ศิลปะ กรีกและโรมัน

การเปลี่ยนแปลงของยุคโกธิค GOTHIC

การเปลี่ยนแปลงนี้ได้รวมกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอื่น งานศิลปะกลายเป็นงานที่เคลื่อนย้ายได้ มันมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นวัตถุที่ครอบครองโดยส่วนบุคคล และนับแต่นั้นมาก็ดูเหมือนเป็นวันแห่งชัยชนะสำหรับงานศิลปะส่วนบุคคล นี่จะเป็นการแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงบทบาททางสังคม การเคลื่อนไหวอย่างมีอิสระในสังคมสำหรับคนรุ่นต่อๆ มา ที่หลุดพ้นจากข้อจำกัด


รวมทั้งทำให้เกิดความมั่นคงและความสุขส่วนบุคคลมากขึ้น ตอนนี้ดูเหมือนประชาชนผู้คนจะพึงพอใจในลักษณะความเป็นส่วนบุคคลและทางสังคมมากขึ้น ในช่วงระหว่างการพัฒนาบทบาทของพระที่มีการถูกแต่งตั้งสถาปนาและสอดแทรกความเลื่มใสศรัทธา ความจงรักภักดีในแง่ที่ทันสมัย​​ที่สุดที่ได้ก้าวหน้าไปอย่างมากจากสถานที่สาธารณะ ความกระตือรือร้นในความต้องการของเขาที่จะนำพาคริสเตียนถอยห่างออกจากความวุ่นวายทางโลกนำไปสู่ความสันโดษเพื่อนำไปสู่ความสมบูรณ์แบบอย่างพระเยซูคริสต์ ดูเหมือนว่างานประติมากรรมจะได้ตอบสนองแนวโน้มนี้ ที่นำมาสู่ภาคส่วนภายในประเทศ แต่อาจจะไม่ครอบคลุมลักษณะบุคคล แต่อย่างน้อยงานประติมากรรมก็ได้เข้าไปอยู่ในครัวเรือน สายสัมพันธ์ครอบครัว จากนั้นมางานประติมากรรมส่วนใหญ่ก็จะถูกใช้ในงานตกแต่งวิหารและหลุมศพ
ทุกคนนั้นมีหน้าที่ในการสวดมนต์ นั่นจึงมีการสร้างแท่นบูชาส่วนบุคคลที่ถูกจัดวางในห้องสวดมนต์ ตามมาด้วยการจัดให้มีชั่วโมงสำหรับสวดมนต์ทั้งในสถานที่ทำงานและบ้าน ถ้าเป็นไปได้เขาก็จะวางสักการะวัตถุรวมอยู่ในั้น แต่โดยทั้งหมดที่มีการติดตั้ง ก็จะมีภาพบางอย่างที่จะทำให้เขาเข้าถึงการจับต้องหัวใจและนำเขาเข้าใกล้ความศักสิทธิ์ ในช่วงแรกเริ่มนั้นวิหารจะถูกใช้แต่ในราชสำนักสำหรับมหาราชากษัตย์อันศักสิทธิ์ สำหรับ Charlemagne จะเป็นที่ Aachen สำหรับ St Louis จะเป็นที่พระราชวัง Parisian ของเขา สำหรับจักรพรรดิ Charles IV จะเป็นที่ Karlstein