All Blog
[รีวิวครั้งแรก] Boku no ita jikan / The hours of my life / ชีวิตนี้เพื่อเธอ
Boku no ita jikan / The hours of my life / ชีวิตนี้เพื่อเธอ


เรื่องย่อ (เอง) :

ซาวาดะ ทาคุโตะ นศ. ปีสุดท้ายกำลังหางานอย่างแข็งขัน แล้ววันหนึ่งเขาก็ช่วยผญ. คนหนึ่งที่โทรศัพท์ดังระหว่างคนอื่นกำลังสัมภาษณ์ ทาคุโตะเลยแกล้งรับผิดต่อหน้ากรรมการว่าเป็นโทรศัพท์เขาเอง

ฮองโกะ เมกุมิ นศ. ปีสุดท้ายที่คร่ำเคร่งกับการหางานประจำเพราะต้องใช้ทุนคืน เธอแปลกใจมากที่ผช. คนนั้นช่วยรับสมอ้างว่าเป็นโทรศัพท์ของเขา แล้วก็แปลกใจขึ้นไปอีกเมื่อบังเอิญพบกันในมหาวิทยาลัย พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมคณะแต่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ทั้งสองคนไม่ได้งานนั้นทั้งคู่ แต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งมิตรภาพ

ทาคุโตะและเมกุมิฝังขวดที่ใส่ข้อความถึงตัวเองในอีก 3 ปีข้างหน้าไว้ที่หาดทราย

เมกุมิยังคงไม่ได้งานประจำ ส่วนทาคุโตะได้งานก่อนในบริษัทเฟอร์นิเจอร์ อาจจะดูเป็นงานกิ๊กก๊อกแต่เขาก็พยายามเต็มที่ แทนที่จะใช้เส้นสายทำงานในรพ. ของพ่อตัวเอง

แต่แล้ววันหนึ่งมือซ้ายของเขาก็เริ่มไม่มีแรง ทาคุโตะค้นหาอาการจากอินเตอร์เน็ตและไปพบหมอ

อนาคตสดใสกำลังเริ่มต้น ความรักกำลังเบ่งบาน แต่ร่างกายของเขากลับอ่อนแรงลง...ด้วยโรค ALS

เมาท์มอย สปอยล์ กะปริบกะปรอย :

จริงๆ ดูซีรีส์เรื่องนี้จบมาหลายวันแล้ว ไม่ได้ตั้งใจนนะรีวิวเลยสาบาน แต่มันติดในหัวจนแคะไม่ออก ก็เลยเป็นนิสัยที่จะต้องเขียนอะไรลงไปเวลาที่มีอะไรติดในหัวนี่แหละ แหะๆ

ถ้าคิดว่าเรื่องนี้จะดราม่าน้ำตาไหลพราก จริงๆ แค่หยดติ๋งๆ เองน้า 55 เรื่องนี้จะคล้ายเรื่องบันทึกน้ำตา 1 ลิตรก็ตรงที่ตัวเอกป่วยแค่นั้นเอ๊ง นอกนั้นไม่มีอะไรคล้ายกันเลยจ้า เราว่าเรื่องนี้จะมีเรื่องความรัก ความฝัน ครอบครัว เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมากๆ เหมือนมองฟ้าฉ่ำฝนแล้วเห็นสายรุ้ง ประมาณนั้น ><

อย่างเรื่องบ้านพระเอก จริงๆ ฐานะดีเลย มีทั้งบ้านแล้วก็อพาร์ตเมนต์ที่พระเอกอยู่กับน้องชาย พ่อพระเอกเป็นหมอ ส่วนแม่ก็จะเป็นคนคาดหวังกับลูก พอพระเอกไม่ได้เรียนหมอ แม่ก็ลดความสนใจไป กลายเป็นมาสนใจน้องแทน แม้แต่ตอนพระเอกป่วยแล้วแม่ก็ยังเอาแต่กังวลเรื่องเรียนของน้อง จนริคุจัง (น้องพระเอก) กลายเป็นเด็กเก็บกด จุดนี้พระเอกที่ป่วยก็พยายามแก้ปัญหาครอบครัวด้วย (แอบอิน T-T)

