Bloggang.com : Thewinner - จะไปดอยเสมอดาว

ความแรงของกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราดกลางผืนป่า อ. บ่อเกลือ จ. น่าน พึ่งถูกเปิดเผย และเป็นที่รู้จักกันนหมู่นักท่องเที่ยวผจญภัยที่ชื่นชอบความท้าทายมาเมื่อไม่นานมานี้ สายน้ำที่ไหลมาจกาทางทิศเหนือ ลงสู่ทิศใต้แรงคดคี้ยวผ่านความต่างระดับของภูมิประเทศ ก่อเกิดเป็แก่งสูงต่ำ และมีระยะยาวไกลเกือบ 80 กิโลเมตร มีแก่งน้อยใหญ่กว่า 100 แก่ง ระดับความยาวเริ่มจาก 1-5 ตามมาตรฐานสากล สองข้างทาง มีความงามของธรรมชาติที่ซ่อนเร้นอยู่ท่ามกลางความสลับซับซ้อนของหุบเขาที่โอบล้อมลำน้ำว้า ระยะเวลาในการล่องเรือยางประมาณ 3 วัน 2 คืน หรือ 2 วัน 1 คืน (สำหรับท่านที่มีเวลาจำกัด)ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ เดือนตุลาคม – เดือนธันวาคม
ณ ที่แห่งน้จึงเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวความสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ ที่รู้จักกันในนาม สายน้ำว้าตอนกลาง แก่งโหดที่สุดของเมืองไทย อีกแห่งหนึ่ง

ล่องแก่งน้ำว้าตอนกลาง 2 วัน 1 คืน (สำหรับท่านที่มีเวลาจำกัด)
วันแรก
08.00 น. จาก อ. เมืองน่าน มุ่งหน้าสู่บ้านสบมาง อ. บ่อเกลือ
11.00 น. ถึงจุดเริ่มต้นล่องแก่งน้ำว้าตอนกลางที่บ้านสบมาง รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับการกล่องแก่ง การเชื่อฟังนายท้ายคือข้อปฏิบัติที่สำคัญอันจะพาทุกคนไปสู่จุดหมายอย่างปลอดภัย