เป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานมาแล้วที่หัวหน้าครอบครัวนั้นจะต้องมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตามแบบอย่างของพระราชา และเป็นแบบอย่างที่มีอยู่เต็มไปหมด โดยในศตวรรษที่ 15 นั่นวิหารได้กลายมาเป็นแฟชั่นอย่างมาก มันได้ถูกสร้างขึ้นอย่างที่เห็นได้อย่างน้อยที่สุดก็ในที่แหล่งพักของผู้ดี ที่จะอยู่ข้างกับคริสตจักรของเมือง ในหลายครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ของเมืองที่มักจะอุทิศตัวเองเพื่อสิ่งเหล่านี้ การก่อตั้งวิหารนั้นเป็นสัญลักษณ์ความสำเร็จทางสังคม ดังนั้นวิหารจึงเป็นสถานที่เห็นถึงความโอ้อวด ตามด้วยการประกาศที่ชัดเจนที่กำหนดโดยเจ้าของซึ่งมีอำนาจและความมั่นคั่งที่เห็นได้จากตกแต่งที่ฟุ่มเฟือยภายใน ดังที่เห็นได้จากการตกแต่งคณะนักร้องประสานเสียงและแท่นบูชาหลัก งานแกะสลักนั้นยังร่วมกับงานวาดเขียนและงานทำทองในการตกแต่งอีกด้วย
หนึ่งในหน้าที่ของวิหารนั่นก็คือสุสาน มันจะเป็นที่ฝังศพสำหรับคนในครอบครัว บรรพบุรุษ และเป็นการเก็บรักษาความทรงจำ
ในความปราถนาครั้งสุดท้ายจะเป็นที่พักผ่อนสำหรับจิตวิญญาณ ในศตวรรษที่ 15 นั้น จะเกิดภาพที่ชัดเจนสำหรับคนทำบาปในโลกหน้า หลุมฝังศพที่จะประกอบไปด้วยงานแกะสลัก การว่าจ้างศิลปินกับรูปแบบสมัยนิยมที่เป็นที่ระลึก จะเป็นสัญลักษณ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อมีผู้มาเยี่ยมเยือน รวมถึงแผ่นหินที่จะมีคำอธิฐานและหน้าที่ภารกิจในโลกมนุษย์ของพวกเขา
จากช่วงปลายศตวรรษที่ 12 จะเห็นถึงความเอิกเกริกในพิธีกรรมงานศพ ซึ่งในวันดังกล่าวผู้ตายจะถูกแห่ในขบวนที่จะแสดงถึงความหมายในชีวิตของเขาเป็นครั้งสุดท้ายในโลกมนุษย์การตกแต่งที่แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจ ที่คงสัมผัสได้ในมุมมองของบรรดาผู้ที่ไว้ทุกข์เขา มันเป็นแง่มุมที่สวยงามในที่แห่งนี้ ที่ๆต้องการแสดงตนของเขาในหมู่มนุษย์จะเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
โดยแกะสลักในไม้หรือหินในส่วนที่อยู่ด้านบนของหลุมฝังศพ เพื่อให้เกิดคุณลักษณะที่จะเก็บรักษาไว้โดยหน้ากากความตาย