ฟากนางเอกก็อยู่กับแม่ 2 คน ถึงจะไม่รวยแต่ก็ดูมีความสุขนะ แม่นางเอกเป็นอาสาสมัครในศูนย์ดูแลคนพิการ พอนางเอกตามไปด้วยก็รู้สึกชอบ เธอเลยมาเป็นอาสาสมัครบ้างจนได้งานประจำที่นี่ในที่สุด นางเอกเป็นคนจิตใจดีมากๆ เลย ชอบๆ

ที่ชอบอีกอย่างในเรื่องคือความพยายามของพระเอก ถึงแม้จะมีบางฉากที่พระเอกแสดงความอ่อนแอออกมา แต่ฉากต่อไปก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยละความพยายามเลย ไม่ดราม่า จับจด ฟูมฟาย ในเรื่องนี้พระเอกยิ้มมากกว่าร้องไห้ซะอีก รอยยิ้มพระเอกติดตามาก รู้เลยว่ามันเป็นยิ้มสู้อ่ะ

รวมถึงเรื่องงาน ต้องบอกว่าที่ทำงานพระเอกดีมากๆ (ถึงแม้ตอนแรกเพื่อนร่วมงานบางคนจะไม่ชอบพระเอก) พอพระเอกไม่สามารถเดินจัดสินค้าได้แล้ว ผจก. ก็ให้พระเอกมาทำงานนั่งโต๊ะแทน แล้วตอนที่พระเอกลาออกเพราะร่างกายทรุดลงก็ยังให้โอกาสด้วยการให้พระเอกทำงานที่บ้านได้ บอกแล้วว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่ดูแล้วมองเห็นรุ้งงามเลยล่ะ น่าจะช่วยให้คนในสังคมมีน้ำใจต่อกันได้ดีเลย

นอกจากนี้ก็มีเรื่องความรักของพระเอกนางเอก เป็นความรักที่ดีมากๆ (แต่เราไม่เน้น 55) ดูแล้วรู้สึกเลยว่าพระเอกต้องเป็นแรงบันดาลใจของตัวละครทั้งหลายในเรื่อง ก็เพราะความเป็นตัวพระเอกนี่ล่ะ แถมตอนจบของเรื่องยังเป็นอะไรที่... มีคอมเมนต์นึงในยูทูปเขียนว่า amazing ending อื้ม! ใช่เลยยย ต้องไปหาดูให้ได้น้าาา เรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจให้จนถึงตอนจบจริงๆ

Special thanks :

ขอบคุณพี่ป๊อปที่ส่งเรื่องนี้มาให้ค่า





Create Date : 13 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2557 16:26:32 น.
Counter : 3738 Pageviews.

2 comment
โฮมรูม : ความสุขง่ายๆ บนโรคหายาก

อยู่ดีๆ ก็คิดเล่นๆ ขึ้นมาว่าเดือนตุลาคมนี่คงสมพงษ์กับดวงเราเป็นแน่ หลายเหตุการณ์สำคัญในชีวิตเกิดขึ้นในเดือนนี้ ตั้งแต่เมื่อ 17 ปีที่แล้วก็เป็นเดือนที่ฉันผ่าหลัง จากนั้นก็เดินไม่ได้อีกเลย แต่เดือนต.ค. ปีนี้พิเศษคูณ 2 มี 2 เหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองในชีวิต แต่ก็เกิดขึ้นจริงๆ

หลังจากวันที่ 16 ต.ค. ได้มีงานเปิดตัวหนังสือครั้งแรกในชีวิต เมื่อวันพุธที่ 22 ที่ผ่านมาก็ได้ออกทีวีครั้งแรกด้วยยย (และคงครั้งเดียว 55) ตื่นเต้นมากอ่ะ ยิ่งเป็นคนที่สกิลการเข้าสังคมต่ำ ก็ตื่นเต้นถึงขั้นตื่นตระหนก แต่ว่าเพราะเป็นการเจอทีมงานรายการ (พี่ผึ้งกับน้องเบส) ครั้งที่ 4 หลังจากที่ทั้งสองคนมาคุยกับแพรวที่บ้าน มาถ่ายสกู๊ปที่บ้าน และอีกครั้งที่งานหนังสือ ก็เลยโอเคขึ้นบ้าง