11.30 น. เริ่มล่องแก่ง ธรรมชาติป่าเขาสองฟากฝั่งยังคงอุดมสมบูรณ์เขียวขจี สายน้ำใส ๆ เย็นยะเยือกช่วยให้ลืมความร้อน บางช่วงก็จะเห็นวิถีการดำรงชีวิตของชาวบ้านตามริมฝั่งน้ำว้า หากุ้ง หาปลา เก็บผักริมน้ำ ความต่างระดับของสายน้ำดูเหมือนน้ำตกขนาดย่อม นั่นคือความสนุกเร้าใจ ยั่วยวนให้เราฟันฝ่า เมื่อยามกระแสน้ำสงบ จะได้ยินเสียงนกร้องทักทาย ราวกับจะเชิญชวนให้เราได้หยุดพักผ่อนบ้าง แต่เรือยังคงพาเราทุกคนล่องลอยไปกับกระแสน้ำต่อไปอีกยาวไกล แก่งที่จะผ่านในวันนี้มีแก่งโก้ แก่งผาคับ แก่งเสือเต้นห้วยลอย แก่งไฮจ้ำ แก่งห้วยสบปิง แก่งสบห้วยปิง แก่งหลวง แก่งส้าน แก่งห้วยเดื่อ แก่งผีป่า ซึ่งแก่งกังกล่าวเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำโฆษณาเป็บซี่ที่คงจะผ่านสายตาท่าน ๆ ทางโทรทัศน์มาแล้ว
12.00 น. อิ่มอร่อยกับมือเที่ยงแบบปิคนิคริมฝั่งน้ำว้า พักผ่อนคลายความเมื่อยล้าสักครู่ ระหว่างพักก็อาจจะเก็บผักสด ๆ อย่างผักกูด เอาไปทำผักกูดผัดน้ำมันหอย เย็นนี้ก็คงอร่อยไม่แพ้ผักบุ้งไปแดง
13.00 น. ล่องแก่งต่อไป การทำระยะทางให้ได้มากที่สุดจึงเป็นเรื่องที่พึงกระทำ นั่นหมายถึง วันนี้เราต้องผ่านแก่งหลายสิบแก่ง จนกว่าจะถึงแคมป์ที่พักจนถึงบริเวณกลางเต้นท์พักแรม การดำรงชีพในป่านี้อาจเรียกได้ว่าสบายนิด ๆ ลำบากหน่อย ๆ ไม่ถือว่าเป็นความลำบากมากนักอาหารถูกปรุงโดยพ่อครัวที่เป็นทีมงาน ซึ่งเป็นทั้งพี่เลี้ยง นายท้ายเรือ และพ่อครัวฝีมือเยี่ยมเรียกว่าทำหน้าที่ได้คุ้มสุด ๆ เป็นอาหารมื้อแรกของทริปนี้ที่อร่อย ๆ กว่ามื้อไหน ๆ ที่เคยลิ้มลอง ท่ามกลางแสงตะเกียงดวงน้อย มีเสียงคุยกันถึงความสนุกสนานกับเหตุการณ์ที่พึงผ่านพ้นไปก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน มีเสียงน้ำไหลกึกก้องอยู่เบื้องล่าง แคมป์ที่พักตั้งอยู่บริเวณที่มีลำเลที่สวย บนท้องฟ้ามีดวงดาวน้อยใหญ่สุกสว่างส่องแสงประกายระยิบระยับพร่างพราวเชิญชวนให้แหงนมอง คุณ ๆ คงอยากให้คืนนี้เป็นคืนที่ยาวนานกว่าทุก ๆ คืน เสียงสายน้ำไหลเป็นเสียงดนตรี มีจิ้งรีดเรไรยามราตรีขับกล่อมเพลงไพเราะเพลิดเพลิน ความชุ่มชื่นของผืนป่า และภาพของความสนุกสนานเร้าใจที่ผ่านมาทำให้คุณ ๆ เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว พร้อมที่จะตื่นมาในเช้าตรู่ที่สดใส

วันที่สอง
07.00 น. เสียงไก่ป่าเจื้อยแจ้วมากระทบโสตประสาทแต่เช้าตรู่ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วฟังแล้วไพเราะจับใจรับเครื่องดื่มอุ่นๆ สักถ้วย บิดซ้ายบิดขวานิดหน่อยเพื่ออบอุ่นร่างกาย เตรียมความพร้อมกับแก่งที่จะพบหลังจากทานมื้อเช้า โดยมีจุดหมายปลายทางที่จะขึ้นจากเรือที่บริเวณแก่งวังลุน อ. แม่จริม โดยวันนี้จะผ่านแก่งเป็นจำนวนมาก ซึ่งวันที่สองนี้จะเป็นช่วงรวมความสนุกสนานของแก่งน้ำว้าตอนกลางทั้งหมดชนิดแก่งติดแก่ง ระหว่างทางแวะชมน้ำตกอีก 2-3 แห่ง
15.00 น.ถึงจุดขึ้นจากเรือที่แก่งวังลุน บ้านหนองแดง นั่งรถไถไป อ. แม่จริม จากนั้นมุ่งหน้าล่องใต้ไป อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ. นาน้อย ชมผาชู้ ดูทะเลหมอกศรีน่าน เก็บของเข้าที่พัก ชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ผาหัวสิงห์ คืนที่สองของการเที่ยวเมืองน่านขอให้นอนหลับฝันดีค่ะ