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2554   
Last Update : 22 พฤษภาคม 2554 9:32:10 น.   
Counter : 672 Pageviews.  

ยุครุ่งเรืองและยุคหลังรุ่งเรืองของกอธิค

ยุครุ่งเรืองและยุคหลังรุ่งเรืองของกอธิค ศิลปะยุคกลางนั้นจบลงเมื่อใด? แล้วอะไรคือเกณฑ์ที่จะบ่งชี้ถึงจุดสิ้นสุดระยะเวลาของประวัติศาสตร์ของแต่ละยุค โดยดึงเอาสิ่งที่ยังไม่แน่ชัดในทุกกรณีด้วยหรือไม่ แต่ถ้าเป็นคำถามสำหรับงานศิลปะ เราจะเห็นได้ในรูปแบบที่เด่นชัด
 

ในรูปแบบที่เรียกว่ากอธิค แต่! กอธิคนั้นเคยมีอยู่ใน เกาะซีซิลี หรือเปล่า คำถามนี้จะชัดเจนในด้านภูมิศาสตร์มากกว่าการลำดับประวัติศาสตร์ จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าอิตาลีนั้นได้ออกจากยุคกลางไปตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 และได้เข้าไปอยู่ในช่วงอิทธิพลของ
เรเนซอง ตั้งแต่ยุคต้น ปี 1400 เป็นต้นมาผู้คนของราชสำนักฝรั่งเศสได้หลงไหลในความคิดที่มาจากอิตาลีต่อมาอย่างมากมาย
คนที่ออกแบบคริสจักรSaint-Eustache ในปารีสนั้น ยังคงรับอิทธิพลยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณกอธิคอยู่ด้วย ในการวิเคราะห์ที่ผ่านมาที่เรายังคงเห็นงานแกะสลักที่ยังคงรูปแบบยุคกลางโดยทั่งทั้งยุโรป ยกเว้นที่อิตาลี โดยตลอดศตวรรษที่ 15 นั้นในสายตา
ของเรานั้น จะถูกฉุดไว้อย่างแรกกับงานศิลปะภาพวาดเขียน แต่ก็ไม่ได้หมายความเด่นชัดว่าทุกคนในช่วงเวลานี้จะต้องทำเหมือนๆกัน พวกเขานั้นต้องการงานที่ดีที่สุดโดยทำงานร่วมกับช่างฝีมืออีกหลายๆคน ประติมากรและจิตรกรนั้นดูหเมือนว่า
จะมีความแน่นอนในการร่วมมือกันในการทำงาน และก็ไม่แปลกที่บ่อยครั้งจะเห็นประติมากรเป็นจิตรกรไปด้วย แต่การร่วมมือกันดูเหมือนจะจำเป็นอย่างยิ่งเมื่อต้องมาทำงานร่วมกันในงานแท่นบูชา ซึ่งจะดูเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ โดยในแท่นบูชาที่จะแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงภายในโบสถ์อันศักสิทธิ์ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ในระหว่างวันที่ยิ่งใหญ่งานฉลองของศาสนาคริสต์โดยมีวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนผู้คนและรักษาความเลื่อมใสศรัทธาของพวกเขา นอกจากนี้ในแท่นบูชา พวกเขายังเพิ่มสีสันและมิติเข้าไป เพื่อยกระดับผลงานของพวกเขา หากนับจากนี้ไปมันเป็นแหล่งที่มาของความสุขสำหรับหลาย ๆ คน รูปแกะสลักยังคงเป็นงานศิลปะที่ศักสิทธิ์ที่แสดงเห็นได้เด่นชัด มันเป็นทัศนคติทางศาสนาในรูปแบบใหม่ที่รู้สึกประทับใจ ในศตวรรษที่ 15
ชาวศริสเตียนได้ทำให้เกิดความสมบูรณ์แบบในลักษณะนิยม และในที่สุดได้กลายมาเป็นศาสนนิยม แต่การที่จะบรรลุเป้าหมายของพวกเขา Mendicant Friars ในการดำเนินการขององค์กรโดยมีพระธรรมเทศนาเพื่อให้การกล่าวคำปราศรัยของพวกเขาสอดคล้องกับแนวทางของความคิดและความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ ไม่เพียงแต่การเปิดเผยเรื่องราวในตอนเด็กของพระคริสต์ ความรัก และการคืนพระชนชีพของเขา แต่ยังรวมถึงนรก สวรรค์ และเรื่อวราวลึกลับอีกไม่รู้จบ สิ่งเหล่านี้ที่จะส่งผลให้เห็นถึงช่วงเวลาของการยกระดับ ในหลายๆจุดที่จะเห็นแรงดึงดูดที่แพร่กระจายในสังคมฆราวาส ดังนั้นศิลปะทางศาสนานั้นโดยรวมจะเป็นที่เคารพอย่างมากในความชื่นชอบ นี่้คือสิ่งที่น่าแปลกใจและการเคลื่อนย้ายของอารมณ์




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2554   
Last Update : 20 พฤษภาคม 2554 13:29:09 น.   
Counter : 612 Pageviews.  


mononco
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




free counters
[Add mononco's blog to your web]