ตอนไปกลับมีรถของทางสถานีมารับส่งด้วย แถมสถานที่ก็สวยและร่มรื่นมาก (ผมนี่...อึ้งไปเลย 55) ตอนแรกก็ไปรอในห้องรอ ชักตื่นอีกนิดๆ เพราะไม่เคยเจอพิธีกรมาก่อนเลย แถมเป็นรายการสดก็กลัวจะทำเขาเดดแอร์ทำรายการเขาเสียหายอะไรหรือเปล่า เริ่มนอยด์ทิงนองนอย ณ จุดนั้น อ้อ แล้วก็ต้องแต่งหน้าด้วย!!! เป็นการแต่งหน้าอย่างเป็นทางการครั้งแรก 55 ปกติแค่ใช้บีบีเองนิ เคยคิดมาตลอดว่าคงได้แต่งหน้าจริงจังโดยช่างผู้เชี่ยวชาญจากวัด ก็เป็นอันว่าไม่ใช่แล้ว อิอิ

ฉันไปถึงประมาณบ่ายสาม รออยู่ 2 ช.ม. กว่ารายการจะเริ่ม แต่กลับรู้สึกไวมากเลย สักพักพี่ผึ้งก็มาบรีฟให้ฟังคร่าวๆ ในใจอยากให้พี่ผึ้งเป็นพิธีกรมากเลยเพราะเริ่มจะคุ้นเคยกับพี่เขาแล้ว แล้วก่อนเริ่มรายการพักนึง พิธีกรผู้ชายก็มาคุยด้วย แอร๊ยยย เจอดาราครั้งแรกในชีวิตเลย เหมือนเห็นเขามาตั้งแต่เด็กแต่ก็เหมือนเดิมกับที่เห็นในโทรทัศน์เลย

พอใกล้ 5 โมงก็เคลื่อนย้ายไปในห้องส่ง ข้างในใหญ่มาก แต่มืดๆ มีไฟส่องไปที่เวที มีกล้องมีจอหลายตัวเลย ระหว่างรอถ่ายทอดก็ดูพิธีกรซ้อมคิวกัน พิธีกรผู้หญิงสวยมากเลยยย เสียงก็เพราะด้วย เอาจริงพอใกล้เวลากลับตื่นเต้นน้อยลงแล้ว เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็จบน่ะ จะพยายามพูดจาให้รู้เรื่องที่สุด จนถึงเวลาถ่ายจริงที่คิดว่ายากว่าทำไม่ได้แหงๆ ก็กลับไม่ยากอย่างที่คิด เพราะพิธีกรพูดได้เป็นกันเองมากเลย แพรวก็เลยหายตื่นตระหนกไป

เซอร์ไพรส์วันนั้นคือเจ้าป้า (วรรณวรรธน์) นักเขียนที่ชอบมาออกรายการด้วย กรี๊ดดด! ไม่รู้มาก่อนเลยอ่ะ จำได้ว่าเบส น้องนศ.ฝึกงานเคยอยากให้ฉันติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์เจ้าป้า สารภาพว่าฉันอู้เองแหละ ไม่อยากรบกวนใครอ่ะ คิดว่าเราก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นอ่ะนะ แต่ทางรายการก็ติดต่อเจ้าป้าจนได้ เซอร์ไพรส์มากจริงๆ ทั้งที่ปกติฉันเป็นคนทำเซอร์ไพรส์พังทุกงาน ก็มีครั้งนี้ที่ไม่คาดคิดเลย ดีใจจนสมองขาวโพลนไปหมดอ่า ><

หลังจบรายการวันนั้นก็ได้ถ่ายรูปกัน มีฉัน แม่ เจ้าป้า พี่ผึ้ง แล้วก็เบส เป็นทุกคนที่แพรวรักมากเลย มาดูรูปอีกครั้งก็ไม่อยากให้วันนั้นผ่านไปเลย ฉันเป็นคนเริ่มทักทายคนยาก แต่ถ้าใครเข้ามาพูดคุย มาเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำแล้วกลับยากยิ่งกว่าที่จะปล่อยพวกเขาออกจากชีวิตไป และสำหรับสาวช่างจิ้นอย่างฉันก็อดไม่ได้ที่จะปลื้มพี่โปรดิวเซอร์อ่ะนะ แม้จะพบกันหลังรายการแค่แป๊บเดียวก็ตาม 5555 