วันที่สาม ของการเที่ยวเมืองส้มสีทอง ตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อชมทะเลหมอกอันสวยงามของผาชู้ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด จิบเครื่องดื่มร้อน ๆ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายที่สัมผัสกับลมหนาว จากจุดนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบ ทิวทัศน์สวยงาม มองเห็นแม่น้ำน่าน ยาวคดเคี้ยวหลายสิบกิโลเมตร ชมวิวที่ผาหัวสิงห์ ดอยเสมอดาว อิ่มอร่อยกับอาหารมื้อเช้าท่ามกลางขุนเขาพงไพรแล้วไปชม แก่งหลวง เป็นแก่งในแม่น้ำน่านซึ่งไหลผ่านอำเภอนาน้อย เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ ขวางกั้นแม่น้ำน่าน ที่มีลักษณะเป็นแก่งคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงทั้งสองด้าน กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากใน เสียงดังกึกก้องในฤดูน้ำหลาก โขดหินขนาดใหญ่โผล่พ้นน้ำริมฝั่งจะมีหาดทรายสีขาวยาวตลอดริมน้ำในช่วงหน้าแล้ง กลับขึ้นเหนือแวะชมเสาดินฮ้อมจ้อมมีลักษณะเป็นเนินดิน ซึ่งถูกกัดเซาะ จนสึกกร่อนเป็นรูปร่างต่าง ๆ แปลกตา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นอย่างหนึ่งคอกเสือ มีลักษณะคล้ายเสาดิน สูงถึง 20-30 ม.อยู่ห่างจากเสาดินประมาณ 1 กม. มุ่งหน้าสู่ตัวเมือง
ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองน่านที่ วัดพระธาตุเขาน้อย นมัสการพระธาตุเก่าแก่ ชมเมืองน่านจากมุมสูง หน้าวัดเป็นทางขึ้นบันไดนาค 303 ขั้น เป็นจุดเดียวที่สามารถมองเห็นเมืองน่านมุมสูง จะเห็นขุนเขาน้อยใหญ่ตั้งทะมึนโอบล้อมเมืองน่านเป็นฉากหลัง จุดนี้ยังแสดงให้เราเห็นชัดถึงลักษณะการตั้งเมืองของทางภาคเหนือที่มักเลือกทำเลที่ตั้งบนที่ราบลุ่มและหุบเขาด้วย จากนั้นย้อนกลับมาที่วัดพญาวัด ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1538 ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม ซ้อนกัน 4 ชั้น มีชั้นบัวหงายคั่น ฐานบัวแก้วย่อเก็จ ถัดขึ้นไปเป็นชั้นสี่เหลี่ยมเรียงซ้อนลดหลั่นกัน 5 ชั้น ทานมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้วกลับเข้ามาใจกลางเมืองน่านอีกครั้ง เที่ยวชมสี่แยกวัฒนธรรมเมืองน่าน โดยเริ่มต้นที่วัดภูมินทร์วิหารจตุรทิศ จิตรกรรมทรงคุณค่า ไหว้พระสี่ด้านชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ตั้งอยู่ในบริเวณคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน ที่เรียกว่า "หอคำ" ชั้นล่างจัดแสดงชาติพันธุ์วิทยาเกี่ยวกับล้านนาส่วนบริเวณห้องจัดแสดงชั้นบนเป็นการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน ห้องเก็บ งาช้างดำ ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุคู่เมืองน่านตามประวัติกล่าวว่า วัดช้างค้ำวรวิหาร นมัสการเจดีย์ช้างล้อมทรงสุโขทัย อิ่มใจไหว้พระทองคำปางลีลา อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน วัดมิ่งเมือง ไหว้ศาลหลักเมือง ชมวิหารศิลปะลวดลายปูนปั้นวิจิตรบรรจง ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของวิหารหลังเดิม คงเป็นช่างฝีมือแบบสถาปัตยกรรมล้านนา จากนั้นเดินทางไป วัดพระธาตุแช่แห้ง มาเมืองน่านไม่ได้มานมัสการถือว่ามาไม่ถึงเมืองน่าน ปูชนียสถานที่สำคัญของเมืองน่าน มีอายุกว่า 600 ปี ซื้อของฝากของที่ระลึกจากเมืองน่านแล้วเตรียมตัวเดินทางกลับโดยความสวัสดิภาพ
ค่าบริการ(เฉพาะค่าล่องแก่ง) ท่านละ 3,500 บาท จำนวน 6 ท่าน ขึ้นไป
www.nanpangchang.com