่งได้คุยกับเพื่อนเรื่องอาการ อีกอย่างที่เกิดมาใหม่คือตื่นนอนมารุ้สึกบวดที่นิ้วโป้งเท้า ปวดจนกระทั่งขับรถไม่ได้ เพราะไม่สามารถ เหยียบครัช ได้แต่กินยาประเภทปวดข้อ กระดูด เป็นชุด ซักสองชุดจะหายดีขึ้น ก็เรยคิดว่าคงเพราะเราไปเล่นกีฬา หรือเดินไปสะดุดอะไรไม่รู้ตัว กินยาก็หาย แต่อาการแบบนี้จะเกิด บ่อยขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อนบอกว่าเป็นเหมือนกันและไปหาหมอตรวจมาแล้ว หมอบอกว่าเป็นเกาต์ แน่นอนตรวจเลื่อดแล้วผลออกมาอย่างนั้น ผมจึงถึงบางอ่อเหมือนกันว่างั้นเราก็คงเป็นเกาต์ ต่อมามีอาการก็ไปร้านยาที่เชื่อถือบอกเอายารักษาอาการปวดเกาต์ ซึ่งมาทานก็หายดี แสดงว่าเราเป็นเกาต์ แน่นอนแล้วก็เรยมาหาความรู้ในเน็ต ถึงอาการและ สาเหตุ จนแน่ใจว่าเป็นเกาต์แน่และ สาเหตุเกิดจากการกินอาหาร ที่มีพิวรีนสูงทำให้มียูริคในเลื่อดเยอะ และพอเกิดการคลั่งตามข้อจะปวด คร่าว ๆ วิธีป้องกันคือ งดกินอาหารพวกพิวรีน สูงเช่นพวก เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะไก่ เครื่องในไก่ น้ำซุปต่าง ๆ ผักยอดต่าง ๆ รวมทั้งแอลกอฮอร์ ที่ทำจากพวกเมล็ดข้าว เช่นเบียร์ และอื่น ๆ อีก ผมก็ปฎิบัติตัวตามคำแนะนำ จากเวปต่าง ๆ พร้อมทั้งทานอาหารที่ขับพวกกรดยูริคด้วย เช่นพวกผักต่าง ๆ ที่ทานได้ กินเนื้อสัตว์ลดลง โดยเฉพาะ ไก่ไม่กินเลย หันมากินปลาแทน ก็เลือกกินที่ไม่มีผลต่อการเกินโรคแหละครับ ตอนนี้อาการก็ดิขึ้น ไม่เกิดอาการโรคทั้งสอง จะมีบ้างก็เกิดจากเผลอไปกินอาหารที่มีผล หรือจำเป็นต้องทำงานพักผ่อนน้อย จะเห็นว่าการเกิดโรคทั้งสองมีผลมาจากสิ่งสองสิ่งคื่อการกิน และ การปฎิบัติตัวเราเองไม่ดี ไม่พักผ่อนให้พอ คิดมาก กินไม่ดี พอเราใส่ใจ ก็ทำให้อาการลดลง และมีผลในเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่นประหยัดเงินไป เพราะไม่ดื่มแอลกอฮอร์ ไม่เที่ยวจนดึกดื่น ทานแต่น้อยและระวังการทาน จากการเป็นสองโรคนี้ของผม มองในมุมกลับอาจเป็นลาภอันประเสริฐ ของผมก็ได้ เพราะเดิมผมมีประวัติเที่ยว และ กินแอลกอฮอร์เยอะเหมือนกัน
Create Date : 28 ธันวาคม 2553 | | |
Last Update : 28 ธันวาคม 2553 8:52:13 น. |
Counter : 431 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
คอนเสิร์ต(เล็ก ๆ )ของลูก
จากการที่ลูกหันมาเรียนดนตรี เรยทำให้มีโอกาสได้เข้าแสดงคอนเสิร์ต (เล็ก ๆ ) เพื่อเป็นการแสดงความสามารถที่เรียนมา ให้กับผู้ปกครองได้ชื่นชม และ ได้เห็นพัฒนาการ การที่จะดูแลเด็กคนหนึ่งให้เดินทางไปสู้ ทางฝันของแต่ละคนไม่ใช่เรื่องง่ายเรย
Create Date : 27 ธันวาคม 2553 | | |
Last Update : 27 ธันวาคม 2553 13:52:26 น. |
Counter : 560 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|