คืนนั้นกลับถึงบ้านประมาณทุ่มครึ่ง ไม่รู้คนที่ดูรายการจะได้อะไรไหม แต่แพรวได้ประสบการณ์ ความรัก และน้ำใจกลับมาเต็มหัวใจ มันยังคงพองโตจนถึงวันนี้ มั่นใจว่าความทรงจำจะติดตัวแพรวไปตลอดทั้งชีวิตอย่างแน่นอน <3





Create Date : 25 ตุลาคม 2557
Last Update : 25 ตุลาคม 2557 16:30:14 น.
Counter : 1149 Pageviews.

0 comment
งานใหญ่ๆ กับกำลังใจล้นๆ


ถ้าวันสำคัญของคนอื่นคือวันรับปริญญาหรือวันแต่งงาน เมื่อวานก็เป็นวันสำคัญในชีวิตฉันเหมือนกัน

เมื่อวาน (16 ต.ค. 57) เป็นงานเปิดตัวหนังสือครั้งแรกในชีวิตเลย ตอนที่พี่บก. ถามมาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนว่าสนใจไหม ในใจรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ เราถามพี่เขาว่าทางสนพ. ต้องเสียค่าใช้จ่ายใช่ไหม เพราะกลัวเขาจะได้ไม่คุ้มเสีย แต่พอพี่บก. บอกว่าก็สักครั้งหนึ่งในชีวิตเรา ใจตอนนั้นไปอยู่ที่งานทันทีเลย พี่เขาช่วยเลือกวันเวลาที่เราไปกลับได้สะดวก 4 โมงเย็นวันธรรมดาอาจมีคนมาเดินงานไม่เยอะนัก คนสนใจก็อาจน้อยตาม แต่พี่เขาก็ตกลงเลือกวันนั้นเพื่อเราจะได้เดินทางไปกลับสะดวก

พอถึงวันจริงก็ตื่นเต้นตามระเบียบ 55 อีกความรู้สึกคืออุ่นใจมากๆ เมื่อรู้ว่าจะมีใครไปให้กำลังใจบ้าง ไม่ว่าจะออน เพื่อนสนิทมากๆ สมัยเรียนที่ไม่ได้เจอกันเกือบ 10 ปี แถมแม่และน้องออนก็อยู่เป็นเพื่อนจนถึงจบงานเลยด้วย 

พี่ตั้ว พี่ซุ๋ย พี่จิ๋ว พี่โม มิตรภาพจากกลุ่มนิยายเจ้าป้าที่มีให้เราเสมอมา พี่ตั้วพี่ซุ๋ยช่วยถักเปียให้ด้วย ชอบเวลาพี่ๆ มากอด และพี่จิ๋วที่อุตส่าห์ลางานมาพร้อมดอกไม้ช่อแรกในชีวิตของฉัน ฟินมากเลย

มีโบว์ เพื่อนสมัยเรียนอีกคนที่มาอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ช่วยซื้อน้ำให้ ช่วยดูแลเรา แถมยังเดินซื้อหนังสือต่อด้วยกัน รวมทั้งจั้น เพื่อนของโบว์ด้วย

ได้เจอคนอ่านที่น่ารัก อย่างพี่อ้อมที่คาดไม่ถึงเลยว่าจะมา พอมีคนมาขอลายเซ็นในฐานะนักเขียนนี้รู้สึกดีมากเลย 55 พี่ตุ๊ก คนอ่านจากเว็บห้องสมุดก็เอาหนังสือนิยายภาษาอังกฤษมาให้จากอังกฤษเลย และที่อึ้งสุดๆ คือเด็กผู้หญิงตัวเล็ก 2 คน น้องอยู่แค่ม. 3 เอง คนหนึ่งบอกว่าอ่านเรื่องของเราจากพันทิป มาเพื่อซื้อหนังสือและขอลายเซ็นเรา >< มองอนาคตของชาติด้วยหัวใจพองโตมาก น้องอยู่แค่ม. 3 แต่สนใจอ่านเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ตอนเราอยู่ม. 3 อ่านอะไร 5555

อีก 2 คนที่เป็นกำลังใจสำคัญคือสาวฮ็อตกับสาวแบ๊ว น้องแอดมินที่ดูแลเพจโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงด้วยกัน น้องๆ เป็นกำลังใจที่ดีมาก เวลาอยู่บนเวทีจะคอยมองน้องบ่อยๆ ไม่รู้ทำไม :-)

ขอบคุณแม่ ป้า คุณหมอ พี่บก. พี่ดา ทุกคนต่างเป็นคนสำคัญในด้านต่างๆ ของชีวิต ทำให้ฉันได้มีโอกาสพิเศษครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ <3

จริงๆ ตอนขึ้นแท็กซี่ไปก็มีอุปสรรคนิดหน่อยด้วย ยางรถเข็นดันระเบิดกลางทางซะงั้น โชคดีที่ศูนย์สิริกิต์มีรถเข็นให้ยืม แล้วก็มีลิฟต์ตามจุดต่างๆ เพิ่มขึ้น และพอไปเจอทุกคนก็เลยหายนอยด์ไปหมดเลย ยิ้มจนปากเบี้ยวเลย

ตอนพูดบนเวทีเราอาจทำได้ไม่ดีนัก เป็นอย่างเดียวที่ผิดหวังนิดหน่อย เกรงใจคนที่มานั่งฟัง ถึงจะไม่ได้ล้นหลาม แต่ก็อบอุ่นใจมากเวลามองลงไปเห็นทุกคน อยากจะขอบคุณทุกๆ คน แต่บางคนก็มาเพื่อฟังอย่างเดียวจริงๆ ซึ่งแพรวซาบซึ้งใจมากที่สละเวลานะคะ

บันทึกเหตุการณ์พิเศษในวันนี้ก็คงจบลงเท่านี้ รู้สึกว่าได้เติมเต็มปสก. ดีๆ ให้ชีวิตได้คุ้มค่า ถึงแม้ต้องใช้ความกล้าออกจากสภาพที่คุ้นเคย ถึงจะเหนื่อยจนต้องกลับมากินยา แต่ทำในสิ่งที่ยังพอทำได้ตอนนี้ก็ดีกว่าเรามาเสียดายในอนาคตเนอะ





Create Date : 17 ตุลาคม 2557
Last Update : 17 ตุลาคม 2557 15:51:05 น.
Counter : 748 Pageviews.

2 comment
คำว่า 'ไฮ่' เป็นภาษาญี่ปุ่น เอ้ย! คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด



วันนี้เป็นอีกวันได้ทำตามฝันอย่างหนึ่ง หลังจากเป็นคนไข้ของรามาฯ มานาน ฉันก็อยากทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ตอบแทนได้บ้าง 

ฉันเขียนหนังสือ 'SMA ไม่มีคำว่าเสียใจ แม้ในหยดน้ำตา' ด้วยเรื่องราวการใช้ชีวิตของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างฉันเอง และเมื่อได้ตีพิมพ์ก็ได้ปรึกษากับพี่บก. เรื่องการนำรายได้ส่วนหนึ่งไปทำบุญตามความตั้งใจแต่แรกของฉัน โชคดีที่ฉันได้ร่วมงานกับพี่ๆ ที่ใจดี พวกเขาสนับสนุนความตั้งใจของฉันทุกทาง

หลังจากหนังสือวางแผง วันนี้พวกเราก็ได้นำหนังสือไปให้มูลนิธิรามาฯ ด้วยกัน เพื่อนำไปจำหน่ายหารายได้เข้ามูลนิธิ อาจไม่มากมายอะไร แต่ก็ดีใจที่เขารับด้วย แถมมีคุณหมอที่รักษาฉันมาเป็นตัวแทนรับมอบ รู้สึกดีมากๆ เลย

หมอแซวต่อหน้าธารกำนัลด้วยว่าแต่งหน้ามาใช่ไหม กร๊ากกก อายแทบมุดแผ่นดินหนี แค่โบ๊ะ BB เองอ่ะ แต่หมอคงชินกับหน้าตากระดำกระด่างของฉัน 5555 พอเถอะ เดี๋ยวบันทึกนี้จะกลายเป็นรีวิวครีมซะงั้น หุๆ

ขอบคุณทุกคนที่ทำให้มีวันนี้และมาในวันนี้ ขอบคุณตัวเองด้วยที่ยังมีชีวิตอยู่นะ ถ้ายังมีชีวิตก็อยากจะทำอะไรดีๆ ต่อไป <3





Create Date : 17 กันยายน 2557
Last Update : 17 กันยายน 2557 16:10:11 น.
Counter : 1207 Pageviews.

2 comment
Huahin, I sea you <3

  16-17 พ.ค. 57 ออกต่างจังหวัดอีกครั้งในรอบหลายปีตามคำชวนของป้า จริงๆ ฉันก็อยากไปเที่ยว แต่ด้วยความเป็นคนขี้วิตกก็จะกลัวนั่นนี่ที่เกี่ยวเนื่องเพราะสุขภาพตัวเอง แต่พอคิดว่าจะได้ค้างคืนซึ่งคงไม่เหนื่อยเท่าเช้าไปเย็นกลับ ฉันก็เลยตั้งใจไปเต็มที่เลย

เป้าหมายอยู่ที่หัวหิน ฉันตื่นตั้งแต่ 8 โมง เราออกจากบ้าน 9 โมง ระหว่างทางน้องชวนแวะดูแกะที่ Swiss sheep farm ก็แวะเดินเล่นถ่ายรูปกัน สำหรับสุขภาพตอนนี้ฉันเคยออกจากเครื่องช่วยหายใจได้นานสุด 7 ชม. ฉันก็เริ่มนับถอยหลังเวลาของตัวเองในใจ

น่าแปลกที่แดดร้อน ไม่มีพัดลมจ่ออย่างเคยแต่ฉันกลับไม่เหนื่อยเลย เที่ยวเพลินซะมากกว่า เราแวะกินข้าวเที่ยงกัน ปกติฉันนั่งกินได้น้อยก็กลับกินได้เยอะกว่าเดิม งงตัวเองมากกก 55

เราถึงที่พักบ่ายสามกว่า ฉันเป็นคนหาที่พักเองตามความต้องการของป้าคือสามารถปิ้งย่างได้ แล้วก็ดีที่บ้านนอนหมู่ 3 มีห้องนอนชั้นล่างซึ่งสะดวกกับฉันและแม่ที่ไม่ต้องอุ้มพอดี ฉันจึงได้นอนพักใส่เครื่องช่วยหายใจเอาตอนนั้น เท่ากับว่าทริปนี้ทำให้ฉันได้ทำลายสถิติของตัวเองเล็กน้อยไปราวครึ่งชม. ขอบคุณน้องปอด ณ จุดนี้ที่ไม่เกเรน้าาา

พักพอหายเหนื่อย เกือบ 5 โมงเย็นก็ออกไปชายทะเลกัน น้ำขึ้นจนไม่เห็นหาดทรายเลย รถเข็นฉันลงลำบากหน่อยเพราะติดโขดหิน ต้องช่วยกันยกไปวางบนหาดที่น้ำขึ้นมาถึงนิดหน่อย เท้าของฉันได้สัมผัสทรายตอนนั้น มันนุ่มมากกก และคลื่นที่ซัดมาก็เหมือนทักทาย โอบกอดไว้อย่างนุ่มนวล อ่อนโยนที่สุด ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนจะเดินได้เลยล่ะ ความรู้สึกว่าจะเดินได้นี้ฉันลืมมันไปแล้วนานเหลือเกิน

ที่เขาบอกว่าการท่องเที่ยวคือกำไรชีวิตเห็นจะจริง ปกติฉันไม่เคยอินหรือกระตือรือร้นไปไหนไกล แต่ทริปนี้ช่วยให้เปลี่ยนความคิดซะแล้ว ได้อยู่กับธรรมชาติ บรรยากาศใหม่ๆ กับทุกคนที่รัก ก็คุ้มกับความเหนื่อยและเมื่อยล่ะนะ 55




Create Date : 20 พฤษภาคม 2557
Last Update : 20 พฤษภาคม 2557 16:22:09 น.
Counter : 1059 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  

thezircon
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



New Comments